Group Blog
 
<<
กันยายน 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
5 กันยายน 2551
 
All Blogs
 
Low Season in Krabi - หนีเรื่องร้อนๆ กรุงเทพ ไปพักที่กระบี่ #1

ก่อนเดินทาง
อังคารที่ผ่านมาครับ ได้กำหนดเดินทางไปเที่ยวที่กระบี่ครับ ก่อนจะไปก็มีเรื่องให้หงุดหงิดนิดหน่อยครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมีลูกค้านัดไป present วันจันทร์แบบด่วนๆ เพราะเขาจะสรุปทำร่าง TOR กันแล้ว อ่าวววววว
ไอ้ที่เราทำการจองไว้ทั้งหมด ไม่ว่าเครื่องบิน โรงแรมที่ได้ซื้อ package ไว้ ทุกๆ อย่างต้องเลื่อนไปอีกหนึ่งวัน สุดเซ็งครับ ดีที่คุณน้องเธอได้ช่วยดำเนินการให้ ไม่งั้นคงเซ็งไปกว่านี้
สรุปก็ต้องจ่ายเพิ่มไป 780 บาทค่าเลื่อนไฟล์ท เพราะเราเอาไมล์การบินไทยแลกไป
แถมมีเรื่องพัทธมิตรปิดสนามบินภาคใต้อีก ข่าวตอนนั้นคลุมเคลือมากๆ ว่าจะได้ไปหรือเปล่า ลุ้นเล็กๆ ครับ ในที่สุดเขาก็เปิดให้บินที่ภูเก็ตกับกระบี่ โล่งใจไป







เดินทาง
ก่อนออกเดินทางก็เตรียมตัวครับ เลือกเสื้อผ้าสี่ชุดกับการไปแค่สามวันสองคืน กะไปแล้วได้เล่นน้ำอย่างแน่นอน ไปกระบี่หากไม่เล่นน้ำจะไปทำไม หุ หุ หุ (ไม่เหมือนไปพัทยาหรือหัวหินที่ทะเลคือสิ่งประกอบไว้ถ่ายรูป) ที่เหลือก่อนนอนก็เตรียมชาร์ตมือถือ, nintendo dslite (เป็นตัวทำให้เวลาผ่านไปโดยเร็วมากๆ), macbookpro (ทั้งที่มันหนักนะ ไปไหนไม่ค่อยจะทิ้ง mbp เท่าไร บ้าหอบmac จริงๆ) ให้เต็มก่อนออกเดินทาง ต้องรีบนอนเพราะต้องออกไปสนามบินสุวรรณภูมิเช้า





ที่สนามบิน
เดินทางไปจากบ้านไปสนามบินก็รีบๆ เพราะเริ่มสายครับ เข้าไปวงแหวนที่กอมอแปด จ่ายค่าผ่านทางไป 30 บาท ก่อนถึงสนามบินก็มีตรวจตรากันเข้มเพราะเกรงว่าเราจะมาปิดสนามบิน หุ หุ หุ ถึงสนามบินก็ให้คุณพี่แท็กซี่ไป 260 บาท (ไกลเหมือนกันนะเนี่ย)
ผ่านไปที่เคาท์เตอร์เช็คอิน คุณน้องเขาได้ผ่านไปทางช่อง standby ส่วนไอ้ตัวเราก็ไปปกติแบบอีโค แล้วคุณน้องเดินมาบอกว่า ได้นั่ง biz class เพราะเขาอัพเกรดให้ ตัวเราก็ยิ้มแหย่ๆ เจียมตัวไป ขึ้นเครื่องเข้าไปนั่งคุณน้องก็เดินมาบอกว่า พี่เพอร์เซอร์ให้ไปนั่ง biz ด้วยกัน ด้วยความเกรงใจสุดๆ ก็ไปนั่ง biz ระหว่างทางก็เสริฟ์อาหาร biz เสียด้วย เกรงใจไปใหญ่กินหมดเสียนั่น บนนั้นคุณน้องเขาก็เจอเพื่อนรุ่นเดียวกันก็ทักทายกันพอควร เราหลับเป็นหลักครับ
ลงที่กระบี่ก็มีคนมารับ กว่าจะหากันเจอก็นานพอควร เพราะป้ายเล็กกระจิ๋วเดียวมองไม่เห็น เดินไปเดินมานาน หลังจากที่เจอคนรถแล้ว ก็นำไปยังรถตู้ บรรยากาศเริ่มเป็นกันเองเพราะรถก็สภาพใหม่มานานแล้วเหมือนกัน ก่อนออกจากสนามบินมีกองตำรวจเฝ้าทางเข้าออกสนามบิน ดูขึงขังครับ แต่จะต้านพัทธมิตรได้หรือเปล่าไม่รู้นะเนี่ย






