บทที่ 1 การแข่งขันเริ่มต้นแล้ว

บทที่ 1 การแข่งขันเริ่มต้นแล้ว

‘ใครๆ ก็รู้ว่าคณะบริหารธุรกิจของเราน่ะทำชื่อเสียงให้กับมหาวิทยาลัยมาตลอด... แล้วใครที่ไหนบ้างล่ะจะไม่อยากเป็นตัวแทนไปแข่งทักษะระดับชาติแบบนั้นน่ะ’

สุรเสียงที่พลิ้วไหวและใส่อารมณ์ตามท่อนประโยคเน้นเสียงสูงต่ำเพื่อให้ได้อรรถรสของพีรวัฒน์ยังฝังอยู่ในโสตประสาทของสาวน้อยวัยยี่สิบต้นๆ ได้เป็นอย่างดี เหมือนเทปที่เล่นแล้วและกรอกลับมาเล่นซ้ำแล้วซ้ำอีกจนในหัวของดลยาไม่อาจจะคิดไปถึงเรื่องอื่นได้

ไม่ค่อยจะมีเรื่องอะไรนักที่จะทำให้สาวน้อยจอมเซี้ยวคนนี้วิตกกังวลได้ เพราะด้วยฤทธิ์เดชที่แสบซ่ากับหน้าตาที่สะสวยแบบสดใสของดลยา จึงทำให้เธอไม่เคยกลัวเกรงสิ่งใดแม้ต้องตกอยู่ในสถานการณ์อันยากลำบาก

แต่มาวันนี้นัยน์ตากลมโตคู่สวยที่แวววับปานลูกแก้วยามต้องแสงแดดกลับหรี่ต่ำลง ปอยผมหยิกที่ตัวเองชอบนักชอบหนาถึงแม้ว่าจะมีคนเอาไปล้อโดยเฉพาะไอ้หน้าปลาไหลตัวดีที่หาว่าหยิกเหมือนฝอยขัดหม้อก๋วยเตี๋ยวเธอก็ไม่เคยโกรธ แต่บัดนี้ผู้เป็นเจ้าของกลับใช้ปลายนิ้วหมุนพันเล่นจนเป็นเกลียวหยักเข้าไปใหญ่ ริมฝีปากหยักสวยที่เหมือนเชิดน้อยๆ บูดบึ้ง ก่อนจะเผยอออกมาพร้อมกับน้ำเสียงที่คล้ายจะกรี๊ดแต่ออกจะดังจนกลายเป็นตะโกนมากกว่า

“โอ๊ย... เบื่อๆๆๆๆๆ... เบื่อจริง โว้ย...” เสียงตะโกนของดลยาดังขึ้นจนลั่นห้องพักขนาดเล็กซึ่งอันที่จริงแล้วมันก็คือหอพักของเธอนั่นเอง เสียงนั้นทำให้เพื่อนสนิทอีกคนที่กำลังคร่ำเคร่งอยู่กับตำราบนโต๊ะไม้ตัวเล็กที่ตั้งอยู่มุมห้องซึ่งจัดไว้เป็นส่วนสำหรับการอ่านหนังสือและทำการบ้านต้องหันมามองอย่างค้อนๆ ก่อนจะถอดแว่นสายตาออกเพื่อแสดงให้คนตะโกนเสียงดังรู้ว่าเธอเริ่มจะไม่พอใจกับกิริยาเมื่อครู่ แต่กระนั้นแล้วคนอย่างดลยาก็ยังทำท่าซังกะตายต่อไปโดยไม่สนสายตาคมกริบของวิยะดา เจ้าหล่อนจัดการจับเจ้าแมททริกซ์ซึ่งเป็นตุ๊กตาตัวโปรดฟาดใส่ผนังห้องอย่างแรงสามสี่ครั้งราวกับว่าหญิงสาวไปโกรธใครที่ไหนมาสักสิบชาติ

วิยะดาลอบมองเพื่อนสนิทร่วมห้องอย่างถอนใจ ด้วยเธอทั้งสองนั้นเติบโตด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ เรียนฉันประถมจนถึงมัธยมด้วยกัน มิหนำซ้ำยังเอ็นทรานซ์ติดมหาวิทยาลัยเดียวกันอีกต่างหาก ด้วยเหตุนี้ก็เลยทำให้วิยะดาต้องมาอยู่เป็นเพื่อนร่วมห้องกับดลยาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่อยู่ด้วยกันก็เหมือนขาวกับดำ ขั้วบวกกับขั้วลบ ดลยาเรียนบริหารฯ เอกคอมพิวเตอร์ธุรกิจแต่วิยะดาเรียนคณะแพทย์... แล้วอย่างนี้จะไปกันได้ไหมหนอ

แต่อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจะมีข้อแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงแต่สองสาวก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันตลอดมาโดยเฉพาะวิยะดาที่ต้องทำตามคำขอร้องของดลยาแทบจะทุกเรื่องเหมือนกับเหตุที่เธอต้องย้ายมาอยู่เป็นเพื่อนร่วมห้องกับยัยจอมซ่าคนนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้วิยะดาเองก็ได้หอพักพร้อมกับรูมเมทคณะเดียวกัน แต่ติดตรงที่ดลยาไม่อยากจะอยู่กับคนอื่นเพราะกลัวว่าจะเข้ากันไม่ได้ และกลัวว่าหากพลาดพลั้งขึ้นมาเธอจะเผลอแผลงฤทธิ์วาดลวดลายหมัดมวยวัดเส้าหลินเข้าให้สักวัน

เมื่อเสียงตุ๊กตาหมีตัวโตที่ฟาดเข้ากับผนังห้องสงบลงก็ตามมาด้วยเสียงหอบแฮ่กๆ ของคนเป็นเจ้าของตุ๊กตาที่นอนแผ่หลาหมดแรงบนพรมสีครีม... วิยะดาสังเกตกระดูกซี่โครงเพื่อนสาวที่กระเพื่อมเป็นจังหวะขึ้นลงรอจนกว่าดลยาหายใจเป็นปกติค่อยเอ่ยถาม

“แกเป็นอะไรดรีม กินยาไม่เขย่าขวดรึไง” คนถามกระแทกเสียงอย่างประชดประชัน เพราะไม่เข้าใจนิสัยคนเป็นเพื่อนที่บางทีก็เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย และที่เห็นเอาตุ๊กตาสุดโปรดที่อดีตแฟนเก่าซื้อให้เป็นของขวัญวันวาเลนไทน์มาทุบมาฟาดจากนั้นก็ลงไปนอนดิ้นพรวดๆ อย่างกับควายเล่นโคลนแบบนั้น... อาการแบบนี้สุดที่จะบอกได้ว่าหญิงสาวเพรียวบางร่างเล็ก ผมหยิก ตาโต คนนี้เป็นอะไรกันแน่

ดลยาหายใจออกอย่างแรงก่อนดีดตัวเองขึ้นและปัดปอยผมที่ปรกตรงใบหน้าออกอย่างลวกๆ หันไปตามว่าที่แพทย์หญิงอย่างเซ็งๆ เหมือนกับเมื่อครู่

“ก็เทอมหน้าน่ะสิ ที่ภาควิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจของฉันเขาจะหาตัวแทนไปแข่งทักษะความชำนาญด้านคอมพิวเตอร์แล้วนะวิ” คนพูดทำเสียงโอดครวญในตอนท้ายก่อนจะก้มหน้ามุ่ยต่อ

“แล้วทำไมล่ะ แข่งทักษะแล้วมันเป็นอะไรนักหนาทำไมแกต้องมาดิ้นพรวดๆ จะเป็นจะตายอย่างนี้ด้วย” ว่าที่แพทย์สาวพูดเสียงราบเรียบพยายามบังคับควบคุมอารมณ์ไม่ให้ร้อนใส่ดลยาที่ชอบกวนประสาทรบกวนเวลาการอ่านหนังสือของเธอ

“แกก็รู้นี่วิ ที่ภาควิชาของฉันใครๆ ก็อยากได้เป็นตัวแทนโดยเฉพาะ...ยัยรินลดา” ปลายเสียงที่ดลยาเน้นหนักนั้นทำให้วิยะดาต้องจ้องมองคนเป็นเพื่อนอย่างพินิจพิเคราะห์มากขึ้น น้ำเสียงที่หนักแน่นกว่าปกติอีกทั้งแววตากลมใสที่เริ่มขุ่นเคืองนั้นทำให้เธอรู้ว่า ดลยายังจำเรื่องราวที่ผ่านมาได้ฝังใจโดยเฉพาะอดีตศัตรูหัวใจคนนี้

“เธอยังไม่เลิกจองเวรเขาอีกหรอ” พอพูดจบยัยผมหยิกก็หันมาทำตาขวางใส่ทันที

“มันต่างหากที่จองเวรกับฉัน แย่งทุกอย่างไปจากฉัน” เสียงแข็งลอดลำคอในขณะที่สองมือน้อยๆ กำแน่นขึ้น ภาพเหตุการณ์เก่าๆ ย้อนหวนคืนมาปรากฏในมโนสำนึก ถ้าไม่เพราะผู้หญิงคนนี้...เขาก็คงไม่ทิ้งเธอไป

“รินกับเป๊ก เขาเลิกกันแล้วไม่ใช่หรอ คนที่ผิดน่าจะเป็นเป๊กมากกว่าที่หลายใจ” วิยะดาลากเสียงพร้อมกับย้ำคำสุดท้ายเสียงดัง

“เลวด้วยกันทั้งคู่น่ะแหละ” คนพูดสะบัดเสียงก่อนที่คนฟังจะส่ายหัวสองสามที หันไปหยิบแว่นขึ้นมาสวม กลับไปจับจ้องกับตำราต่อหลังจากที่รู้ว่าหากต่อปากต่อคำกันไปมีหวังคงได้เป็นเรื่องใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่น้อยวิยะดาก็กล้าสู้หน้าเถียงกับยัยตาโตคนนี้จนตายกันไปข้างนึง แต่มาเรื่องนี้เธอไม่ขอยุ่งดีกว่า...ปัญหาหัวใจและก็รักสามเศร้ายิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว...เฮ่ย

ดวงตากลมโตที่ฉายแววขุ่นข้นหรี่ต่ำมองพื้น ปล่อยให้ความเงียบทำให้จิตใจเธอสงบขึ้นกว่านี้ เธอไม่อยากตกอยู่ในสภาพแบบนี้เลย เธอไม่อยากเป็นผู้หญิงที่เจ้าอารมณ์ คอยเอาแต่คิดแค้นคนอื่นแบบนี้ แต่ว่าทำไม...ยิ่งคิดก็เหมือนมีใครเอาไฟร้อนๆ มาสุมอยู่ที่อก หากเธอสามารถดับไฟนั้นได้ มันก็คงดี

“แกต้องช่วยฉันคิดนะวิว่าจะทำยังไงฉันถึงจะได้เป็นตัวแทนกับเขาบ้าง เกิดมาทั้งทีฉันก็อยากจะไปทำชื่อเสียงให้มหาวิทยาลัยบ้างนะแก” เสียงออดอ้อนที่วิยะดาได้ยินถึงกับทำให้สายตาในกรอบแว่นหนาหันขวับมามอง ก่อนจะเห็นรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้ากลม ไม่นึกว่ายัยนี่จะเปลี่ยนอารมณ์ได้เร็วขนาดนี้ เมื่อกี้เห็นเคร่งเครียดจะเป็นจะตายแต่ตอนนี้ไหงกลับมาทำตาสดใสเหมือนเดิมได้ล่ะ

วิยะดาหรี่สายตามองอีกคนที่พยายามกลบเกลื่อนบางอย่างไว้ ในเมื่อหญิงสาวอยากซ่อนมันไว้คนเป็นเพื่อนอย่างเธอก็พร้อมจะช่วยอำพรางมันให้มิดชิดอีกแรง

“ชื่อเสียงหรือชื่อเสีย” วิยะดาแค่นหัวเราะก่อนที่ดลยาจะเอาสองเท้ากระทืบพื้นอย่างไม่พอใจเหมือนเด็กๆ สองร่างจึงหันมายิ้มให้กันเหมือนอย่างเคย บรรยากาศในห้องก็พลอยครึกครื้นไปด้วย

“ยัยวิ... นี่แกจะไม่ช่วยฉันจริงๆ หรอ” หญิงสาวทำเสียงอ้อนเป็นครั้งสุดท้าย เพ่งมองคนเป็นเพื่อนที่เอาแต่จับจ้องดูตำราอย่างไม่อยากจะหันมาดูดำดูดีเธอเลยสักนิด แบบนี้มันน่าน้อยใจนัก...

