<<
กุมภาพันธ์ 2555
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
26272829 
 
23 กุมภาพันธ์ 2555
 
 
งานสวดลักขี @วัดธรรมมงคล 6-9 มกราคม 2555 (1)

ต้องขอออกตัวก่อนว่าบล็อกนี้เนื้อหาคงไม่สนุกนัก แต่นี่คือครั้งแรกและครั้งหนึ่งในชีวิตที่นู๋เมี่ยงสัมผัสกับงานสวดลักขีที่วัดธรรมมงคล จึงอยากจะบันทึกเรื่องราวนี้ไว้เท่าที่จะมากได้ ....


ศุกร์ 6 มกราคม 2555


คืนวันแรก


เนื่องจากถนนเส้นเพชรเกษมจากหน้าบ้านนู๋เมี่ยงจนถึงแยกท่าพระกำลังมีงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินอยู่ ทำให้ต้องรีบออกจากบ้านตั้งแต่บ่าย 2 โมงเศษ อาศัยรถเมล์ประจำทางสุดสาย มาต่อรถไฟฟ้า BTS ที่สถานีธนบุรีลงที่สถานีปุณณวิถี สุขุมวิทซอย 101 ตัดสินใจทานอาหารเย็นที่แผงขายอาหารเล็กๆ ก่อนนั่งรถสองแถวเข้าวัดทั้งๆ ที่เพิ่งจะ 4 โมงเย็นเท่านั้น ทั้งที่ไม่หิวแต่ก็รองท้องไว้ก่อนดีกว่า เพราะไม่มั่นใจว่าภายในวัดมีอะไรขายรึเปล่า เดี๋ยวพอเริ่มงานสวดตอน 6 โมงเย็น เข้ารับศีล 8 แล้วเมื่อไหร่ละทีนี้ ....

5 โมงเย็นแล้วนู๋เมี่ยงยังหาที่ปูเสื่อที่นั่งที่นอนไม่ได้เลย คนจองเต็มไปหมดพื้นที่ ยิ่งบริเวณใกล้ปะรำพิธีนั้นไม่ต้องพูดถึง ตามตึกอาคารต่างๆ ที่เจ้าหน้าที่เปิดพื้นที่ไว้ให้นั่ง-นอนก็มีคนจับจองกันแล้ว แต่พอรู้จากประธานรุ่นของม.เอเชียฯ ว่ายังพอมีที่ว่าง พอจะปูเสื่อนั่ง-นอนลงได้ ก็ค่อยโล่งใจ เสร็จแล้วก็รีบเปลี่ยนเป็นชุดขาว เพราะว่าใกล้จะ 6 โมงเย็นแล้ว

เนื่องจากนู๋เมี่ยงไม่ได้อยู่ชั้นล่าง ไม่เห็นประรำพิธี ได้แต่ฟังเสียงพิธีการบรรยายเหตุการณ์ผ่านลำโพงเท่านั้น

18.09 น. พระธรรมมงคลญาณ (หลวงพ่อวิริยังค์) เป็นประธานจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย เปิดพิธีงานสวดลักขี และสมาทานศีล 8


ที่มาของภาพ: //www.dhammamongkol.com/content.php?id=17



จากนั้น หลวงพ่อฯ ได้มอบธรรมเทศนาเกี่ยวกับอานิสงส์ของการร่วมสวดลักขีในที่นี้
บวชครั้งนี้เราได้อะไร? เราได้บารมี 10 ทัศ เฉกเช่น พระพุทธเจ้าที่ต้องสั่งสมบารมีทั้ง 10 ทัศ 4.1 อสงไขย
1. ทานบารมี
2. เราบวชเป็นตาปะขาว ชีปะขาว จึงมีศีล นั่นคือศีลบารมี
3. เราออกจากบ้านเรือนมาอยู่เอกเทศ นั่งกับดินกินอยู่กับหญ้า เป็นเนกขัมมะบารมี
4. วิริยะบารมี คือความเพียร เราไม่ได้รักษาศีลอย่างเดียว แต่มานั่งสมาธิด้วย เรามาสวดมนต์ ณที่นี้ด้วย
5. ขันติบารมี ความอดทน “ขันติปโต” ความอดทนเป็นเครื่องแผดเผากิเลสต่างๆ
6. อธิษฐานบารมี ที่เมื่อเราสวดต่อท้ายคำรับศีลว่า “อิมานิ อัฏฐะ สิกขาปะทานิ สะมาทิยามิ”
7. สัจจะบารมี คือ ซื่อตรง เรามารักษาศีลกันอย่างจริงจัง การที่พวกเรารักษาคำตอน อย่างเช่น พอหลวงพ่อขึ้นว่า “ปาณาติปาตา....“ พวกเราก็ว่าตามและรักษา(คำพูด)ด้วย
8. เมตตาบารมี
9. อุเบกขาบารมี
10. ปัญญาบารมี

