ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.51 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 31.69 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวอยู่ในแดนลบ ขณะที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวอยู่ในแดนบวก นักวิเคราะห์คาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบ เก็งกำไร 11 หุ้นเด่น ได้แก่ STEC, TTW, KCE, TISCO, JAS, TVO, AMATA,CK, AP, SIRI, INTUCH และ ตั้งรับ หุ้นพื้นฐานแกร่ง ได้แก่ ADVANC THCOM TRUE JAS AOT BECL BAY TISCO KK TCAP GL TK ASK THANI STEC CK ITD
ฟิลลิป ระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ แนวโน้มตลาดวันนี้: Sideways ในกรอบ กลยุทธ์การลงทุน: เก็งกำไร
ดัชนีที่ 1200 จุด กลับมาเป็นแนวต้านสำคัญอีกครั้ง มองตลาดขาดปัจจัยใหม่ทั้งจากภายในและภายนอกช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวอย่างจริงจัง ขณะที่ปัจจัยลบเดิมๆ ยังต้องการการติดตามต่อ ทั้งสถานการณ์หนี้ของยุโรปที่ Bond yield ของอิตาลี และสเปนพุ่งขึ้นอีกครั้ง โดยเฉพาะสเปนที่พุ่งเหนือระดับ 7% รวมถึงปัจจัยด้านการเมืองภายในที่ต้องรอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันศุกร์ที่ 13 ก.ค. และการตอบสนองของกลุ่มผู้เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย โดยรวมจึงคาดว่าตลาดจะกลับมาแกว่งตัวในกรอบอีกครั้งระหว่างรอความคืบหน้าของปัจจัยเดิม โดยเฉพาะจากการประชุมรมว.คลังของยูโรโซนในช่วงนี้ พร้อมๆ กับข้อมูลเศรษฐกิจที่จะทยอยประกาศระหว่างสัปดาห์ของประเทศต่างๆ อาทิ ข้อมูลนำเข้า-ส่งออก, ยอดค้าปลีก และGDP ของจีน เป็นต้น ทั้งนี้ นักลงทุนควรระวังความผันผวนของตลาดในระหว่างวันที่จะมีมากขึ้น แต่เชื่อว่าดัชนีจะยังขยับไปไหนไม่ไกลนัก วันนี้มองกรอบการเคลื่อนไหวระหว่าง 1172-1192
กลยุทธ์การลงทุนระยะสั้น: ยังเน้นด้านการเก็งกำไรต่อได้ โดยคงพอร์ตที่ 50% ไว้ก่อน
แนวต้าน : 1192-1200 แนวรับ : 1184-1172
การจัดพอร์ตระยะสั้น* - หุ้น 50% : เงินสด 50%
ถือต่อในพอร์ต: TISCO, JAS, TVO, AMATA
หุ้นที่ปรับออก: DTAC
หุ้นที่แนะนำ :CK เก็งกำไรผลประมูลรถไฟฟ้าสายสีแดงสัญญา 2 +ขอรับ TOR โครงการบริหารจัดการน้ำ 3 แสนลบ. FV 8.30 กรอบเทรดระยะสั้น ต้าน 7.4-7.6 รับ 7.2 Cut loss
บล.กสิกรไทยระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ อาจฟื้นสั้น ยังไม่ปิดความเสี่ยงลง 1175-1180
แนวโน้มตลาด: หุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภูมิภาคต่างๆ ที่ยังดูอ่อนแอ และได้รับแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสเปนที่พุ่งขึ้นเกิน 7% ในขณะที่ยังไร้ข้อมูลใหม่จากการประชุมรมว.คลังยูโรโซน (9-10 ก.ค.) แต่โดยรวมเรามองว่ายังไม่มีปัจจัยใหม่เข้าสู่ตลาด สำหรับตลาดหุ้นไทยการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 13 ก.