The Chaser : รู้หน้าไม่รู้ใจ
-- The Chaser (2008) 125 min - Crime | Drama | Thriller ผู้กำักับ : Hong-jin Na ดารานำแสดง : Yun-seok Kim, Jung-woo Ha และ Yeong-hie Seo เกร็ด : วอร์เนอร์ บราเทอร์ ได้ซื้อลิขสิทธิ์รีเมคภาพยนตร์เรื่องนี้ ให้ ลีโอนาโด ดิคาปริโอ รับบทนำ,เขียนบทและกำกับโดย วิลเลียม โมนาฮาน (The Departed) -- ช่วงที่ผ่านมาฉันดูหนังดราม่าติดๆ กันหลายเรื่อง ครั้งนี้เลยอยากจะเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง ด้วยการดูหนังแนวที่ต่างออกไป และในสต๊อคที่มีอยู่ตอนนี้ส่วนใหญ่เป็นหนังฆาตกรรมเสียเป็นส่วนใหญ่ และฉันตัดสินใจหยิบหนังเรื่องนี้ขึ้นมา เพราะฉงนใจที่ IMDb ให้คะแนนถึง 7.9 ซึ่งถือว่าสูงมาก The Chaser เป็นเรื่องเกี่ยวกับการไล่ล่ากันระหว่างฆาตรกรโรคจิตหน้าตาท่าทางแสนจะเรียบร้อย ชื่อ ยังมิน กับอดีตตำรวจเก่าืัที่หันมาทำอาชีพจัดหาผู้หญิงบริการทางโทรศัพท์ชื่อ จุงโฮ เมื่อเขาได้พบว่าเด็กๆ ในเครือข่ายหายไปทีละคนๆ จึงหาตัวคนร้ายด้วยการใช้ความรู้ความสามารถในอาชีพเก่าสืบค้น โดยเืชื่อมโยงได้จากเบอร์โทรศัพท์ที่เคยโทรเข้ามาซื้อบริการเบอร์ล่าสุดก่อนที่สาวๆ เหล่านั้นจะหายตัวไป หนังเรื่องนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับหนังฆาตรกรรมโหดสยองขวัญเรื่องอื่นๆ ที่ชวนให้เราลุ้นระทึกไปกับการชิงไหวชิงพริบกันระหว่างพระเอกกับตัวร้าย และการลงมือทำร้ายเหยื่อด้วยวิธีทารุณของเจ้าผู้้ร้ายโรคจิต ที่แน่นอนว่าเลือดท่วมจอสะใจขาโหด แต่สิ่งหนึ่งที่แตกต่างในความรู้สึกของฉันคือ ฉันได้ข้อคิดอะไรจากหนังเรื่องนี้? สิ่งแรกเลยเป็นสิ่งที่ฉันสัมผัสได้ตั้งแต่หนังเปิดฉากๆ แรกขึ้นมา เป็นภาพผู้หญิงขับรถไปจอดริมถนน และมีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาัรับ ทั้งเดินสองหายไปด้วยกัน และเธอหายไปนานโดยที่ไม่มีใครรู้ จนกระทั่งพระเอกที่เป็นแมงดารู้สึกฉงนใจขึ้นมาในวันหนึ่งเมื่อผู้หญิงในเครือข่ายหายไปจนเกือบหมด เมื่อไปถามเพื่อนๆ ของเธอ น่าแปลกที่ไม่มีใครรู้ว่าเธอเหล่านั้นหายไปไหน !.. ฉันว่าหนังเรื่องนี้มีสิ่งหนึ่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้เรื่องราวของการฆาตรกรรมที่ชวนให้ลุ้นระทึก นั่นคือ ประเด็นเรื่องของการเอาใส่ใจกันของคนในสังคม จากฉากแรกก็เหมือนภาพที่เราเห็นจนคุ้นชินในชิวิตประจำวันของเรา ที่เพื่อนบ้านเรา เพื่อนร่วมคอนโด ที่เราแค่มองเห็นบ่อยๆ วันหนึ่งหายไป เราก็ไม่สนใจอะไร เพราะคิดว่าไม่เกี่ยวอะไรกับเรา.. แม้เรื่องของพฤติกรรมการใช้ชีวิตของตัวละครในเรื่องก็ทำให้ฉันมองเห็นภาพตัวเองได้ชัดเจนมากๆ ในเรื่องของการละเลยคนรอบข้าง ที่เห็นได้ชัดๆ คือ การคุยโทรศัพท์ เพราะบ่อยครั้งที่ฉันชิงวางหูไปดื้อๆ อย่างนั้นแหล่้ะกับคนคุ้นเคย เพียงเพราะรู้สึกว่าจบบทสนทนาของฉันแล้ว -_-'' โดยไม่แคร์ว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกอย่างไร พอได้เห็นภาพที่ตัวละครทำให้เห็นชัดๆ อย่างนี้ ก็รู้สึกว่าต้องรีบปรับปรุงตัวเองเสียแล้ว เรื่องการละเอียดอ่อน และเอาใจใส่ กับทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวล้วนเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าจะมองจากหนังเรื่องนี้ เพราะที่จริงปัญหาที่เกิดจากฆาตรกรโรคจิตคนนี้ก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไร เพราะเขาใช้บริการที่ี่นี่บ่อยๆ กับเบอร์โทรศัพท์เดิมๆ ถ้าเพียงแต่จุงโฮสนใจดูแลผู้หญิงในเครือข่ายของเขาให้ดี และสนใจการหายตัวไปของเด็กสาวคนแรกๆ ไม่ใช่ปล่อยให้เกิดขึ้นจนสาวๆหายไปเกือบหมดแล้วขนาดนี้ อีกสิ่งหนึ่งที่ฉันได้ข้อคิดจากหนังเรื่องคือ คนเรานั้น "รู้หน้าไม่รู้ใจ" ใช่ว่าจะสามารถตัดสินคนได้จากหน้าตาท่าทา่ง ว่าใครดี ใครเลว ดังเช่นตัวร้ายของเรื่องนี้ ไปทำงานที่ไหน ใครๆ ก็บอกว่าเป็นคนขยัน ซื่อ เรียบร้อย แต่ที่ไหนได้ แอบซุกซ่อนความมืดมนในจิตใจไว้ข้างใน และอย่างมิดชิดเสียด้วย ... ดังนั้นสิ่งที่ทำได้ในการอยู่ร่วมกับคนในสังคมเมืองอย่างนี้คือ เว้นระยะห่างให้ดี และเรียนรู้กันให้มากพอ ดูหนังจบฉันคิดถึงประโยคหนึ่งที่เคยได้รับการสั่งสอนมา ในเรื่องของการ "รู้หน้าไม่รู้ใจ" ว่า "ก่อนจะรับใครเข้ามาอยู่ในบ้าน จะมาในฐานะลูกจ้าง เพื่อน ภรรยา หรือสามี หรือฐานะอะไรก็ตาม โบราณท่านพูดไว้ประโยคหนึ่งว่า “เข้าง่าย ออกยาก” ดูนิสัยใจคอกันก่อนนานๆ เพราะว่า วันที่จะให้เขาออกจากบ้าน มันจะยุ่ง แม้ที่สุดรับเขามาเป็นสามี รับเขามาเป็นภรรยา วันเลิกร้างจะให้เขาจากบ้าน ที่เกิดเรื่องตบตีกันซี่โครงหักก็มีมาแล้ว" และหนังเรื่องนี้คงทำให้ฉันต้องกลับมาทบทวนในคำสั่งสอนนี้อีกครั้ง ... ♥♥♥♥♥♥♥ --VIDEO
Create Date : 05 กันยายน 2554
Last Update : 5 กันยายน 2554 17:48:18 น.
3 comments
Counter : 1500 Pageviews.
โดย: Nanatakara วันที่: 6 กันยายน 2554 เวลา:1:25:45 น.
โดย: CyberAngel วันที่: 7 กันยายน 2554 เวลา:7:32:56 น.
โดย: Branelay วันที่: 7 กันยายน 2554 เวลา:21:42:55 น.
เป็นอีกเรื่องที่ความเห็นผมขัดแย้งกับคนส่วนใหญ่ ส่วนเรื่องรู้หน้าไม่รู้ใจเห็นด้วยครับ ดูดีๆ เน้อ เหอๆ