“แล้วทำไมไม่ปรึกษาสมาชิกแกงค์ซีพียูของแกล่ะ... นักศึกษาแพทย์อย่างฉันจะช่วยอะไรแกได้” เพื่อนร่วมห้องอ้างถึงชื่อกลุ่มของดลยาที่ประกอบไปด้วยสมาชิกสามคนคือ พิมพ์มาดาและพีรวัฒน์ หญิงสาวเรียบร้อยและอีกหนึ่งหนุ่มหน้าหวานส่วนคนสุดท้ายก็คือเธอเอง ดลยา เหตุที่ได้ชื่อกลุ่มว่าซีพียูก็เพราะว่า คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องนั้นจะทำงานได้นั้นต้องมีหน่วยประมวลผลกลางหรือซีพียูเป็นหัวใจหลัก ฉะนั้นถ้าหากว่าภาควิชาคอมพิวเตอร์ของเธอขาดกลุ่มเธอแล้วก็เป็นอันว่าล่มจมไม่สามารถทำอะไรได้... ช่างเป็นความคิดที่ยกย่องตัวเองที่ซู๊ด...

“พวกนั้นน่ะหรอ ยัยพิมพ์ก็เอาแต่เขียนนิยายบ้าบอ ไอ้พีทก็เอาแต่บ้าภาษาอะไรของมัน จะหาคนที่เก่งคอมฯ แบบรู้ลึกรู้จริงน่ะไม่มีหรอกนอกจากฉันคนเดียวนี้แหละ” คนพูดชี้มือมาที่ตัวเองอย่างปลงตกว่านอกจากเพื่อนสนิทอีกสองคนแล้วก็ไม่มีใครเชี่ยวชาญในวิชาเรียนมากไปกว่าเธออีกแล้ว จนทำให้วิยะดาคนฟังต้องเผลอทำหน้าเออออห่อหมกตามไปด้วยว่าเพื่อนสาวคนนี้ของเธอเก่งนักหนา...

ว่าที่แพทย์หญิงนั่งฟังคนกำลังน้อยใจพูดพร่ำถึงเหตุการณ์ที่ได้พบเจอมาอยู่ครู่ใหญ่ มันทำให้ดลยาไม่พอใจและสูญเสียความมั่นใจว่าอาจจะไม่ได้เป็นตัวแทนไปแข่งทักษะก็เป็นได้ ทั้งจากที่อาจารย์ในภาควิชาเอ็นดูรินลดาคู่แข่งคนสำคัญเป็นพิเศษและมิหนำซ้ำดลยาเองก็เพิ่งไปมีเรื่องทำให้อาจารย์ท่านหนึ่งไม่พอใจโดยสาเหตุก็เกิดจากความไม่ยอมคนของเธอเองทั้งนั้น จนทำให้เข้าหน้าอาจารย์ท่านนั้นไม่ติด ด้วยเหตุนี้หญิงสาวเลยกลัวว่าจะโดนแย่งหน้าที่นี้ไป... หน้าที่ๆ จะได้เป็นตัวแทนของภาควิชาอย่างภูมิใจ และคว้าชัยชนะมาสู่มหาวิทยาลัย !

“เอาอย่างนี้... ฉันพอจะรู้จักอาจารย์เก่งๆ ท่านนึงอยู่” น้ำเสียงของวิยะดาช้าชัด ทำเอาคนฟังต้องหันมามอง ดวงตากลมโตแทบถลนออกมา ดลยากระหืดกระหอบมานวดแข้งนวดขาเพื่อนสาวทันที

“ฉันว่าแล้วเชียว ยังไงๆ แกก็ต้องช่วยฉัน ขอบคุณมากนะวิ” รีบขอบคุณล่วงหน้าก่อนที่วิยะดาจะถอนหายใจน้อยๆ กับกิริยาอาการของหญิงสาวที่เปลี่ยนจากเศร้าเจียนจะขาดใจกลับกลายมาทำหน้าระรื่นได้ในไม่ถึงวินาที

“อาจารย์ที่ฉันรู้จัก ท่านเป็นอาจารย์สอนพิเศษอยู่ที่ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ตอนนี้ก็ทำงานอยู่ที่บริษัทใกล้ๆ มหาวิทยาลัยนี่แหละ เอาไว้ฉันจะลองติดต่อให้นะ ไม่แน่... ท่านอาจจะเก่งกว่าอาจารย์ในภาควิชาเธอก็ได้”

“ยังไงก็ได้แหละวิ... ขอให้ได้อาจารย์เก่งๆ ฉันจะทำให้อาจารย์ในภาคต้องทึ่งกับความสามารถของฉันให้ได้” ดลยากำสองมือประสานกันแน่นพร้อมกับสูดหายใจเข้าปอดเต็มที่แสดงถึงพลังใจของเธอที่มุ่งมันหมายจะเป็นตัวแทนไปแข่งทักษะให้ได้

“ส่วนเรื่องที่แกมีปัญหากับอาจารย์ในภาควิชานะ ฉันว่าแกควรจะไปขอโทษหรือไม่ก็ทำตัวดีๆ กับท่านเข้าไว้เพราะไม่ว่ายังไงเราก็ไม่ควรสร้างศัตรู โดยเฉพาะเป็นศัตรูกับอาจารย์เนี่ย... มันไม่ธรรมดานะดรีม” วิยะดาเตือนด้วยความหวังดีเพราะว่าถ้าหากเธอไม่ไปเป็นปรปักษ์กับอาจารย์ในภาควิชาป่านนี้ดลยาก็คงได้ติวกับอาจารย์เก่งๆ ที่นั่น ไม่ต้องลำบากลำบนให้เธอต้องจัดการหาอาจารย์คณะอื่นมาติวให้แบบนี้

