Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
23 พฤศจิกายน 2554
 
All Blogs
 
โบรกแนะเก็งกำไร 3 หุ้นพื้นฐานแกร่ง ดัชนีมีแนวโน้มปรับตัวลง บาทอ่อนค่า รอรับต่ำกว่า 960 จุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ณ เวลา 9.45 น. ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงมาอยู่ที่ระดับ 31.27 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวอยู่ในแดนลบ หลังจาก GDP สหรัฐขยายตัวต่ำกว่าคาดที่ระดับ 2% ขณะที่หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรในยูโรโซนยังคงพุ่งขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนความวิตกเกี่ยวกับวิกฤติหนี้ที่มีแนวโน้มย่ำแย่ลง ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าเดือนธ.ค. ณ เวลา 9.49 น. ตามเวลาไทยปรับตัวลดลง 140 จุด นักวิเคราะห์คาดหุ้นไทยมีแนวโน้มปรับตัวลง แต่คาดว่าจะไม่หลุด 960 จุด เก็งกำไร 3 พื้นฐานแกร่ง ได้แก่ BGH, DTAC, STEC

บล.ฟินันเซีย ไซรัสระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ ตลาดบวกได้ก่อนจึงยังไม่น่าสนใจเข้าเทรดดิ้ง เพราะคาดว่าจะหลุด 960 ได้-แนวโน้ม ช่วงนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกยังคงถูกกดดันจากความผันผวนของตลาดสินเชื่อยุโรป หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรในยูโรโซนยังคงพุ่งขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนความวิตกเกี่ยวกับวิกฤติหนี้ที่มีแนวโน้มย่ำแย่ลง แม้ว่าจะมีข่าวว่า IMF พร้อมที่จะให้สินเชื่อระยะสั้นกับประเทศในยูโรโซนก็ตาม ขณะที่ตัวเลขส่งออกของไทยเดือน ต.ค. ก็ออกมาต่ำเกินคาด โดยขยายตัวเพียง 0.3% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่งในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ FSS ยังคงคาดว่า SET จะอยู่ในช่วงแกว่งตัวลงต่อเนื่อง และมีสิทธิที่ดัชนีจะไหลหลุดต่ำกว่า 960 จุดลงไป ถึงจะกลับมาน่าสนใจในการหาจังหวะเลือกหุ้นเข้ารับเพื่อเทรดดิ้งสั้นๆ ตามรอบต่อไป ดังนั้นการดีดขึ้นของตลาดหุ้นไทยวานนี้ เราจึงยังมองเป็นโอกาสในการหาจังหวะขายลดพอร์ตลงมากกว่าซื้อไล่ราคา

กลยุทธ์: รอดูแรงซื้อเพื่อหาจังหวะเข้าเทรดดิ้งตามรอบครั้งใหม่ที่ระดับดัชนีต่ำกว่า 960 จุดลงไป และควรขายทำกำไรเมื่อตลาดดีดกลับขึ้นด้วย

บล.ไทยพาณิชย์ระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ จับตาการเสนอทำ Eurobond คืนนี้ ส่วนสหรัฐฯ เตรียมทำ Stress Test ธนาคารยักษ์ใหญ่ – ตลาดหุ้นฝั่งยุโรปวานนี้ค่อนข้างผันผวน โดยส่วนใหญ่ปรับบวก/ลบ สลับกันในชั่วโมงซื้อขาย อัพเดทจากฝั่งยุโรปยังคงเป็นความกังวลเดิมๆ ส่วนคืนนี้จับตาการเสนอออก Eurobond ซึ่งไม่คาดหวังจากประเด็นนี้มากนักเนื่องจากยังมีหลายประเทศที่ไม่เห็นด้วย (หนักๆ มาจากเยอรมัน) ส่วนสหรัฐฯ FED ยังคงย้ำนโยบายดอกเบี้ยต่ำ ในขณะที่คาดว่าจะมีการทำ Stress Test ธนาคารหลักๆ โดยเฉพาะ 6 ธนาคารหลักที่คาดว่าจะถูกจับตาเป็นพิเศษ โดยสิ่งที่จะถูกทดสอบครั้งนี้คือ ความสามารถในการจ่ายปันผล และความสามารถในการซื้อหุ้นคืน โดยคาดว่าจะมีการส่งแผนดังกล่าวในช่วงม.ค. ปีหน้า สำหรับตัวเลข GDP ไตรมาส 3/54 สหรัฐฯ ออกมาแย่เหลือเพียง +2% เท่านั้น จากเดิมที่ประกาศครั้งแรกที่ +2.5% ส่วนเช้านี้มีเรื่องตัวเลข Flash PMI ของจีนให้ติดตาม ครั้งก่อนอยู่ที่ 51.1 ซึ่งโดยภาพรวมแล้วยังคงมีประเด็นทิศทางข่าวให้ตามกันทั้งสัปดาห์ ในขณะที่เรามอง Downside ไม่มาก โดยคาดว่ารอบนี้น่าจะเอาอยู่ที่ 960 จุด และยังมีสิทธิลุ้น Rebound ได้ในช่วงปลายสัปดาห์

บล.ฟิลลิประบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ แนวโน้มตลาดวันนี้ กรอบใหญ่อิงทางลง แม้ระหว่างทางค่อนข้างผันผวน