หลวงพ่อจบคำเทศนาเมื่อเวลา 18.40 น. มีการลั่นฆ้อง จุดเทียนชัย และเริ่มสวดบทบูชาพระพุทธคุณ (อิติปิโส) พระธรรมคุณ (สวากขาโต) และพระสังฆคุณ (สุปฏิปันโน) วนไปเรื่อยๆ เป็นเวลา 30 นาที (ได้ 15 จบ)



ช่วง break ครึ่งชั่วโมง ก็ลงไปยืดแข้งยืดขาซั๊กกะหน่อย ไปดูบรรยากาศทั่วไปของงานว่าเป็นอย่างไรบ้าง



การสวดลักขีนั้น นู๋เมี่ยงเพิ่งเคยได้ยินคำนี้ครั้งแรกจากตอนได้เรียนหลักสูตรครูสมาธิ แต่เพิ่งจะรู้จักในวันนี้เองว่าเป็นอย่างไร ลักขีแปลว่าแสน การสวดลักขีการคือการสวดบทอิติปิโสไปเรื่อยๆ 1 แสนจบ สวดครั้งละ 30 นาทีแล้วก็พัก แล้วก็สวดต่อ ฯลฯ (อาจมีสลับกับช่วงธรรมะเทศนา) เป็นอย่างนี้ตลอด 3 วัน แล้วมันจะเป็นไปได้หรือ 3วัน 1 แสนจบ? อุแม่เจ้า!!!! เท่ากับว่าใน 1 วันต้องสวดบทอิติปิโสฯ โดยเฉลี่ย 3 หมื่นกว่ารอบ !!!!!

ไม่ใช่อย่างนั้น นู๋เมี่ยงได้รับการอธิบายว่า ในงานสวดลักขีนั้นไม่ใช่มีเราเพียงคนเดียว แต่นับรวมถึงผู้ร่วมงานคนอื่นๆ ด้วย สมมุติงานนี้มีคนร่วมงาน 1,000 คน และภายใน 3 วันนี้คนเหล่านี้สวดไปทั้งหมด 500 จบ ก็ต้องคูณตัวเลขเข้าไป อย่างนี้เป็นต้น อ้อ... อย่างนี้นี่เอง


- บรรยากาศหน้ากองอำนวยการ –


ยิ่งดึกคนก็ยิ่งมาก มีเพื่อนที่เรียนครูสมาธิด้วยกันบางคน พอเลิกงานเสร็จก็หิ้วกระเป๋าเตรียมพร้อมมาร่วมงานพิธีต่อเลย เยี่ยมจริงๆ

20.00 – 20.30 น. สวดได้ 17 จบ
21.01 – 21.32 น. สวดได้ 18 จบ

พัก break ครึ่งชั่วโมง ก็ลุกจากที่ลงไปเดินข้างล่างบ้างดีกว่า(อีกแระ) ขยับแข้งขามั่ง ไม่ชอบอยู่กะที่น่ะ



งานนี้สำหรับคนอยู่ง่าย กินง่าย เป็นการสั่งสมเนกขัมมะบารมีและขันตี ในตอนแรกนู๋เมี่ยงรู้สึกตะขิดตะขวงใจ เมื่อเห็นผู้คนมาปูเสื่อนอนกลางลานแบบนี้ ดูระเกะระกะ ไม่งาม แต่เมื่อมองพลิกอีกด้านหนึ่ง ก็เห็นศรัทธาและความอดทนอย่างยิ่งยวดของผู้มาร่วมงานทั้งหลาย สาธุค่ะ