ที่โรงแรม
ระหว่างทางที่นั่งรถมาก็นั่งคุยกันคุณน้องไปสักสองสามประโยค ก็เริ่มที่จะพูดกันน้อยลงไปเรื่อยๆ จนตื่นอีกทีก็ที่ใกล้ๆ โรงแรมแล้ว เห็นหาดนพรัตน์ธารา ผ่านไปอีกห้านาทีก็เริ่มเห็นบรรยากาศโรงแรม เลยสามารถพูดได้เต็มคำพูดเลยครับ ว่า "ที่นี่ มันคือ มันคือ มันคือออออ
วัด หรือเปล่า" ไปถึงล็อบบี้โรงแรมก็มีเวลคัมดริ้งๆ (สองแก้ว) ให้ก่อนที่จะเข้าไปเช็คอิน บรรยากาศภายในห้องก็เห็นได้ชัดว่าเป็นสไตล์แบบ Ancient สุดๆ แต่....แต่... ไม่น่าเชื่อครับ เพราะโรงแรมมีแขกพักแค่ 4 ห้อง โอ! ช่างเป็นหน้าโลว์ โลว์จริงๆ เราก็เลยได้รับการบริการเยี่ยงเทพครับ หลักจากเก็บของพักเหนี่อยที่ไม่ค่อยเหนื่อยกันพอควร ก็ตัดสินใจออกไปเที่ยวๆ แถวๆ อ่าวนางครับ จริงๆ แล้วก็จะออกไปหาอะไรกินกันแหละครับ เพราะเที่ยงแล้ว ออกจากโรงแรมก็พ้นการเป็นเทพชั่วคราว (เราก็คล้ายๆเทพจริงๆ ครับเพราะที่พักก็บรรยากาศคล้ายๆ วัด อยู่เป็นทุน)


















เที่ยวในวันแรก
ออกมานอกโรงแรมก็เริ่มร้อนแบบภาคใต้ครับคือร้อนและร้อน เดินหาทางไปอ่าวนางก็เห็นรถสามล้อวิ่งมา ก็เลยเข้าไปถามอัตราค่าบริการ ก็ได้ทราบราคาว่าทั้งหมด 60 บาท (เราก็จำเป็นต้องขึ้นเพราะความหิวเริ่มถามหา จริงๆ แล้วราคาตามหนังสือที่ตรวจสอบมา ไม่น่าจะเกินคนละ 20 บาท) หลังจากนั่งมา คุณพี่สาวที่เป็นรถสามล้อก็เริ่มเป็นไกด์จำเป็นแนะนำร้านอาหารทะเล เราก็เลยต้องบอกไปว่ากินอะไรที่ด่วนๆ แล้วก็ราคาไม่แพง เขาก็เลยแนะนำร้านก๋วยเตี๋ยวเรือให้ ไม่เกิน 10 นาทีจากโรงแรมก็ถึงที่หมาย (ค่ารถแพงได้ใจ) ก็เข้าไปกินอาหารเที่ยวที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ ก็อร่อยแหละครับไม่แพงด้วย บริการก็ดีครับ แถมผลไม้ให้กินแก้เลี่ยนตบท้ายด้วย สมที่เขาได้แนะนำมา จริงๆ แล้วในหนังสือก็มีแนะนำร้านนี้ด้วย จ่ายค่าอาหารรวมไป 120 บาท






ออกเดินมาที่หัวหาดครับ แล้วคุณน้องเธอก็เป็นคนเลือกเดินไปทางซ้ายมือซึ่งมองเห็นว่าคล้ายเป็นร้านนวดแผนโบราณแบบหลายๆ ร้านครับ บรรดาหมอนวดก็เดินเข้ามาทักทายเป็นภาษาอังกฤษ หรือบางคนเล่นพูดญี่ปุ่นใส่เรากันเลย ไอ้เราตอบกลับเป็นภาษาไทย ก็ได้หัวเราะกันไป เราก็เริ่มสังสัยกันว่าไอ้เราเนี่ยหน้าตาเหมือนญี่ปุ่นตรงไหน นะเห้อ....
แถมพอรู้ว่าเราเป็นเด็กทุ่งสงเนี่ยพี่ๆ เขาก็ตกใจกันใหญ่ เริ่มพูดใต้กับเราแบบลูกแบบหลาน ให้ความเอ็นดูพอเป็นพิธีแหละครับ หึ หึ หึ หลังจากนั้นก็เริ่มพิธีกรรมถ่ายรูปกันเพราะแดดที่ออกมาเนี่ยดังเปรี้ยงๆ เหมือนเสียงปืนเลยครับ ร้อนแสบตาสุด (ลืมเอาแว่นกันแดดไปด้วย เศร้าสุด)