“ฉันจะลองดูแล้วกัน...” คนพูดทำเสียงอ่อย จะให้ขอโทษงั้นเหรอ เสียศักดิ์ศรีสุดๆ ก็อาจารย์ณัฐวุฒิจอมโหดที่คอยแต่จิกกัดเธอทุกคาบที่เข้าเรียน จนในที่สุดก็เกิดเรื่องใหญ่เข้าจนได้เมื่อหญิงสาวไม่พอใจในคะแนนสอบที่ออกมา ยืนยันว่ายังไงก็ต้องได้เต็มและหาว่าอาจารย์ตาบอดตรวจข้อสอบผิด จนเอาเรื่องนี้ไปฟ้องหัวหน้าคณะทำให้อาจารย์ที่ว่าต้องถูกเรียกไปไต่ถามมูลความจริง แต่เมื่ออาจารย์ร่างท้วมนำหลักฐานที่ยืนยันได้ว่าไม่ได้รวมคะแนนสอบผิดจึงทำให้เรื่องนี้จบลงแต่โดยดี แต่คนที่ไม่จบก็เห็นจะเป็นดลยาคนเดียว เมื่อไม่ได้คะแนนดังใจอีกทั้งยังเจ็บใจที่โดนว่าอย่างเย่าะเย้ยที่ทำอะไรไม่ได้ หญิงสาวก็จัดการงัดไม้เด็ดมาปราบคนที่กล้าบังอาจมาต่อกรกับเธอ ไม่ทันได้ข้ามวันขณะที่อาจารย์ร่างท้วมวัยกลางคนกำลังจะกลับบ้านก็แทบตาถลนเมื่อพบว่าล้อรถทั้งสี่ข้างแบนหมดทุกล้อ... งานนี้จะเป็นผลงานของใครไม่ได้นอกจากยัยดรีมแกงค์ซีพียูตัวแสบ...


พิมพ์มาดาเดินเร็วขึ้นเมื่อเห็นว่าคนเป็นเพื่อนอีกสองคนกำลังยืนรอเธออยู่ที่หน้าห้องสมุด ผมดำขลับที่ปล่อยสยายปรกแผ่นหลังกว้างกระเพื่อมตามจังหวะการก้าวย่างที่มั่นคง ใบหน้านวลเนียนที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบางๆ ทำให้หญิงสาวใบหน้าคมคายแบบหญิงไทยแฝงไปด้วยเสน่ห์ชวนหลงใหลจนนักศึกษาชายกลุ่มใหญ่ที่เดินผ่านมาต้องเหลียวหลังหันมามองหญิงสาวกันทุกคน เล่นเอาคนถูกมองหน้าแดงเป็นลูกตำลึงก็ว่าได้ และแน่นอนที่จะต้องมีชายเข้ามาสนใจในความสวยแบบเรียบๆ แต่แฝงไว้ซึ่งความน่าหลงใหลกับริมฝีปากหยักรูปกระจับและคิ้วโค้งเรียวเหมือนเสี้ยวพระจันทร์ไหนจะยังรูปร่างที่สูงสมส่วนเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็แทบจะทำให้พิมพ์มาดาปฏิเสธผู้ชายที่เทียวเข้ามาขอเบอร์โทรศัพท์ได้ไม่เว้นแต่ละวันไม่ทัน เล่นเอาเพื่อนอีกสองคนอิจฉาตาร้อนเป็นระนาว แต่บางทีเพื่อนทั้งสองก็แปลกใจที่ไม่ยอมเห็นหญิงสาวข้องแวะกับผู้ชายคนไหนเลยสักคนทั้งที่มีมาให้เลือกแทบทุกแนว ทั้งตี๋ขาว คิ้วเข้ม ตาโต หรือ แบบประเภทรูปหล่อพ่อรวย พิมพ์มาดาก็ไม่มีทีท่าว่าจะเล่นด้วยหรือแม้แต่จะให้เบอร์เธอยังไม่เคยคิด จนบางครั้งดลยาถึงกับเคยแซวว่าเธอแอบไปมีใครไว้โดยไม่บอกให้เพื่อนๆ รู้รึเปล่า...

“ขอโทษที่มาสายนะ ป่ะไปกันเถอะ” คนมาสายเป็นรอบที่สิบในเดือนนี้กล่าวขอโทษพร้อมกับสีหน้าที่สำนึกผิดแต่ไม่ทันที่เพื่อนทั้งสองที่ยืนคอยอยู่นานจะเอ่ยปาก พิมพ์มาดาก็ออกนำหน้าเดินไปเรียนก่อนแล้ว ดลยาและพีรวัฒน์จึงต้องรีบกระหืดกระหอบตามมาอย่างติดๆ

“นี่ยัยพิมพ์แกไม่เหนื่อยบ้างเลยเหรอ เดินมาหาพวกฉันตั้งไกลหยุดพักก่อนก็ได้” ดลยาเอ่ยขึ้นอย่างเห็นใจเมื่อชำเลืองเห็นเหงื่อเม็ดใหญ่ผุดอยู่ที่ซอกคอหญิงสาว

“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวไปไม่ทันเรียน” บอกกับดลยาอย่างไม่หันมามอง ด้วยที่รู้กันดีว่าหญิงสาวนั้นเคร่งเครียดกับการเรียนช่วงนี้มากเพราะเทอมที่แล้วเธอทำคะแนนได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พอมาเทอมนี้ก็กะว่าจะทำให้ดีที่สุดไปเลย ซึ่งคนเป็นเพื่อนก็ย่อมจะเห็นดีเห็นงามกับความคิดเหล่านี้ แต่ว่าบางทีดลยาอาจจะเห็นว่าการที่ตั้งใจเรียนและหมกมุ่นกับมันมากเกินไปจะทำให้สุขภาพจิตย่ำแย่เอาได้ เพราะตั้งแต่เปิดเทอมมาได้สามสี่สัปดาห์ก็เห็นพิมพ์มาดาเอาแต่อ่านหนังสือจนถึงดึกดื่นค่ำมืดไหนจะต้องตื่นแต่เช้ามาเรียนอีกแล้วอย่างนี้จะเอาเวลาที่ไหนไปพัก กลัวว่าสักวันหญิงสาวร่างระหงต้องล้มหงายเข้าไปให้น้ำเกลือที่โรงพยาบาลเข้าน่ะซี

สุดท้ายทั้งดลยาและพีรวัฒน์ก็เดินตามพิมพ์มาดาที่นำหน้ามาจนถึงตึกเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์จนได้แต่ระหว่างทางที่จะขึ้นตึกนั้นถูกทำเป็นทางเดินเล็กๆ ที่ตัดเลียบไปกับสนามฟุตซอลต์หน้าคณะฯ และเผอิญว่าช่วงนั้นมีนักศึกษาชายกลุ่มหนึ่งกำลังไล่เตะไอ้เจ้าลูกกลมๆ กันอย่างเมามัน แต่เมื่อแกงค์ซีพียูเดินผ่านมาเท่านั้นล่ะก็เจ้าลูกกลมๆ ที่เห็นแย่งกันจะเป็นจะตายก็ไม่รู้ว่ามันลอยหายไปไหนเสียนี่...