22.00 - 23.00 น. การแสดงพระธรรมเทศนาจากพระครูอุดมภาวนาจารย์ (หลวงพ่อทองสุก) วัดอนาลโยทิพยารม จ.พะเยา

เนื่องจากที่ๆ นู๋เมี่ยงนั่ง-นอนอยู่นั้นอยู่บนชั้น 2 ตรงระเบียงอาคารพระเจดีย์ ซึ่งจะได้ยินเสียงเครื่องปั่นไฟดังอยู่เป็นระยะๆ ทำให้ฟังไม่ค่อยชัด ก็เลยจับใจความได้แย่มาก อีกทั้งเริ่มง่วงอีกต่างหาก พอจะได้ยินธรรมะเทศนาในตอนต้นว่า …..

ในเรื่องของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นเจ้าของ หรือก็คือผู้ที่สร้างโลกนั้น...... ให้เราตัดรากถอนโคน ในที่นี้กิเลสตัณหา ให้ตัดผู้สร้าง ตัดผู้เป็นเจ้าของให้ขาดเสียออกจากใจ. ...... เห็นกายในกาย เห็นจิตในจิต .... ใช้อารมณ์กัมมัฏฐานเพื่อหาตัวผู้สร้าง ...... กัมมัฏฐานนั้นมี ........

จับความได้กระท่อนกระแท่นมาก จะเดินลงไปหาที่นั่งใกล้ปะรำเพื่อฟังธรรมเทศนาให้ชัดๆ คืนนี้คนเยอะมาก เต็มจนหาที่แทรกไม่ได้ นู๋เมี่ยงก็เลยอยู่ตรงที่เดิมนั่นแหละ นั่งสมาธินั่งหลับสลับกันไป

23.00 – 23.31 น. สวดได้ 18 จบ

นอนไม่ค่อยหลับ อาจเป็นเพราะรู้สึกไม่สบายตัว (ยังไม่ได้อาบน้ำล้างตัวเลย) แมลง/ยุงเล็กๆ กัด ได้ยินเสียงดังกุ๊กกั๊กๆ รู้สึกเพลีย ปิดตาพยายามข่มใจหลับ แต่ก็หลับไม่สนิท

หมายเหตุ วันศุกร์ที่ 6 มกราคม สวดไปได้รวม 68 จบ


เสาร์ 7 มกราคม 2555


วันเกิดหลวงพ่อ


ตี 1.20 น. เสียงประชาสัมพันธ์ปลุกให้ตื่น ลุกขึ้นลูบหน้าลูบตาพร้อมกับการสวดมนต์
ตี 1:30 – 2:00 สวดมนต์ สวดรอบนี้จบ นู๋เมี่ยงก็จัดเตรียมถือถุงใส่เสื้อผ้า อุปกรณ์ใช้สำหรับอาบน้ำ แม้จะดึกดื่นค่อนคืน แต่ผู้คนยังคงเดินพลุกพล่าน ห้องน้ำแม้จะมีมาก แต่ก็ต้องต่อคิว ขณะอาบ น้ำก็ไหลเอื่อยลงเรื่อยๆ ต้องใช้น้ำอย่างประหยัด จะสาดโครมๆ เหมือนอยู่บ้านก็คงไม่เหมาะอย่างยิ่ง

ได้ยินเสียงสวดมนต์กันแล้ว นั่นหมายความว่า ตี 2.30 น.แล้ว

อาบน้ำเสร็จตั้งใจว่าจะขึ้นไปเก็บข้าวของก่อน แต่เห็นทีมโรงทานของม.เอเชียเดินทางมาถึงพอดี ต้องการคนช่วย ก็เอ๊า... ได้เลย ยกหม้อ ปอกสับปะรด หั่นแตงกวา ตระเตรียมข้าวของไว้พร้อมเสร็จสรรพ

