|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
TBR 3 : ตามเสด็จ ใน "ไทยเที่ยวพม่า"
ไทยเที่ยวพม่า พระราชนิพนธ์ ใน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
พิมพ์ครั้งที่ 2 : สิงหาคม 2539 ราคา 150 บาท / 298 หน้า ซื้อเมื่อ : 15 มิถุนายน 2542
"...ระหว่าง 11 วันที่อยู่พม่า ข้าพเจ้าจดบันทึกไว้ทุกวัน และได้เขียนเป็นจดหมายถึง "หญิง" เพื่อนรุ่นน้องที่คุ้นเคยกัน โดยที่ความจริง "หญิง" คงจะมีโอกาสอ่านจดหมายเหล่านี้ไปพร้อมกับท่านผุ้อ่านทุกๆ ท่าน ในการเขียนจดหมาย ข้าพเจ้าไม่ได้ใช้เวลามากนั้น ในการอ่านหนังสือค้นคว้า ได้แต่อ่านเอกสารแนะนำที่เขาแจก ฟังคำบรรยายในระหว่างการเที่ยวชม ประกอบกับความคิดที่เกิดขึ้นในขณะนั้น อาจจะมีเรื่องที่ลืมเขียนหรือบกพร่องไปบ้าง เพราะที่ไปเที่ยวชมส่วนใหญ่ เป็นโบราณสถาน หรือศิลปวัตถุ ซึ่งข้าพเจ้าไม่ได้ทราบเชี่ยวชาญด้านโบราณคดี จะให้ข้อวินิจฉัยต่างๆ ที่ลึกซึ้งสมบูรณ์ย่อมเป็นไปได้ยาก ...
...หนังสือนี้มีชื่อว่า "ไทยเที่ยวพม่า" เป็นเรื่องที่คนไทยไปเที่ยวชมบ้านเมืองพม่าแล้วมาเล่าสู่กันฟัง เลียนแบบชื่อเรื่อง "ไทยรบพม่า" ที่อ่านมาเด็กๆ จนขึ้นใจ ลองนึกดู เห็นว่าการที่ประเทศจะเป็นมิตรหรือเป็นที่ศึกกันนั้น ก็ย่อมมีเหตุปัจจัยอันมีององค์ประกอบต่างๆ ถ้าผลประโยชน์ความต้องการขัดแย้งกัน อาจเป็นอริรบพุ่งกันได้ ถ้าเหตุปัจจัยเกื้อกูลกัน ก็จะเกิดความเป็นมิตร ถ้าเหตุปัจจัยเปลี่ยนแปลงไป รูปแบบความสัมพันธ์ก็จะเปลี่ยนไปด้วย พม่าและไทย เป็นตัวอย่างที่ดี แม้เคยเป็นคู่สงครามกันมาก่อน บัดนี้ก็มีไมตรีต่อกัน ตลอด 11 วัน ข้าพเจ้ารู้สึกว่าวัฒนธรรมของทั้งสองประเทศ มีความคล้ายคลึงกัน ประชาชนก็คล้ายๆ กัน จึงควรที่จะร่วมมือกัน เพื่อให้เกิดสันติสุข ความเจริญรุ่งเรืองของทั้งสองประเทศและทั้งภูมิภาค เรื่องสงครามในอดีต ก็ฟังระลึกไว้เพียงเพื่อให้ชนรุ่นหลังได้สำนึกตระหนักถึงความยากลำบากของบรรพบุรุษที่ได้ธำรงรักษาแผ่นดินไว้ เป็นที่อยู่อาศัยของเราจนทุกวันนี้เท่านั้น..."
21 - 31 มีนาคม 2529 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จพระราชดำเนินเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมสหภาพพม่า ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของท่านอู เนวิน ประธานพรรคโครงการสังคมนิยมพม่าในขณะนั้น ไทยเที่ยวพม่า เป็นพระราชนิพนธ์ ลำดับที่ 5 ตลอดระยะเวลา 11 วัน ณ ประเทศพม่า ทรงบันทึกและถ่ายทอดออกมาในลักษณะจดหมาย ซึ่งต่างจากพระราชนิพนธ์เรื่องก่อนหน้านี้ พระองค์ทรงถ่ายทอดสิ่งต่างๆ ที่ได้ทอดพระเนตร ถ้อยคำและสาระความรู้ ที่ได้วิทยากรที่บรรยายถวาย ออกมาเป็นหนังสือเล่มนี้ โดยยังคงสอดแทรกพระราชอารมณ์ขันไว้เช่นเดิม
"...เจ้าหน้าที่ที่มาเป็นมหาดเล็กบริการก็บริการดีชะมัด ไม่ปล่อยให้อะไรพร่องเลย เติมตลอด ฉันก็ฉลองศรัทธาเพื่อสัมพันธไมตรีอันดีงาม เลยรับประทานข้าวไป 3 จาน ดูท่าพม่าจะตกใจอยู่เหมือนกัน คงจะคิดว่า นี่กองทัพปาทังก้าจากเมืองไทยมากินข้าวของเขาหมด (ไม่ใช่ฉันคนเดียวนะที่รับประทานมาก ก็มากกันทั้งขบวนนั่นแหละ)..."