“เฮ้ย... สาวคณะฯ ไหนวะนั่น” ทิมกุลยกแขนเสื้อขึ้นปาดเหงื่อบนใบหน้าก่อนจะหรี่ตามองฝ่าแสงแดดยามสายเพื่อเพ่งพินิจหญิงสาวร่างบอบบางในชุดนักศึกษา ดวงตากลมโตสดใสปานลูกแก้วหันมามองอย่างค้อนๆ เพื่อเตือนให้เขารู้ว่าเธอกำลังไม่พอใจที่ถูกมองแบบนั้น

เพื่อนหนุ่มหลายคนของปานระวัฒน์กรูเข้ามาใกล้กันเพื่อยลโฉมหญิงสาวสองคนที่เดินนำหน้าหนุ่มหน้าหวานอย่างพีรวัฒน์ที่งานนี้ขอรั้งท้ายปล่อยให้สองสาวตกเป็นเป้าสายตาของเหล่าหนุ่มๆ ต่อไป

“นี่... พวกเอ็งจะไปสนใจทำไมวะ ข้าว่าไม่เห็นจะสวยตรงไหนเลยโดยเฉพาะยัยผมหยิกนั่น” ชายหนุ่มร่างสมส่วนสูงเกือบร้อยแปดสิบยักไหล่ก่อนจะเสมองหญิงสาวร่างเพรียวผมหยิกที่เดินตามติดไม่ห่างเพื่อนสาวผมยาวอีกคน แต่สายตาที่เหมือนดูแคลนกับซ่อนไว้ซึ่งบางอย่างที่เขาตั้งใจจะปกปิดไว้ในดวงตาคมคาย

“โถ่... ไอ้เป๊ก เอ็งตาบอดรึไงวะเขาออกจะสวยขนาดนั้นนะโว้ย” โกวิทที่ยืนค้ำไหล่ทิมกุลว่าขึ้นบ้าง ก็มันจริงอย่างที่คนเป็นเพื่อนว่าซะที่ไหน ทั้งขาว ทั้งสวยปานนางฟ้าขนาดนั้นจะบอกว่าขี้ริ้วขี้เหร่ก็คงตาบอดซะละมั้ง
“เห็นว่าเป็นเด็กบริหารธุรกิจน่ะ” ต้นรักที่ทำท่าจะไม่ค่อยสนใจว่าขึ้นลอยๆ แต่มันกลับทำให้เกือบทั้งกลุ่มหันไปสนใจเขาทันทีก่อนจะสลับหันไปมองกลุ่มของหญิงสาวเป็นระยะ

“เอ็งรู้จักเขาด้วยหรอวะไอ้ต้น... บอกมาซะดีๆ นะโว้ย” โกวิททำเสียงสูงอย่างเจ้าเล่ห์ ต้นรักยกริมฝีปากหยักขึ้นสูงและหันไปที่ปานระวัฒน์แทนคำตอบ

“หมายความว่าไง...อย่าบอกนะว่าเป็นเด็กไอ้เป๊ก มิน่าล่ะ...ทำเป็นพูดว่าเขาไม่สวยอย่างนั้นอย่างนี้ ที่แท้ก็กลัวว่าพวกข้าจะแอบจิ๊กเด็กเอ็งล่ะซี่” โกวิทได้ทีก็ตอกไข่ใส่สียกใหญ่เล่นเอาคนถูกว่าตั้งตัวไม่ติด ปานระวัฒน์ก็ทำเฉยพูดอะไรไม่ออก นั่นยิ่งทำให้เพื่อนๆ ล้อเขาเข้าไปใหญ่จนกลายเป็นว่าทั้งกลุ่มสรุปว่าเขากับกลุ่มของหญิงสาวรู้จักมักคุ้นกัน ซึ่งมันก็เป็นความจริง

พอได้โอกาสปานระวัฒน์ก็รีบลากตัวเพื่อนสนิทอีกคนเข้ามาคุยกันในที่ลับตาคน จนได้พื้นที่หลังอาคารที่มีแมกไม้ปกคลุมหนาแน่นเป็นมั่นเหมาะ ชายหนุ่มผิวขาวก็รีบเอ่ยถามคนเป็นเพื่อนอย่างเคร่งเครียดทันที แต่ดูเหมือนท่าทางของต้นรักจะไม่เคร่งเครียดกับท่าทางและสีหน้าของปานระวัฒน์เท่าไหร่นัก มิหนำซ้ำหนุ่มผิวคล้ำตัวโตยังแค่นหัวเราะอยู่ในลำคอหึๆ อยู่คนเดียว

“นี่ไอ้ต้น...ทำไมเอ็งต้องไปบอกไอ้วิทกับไอ้ทิมด้วยว่าข้ารู้จักกับผู้หญิงพวกนั้น” ปานระวัฒน์ทำท่าทำทางเหมือนกับคนที่ทำความลับสุดยอดแตก คิ้วหน้าเข้มขมวดเข้าหากันจนแทบชิด

“ทำไมวะ ก็ดรีมเคยเป็นแฟนเก่าเอ็งไม่ใช่หรอวะ” ต้นรักพูดเสียงเรียบเหมือนหน้าตา ก็มันคือความจริงเพราะว่าปานระวัฒน์ก็เคยเป็นแฟนกับดลยามาตั้งแต่เรียนมัธยมด้วยกัน แต่ติดที่ว่าตอนนี้ทั้งสองเป็นแค่คนรู้จักกันเท่านั้น
“ก็ข้าบอกให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับไง...” ปานระวัฒน์ทำปากบิดเบี้ยวเหมือนสีหน้า จนต้นรักที่เห็นว่าเรื่องนี้ไม่เป็นเรื่องเล็กๆ อีกต่อไป...ไอ้เพื่อนคนนี้มันต้องมีอะไรแน่ๆ

