บทที่ 3 ข้อเสนอ
บทที่ 3 ข้อเสนอ

อีกสองชั่วโมงต่อมา...แกงค์ซีพียูและสมาชิกทั้งสามก็เดินดุ่มๆ ตรงไปยังตึกคณะฯ หนึ่งที่ทั้งสามไม่อยากย่างกรายไปที่สุดโดยเฉพาะดลยาที่ตอนนี้กลายเป็นคนเดินนำหน้าเพื่อนทั้งสองไปอย่างเร่งรีบหลังจากที่ไปหาตามตึกในคณะบริหารธุรกิจ ค้นหาทุกซอกทุกมุมของทุกห้องที่เข้าเรียน ไหว้วานให้เพื่อนๆ ช่วยกันหาอีกแรงแต่ก็ไม่พบ จะเหลือก็แต่ที่ตึกคณะวิศวะกรรมฯ นี่แหละที่ยังไม่ได้ไปหาและหญิงสาวก็มั่นใจนักหนาว่ายังไงมันก็ต้องอยู่ที่นี่

“เผื่อว่ามันไม่ได้อยู่นี่หละดรีม...มันอาจจะหล่นอยู่ที่ไหนสักแห่งก็ได้” พิมพ์มาดาที่เดินตามหลังเอ่ยขึ้นลอยๆ ขณะสาวเท้าให้ทันคนเป็นเพื่อนที่ก้าวเร็วจนเกือบจะกลายเป็นวิ่งก็ว่าได้

“มันต้องอยู่ที่นี่...รีบเดินเร็วๆ เข้า” หญิงสาวบอกเป็นมั่นเหมาะ...มั่นใจนักหนา ก่อนที่จะพาเพื่อนทั้งสองขึ้นตึกคณะวิศวกรรมไปในที่สุด

แต่พอเดินมาถึงห้องเรียนที่เมื่อตอนเช้าเธอเข้าเรียนก็พบกับเหล่านักศึกษาชายหลายสิบคนที่กำลังนั่งฟังอาจารย์ที่กำลังสอนอย่างคร่ำเคร่ง ทั้งสามจึงต้องถอยกรูมาตั้งหลักกันก่อน

“จะเอายังไงดีล่ะ ห้องนั้นมีคนเรียนอยู่ด้วย” พิมพ์มาดาย่นคิ้วอย่างกังวลหลังจากที่เหลือบไปเห็นสายตาวาบหวามของนักศึกษาชายหลายคู่ที่จับจ้องมายังเธอขณะที่ชะโงกหน้าไปดู

“รอให้พวกนั้นเรียนเสร็จแล้วเราค่อยเข้าไปค้นก็ได้นี่” พีรวัฒน์เสนอ แต่เจ้าของสมุดกลับยังรู้สึกว่ามันเป็นคำตอบที่ไม่ค่อยจะถูกใจนัก

“เข้าไปหากันตอนนี้แหละ...ป่ะ” พูดจบหญิงสาวก็คว้าเอามือคนเป็นเพื่อนคนละข้างเตรียมบุกเข้าห้อง ก่อนที่ร่างบางจะถูกรั้งดึงกลับมาด้วยสองร่างด้านหลังจนดลยาแทบหงายท้อง

“อะไรล่ะ พีท, พิมพ์” คนพูดตวัดเสียงอย่างหัวเสีย พิมพ์มาดาและพีรวัฒน์หันมามองตากัน ก็ใครจะไปใจกล้าอย่างยัยดรีมจอมซ่าได้ล่ะ...เห็นๆ กันอยู่ว่ามีคนเรียนอยู่เต็มห้องแถมยังมีแต่นักศึกษาชายทั้งนั้นแล้วอย่างนี้จะให้ทะเร่อทะร่าเข้าไปได้ยังไง

“รอก่อนนะดรีม...เดี๋ยวพวกเค้าออกจากห้องเราค่อยไปหา” พิมพ์มาดาแนะนำเสียงหวานด้วยสีหน้าหวังดี แต่ดลยากลัวว่านักศึกษาที่เข้าเรียนอาจจะมีคนเก็บสมุดแลคเชอร์ของเธอได้ ก่อนที่ทั้งเธอ พิมพ์มาดาและก็พีรวัฒน์จะหาเจอน่ะสิ...ถ้าขืนเป็นอย่างนั้นมีหวังต้องแย่กว่าเก่าแน่ๆ