"...ฉันพยายามจะถามใครๆ ว่ารู้จักเพลงพม่ารำขวานกับพม่าแทงกบไหม ขนาดร้องให้ฟังแล้ว แปลเนื้อให้ฟังแล้ว ก็ไม่รู้จัก ผลสุดท้ายมีใครก็ไม่ทราบ เล่าว่าพม่าไม่รำขวาน มีแต่กะฉิ่น..."
สาระที่ได้จากหนังสือเล่มนี้ คือ ประวัติศาสตร์ศิลป์จากคำบรรยายของวิทยากรชาวพม่า แม้ว่าบางเรื่องราวจะสับสนไปบ้าง ก็เป็นสิ่งที่ทำให้คนอ่านที่อยากได้ความถูกต้อง ต้องไปขวนขวายอ่านหนังสือเพิ่มเติมเพื่อเปรียบเทียบกันเอง
นอกจากนี้ก็มีภาพประมากมากมาย มากจนกระทั่งพระองค์ต้องทรงออกแบบปกเป็นลักษณะที่เห็นนี้
"ปล. เมื่อก่อนไปพม่า เพื่อนๆ สั่งเสียว่าให้ถ่ายรูปสไลด์มาแยะๆ ฉะนั้นเมื่อไปถึงแล้ว ก็ถ่ายกันเป็นการใหญ่ รวมทั้งหมด 2000 กว่ารูป เท่าที่เคยทำมาใช้รูป 400 - 500 รูป เวลาทำหนังสือแต่ละเล่ม คราวนี้รูปมาก จึงพยายามคิดถึงวิธีการเอารูปลงมากๆ นึกขึ้นมาได้ถึงการเอาภาพมาต่อเป็นโมเสค ฝ่ายศิลป์ของหนังสือยินยอมทำตามข้อเสนอ...."
เราเปลี่ยนหนังสือ ในโครงการทลายกองดอง เมื่อเดือนก่อน และหยิบเอาเล่มนี้มาไว้ในรายการ ก็เพราะเราอยากไปเที่ยวพม่านานแล้วล่ะ ...อะไรที่สามารถศึกษาหาความรู้ได้ก่อนล่วงหน้า เราก็จะอ่านไว้ก่อน ... และหนังสือเกี่ยวกับประเทศเพื่อนบ้านประเทศนี้ เราก็มีหลายเล่มอยู่แล้ว เพราะสนใจบ้านใกล้เรือนเคียง ยิ่งอ่านผู้ชนะสิบทิศจบ ยิ่งสนใจใคร่รู้มากขึ้น ตลอดเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาก็เลยอ่านแต่หนังสือพาเที่ยวพม่านั่นแหละ
ท่องแดนเจดีย์ไพรในพุกามประเทศ : ธีรภาพ โลหิตกุล ซ้าย - สำนักพิมพ์ร่วมด้วยช่วยกัน พิมพ์ครั้งที่ 2 : เมษายน 2543 ราคา 180 บาท / 200 หน้า ซื้อเมื่อ : 6 เมษายน 2544 ขวา - แพรวสำนักพิมพ์ พิมพ๋ครั้งที่ 3 (ฉบับปรับปรุง) : มิถุนายน 2548 ราคา 325 บาท / 512 หน้า ซื้อเมื่อ : 31 กรกฎาคม 2551
ธีรภาพ โลหิตกุล เป็นนักเขียนสารคดีที่เราติดตามผลงานอย่างสม่ำเสมอ เป็นอีกคนที่เข้า-ออกประเทศพม่าบ่อยมาก จนปัจจุบันนี้ก็ยังเป็นวิทยากรนำเที่ยวให้กับอัมรินทร์ทัวร์ด้วย เราก็อยากไปเที่ยวพม่าโดยมีคุณธีรภาพเป็นวิทยากรนะ แต่สู้ค่าใช้จ่ายไม่ไหว ก็เลยต้องอาศัยอ่านหนังสือเล่มนี้ไปพลางๆ