ค. ยังเป็นประเด็นที่สร้างความกังวลให้กับนักลงทุนอย่างไรก็ตามเราคาดว่าผลการตัดสินมีโอกาสออกมาในทางที่ดีหรือไม่เลวร้ายถึงขั้นยุบพรรค เนื่องจากยังไม่ได้ลงมติรับรองในวาระ 3 นอกจากนี้เรามองเห็นสัญญาณบวกและประนีประนอมหลัง นปช. ไม่ไปชุมนุมกดดันศาลปกครอง อีกทั้งศาลฎีกาอนุมัติให้มีการให้ประกันนปช. 9 คน ทำให้บรรยากาศการเมืองโดยรวมดีขึ้น การแกว่งตัวของหุ้นในช่วงที่เหลือของสัปดาห์นี้จึงควรมองทางหาจังหวะซื้อ โดยนอกจากหุ้นบริโภคในประเทศที่เราแนะนำมาช่วงก่อนหน้า ซึ่งในสัปดาห์นี้เราให้ซื้อแบบ ตั้งรับ ได้แก่ ADVANC THCOM TRUE JAS AOT BECL BAY TISCO KK TCAP GL TK ASK THANI หุ้นที่กำลังโดดเด่นขึ้นมาอีกกลุ่มคือ รับเหมาก่อสร้างจากประเด็น 1) การยืน TOR เพื่อบริหารจัดงานน้ำ 3 แสนล้านบาท (ยืนขอเอกสาร 9-23 ก.ค.) 2) ประมูลระบบรางรถไฟฟ้าสายสีเขียว แบริ่ง-สมุทรปราการ (ซื้อเอกสาร 23-31 ก.ค.) ซึ่งหุ้นที่เราชอบได้แก่ STEC CK ITD ตามลำดับ
กลยุทธ์การลงทุน: SET ยังไม่ปิด downside ที่อาจลงมา 1175-1180 คงกลยุทธ์เก็งกำไรรายตัวในหุ้นที่แนะนำ และสะสมหุ้นโรงแรม และวัสดุก่อสร้างสำหรับไตรมาส 3/55
หุ้นแนะนำ STEC TTW KCE
สำหรับนักลงทุนระยะกลาง: เมื่อ 15 มิ.ย. เราเพิ่มน้ำหนักการลงทุนขึ้นอีก 10%เป็น 60% และยังเตรียมเพิ่มน้ำหนักการลงทุนขึ้นอีก โดยยังคงประเมิน downside ของ SET Index ที่ 1050 จุด หุ้นที่อาจพิจารณาทยอยสะสม ได้แก่ TICON TCAP KK TISCO EGCO RATCH PS AP SIRI QH PF PTTGC PTT KTB NMG RS
KGI ประเมินตลาดหุ้นไทยวันอังคารทรงตัว นักลงทุนยังคงชะลอกิจกรรมเนื่องจากไม่มีปัจจัยกระตุ้นใหม่ๆ หรือว่าข่าวเศรษฐกิจสำคัญใดๆ ฝั่งสหรัฐฯ เมื่อคืนนี้ไม่มีรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ ในขณะที่การประชุม รมว.คลังกลุ่มยุโรปเมื่อคืนนี้ไม่มีประเด็นใหม่ สิ่งที่แถลงออกมาเมื่อเช้านี้นั้นนักลงทุนรับทราบอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการต่ออายุให้สเปนอีก 1 ปีในการที่จะลดยอดขาดดุลงบประมาณต่อ GDP ให้เหลือ 3.0% และการที่นัดประชุมกันอีกครั้งหนึ่งในวันที่ 20 ก.ค. เพื่ออนุมัติมาตรการช่วยเหลือภาคธนาคารสเปนมูลค่า 1 แสนล้านยูโร ซึ่งเรื่องต่างๆ เหล่านี้อยู่ในราคาหุ้นอยู่แล้ว ส่วนในวันนี้จีนจะยังเป็นจุดสำคัญว่าด้วยตัวเลขเศรษฐกิจ เนื่องจากจีนจะรายงานยอดส่งออก/นำเข้าเดือน มิ.ย. ในวันนี้ ซึ่งจะส่งผลนัยต่อนโยบายการเงินของจีนหลังจากจีนรายงานเงินเฟ้อออกมาต่ำเพียง 2.2% ส่วนปัจจัยในประเทศยังต้องรอคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 13 ก.ค. เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291
กลยุทธ์: ด้วยปัจจัยภายนอกที่ไม่ชัดเจนและปัจจัยการเมืองภายในที่ทุกฝ่ายรอคำตัดสินของศาล เราแนะนำให้ชะลอการลงทุนโดยเฉพาะในหุ้นขนาดใหญ่ และเน้นถือหรือซื้อหุ้นแนวโน้มกำไรเด่น หุ้นปันผลเด่น และหุ้นที่มีข่าวบวกเฉพาะตัว เช่น AP, SIRI, INTUCH* รวมทั้ง BH*