“นั่นไงออกมากันแล้ว” เสียงของพีรวัฒน์ทำให้สองสาวต้องหันขวับ จ้องไปที่ประตูทางออกของห้องเรียนที่มีนักศึกษาชายกรูกันออกมา บางคนก็หันมาส่งสายตาหวานเยิ้มให้หญิงสาวจนดลยาแทบเลี่ยนส่วนบางคนนั้นสายตาก็วาบหวามโลมเลียเรือนร่างอรชรอย่างตั้งใจจนพิมพ์มาดาต้องทำทีเป็นหันหลังคุยกับพีรวัฒน์รอจนนักศึกษาทั้งหมดเดินจากไป คนที่ร้อนใจที่สุดก็รีบพรวดพราดเข้าห้องว่างๆ นั้นทันที

ส้นรองเท้าสูงกระทบกับพื้นห้องอย่างแรงจนเกิดเสียงดังตามช่วงเท้าที่กระทบลงบนพื้นในขณะที่ดลยารีบไปให้ถึงโต๊ะเรียนตัวที่เธอนั่งเมื่อช่วงเช้า แต่เมื่อก้มๆ เงยๆ มองซ้ายมองขวาอยู่หลายรอบก็ไม่มีวี่แววว่าจะเห็นสมุดแลคเชอร์เล่มสีฟ้าของเธอเลยแม้แต่น้อยจนเจ้าของเริ่มอ่อนใจ

“เป็นไง...เจอมั้ย?” ร่างระหงอีกคนทรุดนั่งลงที่เก้าอี้ไม่ไกลกันนัก พลางสอดส่ายสายตามองหาช่วยคนเป็นเพื่อนในขณะที่พีรวัฒน์ออกเดินดูรอบๆ ห้องเพื่อช่วยหาอีกแรง

“ฉันว่าแกไม่ได้ทำตกไว้ในห้องนี้หรอกดรีม” เพื่อนหนุ่มที่อยู่มุมห้องหันมาบอกก่อนที่ดลยาจะหยัดกายลุกขึ้นด้วยอาการเม้มปากและตาขวาง...

“โถ่เอ๊ย...แล้วมันอยู่ไหนล่ะเนี่ย แล้วอย่างนี้จะไปหากันที่ไหนต่อล่ะ สมุดเล่มนั้นมันยิ่งสำคัญต่อฉันมากด้วย” คนพูดนั่งก้มหน้าเอามือยันหน้าผาก ทั้งพีรวัฒน์และพิมพ์มาดาก็นึกอยู่แล้วว่ามันต้องเป็นอีหรอบนี้ พอดลยาหมดความอดทนเข้าก็มักจะโวยวายหรือไม่ก็โทษนั่นโทษนี่เป็นประจำ

“ลองๆ หาดูที่อื่นก่อนก็ได้ เผื่อมันอาจจะหล่นจากมือแกระหว่างที่เดินลงบันได้หรือไม่ก็อาจจะเผลอลืมไว้ในห้องน้ำ...” พีรวัฒน์เลียบๆ เคียงๆ สถานที่ๆ คิดว่าคนเป็นเพื่อนจะทำสมุดแลคเชอร์หล่นไว้ทำให้ดลยาพอใจดีขึ้นมาบ้าง

“งั้นก็ช่วยๆ กันหาคนละที่จะได้เจอเร็วๆ และไม่เสียเวลาด้วย” พิมพ์มาดาสรุปเพราะนี่ก็เลยเวลาที่เธอจะต้องกลับไปอ่านหนังสือและร่างพล็อตนิยายเรื่องใหม่เหมือนกัน ทั้งหมดตกลงว่าจะทำตามข้อเสนอของหญิงสาว จัดการออกจากห้องนี้และเดินหากันคนละที่


พีรวัฒน์เดินเลี้ยวลงมาทางบันไดอีกฝั่งก่อนจะก้าวลงสำรวจไปยังทางเดินทางของอีกชั้นเผื่อว่าดลยาจะซุ่มซ่ามทำหล่นเอาไว้ แต่ว่าตั้งแต่เดินดูมายังไม่เห็นแม้แต่วี่แววของเจ้าสมุดเล่มเล็กสีฟ้าสดใสของคนเป็นเพื่อนเลยแม้แต่น้อย จนหนุ่มร่างบางต้องยืนถอนใจเบาๆ