โรงทานเปิดตลอดเวลาตลอดทั้งวันทั้งคืน เพียงแต่อาหารเท่านั้นที่จะมีให้ก่อนเที่ยงเท่านั้น เพราะงานสวดลักขีนี้จะสมาทานศีล 8 กัน ส่วนเครื่องดื่มจะมีหลายซุ้มที่คอยให้บริการน้ำดื่มอยู่ตลอดเวลา



ตี 4 ได้ยินเสียงหลวงพ่อกำลังเทศนาธรรมะรุ่งอรุณ ก็เลยผละจากโรงทานมานั่งฟังหลวงพ่อ เข้าไปแทรกนั่งอยู่ใกล้ๆ ด้านหน้าปะรำพิธี (ก็ขอแค่ขอนั่งฟังธรรมะจากหลวงพ่อแป๊บเดียวค่ะ)


- พระธรรมมงคลญาณ (หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร) เจ้าอาวาสวัดธรรมมงคล -


ธรรมะรุ่งอรุณจากหลวงพ่อ
“ขันตี ตะโป สะปัตติโน” ขันติแผดเผากิเลส ขันติแปลว่าความอดทน ความอดทนเป็นเครื่องแผดเผากองกิเลส กิเลส เช่น ความโมโห ความฟุ้งซ่าน ฯ การสวดอิติปิโสนั้นคือการทำสมาธิ จัดเป็นสมาธิภาวนา เมื่อมีความกลัวเกิดขึ้นให้ใช้พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ เพื่อขจัดความกลัวนั้นให้หายไป

หลวงพ่อเล่าว่า หลวงพ่อได้จัดทำพิธีบวชชี(พราหมณ์)ครั้งแรกในปี 2499 ที่จังหวัดจันทบุรี มีผู้สนใจเข้าร่วม 700 คน ที่หลวงพ่อจัดงานบวชชีพราหมณ์ในครั้งนั้น เนื่องจากหลวงพ่อเห็นว่า หลวงพ่อมีชีวิตอยู่ได้เพราะโยมเลี้ยงมา จึงได้พยายามสรรหาธรรมะมาสอนญาติโยมเป็นการตอบแทน ดังภาษิตที่ว่าไว้คือ “นิมิตตัง สาธุรูปานัง กตัญญูกะตะเวทิตา” การที่อุบาสิกาไม่ได้มีโอกาสเข้ามาบวชเป็นพระ ก็ให้มาสวดลักขี นำธรรมะเข้าไปในจิตของคน ใจเปรียบดั่งภาชนะ ภาชนะที่รองรับดี (ภาชนะหงาย vs. ภาชนะคว่ำ)

คราวนี้ลูกศิษย์จักตอบแทนคุณพระอาจารย์ได้อย่างไร? ก็ให้ใช้ “ขันตี ตะโป สะปัตติโน” กำจัดความขี้เกียจ ในที่นี้คือความขี้เกียจปฏิบัติธรรมะ หลวงพ่อนั้นได้ใช้เวลาถึง 12 ปีปรนนิบัติอุปัฏฐากพระอาจารย์ (คือหลวงปู่กงมา กับหลวงปู่มั่น) กว่าจะได้ธรรมะ ด้วยอาศัยภาษิต “ขันตี ตะโป สะปัตติโน” อย่างหนัก

สรุป หลวงพ่อได้ฝาก 2 คาถานี้ไว้ให้พวกเราใช้เป็นคาถาไล่ผี เช่นตอนขึ้นดอยอินทนนท์ค่ะ

4.30 – 5.00 หลวงพ่อก็นำนั่งสมาธิ
5.00 – 5.30 หลวงพ่อนำสวดมนต์ทำวัตรเช้า และแผ่ส่วนกุศล … สาธุ สาธุ สาธุค่ะหลวงพ่อ

ต่อจากนั้น หลวงพ่อก็ตักบาตรเฉพาะสามเณรที่ด้านหน้าศาลา 84 ปี
สำหรับสาธุชนทั่วไปก็สามารถทำบุญตักบาตรแด่พระภิกษุสงฆ์ที่เดินออกมารับบิณฑบาตบริเวณรอบพระมหาเจดีย์ได้



