คนแห่ซื้อทองรูปพรรณเพิ่ม10% หวังเก็งกำไร หุ้นไทยร้อนแรงปิดบวก 14.96 จุด

คนแห่ซื้อทองรูปพรรณเพิ่ม10% หวังเก็งกำไร หลังน้ำท่วมคลี่คลาย-เศรษฐกิจโลกยังมีความผันผวน
วันนี้ ( 8 ก.พ.) นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยว่า ในช่วงนี้ประชาชนหันมาซื้อทองรูปพรรณกันเพิ่มขึ้นประมาณ 10% หลังจากที่สถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลาย ซึ่งเป็นผลมาจากราคาทองปรับตัวลดลงในช่วงที่ผ่านมาอยู่ระดับบาทละ 23,000 บาท ประกอบกับเข้าสู่ช่วงเทศกาลปีใหม่ ตรุษจีนทำให้พนักงานมีรายได้จากการจ่ายโบนัสของบริษัททำให้มีการซื้อทองเพื่อเก็งกำไร เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยในด้านการลงทุนและให้ผลตอบแทนดี ซึ่งขอให้นักลงทุนระมัดระวังการลงทุนอย่าตื่นตะหนกตามข่าวลือ โดยเฉพาะการแก้ปัญหาหนี้ยุโรป เพราะอาจเป็นการปล่อยข่าวของกองทุนเพื่อดึงราคาทองคำให้สูงขึ้น

สำหรับทิศทางราคาทองคำปีนี้ยังผันผวน โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 2/55 คาดว่าราคาทองคำอาจปรับฐานลงมาอยู่ที่ระดับ 1,522 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ก่อนที่จะปรับสูงขึ้นเพื่อทำสถิติใหม่เกินระดับ 1,922 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือประมาณ 27,000 บาท ( คิดอัตราแลกเปลี่ยน 30 บาท ต่อดอลลาร์สหรัฐ) เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกยังมีความผันผวน โดยเฉพาะเศรษฐกิจในยุโรปต้องติดตามการแก้ปัญหาหนี้สาธารณะอย่างใกล้ชิดว่าจะเป็นอย่างไร ถ้าเศรษฐกิจยังไม่ดีจะทำให้นักลงทุนหันมาลงทุนในทองคำกันมากขึ้น ซึ่งประเมินว่าราคาทองคำแท่งปีนี้ยังไม่ถึง 30,000 บาท ยกเว้นมีเหตุการณ์รุนแรงที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น เช่น การก่อการร้าย หรือการล้มลายของประเทศในกลุ่มยุโรป

“ตั้งแต่ช่วงปีใหม่จนถึงปัจจุบันราคาทองคำได้ปรับขึ้นมาประมาณ 2,000 -2,200 บาท ซึ่งถือว่าค่อนข้างเร็ว โดยนักลงทุนควรทยอยขายทำกำไรเป็นระยะ และปีนี้คาดว่านักลงทุนยังเข้ามาเก็งกำไรในทองคำเพิ่มขึ้นประมาณ 10% เพราะยังมีโอกาสที่จะทำกำไร เพราะเศรษฐกิจโลกยังมีความผันผวน ซึ่งปัจจุบันราคาทองคำแท่งซื้อบางละ 25,400 บาท ขายออกบาทละ 25,500 บาท ทองรูปพรรณซื้อบาทละ 25,029.16 บาท และขายออกบาทละ 25,900 บาท โดยราคาทองมีการปรับขึ้นลงบาทละ 250 บาท ”

-------------------

ดัชนีหุ้นไทยคึกคัก รับเงินทุนต่างชาติหนุนลุยซื้อหุ้นใหญ่ ดันวอลุ่มสูงสุดรอบ 4 เดือน
วันนี้ (8 ก.พ.)ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยกาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ดัชนีแกว่งตัวได้ร้อนแรงและคึกคักทั้งวัน ตามแรงซื้อหุ้นกลุ่มต่างๆ ส่งผลให้ระหว่างวันดัชนีทะยานขึ้นสูงสุดที่ 1,121.36 จุด ลดลงต่ำสุดที่ 1,107.52 จุด จนมาปิดตลาดที่ 1,116.08 จุด เพิ่มขึ้น 14.96 จุด หรือ 1.36% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย (วอลุ่ม) หนาแน่น 45,368.93 ล้านบาท สูงสุดรอบ 4 เดือน จากวันที่ 26 ก.ย.54 ซึ่งมีวอลุ่ม 47,630.63 ล้านบาท ส่วนตลาดเอ็มเอไอ ปิดที่ 296.79 จุด เพิ่มขึ้น 3.33 จุด มูลค่าซื้อขาย 1,189.30 ล้านบาท

สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก
1. ไอวีแอล ปิดที่ 38.25 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท
2. ปตท.โกลบอล ปิดที่ 73.25 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท
3. ไทยออยล์ ปิดที่ 69.50 บาท เพิ่มขึ้น 4.50 บาท
4. ปตท.ปิดที่ 348.00 บาท เพิ่มขึ้น 7.00 บาท
5. ปตท.สผ. ปิดที่ 182.00 บาท เพิ่มขึ้น 5.50 บาท


นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผอ.ฝ่ายวิจัย บล.เอเ ซีย พลัส มองว่า ดัชนีหุ้นไทยปรับเพิ่มขึ้นแรงตลอดทั้งวัน ตามแรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ปตท. , ปตท.สผ.และไอวีแอล หลังสภาพคล่องในระบบยังมีอยู่มาก จากการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินของหลายประเทศ ทำให้เงินทุนไหลเข้าสินค้าโภคภัณฑ์เป็นหลัก


ส่วนแนวโน้มวันที่ 9 ก.พ. มองว่า ดัชนียังมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ตามกระแสเงินทุนต่างชาติที่อาจไหลเข้าต่อ โดยประเมินแนวรับที่ 1,104 จุด และแนวต้านที่ 1,122 จุด แต่ต้องติดตามแนวทางการแก้ปัญหาหนี้ยุโรปประกอบการลงทุนด้วย เพราะบางวันอาจกลับมาสร้างความกังวลให้นักลงทุน ด้านกลยุทธ์ หากดัชนีเพิ่มขึ้นบริเวณแนวต้าน แนะนำนักลงทุนที่มีหุ้นอยู่แล้วหาจังหวะเทขายทำกำไร และรอซื้อเมื่ออ่อนตัวในหุ้นรายตัวกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม และโภคภัณฑ์.

Create Date : 08 กุมภาพันธ์ 2555		0 comments
Last Update : 8 กุมภาพันธ์ 2555 22:08:38 น.
Counter : 450 Pageviews.
Share Tweet