“เฮ่ย...ยัยดรีมนะยัยดรีม ซื่อบื้อไม่เข้าเรื่องแค่สมุดก็รักษาไว้ไม่ได้ แล้วยังอยากจะไปแข่งทักษะกับเค้าอีก” คนเป็นเพื่อนพูดอย่างอารมณ์เสีย
เนี่ย...ถ้าหากว่าไม่ได้ต้องมาวุ่นวายหาของให้ดลยาป่านนี้เขาคงได้มีเวลากลับไปร่างบทสุนทรพจน์ตามคำสั่งของอาจารย์นทีผู้เป็นคนฝึกซ้อมแล้วหละ ก็อีกไม่กี่อาทิตย์ข้างหน้าเขาก็จะต้องเตรียมตัวไปแข่งการกล่าวสุนทรพจน์ภาษาอังกฤษ หลังจากที่ปี่แล้วพลาดรางวัลชนะเลิศไป ปีนี้ก็ตั้งใจว่าจะเริ่มต้นใหม่คว้ารางวัลชนะเลิศมาให้ได้

เสียงกีร์ต้าในห้องข้างๆ ทำให้หนุ่มร่างบางชะงัก ก่อนจะเอี้ยวตัวมองหาที่มาของเสียงดนตรีที่พลิ้วไหวขึ้นลงเป็นจังหวะพร้อมกับเสียงร้องคลอเคลียร์ของคนดีดที่กำลังสุนทรีย์กับรสชาติของเสียงเพลงในมุมที่เป็นส่วนตัว ก่อนที่ผู้บุกรุกตรงหน้าจะทำให้เสียงดนตรีที่พลิ้วไหวต้องเงียบลง

ต้นรักผละปลายนิ้วที่กำลังรัวกีร์ต้าตัวโปรดลงพร้อมกับสายตาคมคายที่จับจ้องไปยังร่างที่ยืนเด่นอยู่หน้าประตูห้อง คนที่บังเอิญเข้ามาโดยไม่ทันได้รับอนุญาตทำตาหยีก่อนจะค้อมศีรษะน้อยๆ เพื่อเป็นการแสดงความขอโทษ ก่อนที่สองขาเรียวจะรีบวิ่งโร่ออกไปทันที

พีรวัฒน์หลบมายืนนิ่งอยู่ที่ผนังห้องข้างๆ ก่อนจะยอบตัวถอนหายใจสักพัก... เขาจำได้แม่นว่าผู้ชายที่เป็นเจ้าของเสียงเพลงเมื่อครู่อยู่กลุ่มเดียวกันกับปานระวัฒน์ที่เมื่อตอนเช้าก็โห่แซวดลยาและพิมพ์มาดา แต่ทว่ามีเพียงอีกสายตาหนึ่งที่ไม่ได้สนใจเพื่อนสาวของตนทั้งสองคน ยิ่งคิด...ใบหน้านวลเนียนเหมือนอิสตรีก็ยิ่งแดงระเรื่อขึ้นมาเสียอย่างนั้น ก็คนที่เอาแต่จ้องเขาตอนนั้นก็เป็นคนเดียวกันกับที่เจอในห้องเมื่อกี้นั่นไง !


พิมพ์มาดาเดินเข้าออกห้องน้ำในตึกนั้นจนทั่วทุกห้อง แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะพบสมุดแลคเชอร์ของดลยาเลยแม้แต่น้อย ยิ่งเดินก็ยิ่งเหนื่อย...เฮ่ย ยัยเพื่อนคนนี้มันน่าจับมาตีก้นเสียให้เข็ด คอยทำให้เพื่อนๆ ต้องมาเหนื่อยอยู่เรื่อย