"...เป็นเวลา 5 ปีเต็มจากพ.ศ.2537 - 2541 ผมพบว่าตนเองได้เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับพม่ากระจัดกระจ่ายไว้ในหนังสือหลายเล่ม นิตยสารหลายฉบับ เมื่อลองคัดสรรแล้วนำมารวบรวมร้อยเรียงดู ก็รู้สึกเหมือนเป็น "จิ๊กซอว์" ต่อเรียงกันจนเป็นภาพลักษณ์ของพม่าที่สมบูรณ์ชัดเจนในระดับหนึ่ง แม้จะยังไม่ครบถ้วนกระบวนเมืองที่เปิดให้ผู้ใฝ่ใจเรียนรู้เดินทางไปได้ก็ตาม แต่ก็ครอบคลุมหัวเมือง วัฒนธรรม และงานประเพณีที่น่าสนใจไว้เกือบทั้งหมด..." 6 ปีต่อมา "...บัดนี้กาลเวลาล่วงเลยมาถึง 6 ปี ซึ่งเป็น 6 ปีที่ผมมิได้หยุดนิ่ง จากการเดินทางไปเยี่ยมเยือนประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดกันทางภูมิศาสตร์ ทว่าห่างเหินกันทางจิตใจ .....ครั้นเมื่อสั่งสมความรู้ ข้อมูล และประสบการณ์ใหม่ๆ มากแล้ว ก็เห็นสมควรนำมาบันทึกและถ่ายทอดไว้ในหนังสือ เพื่อประโยชน์สำหรับผู้ที่คิดจะเดินทางไปเที่ยวเอง หรือไปกับทัวร์ หรือแม้กระทั่งผู้ที่ชอบท่องเที่ยวจากการอ่านก็ตามที..."
ข้อมูลจากหนังสือของคุณธีรภาพมีทั้งเรื่องเล่าถึงสถานที่บางแห่ง ประเพณีบางอย่าง ข้อคิดเห็นถึงผู้คนและวัฒนธรรม ข้อมูลที่สืบค้นในเชิงวิชาการประวัติศาสตร์ รวมทั้งคำแนะนำในการเดินทางท่องเที่ยวอีกด้วย เราอ่านเล่มซ้ายมือจบไปแล้ว ยังไม่ได้อ่านเล่มขวามือที่มีเรื่องราวเพิ่มเติมขึ้นใหม่ ก็เก็บไว้อ่านต่อ แต่ขอเอาปกกับคำนำมากล่าวอ้างถึงไปก่อน
ยอดเจดีย์ทองสองฟากอิรวดี : กฤษณา อโศกสิน
สำนักพิมพ์สามสี พิมพ์ครั้งแรก : พฤศจิกายน 2539 ราคา 90 บาท /136 หน้า ซื้อเมื่อ : 16 ตุลาคม 2543
"...การไปพักผ่อนทั้งใกล้และไกลนี้ แท้จริงข้าพเจ้ามิได้มุ่งหมาย จะไปแสวงหาความรู้ ไม่ว่าทางประวัติศาสตร์หรือภูมิศาสตร์ จุดประสงค์แท้ๆ มักจะไปเพื่อปล่อยใจปล่อยอารมณ์ แต่ได้ความรู้แถมมา ความจึงกลายเป็น 'เครื่องเคียง' ที่เพียงแต่ 'ต้องได้' เพราะการไปเที่ยว ทำให้การเที่ยวของข้าพเจ้าเป็นการเที่ยวที่ไม่ถูกกรอบใดๆ บีบบังคับ หากว่าข้าพเจ้าประทับใจในการไปประเทศนั้นๆ พร้อมกับรู้สึกสนุกสนานมากพอ ข้าพเจ้าจึงจะกลับมาเขียน มาค้นเอาเรื่องเอาราว ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ชวนเชิญให้ผู้อ่านเพลิดเพลิน
สารคดีท่องเที่ยวของข้าพเจ้า จึงเป็นสารคดีที่ท่องแล้วเที่ยวไป กินไป พูดไป บางทีก็เล่นไป หลงลืมตกหล่น แต่ก็พยายามกลับบมาค้นพอสมควร โดยไม่ถึงกับเขียนประวัติศาสตร์ฉบับใหม่ สรุปง่ายๆ ก็คือ ปูพื้นให้รู้จักประเทศที่ไปอย่างคร่าวๆ แต่ตัวละครนั้นคือพวกเรา..."
