เมษายน 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
10 เมษายน 2554
 
 

ปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน 25-27 มีนาคม 2554 (วันแรก)

ณ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา


ทั้งที่ยังมีทริปท่องเที่ยวอีกหลายโปรแกรมตั้งแต่ของปีที่แล้วจวบจนบัดนี้และกิจกรรมอื่นๆ ที่ยังไม่ได้อัพขึ้นบล็อก แต่นู๋เมี่ยงอยากเล่าเรื่องการไปอบรมวิปัสสนาฯ ช่วงสั้นๆ เมื่อปลายเดือนมีนาคม '54 ที่ผ่านไม่นานนี้ไว้ก่อน เพราะเห็นว่ายังใหม่ พอกลับถึงบ้านก็รีบจดบันทึกความรู้สึกที่ยังคุกกรุ่น นอกจากนี้นู๋เมี่ยงเห็นว่ากิจกรรมนี้ยังคงดำเนินอยู่ เผื่อมีเพื่อนๆ คนใดสนใจลองดู เพราะหลักสูตรนี้ น่าเรียนรู้เป็นอย่างยิ่ง รู้ไว้...ใช่ใส่บ่าแบกหาม



ศุกร์ 25 มีนาคม 2554



เที่ยงกว่านู๋เมี่ยงถือกระเป๋าเสื้อผ้าเตรียมพร้อมที่จะออกจากบ้าน เดินทางไปฝึกอบรมการปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน จัดโดยมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (อย่าเข้าใจไขว้เขวว่าเป็น “จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย” นะคะ คนละสถาบันกัน) ที่อำเภอวังน้อย จังหวัดอยุธยา รถจะออกจากวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ สนามหลวง เวลา 15.00 น. แต่ที่นู๋เมี่ยงคว้ากระเป๋าออกจากบ้านตั้งแต่เที่ยง เพราะต้องการไปรายงานตัวที่สำนักงานจัดหางานที่ห้างพาต้าชั้น 4 ก่อนค่ะ (ตอนนี้เป็นสภาพคนไร้งานไปเสียแล้ว) เพราะไหนๆ มันก็อยู่บนเส้นทางเดียวกันแล้ว

ไปถึงสำนักงานจัดหางานก็บ่ายโมงครึ่งพอดี ใช้เวลายื่นเรื่อง ดำเนินเรื่องไม่ถึง 20 นาทีดีก็แล้วเสร็จ ขึ้นรถเมล์มาถึงวัดมหาธาตุราวบ่าย 2 โมงเศษ ยังพอมีเวลากว่ารถของทางมหาจุฬาฯ จะมารับ นู๋เมี่ยงเลยนึกอยากกราบพระประธาน ในพระอุโบสถวัดมหาธาตุเสียหน่อย แต่เอ... พระอุโบสถอยู่หลังไหนหนอ หาไปเสมาไม่ยักเจอ?



เงี้ยบ เงียบ... เห็นชายในชุดทหารคนหนึ่งเดินผ่านมา ก็ตอบว่าไม่รู้ สักพักเห็นคนสวมชุดข้าราชการสีขาวเดินมา ก็ตอบไม่รู้อีก ... แต่ก็รู้มาอย่างหนึ่งว่า วันนี้สมเด็จพระเทพฯ ท่านจะเสด็จมาวัดมหาธาตุ ตอน 4 โมงเย็น ...

เห็นอาคารหลังหนึ่งเปิดประตูให้เข้าไปด้านในได้ จึงรู้ว่าเป็นพระวิหารหลวง ภายในกำลังบูรณปฏิสังขรณ์อยู่ แต่ก็อนุญาตให้ศาสนิกชนเข้าไปกราบองค์พระประธานได้ค่ะ




- พระศรีศากยมุนี พระประธานในพระวิหารหลวง -


เอ... แล้วพระอุโบสถหล่ะ อยู่ไหน ถามแม่ชีที่นั่งอยู่ด้านนอกพระวิหาร ได้ชี้ไปทางอาคารหลังที่อยู่ติดกัน และนี่เองคือคำตอบว่าทำไมนู๋เมี่ยงจึงหาใบเสมาไม่พบ? ที่แท้ติดอยู่มุมบนของพระอุโบสถทั้ง 4 ด้านนั่นเอง


- พระอุโบสถ มีใบเสมารูปครุฑยุคนาคอยู่ตรงมุมบนทั้ง 4 ด้าน -


อย่างไรก็ตาม นู๋เมี่ยงก็ไม่ได้เข้าไปกราบพระประธานในโบสถ์อยู่ดี เพราะว่าปิด!!!