หญิงสาวกระทุ้งส้นรองเท้าเดินลงบันไดมาอย่างเหนื่อยๆ หลังจากที่หาจนทั่วแล้ว ม้านั่งตัวที่ว่างอยู่ใต้ร่มไม้เล็กๆ หน้าตึกคือเป้าหมายที่พิมพ์มาดากำลังเดินไปจวนจะถึงก่อนที่ลูกฟุตบอลขนาดเล็กจะพุ่งผ่านหน้าเธอไปอย่างฉิวเฉียด... เท้าข้างซ้ายก้าวถอยหลังอย่างอัตโนมัติ สายตาจดจ้องไปที่ลูกฟุตบอลซึ่งกระทบกับผนังอาคารอย่างแรงหลังจากมันผ่านใบหน้าของเธอไป มือหนึ่งยกขึ้นมาทาบอกอย่างใจหายกับอันตรายที่ผ่านไปต่อหน้า... นี่ถ้าหากว่าเธอเดินเร็วกว่านี้อีกซักนิด มีหวังต้องโดนลูกฟุตบอลอัดใส่เต็มหน้าแน่ๆ เลย

ชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งวิ่งเหยาะๆ มายังร่างระหงที่ยืนหน้าเสียอยู่ ทิมกุลจ้องมองใบหน้าหวานด้วยแววตาเชิงขอโทษก่อนที่ปากจะบอกคำนั้นเสียงเบา

“ขอโทษนะครับ พอดีไม่ทันระวัง” เสียงขอโทษทำให้พิมพ์มาดาหันขวับมาที่อีกร่างที่ยืนห่างไปราวห้าเมตร ก่อนที่ริมฝีปากหยักจะเม้มแน่น ปกติแล้วหญิงสาวเป็นคนที่อ่อนโยนและใจเย็นเสมอ เหมือนกับเช่นครั้งนี้ที่ต้องระงับอารมณ์โกรธไว้ถึงแม้ว่าข้างในจะร้อนเป็นฟืนเป็นไฟก็เถอะ

“ไม่เป็นไรค่ะ...แค่มันไม่โดนหน้าก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว” เสียงเรียบเอ่ยตอบ ก่อนจะอดหยอดเสียดสีคนที่ซุ่มซ่ามไม่ได้ ส่วนอีกฝ่ายก็เอาแต่จ้องเธอตาเป็นมันจนพิมพ์มาดาชักเริ่มรู้สึกอึดอัด

ทิมกุลรู้สึกคุ้นหน้าหญิงสาว... จนในที่สุดเค้าก็นึกออก เมื่อช่วงเช้าตอนที่เล่นบอลกับผองเพื่อนอยู่ก็มีนักศึกษาจากคณะบริหารธุรกิจกลุ่มหนึ่งกำลังเดินมาเรียนที่ตึกคณะฯ ของเขา ตอนนั้นชายหนุ่มแอบปิ๊งหญิงสาวผมหยิกตาโตร่างเล็กจนมิทันได้สังเกตเพื่อนอีกคนที่เดินมาข้างๆ กัน ซึ่งก็คือพิมพ์มาดา บัดนี้ก็ยืนอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว...ไม่นึกว่าเมื่อได้เห็นใกล้ๆ จะสวยถึงขนาดนี้

“ขอตัวนะคะ” สุดท้ายหญิงสาวก็เอ่ยขึ้นทำลายบรรยากาศความเงียบและเพื่อทำให้ชายหนุ่มเลิกมองเธอด้วยสายตาที่ฉายแววชัดถึงความต้องการบางอย่าง สายลมอ่อนๆ พัดมาทำเอาผมดำขลับที่ปล่อยยาวสยายกับแผ่นหลังพลิ้วไหว กลิ่นของดอกไม้ที่หอมอ่อนๆ โชยมาจากหญิงสาวทำเอาชายหนุ่มเหลียวมองร่างบางที่เดินจากไปจนอาวรณ์ อยากจะทำความรู้จักกับเธอไว้...อย่างน้อยให้ได้แค่รู้ชื่อก็ยังดี ไม่สิ...เขาจะต้องรู้ให้ได้ว่าเธอคนนี้เป็นใครกัน


เจ้าของสมุดสาวถึงกับต้องมาหอบแฮ่กๆ กับเขาบ้าง หลังจากที่ตามหาสมุดแลคเชอร์จนสุดแผ่นดินแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะพบเห็นเลยแม้แต่น้อย จิตใจก็คิดไปต่างๆ นานา ไม่รู้ว่าตอนนี้มันไปอยู่ไหนแล้วเนี่ย