“ทำไมต้องเก็บเป็นความลับด้วยหรือเอ็งยังเป็นหมาหวงก้างไม่ยอมคายของเก่า เอ็งก็เป็นคนบอกข้าเองว่าตอนนั้นเอ็งเป็นคนบอกเลิกเขา หรือว่าเอ็งยังรักเขาอยู่ ใช่มั้ยไอ้เป๊ก” คนเป็นเพื่อนทำตาแพรวพราว
“โอ้ย...คนอย่างข้ามีสาวๆ มาให้เลือกทุกวันไม่ไปสนใจยัยแอลซีดีจอแบนนั่นหรอก” คนพูดลากเสียงสูงพร้อมทำหน้าเก้อมองท้องฟ้าอย่างหลงตัวเองก่อนที่ต้นรักจะยิ้มที่มุมปากหลังจากที่เห็นอาการของเพื่อนหนุ่ม
“ให้มันจริงอย่างที่แกว่าเถ๊อะ ข้ากลัวว่าซักวันเอ็งจะสำลักน้ำลายตัวเองน่ะสิ” พูดเสร็จก็เดินลิ่วออกจากร่มไม้เพื่อไปเตะบอลต่อเพราะกลัวว่าถ้าคุยกันนานกว่านี้ใครมาเห็นเข้าจะหาว่าเขาเป็นพวกเบี่ยงเบนได้ ส่วนปานระวัฒน์ที่ถูกว่าอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวก็กระวีกระวาดจะต่อยคนเป็นเพื่อนเสียให้ได้ที่จู่ๆ หลอกด่ากันแล้วก็หนีไปแบบนี้

หลังจากเตะบอลซึ่งเป็นกิจวัตรประจำวันเสร็จแล้วทั้งกลุ่มก็นั่งจับกลุ่มติวการบ้านกันอยู่ที่ม้าหินอ่อนตัวโปรดใต้ต้นก้ามปูหน้าคณะฯ หากแต่ว่าครั้งนี้ปานระวัฒน์คงไม่มีสมาธิทำการบ้านสักเท่าไหร่เพราะว่าคำขอร้องของเพื่อนอีกสองคนน่ะซิทำเอาชายหนุ่มสมองไม่แล่น คิดอะไรไม่ออกเลยทีเดียว

“เฮ้ย...ข้าจะทำงานว่ะ เอ็งสองคนอย่าพึ่งกวนได้รึเปล่าวะ” คนถูกเซ้าซี้สะบัดแขนที่ถูกเกาะกุมจากทิมกุลและโกวิทที่มาเกาะเขาเหมือนปลาหมึก รบเร้าให้เขาติดต่อหญิงสาวที่ต้นรักอ้างว่าเป็นเพื่อนกับปานระวัฒน์ให้ได้

“น่านะ ไอ้เป๊ก...แค่ขอเบอร์โทรฯ เขาแค่นั้นแกทำเพื่อเพื่อนไม่ได้หรอไงวะ” โกวิททำเสียงออดอ้อนเหมือนเด็กๆ ที่ร้องเอาของเล่นให้คนเป็นพ่อเป็นแม่ซื้อให้ก็ไม่ปาน ส่วนทิมกุลก็ไม่ยอมน้อยหน้ายกหาเหตุผลน้อยใหญ่มาอ้างเพื่อที่จะให้ปานระวัฒน์เป็นพ่อสื่อทอดสะพานรักระหว่างเขากับหญิงสาวในครั้งนี้

“เพื่อนกันเขาดูกันแค่นี้แหล่ะว๊า...” ทิมกุลทำทีพูดอย่างน้อยใจ ก่อนจะหันมาอ้างต่อว่าในเมื่อปานระวัฒน์บอกเองว่าเป็นแค่เพื่อนกับหญิงสาวแต่แล้วทำไมพอจะให้ติดต่อให้เขาถึงกับอิดออดแถมยังทำท่าทำทางอย่างกับจงอางหวงไข่อย่างนั้นน่ะ อย่างนี้มันจะไม่ให้น่าสงสัยได้ยังไง

ต้นรักที่นั่งก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่อย่างเงียบๆ คอยสังเกตอาการของปานระวัฒน์อยู่ทุกอิริยาบถว่าชายหนุ่มจะทำยังไงต่อกับการที่ถูกคนเป็นเพื่อนรบเร้าและกดดันอย่างนี้ จนในที่สุดแล้วคนที่ถูกตามใจจนเคยชินและไม่เคยถูกขัดใจมาแต่ไหนแต่ไรก็หาทางออกจนได้ ในเมื่อเขาไม่อยากบอกว่าทำไมถึงไม่อยากให้เพื่อนสองคนนี้รู้จักกับดลยาเขาก็ไม่จำเป็นต้องบอกนี่...ถึงใครจะว่ายังไงก็ช่าง

“เฮ้ย...ไอ้เป๊กไปไหนวะกลับมาก่อน” ทิมกุลโบกมือเรียกปานระวัฒน์ที่พอหยิบสมุดหนังสือได้ก็ลุกจากเก้าอี้และเดินลิ่วออกจากวงสนทนาไปอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เล่นเอาเพื่อนอีกสองคนที่กำลังเซ้าซี้เรื่องหญิงต้องมองค้างอย่างมึนงง ทิมกุลและโกวิทตะโกนเรียกแล้วเรียกอีกแต่คนที่กำลังทำหน้าถมึงทึงเดินดุ่มๆ ไปก็ทำทีเหมือนทองไม่รู้ร้อน คิดเสียว่าเป็นเสียงนกเสียงกา จนร่างสูงโปร่งก้าวพ้นเขตอาคารเรียน ทั้งทิมกุลและโกวิทจึงทรุดนั่งลง ทั่วใบหน้าตอนนี้เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม...

“เอ็งอย่าไปกวนใจมันมากเลยว่ะ ขืนไอ้เป๊กมันอารมณ์ไม่ดีขึ้นมาล่ะก็...ข้าก็เอาไม่อยู่นะโว้ย” ต้นรักที่ซุ่มดูเหตุการณ์อยู่อย่างเงียบๆ หาโอกาสแทรกขึ้นทำเอาเพื่อนอีกสองแทบหัวหมุน งงว่าทำไมเรื่องแค่นี้ปานระวัฒน์ถึงต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟถึงขนาดเดินหนีไปซะดื้อๆ แบบนี้ แต่สำหรับต้นรักแล้วการที่เพื่อนหนุ่มผิวขาวร่างสูงเดินหนีไปเพื่อตัดปัญหานั้นดีกว่าที่จะต้องมาลงกับเพื่อนอีกสองคนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ เพราะเหตุที่ว่าอยากจะเข้าไปยุ่งกับสาวที่ปานระวัฒน์หวงนักหวงหนาอย่างดลยา ถึงแม้ชายหนุ่มจะตั้งใจปกปิดเรื่องนี้นักหนาแต่เพื่อนสนิทที่สุดอย่างต้นรักที่ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ ก็พอจะเดาสายตายามที่ปานระวัฒน์จับจ้องใบหน้ากลมสวยและดวงตากลมโตวาววับของอดีตคนรักอย่างดลยาก็พอจะรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่