กลับมานั่งรอเวลารถมารับแล้วกัน ใกล้ถึงเวลาแล้ว ... บ่าย 3 โมงรถบัสคันแรกของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯ ก็มาถึง นู๋เมี่ยงปล่อยให้คนขึ้นคันแรกจนเต็มก่อน รอขึ้นรถคันที่ 2 ดีกว่า เพราะเหลือผู้โดยสารอยู่อีกไม่กี่คน จะได้นั่งคนเดียวสบายๆ



บ่าย 3 โมง 20 รถคันที่ 2 ก็ตามมา เป็นไปตามคาด นู๋เมี่ยงขึ้นก่อนเป็นคนแรก เลือกที่นั่งได้เล้ยยยย

รถบัสวิ่งเข้าเส้นบางบัวทอง นนทบุรี ระหว่างทางได้แวะรับผู้ปฏิบัติธรรมที่บางใหญ่ จากนั้นก็วิ่งยาวตลอดผ่านจังหวัดปทุมธานี อำเภอบางปะอิน



และมาถึงสถานที่อบรมปฏิบัติที่อำเภอวังน้อย ราว 4 โมงครึ่ง (16.30 น)



รถบัสจอดอยู่หน้าอาคาร 4 ชั้น ความที่เพิ่งมาเป็นครั้งแรก นู๋เมี่ยงคงแสดงอาการเด๋อๆ ด๋าๆ ออกมาชัดแน่เลย จึงมีคนเข้ามาแนะนำว่าให้เอากระเป๋าขึ้นไปชั้น 3 ก่อนเพื่อเลือกที่หลับที่นอน พอ 17.00 น. ให้ลงมาที่โถงชั้นล่าง รับประทานมื้อเย็น จากนั้นให้ขึ้นไปชั้น 4 เพราะว่าจะเริ่มทำวัตร สวดมนตร์และฝึกปฏิบัติตอน 18.00 น. .... เข้าใจแล้วค่ะ



อาคาร 4 ชั้น : ชั้นล่างเป็นโถงอาหาร, ชั้น 2 เป็นสถานที่ที่ฉันอาหารเพล, ชั้น 3 โถงนอน, ชั้น 4 สำหรับสวดมนตร์ และฝึกปฏิบัติ

เดินขึ้นไปชั้น 3 เป็นชั้นโล่งๆ เสาแต่ละต้นติดพัดลมทั้ง 4 ด้าน นักปฏิบัติธรรมที่เดินทางมาถึงก่อนได้จัดเตรียมที่หลับที่นอนของตัวเองกันเรียบร้อยแล้ว



นู๋เมี่ยงมองหาตำแหน่งว่าอยากจะนอนที่เสาไหนดี เลือกเสาได้แล้ว ก็ไปหยิบฟูกปูพื้น ผ้าห่ม หมอน และมุ้งมากางครอบ นี่แหละเรียบร้อย คิดเสียว่ามาออกค่ายพักแรม เปลี่ยนบรรยากาศ



ตอนแรกนู๋เมี่ยงเลือกมุ้งครอบสีฟ้า แต่พอรู้ว่ายังมีมุ้งใหม่ที่ไม่เคยถูกใช้ ก็อยากเปิดซิงใช้ของใหม่หน่ะ เลยเปลี่ยนมาเป็นมุ้งสีชมพู้ ชมพูหลังนี้แทน