ในส่วนของโรงทาน ม.เอเชียก็ทำอาหารประเภทแกงรสจัดตามถนัดมาร่วมงาน



ทางวัดธรรมมงคลต้องการให้โรงทานลดปัญหาสิ่งแวดล้อม งดใช้วัสดุถ้วยชามโฟม แถ้วช้อนพลาสติกฯ ด้วยการให้พ่อขาวแม่ขาว (ผู้ถือบวช รับอุโบสถศีล) ใช้ภาชนะถ้วยชามที่นำมาเอง สามารถทำความสะอาดได้ หากไม่มี ทางวัดก็มีถ้วยชามให้เช่ายืมตลอดทั้งงาน ซึ่งนู๋เมี่ยงขอชูมือสนับสนุนค่ะ



กิจกรรมหลักของงานสวดลักขีก็คือสวดบทอิติปิโสฯ วนไปเรื่อยๆ ทุก 30 นาทีจะมีการหยุดพัก บางครั้งก็มีธรรมะเทศนาระหว่างวันบ้าง เช่น 15.00 – 16.00 พระธรรมเทศนาโดยพระธรรมฐิติญาณ (หลวงพ่อศรีจันทร์ ปุณญรโต) จากวัดบึงพระลานชัย (นู๋เมี่ยงไม่ได้ฟังเลยค่ะ เสียดายจัง)


- หลวงพ่อวิริยังค์นั่งอยู่ท่ามกลางปะรำพิธี -


หลังธรรมเทศนาแล้ว พักครึ่งชั่วโมง จึงได้เวลาสวดมนต์ต่อค่ะ หลวงพ่อได้ย้ายมานั่งอยู่ข้างๆ ปะรำพิธี ท่านก็ร่วมสวดมนต์ ไปพร้อมๆ กับพวกเราด้วย บางครั้งท่านก็หันลงมาทางคนที่นั่งสวดอยู่ข้างล่าง เห็นอย่างนั้นแล้วนู๋เมี่ยงก็ยิ่งตั้งใจสวดมนต์ไปด้วย แล้วพอสบจังหวะ ก็ขอยกกล้องถ่ายภาพท่านบ้างค่ะ เป็นการสวดมนต์ที่หัวใจพองโตมากๆ เลย



ตอนเย็น มีงานพิธีเจริญพระพุทธมนต์ฉลองอายุให้หลวงพ่อฯ โดยพระเถรานุเถระ พระอาจารย์กรรมฐาน 93 รูป จัดภายในพระอุโบสถ (นู๋เมี่ยงไม่เห็นงานพิธีค่ะ ขออนุญาตนำภาพจากเวปไซค์วัดธรรมมงคลนำมาเผยแผ่ในที่นี้นะคะ)


ที่มาของภาพ: //www.dhammamongkol.com/content.php?id=18



ราว 3 ทุ่มก็เป็นธรรมเทศนาของพระครูกิตติอุดมญาณ (หลวงปู่ไม อินทสิริ) วัดป่าภูเขาหลวง (ไม่ได้บันทึกภาพไว้ค่ะ) ในส่วนของธรรมบรรยายนู๋เมี่ยงพอจับความได้ดังนี้

ธรรมะที่แท้จริงอยู่ที่การปฏิบัติ การปฏิบัติธรรมนั้นเพื่อชำระสรรพกิเลสทั้งหลาย การชำระอาสวะกิเลสนั้นไม่ใช่ของง่าย

การแสวงหาความสงบ สถานที่ที่สงบนั้น เพื่อให้เกิดสมาธิได้ง่าย สถานที่วิเวก ไม่มีสิ่งรบกวน ที่ที่เหมาะสมกับการปฏิบัติ ไม่มีคนรบกวน เช่นป่าช้า ถือเป็นโอกาสอันดีของการปฏิบัติกัมมัฏฐาน “อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา” ไปดูศพ เชิงตะกอนเผาไฟ พิจารณาซากศพ แล้วนั่งสมาธิภาวนา อสุภกัมมัฏฐาน ว่าเป็นอนิจจัง-ทุกขัง-อนันตา