แต่ในขณะที่กำลังนั่งเหนื่อยอยู่นั้นเสียงหัวเราะที่พลิ้วไหวก็ดังขึ้นและใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนคนได้ยินถึงกับเลิกคิ้วสูง อยากรู้นักว่าเป็นใคร...คนยิ่งอารมณ์เสียอยู่ด้วยจะมาหัวเราะทำไมแถวนี้

เสียงหัวเราะที่ดังประหนึ่งว่าคนนั้นกำลังตกอยู่ในห้วงของความสุขสุดๆ เงียบลง ก่อนจะคลี่ยิ้มกว้างและมองหญิงสาวที่ทรุดนั่งบนเก้าอี้อย่างหน้าสงสารปนสมเพช...เป็นสายตาที่ดลยาเกลียดเป็นที่สุด โดยเฉพาะถ้าหากว่าคนๆ นั้นเป็นผู้ชายที่เธอไม่อยากเจออีกตลอดชีวิต

“นายมาทำไม...มีอะไรมิทราบ” ริมฝีปากบางเชิดสูงขึ้นเหมือนกรอบดวงตากลมโต ก่อนที่ปานระวัฒน์จะเลิกคิ้วหนาพร้อมกับรอยยิ้ม

“อ้าว ก็เห็นว่ามีนักศึกษาจากคณะฯ อื่นมาด้อมๆ มองๆ อยู่แถวนี้ ฉันในฐานะที่เป็นนักศึกษาที่เรียนอยู่ที่ตึกนี้เป็นประจำก็อยากจะรู้บ้างว่าเธอมาทำอะไรที่นี่”

“ฉันจะมาทำอะไรมันก็เรื่องของฉันนายเกี่ยวอะไรด้วย” ดลยาแหวใส่ ก่อนที่อีกคนจะหัวเราะเสียงพลิ้วอีกครั้งทำเอาหญิงสาวแทบคลั่ง...จะมีความสุขอะไรนักหนาวะ

“นี่...มันมีเรื่องอะไรที่ต้องน่าหัวเราะมากงั้นหรอ เอ...หรือว่านายกินยาไม่เขย่าขวด” พูดออกไปด้วยความหมั่นไส้แต่ฝ่ายตรงข้ามกับทำท่าทำทางยังกะทองไม่รู้ร้อน

“ว่าไงล่ะ...หาของเจอรึยัง” ปานระวัฒน์เปรยขึ้นเรียบๆ ในขณะที่สายตาคมแอบสังเกตท่าทีของหญิงสาวที่เปลี่ยนไป

“นายรู้ได้ยังไงว่าฉันมาหาของ?” คนพูดถามด้วยสีหน้าคลางแคลงใจ ยิ่งเมื่อเห็นสายเจ้าเล่ห์ของชายหนุ่มก็ยิ่งทำให้หญิงสาวไม่ไว้ใจ...หรือว่าไอ้หน้าปลาไหลนี่จะรู้ว่าสมุดแลคเชอร์เธออยู่ที่ไหน

ปานระวัฒน์อมยิ้มก่อนจะหัวเราะหึๆ ในลำคอพร้อมกับปล่อยมือที่ไพล่หลังกันอยู่และยื่นบางสิ่งส่งให้ดลยาได้ดู

“ไอ้นี่รึเปล่า...” นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มมองกิริยาอาการของคนตรงหน้าที่ทำท่าราวกับว่าสมุดเล่มเล็กๆ ธรรมดาๆ ตรงหน้าเขาเป็นดังทองคำมูลค่าหลายสิบล้าน...เป็นดังที่คาดไว้ สมุดแลคเชอร์เล่มนี้สำคัญกับดลยามากจริงๆ

หญิงสาวพรวดพราดลุกจากเก้าอี้ทันทีที่เห็นของรักของหวง พอไปยืนตรงหน้าชายหนุ่มร่างสูง สองมือก็รีบคว้าเอาสมุดแลคเชอร์สีฟ้าของเธอทันที... แต่ก็ยังช้ากว่าปานระวัฒน์ที่ชักมือกลับเสียก่อนที่ดลยาจะคว้าสมุดได้ทัน ดวงตากลมโตช้อนสายตาขึ้นมองใบหน้าคร้ามคมอย่างสงสัยปนขุ่นเคือง...จะมาไม้ไหนอีกล่ะเนี่ย