- วิมานน้อยสีชมพูของนู๋เมี่ยง -


ใกล้ 5 โมงเย็นแล้ว นู๋เมี่ยงลงมาที่โถงชั้นล่าง แม่ครัวยังเตรียมกับข้าวไม่เสร็จ เลยขอสำรวจหน่อยว่ามีประกาศอะไรมั่ง



เย้ ... เจอตู้เครื่องดื่มหยอดเหรียญด้วย



คนอื่นๆ อาจติดน้ำชา กาแฟ แต่นู๋เมี่ยงกลับติดเจ้าเครื่องดื่มน้ำดำนี่น่ะสิ เห็นแล้วเป็นอดไม่ได้



17.15 น. อาหารพร้อมแล้ว ลุกขึ้นไปตักได้ (ตอนนี้ผู้ที่เดินทางมาปฏิบัติยังไม่ได้รับศีล 8 ค่ะ ฉะนั้นวันนี้จึงยังทานมื้อเย็นได้)



อาหารมื้อนี้ก็มีแกงจืดผักกาดขาว ผักสด ผักทอด น้ำพริกกะปิค่ะ นู๋เมี่ยงได้กินจุบกินจิบมาก่อนเดินทาง ตักมาเท่านี้ก็พออยู่ท้องแล้วค่ะ



ยังพอมีเวลาเหลือสักหน่อย ออกมาเดินเล่นสูดอากาศนอกอาคารสัก 10 นาที รู้สึกว่าการฝึกอบรมรอบนี้ (25-27 มีนาคม) จะมีผู้สนใจกันมาก มีทั้งมาจากหน่วยงานต่างๆ หลายหน่วยงาน แต่ทางผู้จัดได้ตระเตรียมสถานที่สามารถรับรองคนที่มาทั้งหมดได้เป็นอย่างดี เห็นว่าชั้น 2 ของอาคารมหาจุฬาบรรณาคารกั้นออกเป็นห้องๆ (แต่ละห้องนอนกันได้ประมาณ 20 – 40 คน) มีติดแอร์ให้ด้วย หากผู้มาปฏิบัติต้องการนอนในห้องแอร์ ก็สามารถเข้ามานอนที่ชั้นนี้ได้


- อาคารมหาจุฬาบรรณาคาร -


ใกล้เวลาทำวัตรเย็นแล้ว เดินขึ้นบันไดขึ้นถึงชั้น 4 ตึกนี้มีลิฟท์ 1 ตัวไว้ให้บริการด้วยนะคะ เพราะมีคนเฒ่าคนแก่มาปฏิบัติธรรมกันมากเหมือนกัน (บางครั้งนู๋เมี่ยงก็ใช้ลิฟท์โดยสารเหมือนกัน)

บนชั้น 4 มีบอร์ดแจ้งกำหนดเวลาการปฏิบัติธรรมตลอดหลักสูตร 3 วัน 2 คืน เข้าไปรับหนังสือสวดมนตร์จากทีมงานเจ้าหน้ามหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯ นอกจากนี้ยังมีน้ำเย็น น้ำร้อน กาแฟ โอวัลตินให้ดื่มฟรีอีกด้วย (มาจากเงินบริจาคเพื่อวัตถุประสงค์นี้ของผู้ปฏิบัติรุ่นก่อนๆ)



เอาล่ะ เริ่มต้นสวดมนตร์ทำวัตรเย็น บูชาพระรัตนตรัย สมาทานรับศีล 8 สมาทานกัมมัฏฐาน

จากนั้น พระอาจารย์ขึ้นกล่าวบรรยายธรรม อธิบายความหมายของกัมมัฏฐาน แบ่งเป็น “สมถะกัมมัฎฐาน” คือ อารมณ์เป็นหนึ่ง จิตมั่นคง นิ่ง ใช้วิธีการเพ่งวัตถุนอกกาย และ “วิปัสสนากัมมัฏฐาน” คือ การทำให้รู้แจ้งเห็นจริง รู้อารมณ์คือขันธ์ 5 ของตนเอง ตั้งสติในฐานทั้ง 4 (สติปัฏฐาน 4) อันได้แก่ กาย เวทนา จิต ธรรม (ย่อเหลือ กายและใจ) เมื่อได้ยิน ได้เห็น ได้กลิ่น กำลังคิดอะไร ก็ให้ ‘สักแต่ว่า’ ได้ยิน ได้เห็น หรือได้กลิ่น รู้ว่า ได้ยินหนอ เห็นหนอ คิดหนอ เป็นต้น