หลังจากเดินถ่ายรูปกันแบบไม่เสียตังค์ ก็เริ่มร้อนถึงขีดสุด เดินไปริมหาดตรงร้านขายของถามเขาครับ ว่าร้านไอติมอยู่ตรงไหน เขาก็บอกทางไปเบอร์เกอร์คิง อีก 4 ล็อก ไม่รีรอครับ รีบจ้ำอ้าวไปทันที ถึงร้าน คุณน้องเธอก็สั่งซันเดย์ คุณผมก็สั่งไฟล์ตบนแป็บซี่แม็ก รวมๆ ก็ 90 บาทครับ เริ่มนั่งหาแนวทางการเที่ยวต่อ คุณน้องก็ออกไอเดียมาว่า คุณพี่อยากไปไหนละ เหอะ เหอะ เหอะ ไอ้เราก็อ่านหนังสือแนะนำเที่ยวมาตั้ง 7 บรรทัด (เท่ากับค่าเฉลี่ยคนไทยอ่านหนังสือทั้งปี) ก็บอกไปว่า ไปสุสานหอยกันเถอะ แต่เราหารถสองแถวไปกันดีกว่า เพราะคุณพี่สาวสามล้อเล่นคิดเฉลี่ยเหมามา 300 บาท เราคิดว่าเราคงไม่จ่ายในราคาฝรั่งเที่ยวหรอก











หลังจากได้รถสองแถวถามราคาไปสุสานหอยก็ได้ทราบราคาว่าเที่ยวต่อคนละ 20 รวมเป็น 40 บาทตามที่หนังสือได้บอกไว้เลย นั่งรถก็ได้เห็นบรรยากาศของกระบี่และวิธีชาวบ้านพอควร ผ่านไปกว่า 20 นาที ก็มาถึงสุสานหอย ไอ้เราก็เดินดุยๆ ไปถามเจ้าหน้าที่แล้วก็เดินไปเยี่ยมชม ซึ่งก็เป็นที่น่ายินดีอีกว่าที่นั่นเราก็เป็นกลุ่มคนไม่ก็คนที่เข้าไปเยี่ยมชม ถ่ายรูปได้ง่าย บรรยากาศก็เป็นกันเองมากๆ เดินเข้าไปสุ่มๆ ไม่รู้ว่าเสียเงินด้วย หลังจากนั้นก็ออกมาแบบงงๆ ก็ถ่ายรูปบรรยากาศกันพอหอมปากหอมคอ ก็ได้เวลาเดินทางกลับด้วยรถสองแถวราคารวม 20 บาท ครั้งนี้รถเดินทางได้เท่ากับความเร็วหอยทากครับ กว่าจะมาถึงวัด เอ้ยโรงแรมที่พักก็เล่นเอาเกือบๆ 40 นาที
หลังจากลงรถ ก็เห็นท้องฟ้าเริ่มมีเค้าฝน ร้อนกลางวันตกกลางคืน เป็นไปได้ที่กระบี่ครับ เราก็กระโดดไปชายหาดที่ตรงข้ามโรงแรม (ทางเข้าโรงแรม มิใช่ private beach นะครับต้องข้ามถนนด้วย) เพราะน้ำลงมากๆ ทีริมหาดนพรัตน์ธารา (เดิมชื่อหาดคลองน้ำแห้ง)เดินไปถ่ายรูปกันอย่างเมามันระหว่างทางไปเจอฝูงปูลมเป็นร่วมล้านตัว ไม่ได้ล้อเล่นครับ มากจริงๆ เราต้องเดินกันอย่างระวังอย่างยิ่งเพราะไม่ต้องการที่ทำร้ายปูลมครับ กลัวบาป เจอทั้งคนไทยคนเทศเดินไปชมเกาะกลางน้ำที่สามารถเดินเข้าไปได้ ฝ่าฝูงปู












ก่อนที่ฝนจะตกครับ เราก็ได้เดินทางกลับไปโรงแรม เพื่อเตรียมอาบน้ำเพื่อจะไปหาอาหารทะเลดินเนอร์กัน แบบให้สมใจความหิวที่คืบคลานเข้ามาผนวกด้วยความเหนี่อยด้วยอากาศร้อน
ฝนตกครับ หลังจากที่เร่งรีบออกจากโรงแรมมาไม่นานถึงร้านอาหารด้วยรถสามล้อที่จ่ายไปแค่รวมกัน 20 บาทครับ









Create Date : 05 กันยายน 2551
Last Update : 9 กันยายน 2551 9:19:12 น. 1 comments
Counter : 1386 Pageviews.

 
ชอบรูปรองเท้าบนชายหาดจังค่ะ
ดู relax ดี


โดย: Almost Unreal วันที่: 7 กันยายน 2551 เวลา:0:52:57 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

civic_coupe
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add civic_coupe's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.