การคิดฝึกจิตให้หลุดจากความกลัว คือไม่กลัวผีต่อไปนั้น ระหว่างคนกับหมา คนจะสู้หมาไม่ได้ (หมายความว่า หมาไม่กลัวผี แต่คนกลัวผี) อย่างป่าช้า หลุมฝังศพ ผีตายโหง ศพที่ถูกฆ่า ผีตายทั้งกลม ก็ให้นั่งสมาธิอยู่บนหลุมฝังศพ เพื่อเป็นการวัดระดับจิตใจของผู้ปฏิบัติใหม่ ให้มีความเพียรภาวนาพุทโธ เจริญสติ แล้วทำไมจึงอาศัยหลุมฝังศพเป็นที่ภาวนา? เพราะที่ตรงนั้นจิตของเราปรุงแต่งว่าที่ตรงนั้นมีศพดุที่สุด พระภิกษุจึงมีการธุดงค์

ตั้งสัจจะอธิษฐานว่า จะตั้งสติทุกขณะกี่วัน ไม่ให้มีเผลอตัว ดูสภาพความเป็นไปของสภาพร่างกายสังขาร ดูให้เกิดความเบื่อหน่ายในธาตุ/ ในขันธ์ เวลานั่งสมาธิก็ต้องหยุดคิด การเดินบิณฑบาตเป็นการเดินจงกรม ไปด้วยความสงบ สำรวม มีสติเพียบพร้อมตลอดเวลา

เวลานั่งสมาธิ เกิดรู้สึกเจ็บปวดเมื่อยขา ต้องใช้ขันติอย่างมาก อย่างปรมัตถ์ ให้กัดฟันต่อสู้จนจิตลงเป็นสมาธิแน่วแน่ --> เกิดฌาน มองเห็นสิ่งที่เป็นคุณเป็นโทษ อบรมการเดินลมหายใจเข้า-ออกให้ชัดเจน (อาปานสติ)

หากนั่งสมาธิแล้วรู้สึกปวดขา ปวดหลัง ปวดชาไปถึงหัวไหล่ เป็นเพราะเคยล่วงศีลข้อที่ 1 การจองกรรมจองเวร ......

จบจากการเทศนาธรรมแล้ว ก็พักเบรกสักครู่ แล้วกลับมาสวดลักขีกันต่อ เวียนไปเรื่อยๆ จนล่วงไปจนถึงเที่ยงคืน

หมายเหตุ วันเสาร์ที่ 7 มกราคม สวดไปได้รวม 245 จบ

งานสวดลักขียังเหลืออีก 2 วัน (8,9 มกรา) แล้วจะรีบเข้ามาอัพต่อค่ะ




บันทึกจากภาพและสมุดบันทึกความทรงจำ
อัพเดท: พุธ 22 กุมภาพันธ์ 2555






Create Date : 23 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 23 กุมภาพันธ์ 2555 9:48:40 น. 1 comments
Counter : 6863 Pageviews.

 
อ่านแล้วรู้สึกเลื่อมใสในความอดทนของผู้เขียนป็นอย่างยิ่ง เรื่องสวดไม่น่าจะหนักใจแต่เรื่องกิน เรื่องอยู่กับผู้ฅนมากมาย คงจะมีสารพัดเรื่องสารพัดอย่างที่ต้องเบียดเบียนกันอย่างหลบเลี่ยงไม่พ้น หนู๋เมี่ยงฟันฝ่ามาได้อย่างชิวๆแสดงว่าม่ะธรรมดา สาธุในบุญกุศลที่ได้ทำและบันทึกมาเผยแผ่ให้ทราบในครั้งนี้....สาธุ
ปล.คราวหน้าเขียนอีกนะ ม่ะเคยทราบหรือได้ยินมาก่อนว่ามีพิธํการสวดแบบนี้ ขอบคุณครับ


โดย: charn 32 vi IP: 1.47.175.51 วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:11:04:17 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

มามะ.. เมี่ยงเองค่ะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




[Add มามะ.. เมี่ยงเองค่ะ's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com