แม้วานนี้ SETI ฟื้นตัวได้ดีหลังการดิ่งหนักในช่วงวันก่อนหน้า แต่วอลุ่มดูเบาบาง ยังสะท้อนความไม่มั่นใจต่อการปรับขึ้นของตลาด ขณะที่ขาดปัจจัยบวกที่เด่นชัดมาสนับสนุน โดยมีปัญหาหนี้ยุโรปเป็นปัจจัยลบหลักกดดันตลาด แม้วานนี้ IMF ประกาศจะให้โควต้าสินเชื่อระยะสั้นเพิ่มแก่ประเทศในยูโรโซนที่สูงขึ้น 5-10 เท่า ในกรอบเวลา 6 เดือนถึง 1-2 ปีก็ตาม แต่ดูเหมือนช่วยหนุนภาพรวมได้ไม่มาก นักลงทุนส่วนใหญ่ยังขาดความเชื่อมั่นต่อแนวทางแก้ไขปัญหาท่ามกลางภาระหนี้ที่อาจจะใหญ่เกินเยียวยา ดังนั้นกรอบใหญ่ของภาพรวมตลาดยังอิงทางลงต่อไป แม้ระหว่างทางจะค่อนข้างผันผวน แต่เชื่อว่ายังไปได้ไม่ไกล จนกว่าจะมีปัจจัยบวกใหม่ หรือมีแรงซื้อต่างชาติกลับมาหนุนอีกครั้ง ในทางกลับกัน ความเสี่ยงทางลงยังดูมีมากกว่า

กลยุทธ์การลงทุน: เก็งกำไรหุ้นรายตัวโดยการจำกัดพอร์ตไม่เกิน 25% แนวต้าน : 980-985 แนวรับ : 965, 950

การจัดพอร์ตระยะสั้น* - หุ้น 25% : เงินสด 75%

ถือต่อในพอร์ต : BGH, DTAC, STEC

หุ้นที่ปรับออก : APCS

KGI ประเมินตลาดหุ้นไทยวันพุธปรับลดลง เนื่องจากแรงกดดันต่อการระดมทุนในสเปนยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องและจะกดดันตลาดหุ้นโลก วานนี้ดอกเบี้ยพันธบัตรสเปนขึ้นสูงสุดอีกครั้งและอยู่ในระดับที่น่ากลัว (3 เดือนอยู่ที่ 5.11%, 5 ปีอยู่ที่ 5.23% และ 10 ปี อยู่ที่ 6.61%) ในขณะที่ดอกเบี้ยพันธบัตรของประเทศใกล้เคียงอื่นๆ ก็ปรับขึ้นเช่นกัน ส่วนในสหรัฐฯ มีปัจจัยทั้งลบและบวก ปัจจัยลบคือตัวเลข GDP ไตรมาส3/2554 ถูกปรับลดจากเดิม 2.5% เหลือ 2.0% รวมทั้งการที่คณะกรรมการ Super Committee แถลงยอมรับความล้มเหลวในการเจรจาข้อตกลงหนี้ภาครัฐฯ ส่วนปัจจัยบวก (แต่คาดว่าตลาดรับรู้ไปแล้ว) ได้แก่การที่ Rating agencies ต่างๆ ชี้ว่าสหรัฐฯ จะไม่ถูกลดความน่าเชื่อถือในระยะสั้นนี้ อย่างไรก็ดี หุ้นไทยจะยังมีแรงหนุนจากกลุ่มพลังงาน และทำให้ดัชนีฯ ลงไม่มาก เนื่องจากราคาน้ำมันมีปัจจัยหนุนเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการคว่ำบาตรรอบใหม่ต่ออิหร่าน นำโดยสหรัฐฯ และแคนาดา รวมทั้งฤดูหนาวที่ใกล้เข้ามา และเมื่อผนวกกับราคาหุ้นกลุ่มพลังงานที่ซื้อขายที่ PE เพียง 8.9 เท่า คาดว่ากลุ่มพลังงานจะลงน้อยแล้ว ในวันนี้ SET มีแนวรับที่ 970 จุด สำหรับปัจจัยในประเทศ นสพ. รายงานอ้างคำให้สัมภาษณ์ของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ว่าในรายชื่อขอพระราชทานอภัยโทษของปีนี้นั้น ไม่มีชื่อของอดีตนายกฯทักษิณ แต่อย่างใด ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็จะลดแรงกดดันทางการเมืองในช่วงที่เหลือของปีนี้

กลยุทธ์: การเล่นสั้นให้ลงซื้อ-ขึ้นขาย ในหุ้นขนาดใหญ่ๆ ไปก่อน ส่วนมุมมองการลงทุนถึงปลายปี 2554 ให้ถือหุ้นไว้ต่อ เนื่องจากแม้ปัจจัยยุโรปจะยังไม่ดี เราเชื่อว่าข่าวสารต่างๆ จะดีขึ้นในช่วงเดือน ธ.ค. ซึ่งน่าจะเป็นช่วงที่นักลงทุนต่างชาติหายไปจากตลาดและนักลงทุนในประเทศน่าจะมีบทบาทต่อตลาดหุ้นสูงเราจึงคงมุมมอง SET ปรับขึ้นในเดือน ธ.ค. เป้าพื้นฐาน 1,020 จุด และเป้าเชิงกลยุทธ์สูงกว่า 1,050 จุด


Create Date : 23 พฤศจิกายน 2554
Last Update : 23 พฤศจิกายน 2554 12:09:24 น. 0 comments
Counter : 416 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

bunbaramee
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




Friends' blogs
[Add bunbaramee's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.