“ไอ้เป๊กนะไอ้เป๊ก...ถึงทีข้าบ้างเถอะ นี่ถ้ามันเกิดปิ๊งสาวคนไหนนะข้าจะแย่งมันจีบให้หมดเลย” โกวิทบุ้ยปากอย่างอารมณ์เสียที่ผิดหวังไม่ได้เบอร์โทรฯ ของดลยาจากคนที่อ้างว่าเป็นเพื่อนสนิท แต่ต้นรักกลับหุบยิ้มที่คนเป็นเพื่อนพูดออกมาอย่างนั้น หากจะให้เปรียบโกวิทกับปานระวัฒน์ก็เหมือนฟ้ากับดิน...ต้นรักรู้ดีว่าถ้าหากปานระวัฒน์คิดจะหาผู้หญิงสักคนมาควงก็คงทำได้ไม่ยาก ทั้งรูปร่างหน้าตาดีแถมยังพ่วงท้ายด้วยครอบครัวที่มีกินมีใช้อย่างเหลือเฟือ แค่นี้ก็ทำให้สาวๆ หลายคนอยากจะมารักมาชอบกันไม่หวาดไม่ไหว ผิดกับโกวิทที่เป็นแค่เด็กหนุ่มหน้าตาธรรมดาแต่ดีตรงที่มีคารมเป็นต่อเท่านั้น


เสียงลุกจากเก้าอี้ของเหล่านักศึกษาดังขึ้นในห้องเรียนบนชั้นสามของอาคารหลังใหญ่ก่อนที่ทั้งกลุ่มจะโผออกมาจากห้องเรียนอย่างเริงร่าดังนกที่หลุดออกมาเป็นอิสระจากกรงขัง ดลยารีบรวบรวมหนังสือที่เธอวางไว้บนโต๊ะข้างๆ มาไว้ในมือโดยไม่ทันได้สังเกตว่ามีสมุดแลคเชอร์เล่มเล็กสีฟ้าสดใสที่เธอเอาไว้จดบันทึกยามเข้าเรียนวิชายากๆ ที่เธอมักไม่ค่อยเข้าใจตกอยู่ใต้เก้าอี้ที่เธอนั่ง

“ไปกันเถอะ หิวข้าวจะแย่อยู่แล้ว” พีรวัฒน์ยกมือขึ้นลูบหน้าท้องแบนราบของตัวเองเบาๆ แข่งกับเสียงร้องภายในกระเพาะที่ดังโครกครากขณะที่ทั้งสามก้าวเดินลงบันได

“เดี๋ยวขอเข้าห้องน้ำก่อนนะแป๊ปนึง” ดลยาแทรกขึ้นก่อนจะยกหอบหนังสือในมือให้พีรวัฒน์และพิมพ์มาดาที่ยืนอยู่ใกล้ๆ

“ฝากก่อนนะ เดี๋ยวมา” คนพูดว่าเสียงดังก่อนจะผลีผลามกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปอีกด้านของอาคารที่มีห้องน้ำหญิงพีรวัฒน์ได้ทีจึงตะโกนบอกดลยาไปว่าจะไปรอที่ด้านล่างอาคารเพราะไม่อยากยืนรอตรงบันไดทางลงอาคาร

เสียงกดชักโครกดังขึ้นในอีกไม่กี่นาทีต่อมา ก่อนที่หญิงสาวจะออกมาจากห้องน้ำตรงไปที่กระจกบานยาวที่ติดไว้ห่างจากตัวห้องน้ำ เมื่อเช็คความเรียบร้อยเสร็จแล้วก็รีบเดินออกมาด้วยกลัวว่าคนเป็นเพื่อนอีกสองคนจะรอนาน แต่พอก้าวลงบันไดมาถึงช่วงหัวมุมหน้าผากมนก็ชนเข้ากับแผงไหล่ของใครบางคนอย่างแรงจนร่างบางต้องเซถลาถอยไปพิงผนัง แต่คนที่ถูกชนกับยืนมองหญิงสาวผมหยิกที่ยืนกุมหน้าผากอย่างขบขันไม่คิดว่าจะมีคนที่ซุ่มซ่ามแบบนี้อยู่ในโลกอีก

“ขอโทษครับ...เป็นอะไรรึเปล่า” เสียงทุ้มน่าฟังเอ่ยถามตามมารยาททั้งที่เขาก็ไม่ได้เป็นคนผิดก่อนที่จะเข้าไปดูอาการหญิงสาวที่ทำท่าจะเจ็บไม่น้อย
ดลยาผละมือออกจากหน้าผากมนก่อนจะเสยผมที่ปรกหน้าและช้อนสายตาขึ้นมองหนุ่มร่างสูงที่บังอาจมาชนเธอเข้าอย่างไม่ดูตาม้าตาเรือ...แต่ไม่ทันที่หญิงสาวจะร้องว่า ตากลมโตแวววับก็แทบถลน ขากรรไกรค้างพูดไม่ออกซะอย่างนั้น คิ้วเข้มหนาของอีกคนก็ขมวดมุ่นเข้าหากันพร้อมกับริมฝีปากที่เหมือนจะพูดอะไรออกมาแต่มันก็ยังค้างไว้จนกระทั่งทั้งสองต้องปลดปล่อยออกมาพร้อมกัน

“ไอ้หน้าปลาไหล, ยัยแอลซีดี”

ยังดีที่ดลยาชิงพูดก่อนแต่ปานระวัฒน์ก็ตามมาติดๆ คนทั้งสองมองหน้ากันด้วยสายตาที่ลุกโชนไปด้วยความโกรธโดยเฉพาะดลยาที่เริ่มจะมีแววตาขุ่นข้นกับคนคุ้นเคยตรงหน้า

“นี่นายเดินภาษาอะไรน่ะ ไม่เห็นคนรึไง...” คนผิดรีบฉวยโอกาสว่าอีกฝ่ายทันที ถ้าเป็นคนอื่นเธออาจจะให้อภัยแต่ถ้าเป็นไอ้หน้าปลาไหลนี่ล่ะก็...ไม่ปล่อยไปง่ายๆ แน่ ปานระวัฒน์ยืนงงอยู่พักหนึ่งหลังจากที่เห็นว่าคนที่มาชนเขาเป็นหญิงสาวที่คุ้นเคย อดีตตำนานรักสมัยมัธยมปลาย และหลังจากที่ความสัมพันธ์หวานขาดสะบั้นลงทั้งสองก็กลายเป็นคู่กัดกันมาตลอดและยังคงดำรงความสัมพันธ์นี้จนกระทั่งเรียนมหาวิทยาลัย