กฤษณา อโศกสิน พาเราไปเที่ยวสหภาพเมียร์มาร์ เมื่อช่วงปลายปีพ.ศ.2538 ออกเดินทาง ณ วันที่ 24 ตุลาคม วันสุริยุปราคาเต็มดวง บอกเล่าเรื่องราวการเดินทางตามลำดับเวลาอย่างสนุกสนาน ...เป็นการเที่ยวแบบที่เราเที่ยว คือ ชมไป ชิมไป บ่นไป สาระมาเก็บตกเอาทีหลัง
อ่านเที่ยวพม่า (ที่เรียกชื่อประเทศไม่เหมือนกันเลย - ก็ต่างช่วงเวลากัน อ่ะนะ) จากหนังสือ 3-4 เล่มนี้ (รวมเรื่อง วันฤดูหนาวในพม่า ที่เขียนถึงแล้ว) ไม่ได้ทำให้ความอยากไปเยือนพม่าของเราลดน้อยถอยลงแต่อย่างใด มีแต่จะกลับเพิ่มพูนขึ้นเรือยๆ อยากไปดูกับตาตัวเองว่า พุกามประเทศ แดนเจดีย์สี่พันองค์ นั้น น่าอัศจรรย์ใจอย่างไร ศิลปะแบบพม่าที่ดูผ่านภาพถ่าย เหมือนจะหยาบ แต่คงจะยิ่งใหญ่ เพราะกษัตริย์แต่ละพระองค์ ท่านเล่นเอาทองหนักเท่าน้ำหนักตัวไปโปะองค์เจดีย์ตลอด เจดีย์เล็กๆ แต่แรกสร้าง เลยยิ่งสูง ใหญ่ เทียมเเมฆ ไปดูว่า ...ขอบเขตพื้นที่ของศาสนสถานที่ผู้หญิงจะเข้าไปสักการะได้นั้น อยู่แค่จุดใด ไปทดสอบดูว่า ฝ่าเท้าเราทนร้อนแค่ไหน เพราะทุกแห่งต้องถอดรองเท้า ถุงเท้า (ไม่ยอมให้แม้กระทั่งถุงน่อง) ตั้งแต่หน้าประตู
ต่อจากนี้เรายังมีหนังสือเกี่ยวกับประเทศพม่าให้อ่านอีก 2-3 เล่ม โดยเฉพาะ พระนิพนธ์ในกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เรื่อง เที่ยวเมืองพม่า ซึ่งยังไม่มี ..ต้องเสาะแสวงหามาอ่านกันต่อไป
ปล. โครงการเที่ยวพม่าปลายปีนี้ของเรา มีอันต้องเลื่อนออกไป เพราะชาวคณะไม่พร้อม ....ให้มันได้ยังงี้สิ เวลาเราเตรียมตัวมากๆ ทีไร มันต้องเลื่อนทู้กที คราวเมืองหลวงพระบางก็ทีนึงแล้ว ...ที่หลังจะไปไหน ..คงต้องเที่ยวก่อน อ่านทีหลัง
Create Date : 04 กรกฎาคม 2552 |
Last Update : 14 เมษายน 2555 21:25:45 น. |
|
17 comments
|
Counter : 4929 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 4 กรกฎาคม 2552 เวลา:20:32:17 น. |
|
โดย: ส้มแช่อิ่ม วันที่: 4 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:43:30 น. |
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 4 กรกฎาคม 2552 เวลา:23:56:38 น. |
|
โดย: รัชชี (รัชชี่ ) วันที่: 5 กรกฎาคม 2552 เวลา:0:45:29 น. |
|
โดย: นัทธ์ วันที่: 5 กรกฎาคม 2552 เวลา:9:54:25 น. |
|
โดย: deawdai วันที่: 5 กรกฎาคม 2552 เวลา:11:41:35 น. |
|
โดย: ส้มแช่อิ่ม วันที่: 5 กรกฎาคม 2552 เวลา:14:13:06 น. |
|
โดย: นัทธ์ วันที่: 5 กรกฎาคม 2552 เวลา:17:13:28 น. |
|
โดย: หมูย้อมสี วันที่: 5 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:32:30 น. |
|
โดย: ภาวันต์ วันที่: 5 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:55:11 น. |
|
โดย: BeCoffee วันที่: 5 กรกฎาคม 2552 เวลา:23:25:57 น. |
|
โดย: Devonshire วันที่: 6 กรกฎาคม 2552 เวลา:7:24:37 น. |
|
โดย: นัทธ์ วันที่: 6 กรกฎาคม 2552 เวลา:11:39:26 น. |
|
โดย: นัทธ์ วันที่: 7 กรกฎาคม 2552 เวลา:20:59:58 น. |
|
| |
|
นัทธ์ |
|
|
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 39 คน [?]
|
รักที่จะอ่าน รักที่จะเขียน เปิดพื้นที่ไว้ สำหรับแปะเรื่องราว มีสาระบ้าง ไม่มีสาระบ้าง ณ ที่นี้
สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2539 ห้ามผู้ใดละเมิด โดยนำภาพถ่ายและ/หรือข้อความต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมดใน Blog แห่งนี้ไปใช้ และ/หรือเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาต เป็นลายลักษณ์อักษร
|
|
|
|
|
|