เมื่อพระอาจารย์กล่าวบรรยายเสร็จ ประมาณ 19.30 น. ต่อจากนั้นก็สอนให้รู้จักฝึกปฏิบัติการ “กำหนดเดิน” ด้วยการ “เดินจงกรม” นี่เป็นครั้งแรกที่นู๋เมี่ยงรู้จักวิธีเดินจงกรม – ขวาย่างหนอ ซ้ายย่างหนอ กลับหนอ ขณะที่มือทั้งสองข้างก็กำหนดวางไว้บนหน้าท้อง หรือไขว้ไว้ข้างหลัง เมื่อเดินไปนานๆ ซ้ำๆ เข้านู๋เมี่ยงชักจะเริ่มเบื่อ บางครั้งก็ง่วง ก็จะท่องในใจว่าเบื่อหนอ ง่วงหนอ (เฮ้อ...อารมณ์เหมือนโลกมันหมุนช้าลงอย่างงั้น)

ตอนนี้นู๋เมี่ยงมีคำถามเกี่ยวกับการเดินจงกรมค่ะว่า ทำไมต้องเริ่มต้นที่ขาขวาก่อน – ขวาย่างหนอ เช่นกันตอนต้องการเดินกลับ ทำไมต้องหมุนไปแต่ทางขวามืออย่างเดียว ทำไมฝึกหมุนหันกลับไปทางซ้ายบ้าง มันมีเหตุผลอะไรเหรอคะ? พอจะมีเพื่อนชาวบล็อกให้ความกระจ่างข้อนี้ไหมเอ่ย

.......

ฝึก “กำหนดเดิน” อยู่ประมาณ 2 ชั่วโมง ในช่วงแรกพระอาจารย์ก็จะกล่าวกำหนดเดิน ‘ขวาย่างหนอ ซ้ายย่างหนอ ยืนหนอ กลับหนอ’ ให้ไปพร้อมๆ กัน ต่อมาก็จะให้ผู้ปฏิบัติกำหนดเองบ้าง (ในที่นี้เรียกผู้มาฝึกอบรมในหลักสูตรนี้ว่าว่า “โยคีนักปฏิบัติธรรม”)



4 ทุ่มเป็นอันจบการฝึกปฏิบัติสำหรับวันนี้ กราบพระรัตนตรัย ลาพระอาจารย์ เสร็จพิธีก็แยกย้ายกันลงไปพักผ่อนตามอัธยาศัย



นู๋เมี่ยงอาบน้ำเสร็จ คิดว่าจะล้มตัวนอนหลับสบาย แต่ที่ไหนได้กลับนอนไม่หลับเลย เกือบเที่ยงคืนถึงจะข่มตาหลับลงได้ แถมยังหลับไม่สนิทเสียอีก นอนแล้วรู้สึกเมื่อยเอวมากๆ รู้สึกตัวแทบทุกครั้งเมื่อพลิกตัวแต่ละที แต่จะไม่ขยับตัวก็ไม่ได้อีก (สังขารตรู อายุมากแล้ว ชินกับการนอนเตียง และหนุนหมอนนิ่ม)



บันทึก: วันจันทร์ 28 มีนาคม 2554




 

Create Date : 10 เมษายน 2554
1 comments
Last Update : 10 เมษายน 2554 15:30:04 น.
Counter : 2341 Pageviews.

 

แค่วันแรกก็ปฏิบัิิติหนักอยู่นะเนี่ย

 

โดย: นัทธ์ 13 เมษายน 2554 12:42:12 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

 

มามะ.. เมี่ยงเองค่ะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




[Add มามะ.. เมี่ยงเองค่ะ's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com