“นี่เธอกล้าพูดออกมาได้ไงเนี่ย...ใครกันแน่ที่เป็นคนมาเดินชน ฉันไม่อยากมาเดินชนยัยแอลซีดีจอแบนอย่างเธอหรอกนะ” คนพูดทำปากเบ้ใส่อารมณ์ดูถูกเต็มที่ทั้งน้ำเสียงและใบหน้าจวนจะทำให้แผงปรอทในตัวของดลยาแทบพรุ่งปรี๊ด บังอาจมาดูถูกสัญลักษณ์แห่งความเป็นหญิงของเธอ ถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่ใหญ่โตมากมายมหาศาลแต่มันก็ไม่ได้แบนราบอย่างที่เขาพูดสักหน่อย อย่างนี่มันต้องสั่งสอน...

“นายว่าใครแอลซีดี พูดให้มันดีๆ นะไอ้หน้าปลาไหล ไม่มีใครอยากเอา ชอบเมาหัวราน้ำ ไอ้คนทรามใจถ่อย ฉันอยากจะต่อยแกจริงๆ เล้ย...” ร่ายยาวเป็นกลอนอย่างเลือดขึ้นหน้า ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้พักหายใจก่อนที่กำปั้นน้อยๆ จะฟาดเข้าใส่กับกรามคมสันจนคนโดนหมัดมวยวัดเส้าหลินต้องลงไปนั่งยองยอเอามือกุมคางตัวเองอย่างโอดครวญ

“ยัยบ้าเอ๊ย...มันเจ็บนะโว้ย” น้ำเสียงที่เล็ดลอดออกมานั้นบ่งบอกว่าชายหนุ่มเจ็บจริงอย่างที่พูด ก่อนจะฝืนยอบกายลุกขึ้นมองหญิงสาวร่างบางตรงหน้าเหมือนเป็นวัตถุอันตราย ทั้งที่อดีตผ่านมาเธอเคยเป็นถึงเจ้าของหัวใจของเขา

“ก็นายว่าฉันทำไมล่ะ หน้าตาไม่ดีแล้วยังนิสัยไม่ดีอีกนะ” ดลยาเท้าสะเอวสั่งสอนชายหนุ่มที่ตอนนี้มีฐานะเป็นแค่เพื่อนแถมยังเป็นจอมกวนประสาทของเธอ...ที่เจอกันทีไรเป็นต้องได้เรื่องกันทุกทีเหมือนกับครั้งนี้
“ก็เธอเป็นคนเดินมาชนฉันก่อนนะยังจะหาว่าคนอื่นผิดอีก...” ปานระวัฒน์อ้าปากเถียงก่อนที่อีกคนจะถอนใจอย่างเคืองๆ

“นายนี่เป็นผู้ชายรึเปล่าเนี่ยไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเลยซักนิด...ฮีโถ่ ก็ได้...ฉันเป็นคนผิดก็ได้” หญิงสาวร้องเสียงสูงทำทีเป็นยอมรับผิดแต่โดยดี ซึ่งเธอก็เป็นคนผิดจริงๆ น่ะแหละแล้วยังจะมาพาลหาเรื่องใส่คนอื่นอีก คราวนี้ก็มาทำตัวเป็นแม่พระยอมรับผิด แค่ได้ฟังปานระวัฒน์ก็แทบสำลักอากาศแล้วล่ะ ไม่ว่านานเท่าไหร่จะวัยรุ่นหรือวัยสาวเธอก็ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยจริงๆ ดลยา

“มาเรียนที่ตึกนี้เนี่ยมันซวยจริงๆ นักศึกษามีแต่พวกงี่เง่าๆ” คนพูดสะบัดเสียงใส่อย่างอารมณ์เสีย ความเจ็บช้ำจากอดีตมันทับถมกันนานเสียจนเธอมิอาจจะให้อภัยเขาได้ ไม่ว่าเขาจะทำอะไรในสายตาเธอมันก็ต้องผิดไปหมด ร่างระหงชำเลืองมองคนตรงหน้าที่ทอดสายตามองเธอนิ่งนานอย่างเอือมระอาก่อนที่มันจะฉายแววบางอย่างภายในหน้าต่างหัวใจคู่นั้นที่เหมือนกับว่าอยากจะย้ำถึงอะไรบางอย่าง แต่ดลยาก็จัดการลบล้างภาพที่อีกฝ่ายกำลังสร้างขึ้นเพื่อทำให้เธอไขว้เขวก่อนจะเชิดคางน้อยๆ พร้อมกับกระแทกส้นรองเท้าเดินลงบันไดจากไป ทิ้งให้คนฟังอ้าปากค้างอย่างเจ็บใจแต่ก็พูดอะไรไม่ออก



Create Date : 25 พฤศจิกายน 2554
Last Update : 25 พฤศจิกายน 2554 12:37:09 น.
Counter : 509 Pageviews.

3 comments
  
ระหว่างที่รอ เพียงเพื่อนใจ กับ ความลับฤดูหนาว ก็ขอฝาก หน่วยประมวลผลรัก ไปก่อนนะครับ ^^

ช่วงนี้ผมเป็นโรค จินตนาการตีบตัน ><

เรื่องนี้เขียนไว้นานแล้ว... แต่ยังไม่ได้เผยแพร่ตอนสาธารณะชนเลย

เป็นเรื่อง เบาๆ สบายๆ ไม่หนักครับ
โดย: ผีเสื้อสีดำ วันที่: 25 พฤศจิกายน 2554 เวลา:12:46:52 น.
  
โดย: ดอยสะเก็ด วันที่: 31 ธันวาคม 2554 เวลา:13:00:11 น.
  
เช่นกันครับ ^^
โดย: ผีเสื้อสีดำ วันที่: 1 มกราคม 2555 เวลา:11:15:01 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ผีเสื้อสีดำ
Location :
ศรีสะเกษ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]



จงทำในสิ่งที่คุณคิดว่า...

ทำไม่ได้
พฤศจิกายน 2554

 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
26
27
28
29
30
 
 
MY VIP Friend