“คืนสมุดฉันมาเดี๋ยวนี้นะ” เธอพูดพร้อมกับเอาสองมือเข้าไปแย่งจากอีกฝ่าย แต่ร่างสูงก็ส่งสมุดเล่มเล็กสลับไปมาระหว่างสองมือ ดลยาพยายามใช้ร่างบอบบางและความคล่องแคล่วที่เธอมีเพื่อแย่งของรักแต่ก็ไม่มีที่ท่าว่าอีกคนจะเสียท่าเธอง่ายๆ ก่อนชายหนุ่มจะชูสมุดเล่มสีฟ้าขึ้นเหนือศีรษะ

“ไอ้เป๊ก...นี่จะเล่นตลกอะไรอีกล่ะ เอาสมุดฉันมาเดี๋ยวนี้” สุดท้ายก็ตะโกนใส่หน้าอีกคนอย่างหมดความอดทน ยิ่งเหนื่อยๆ อยู่ด้วยยังจะมาแกล้งกันเหมือนเด็กๆ อีก

คนที่ถูกเรียกว่า ‘ไอ้’ มองหน้า ก่อนจะทำทีเป็นขุ่นเคืองไม่พอใจหญิงสาว รีบทำท่าตะคอกใส่หน้าดลยาเสียงดังเป็นเชิงข่มขวัญ...และอีกอย่าง ปานระวัฒน์ก็อยากจะแกล้งเธอเล่นบ้าง ก็โอกาสแบบนี้หาง่ายซะที่ไหนล่ะ

“เธอเรียกใครว่า ‘ไอ้’ ” เสียงตะคอกพร้อมกับกรามที่ขบเข้าหากันแน่นได้ผลชะงัด...ดลยาก้าวขาถอยหลังมาสามก้าวอย่างอัตโนมัติเมื่อเห็นสีหน้าไม่พอใจของอีกฝ่าย ถึงยังไงเค้าก็เป็นผู้ชายนะดรีม...ผอมแห้งแรงน้อยอย่างเธอไม่มีวันสู้ไอ้หน้าปลาไหลแรงควายคนนี้ได้หรอก

“ก็...แล้วนายทำไมไม่คืนสมุดมาให้ฉันล่ะ” ก้มหน้าพูดอย่างตะกุกตะกักเหมือนลูกหมาไม่มีทางสู้จนปานระวัฒน์ต้องอมยิ้มน้อยๆ ก่อนจะกลับมาวางมาดเคร่งขรึมอีกครั้ง

“ฉันไม่คืน...” คนพูดตวัดเสียงก่อนจะทำสีหน้าท่าทางยั่วเย้าให้อีกฝ่ายได้เจ็บใจเล่น

“นี่...ไอ้...ไอ้” หญิงสาวอึกอักที่ลำคอไม่รู้ว่าจะหาคำบริภาษคำไหนมาว่าผู้ชายตรงหน้าถึงจะทำให้อีกฝ่ายเจ็บแสบได้

“ถ้าเธออยากได้สมุดแลคเชอร์ของเธอคืนก็ได้นะ...” อยู่ดีๆ ชายหนุ่มก็อยากจะคืนให้เสียดื้อๆ นี่คงจะกินยาไม่เขย่าขวดแน่ๆ เลย

สีหน้าถมึงทึงค่อยๆ ผ่อนลงจนจวนจะกลายเป็นปกติได้บ้าง ดลยาเดาไม่ออกเลยว่าผู้ชายตรงหน้าคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่...ดวงตาคมที่กลอกกลิ้งไปมามันทำให้เธอแทบคลั่ง แต่ขณะที่หญิงสาวกำลังยื่นแขนออกไปรับเมื่อชายหนุ่มส่งสมุดให้ปานระวัฒน์ก็ชักมือกลับซะอย่างนั้น พร้อมกับทำตาเจ้าเล่ห์ใส่จนดลยาอยากจะซัดหมัดมวยใส่เขาอีกสักครั้ง

