Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2554
 
8 สิงหาคม 2554
 
All Blogs
 
Diary of a Wimpy Kid (2010) : ช่วงชีวิตที่ถูกมองว่าเป็นเด็กไม่เอาถ่าน



--
Diary of a Wimpy Kid (2010)
เรต :PG เวลาฉาย : 94 นาที ประเภท : Comedy | Family
ผู้กำกับ : Thor Freudenthal
บทประพันธ์/เขียนบท: Jackie Filgo,Jeff Filgo
ดารานำแสดง : Zachary Gordon,Robert Capron,Chloe Grace Moretz และ Racheal Harris
รางวัลที่ได้รับ : ได้รับการเสนอเข้าชิง 7 รางวัล & ชนะเลิศ 3 รางวัล

--
หนังเรื่องนี้มีประโยควรรคทองอยู่ประโยคหนึ่งที่ทำให้ฉันต้องเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ี่จากที่เคยคิดว่าหนังเด็กเป็นหนังไม่มีสาระอะไร ดูเพลินๆไปก็แค่นั้น ประโยคนี้เป็นคำพูดท้ายเรื่องที่สื่อความหมายได้ว่า "เมื่อเราโตขึ้นเราอาจจะมองว่าเรื่องปัญหาของเด็กๆ เกี่ยวกับเพื่อนหรือที่โรงเรียน เป็นเรื่องไร้สาระ แต่สำหรับเด็กในวัยนั้น เรื่องเหล่านี้เป็นชีวิตของพวกเขาเลย" นี่เป็นจุดสำคัญว่าทำไมผู้ปกครองส่วนใหญ่ถึงเข้าไปไม่ถึงโลกของเด็กๆ

Diary Of A Wimpy Kid เป็นเรื่องราวของเด็กชายที่กำลังจะ้ก้าวสู่วัยรุ่นชื่อ เกร๊ก เฮฟรี่ (Zachary Gordon) เขาเพิ่งจนพ้นการเรียนระดับประถมเข้าสู่มัธยม ซึ่งก่อนจะพบกับเหตุการณ์จริงในโรงเรียนก็ถูกพี่ชายจอมซ่าส์ขาร๊อค รอดดิ๊ก เฮฟวี่ (Devon Bostick) ทั้งขู่ทั้งกดดันว่าชีวิตในชั้นเรีียนมัธยมน่ะแสนจะโหดร้าย รับรองนายอยู่ได้ไม่ถึงเทอมแน่ๆ

แต่หนุ่มน้อยเกร๊กแม้จะตัวเล็กแต่ใจเด็ดไม่หวาดหวั่นประการใด แถมยังตั้งเป้าว่า จะพิชิตตำแหน่งมิสเตอร์ป๊อปปูล่าร์ที่สุดในชั้นเรียนให้ได้ปลายเทอมอีกด้วย เกร๊กมีเพื่อนสนิทเป็นคู่หูคนหนึ่งชื่อว่า โรวลี่ เจฟเฟอสัน (Robert Capron) เขามีรูปร่างอวบอ้วน แถมยังมีนิสัยเหมือนเด็กซึ่งเกร็กต้องคอยสอนอยู่เรื่อยๆ เรื่องการปฎิบัติตัวให้เป็นผู้ใหญ่ขึ้น(เอ่อ หนูเพิ่งเรียนมัธยมนะ +_='')

เขาเริ่มเขียนไดอารี่ประจำวันเนื่องจากมีความฝันว่า เมื่อเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสีียงในอนาคต เมื่อมีนักข่าวมาถามถึงประวัติในวัยเด็กของเขา ก็จะได้ยื่นสมุดไดอารี่เล่มนี้ให้ซะเลย ไม่ต้องเสียเวลาตอบให้มากความ ดังนั้นเขาจึงต้องบอกให้รู้กันซะก่อนนะว่า "นี่ไม่ใช่ diary แต่มันคือ journal!" (แม้จะต้องกำชับกับแม่ว่าห้ามซื้อสมุดบันทึกที่มีปกเขียนว่า "ไดอารี่" มานะ)นี่คือที่มาของหนังเรื่องนี้

เมื่อเข้าเรียนชั้นมัธยมจริงๆ เขาพบว่ามีสิ่งต่างๆ ที่ต้องเรียนรู้อย่างมากมาย รวมถึงเพื่อนในชั้นเรียนที่มีนิสัยต่างๆ กันด้วย ไม่ว่าจะเป็นสาวน้อยแองจี้ (Chloe Moretz) ที่อยู่ในชมรมนักข่าวมักจะถ่ายภาพเขาตอนทำเรื่องน่าอายลงวารสารของโรงเรียนเป็นประจำ , ชีรัค(Karan Brar) ผู้มีร่างเล็กแคระแกร็น ซึ่งเป็นคนเล่าเรื่องตำนานชีสต้องคำสาปให้ฟังว่า ถ้าใครเผลอไปแตะเจ้าชีสแผ่นนี้ นักเรียนทั่วโรงเรียนจะรังเกียจ และพากันหลบหน้า แต่เจ้าชีสนี้เองภายหลังเป็นตัวพิสูจน์ความกล้าหาญให้กับเกร็กจนเรื่องราวทั้งหลายจบได้อย่าง Happy Ending

เรื่องราวของเกร็กยังมีอีกมากมาย ล้วนแล้วแต่ทำให้เขาได้รู้จักตัวเองมากขึ้น ได้รู้จักคำว่ามิตรภาพและเพื่อนแท้ สำคัญยิ่งกว่าสิ่งใด สุดท้ายได้เรียนรู้ว่า ชีวิตวัยเรียนมันก็แค่ช่วงวัยหนึ่งเท่านั้นแหล่ะ แล้วมันก็จะผ่านไป สิ่งที่เก็บเกี่ยวไว้กับวันเวลาควรจะเป็นเรื่องราวที่ดีๆเ่ท่านั้น

ฉันดูหนังเรื่องนี้ไปพร้อมกับนึกถึงชีวิตในวัยเรียนของตัวเอง ไม่ต่างกับเกร็กที่สมัยนั้นทะเลาะกับเพื่อนบ้าง งอนกันบ้าง ด้วยเรื่องไร้สาระ หรือเข้าใจผิดกัน พอวันนี้โตขึ้นถึงได้เข้าใจว่า ทำมิตรภาพระหว่างเพื่อนหล่นหายไปกลางทาง วันนี้แม้อยากจะกลับไปขอโทษกับเพื่อนบางคน ก็ยากเสียแล้ว เพราะต่างคนต่างก็มีชิีวิตของตัวเอง ทำให้ไกลห่างกันไป จนต่อกันไม่ติดเสียแล้ว ...



Create Date : 08 สิงหาคม 2554
Last Update : 14 ตุลาคม 2554 17:03:57 น. 3 comments
Counter : 1995 Pageviews.

 
d kub


โดย: taurolar วันที่: 8 สิงหาคม 2554 เวลา:1:03:28 น.  

 
น่าสนใจนะครับ (ชอบหนู Chloe Moretz) นี่เห็นว่ามีภาคสองออกมาแล้วด้วยนิ แสดงว่าของเขาดีจริง


โดย: Nanatakara วันที่: 8 สิงหาคม 2554 เวลา:1:06:13 น.  

 
Good Movie


โดย: Belgium 07 IP: 223.207.22.14 วันที่: 22 พฤษภาคม 2555 เวลา:12:43:17 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

CyberAngel
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




Friends' blogs
[Add CyberAngel's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.