“แต่มีข้อแม้ว่าเธอต้องเลี้ยงข้าวฉันมื้อนึงเพื่อเป็นการขอบคุณที่ฉันอุตส่าห์เก็บสมุดอันสุดแสนจะหวงแหนเล่มนี้ของเธอได้” คนพูดระบายยิ้มไปทั่วดวงหน้าเมื่อเห็นดลยายืนกัดฟันกรอดๆ ก่อนจะทำเป็นเสียงแข็งเมื่อกล่าวประโยคท่อนสุดท้าย

“และเพื่อเป็นการไถ่โทษที่เธอต่อยปากฉันเมื่อเช้า...” ปานระวัฒน์ยกมืออีกข้างขึ้นมาลูบคางสากๆ ของตัวเองเบาๆ ในขณะที่ร่างบางแทบสั่นระริก...มันชักจะเกินไปแล้วนะ

หญิงสาวค่อยๆ ผ่อนลมหายใจที่เริ่มจะแรงขึ้นให้เป็นเบาลง สมองที่พุ่งพล่านไปด้วยความโกรธค่อยๆ คิดหาวิธีแก้ปัญหาในครานี้ เธอไม่อยากจะเอาตัวเองไปเกี่ยวข้องกับผู้ชายจอมกวนและเป็นเสือผู้หญิงคนนี้อีก...แต่ว่า สมุดแลคเชอร์เล่มเล็กของเธอล่ะ...มันเก็บสมบัติมหาศาลซึ่งก็คือความรู้ต่างๆ ที่เธอจดบันทึกเอาไว้หมดเลยนะ แล้วอย่างนี้จะทำยังไงดีล่ะดรีม...ร่างบางก้มหน้าก้มตาคิดหนักก่อนจะถอนใจยาว ดวงตากลมโตช้อนขึ้นมองร่างสูงตรงหน้า

“ก็ได้...ฉันตกลง” ดลลารับปาก ดวงตากลมโตวาววับเสียจนคนมองต้องแปลกใจ แต่ก็นึกแล้วว่ายังไงแล้วหญิงสาวก็ต้องพูดคำนี้ ปานระวัฒน์ยิ้มอย่างพอใจทั้งที่ไม่รู้เลยว่าคนตัวเล็กที่อยู่ตรงหน้าเขากำลังเตรียมแผนการอันร้ายกาจไว้เล่นงานเขาอย่างสาสม


พีรวัฒน์และพิมพ์มาดาที่นั่งรออยู่ที่ม้าหินอ่อนต้องรีบหยัดกายลุกขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนสนิทที่ทั้งสองรออยู่นานเดินดุ่มๆ ลงจากอาคาร เมื่อแลเห็นเพื่อนอีกสองคนดลยาก็พาสีหน้าราบเรียบเหมือนคนไร้อารมณ์เดินมายังสองร่างที่มองเธออย่างคาดหวัง

“ว่าไงดรีม เจอมั้ย...” พีรวัฒน์เป็นคนเอ่ยถามในขณะที่พิมพ์มาดากวาดตามองในมือทั้งสองข้างของคนเป็นเพื่อนก็ไม่เห็นว่าเธอจะถืออะไรติดมือมาเลย

“ไม่เจอหรอดรีม” ถามออกไปตามความคิดก่อนที่อีกฝ่ายจะทำปากยืดและเลิกคิ้ว

“เจอ...” หญิงสาวกระแทกเสียงห้วนจนเพื่อนอีกสองคนหันกลับมามองหน้ากันอย่างงงๆ

“แล้วอยู่ไหนล่ะ” ชายหนุ่มร่างบางว่า ก่อนที่ดลยาจะออกเดินนำหน้าทั้งคู่เพื่อให้ไปไกลๆ จากตึกหลังนี้เร็วๆ

“เอาไว้พรุ่งนี้เดี๋ยวฉันจะเล่าให้ฟังแล้วกัน” คนพูดว่าพลางสาวเท้าเร็วๆ ขณะที่สองร่างด้านหลังรีบเดินตามมาให้ทัน



Create Date : 06 ธันวาคม 2554
Last Update : 6 ธันวาคม 2554 19:19:45 น.
Counter : 821 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ผีเสื้อสีดำ
Location :
ศรีสะเกษ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]



จงทำในสิ่งที่คุณคิดว่า...

ทำไม่ได้
ธันวาคม 2554

 
 
 
 
1
2
3
4
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
6 ธันวาคม 2554
MY VIP Friend