Bloggang.com : อุ้มสี : ททท.โคราช พา ททท.จันทบุรี พร้อม Agent มาเที่ยวที่ชุมชนบ้านปรางค์นคร โคราช

ททท.โคราช พา ททท.จันทบุรี พร้อม Agent มาเที่ยวที่ชุมชนบ้านปรางค์นคร โคราช

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานจันทบุรี
จัดกิจกรรม The Link Local to Global
เป็นการท่องเที่ยวเชื่อมโยงจากจังหวัดจันทบุรี กับจังหวัดนครราชสีมา
จัดขึ้นระหว่างวันที่ 27-29 มิถุนายน 2566
ณ จังหวัดนครราชสีมา
โดยมาเยือน ณ ชุมชนบ้านปรางค์นคร อำเภอคง จังหวัดนครราชสีมา
ในวันที่ 28 มิถุนายน 2566 เวลา 09.30-12.00 น.

นางภาวนา ประจิตต์
ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครราชสีมา

นางสาวเสาวนีย์ คนกล้า
ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานจันทบุรี

นางสาวพันชนะ วัฒนเสถียร
นายกสมาคมการท่องเที่ยวเขาใหญ่

นายประวิตร ชุมสุข
ประธานวิสาหกิจชุมชนการรท่องเที่ยวชุมชนบ้านปรางค์นคร
โทร.0897188182

นางพิชญ์สินี วินิจจิตร์
รองนายก องค์การบริการส่วนจังหวัดจันทบุรี

โดยนายธนภณ กิจกาญจน์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี
ได้มอบหมายให้นางพิชญ์สินี วินิจจิตร์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี
เข้าร่วมกิจกรรมโครงการ The Link Local to Global
ที่เชื่อมโยงจากจังหวัดจันทบุรี กับจังหวัดนครราชสีมา
ภายใต้เส้นทาง "ภูผามหานที อัญมณี จีโอพาร์ค"
โดยมีนางสาวเสาวนีย์ คนกล้า ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานจังหวัดจันทบุรี
ได้นำ Agent ตัวแทนผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว
ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน และสื่อมวลชน
เดินทางมาร่วมกิจกรรมโครงการ The Link Local to Global
เพื่อเชื่อมโยงจากจังหวัดจันทบุรีกับจังหวัดนครราชสีมา
ภายใต้เส้นทาง "ภูผามหานที อัญมณี จีโอพาร์ค"
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการกระตุ้นให้เกิดให้การเดินทาง
ของนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ
โดยการเดินทางข้ามภูมิภาคตามความเชื่อมโยงหลายมิติ
ทั้งด้านการขนส่ง คมนาคม ด้านสังคม วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์
ตลอดทั้งวิถีชีวิตและชุมชน
และยังมีส่วนช่วยในการพัฒนาและยกระดับสินค้า
รวมถึงการบริการด้านการท่องเที่ยวให้สอดคล้องกับพฤติกรรม
และทัศนคติของนักท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมาย

ซึ่งการกิจกรรมในครั้งนี้
นางภาวนา ประจิตต์ ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครราชสีมา
ได้นำเสนอเส้นทางการท่องเที่ยว “โคราชจีโอพาร์ค”
ที่ครอบคลุม 5 อำเภอของจังหวัดนครราชสีมา
ได้แก่ อำเภอสีคิ้ว อำเภอสูงเนิน อำเภอขามทะเลสอ อำเภอเมือง และอำเภอเฉลิมพระเกียรติ
เพื่อกระตุ้นก่อให้เกิดกระแสการเดินต่อเนื่องในพื้นที่โครงการและพื้นที่โดยรอบ
โดยเฉพาะ ชุมชนบ้านปรางค์นคร อำเภอคง จังหวัดนครราชสีมา
ซึ่งได้รับการ vote ติดอันดับเป็น 1 ใน 5 "Unseen New Chapters" ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
และติดอันดับ vote 1 ใน 25 ของประเทศอีกด้วย

การต้อนรับแขกมาเยือนชุมชนบ้านปรางค์นคร
ต้อนรับด้วยขบวนฟ้อนรำ
พร้อมพวงมาลัย และผูกข้อไม้ข้อมือจากผู้สูงอายุ
เรียกว่าพอถึงลานจอดที่วัดบ้านปรางค์พอลงจากรถตู้
จะมีน้ำใจจากชาวบ้านเป็นพวงมาลัย
พร้อมน้ำอัญชันและขนมในสไตล์บ้านปรางค์

เรียกว่าทริปการท่องเที่ยวชุมชนปรางค์นครเริ่มต้นกันที่ลานจอดรถที่วัดบ้านปรางค์
เป็นประเพณีการต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองมาเยือนปรางค์นคร
ขบวนชาวบ้านมาต้อนรับนับตั้งแต่ลงจากรถ
ตามธรรมเนียมไทยถือกันว่าเมื่อมีแขกมาเยือนถึงเรือนชานบ้านเจ้าบ้านต้องออกมาต้อนรับ
เฉกเช่นวิถีชุมชนที่หมู่บ้านปรางค์นคร อำเภอคง จังหวัดนครราชสีมา
ก็มีอัตลักษณ์เฉกเช่นเดียวกัน
เรียกว่ามารอรับนักท่องเที่ยวถึงวัดบ้านปรางค์
อันเป็นการแสดงมารยาทอันดีงามของเจ้าบ้านที่ดีเสมือนญาติ
จากนั้นนั่งรถ "ลิมูซีน" และรถอีแต๋น มาที่ปราสาทบ้านปรางค์กันค่ะ

ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่ชุมชนบ้านปรางค์นคร ต.บ้านปรางค์ อ.คง จ.นครราชสีมา
ชุมชนปรางค์นครมีเสน่ห์และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมีความเป็นชนบทที่ยังสูงอยู่
ชุมชนแห่งนี้เป็นชุมชนเก่ามีมาตั้งแต่ประมาณ 1,800 ปีที่แล้ว
โดยผ่านยุค ผ่านสมัย ผ่านกาลเวลามาหลายสมัย
ตั้งแต่สมัยทวาราวดี สมัยเขมร จนถึงสมัยอยุธยา สมัยล้านช้างจนมาถึงสมัยปัจจุบัน
ชุมชนโคราชชุมชนของเรามีหลายสิ่งหลายอย่างที่อยากจะเชิญชวนนักท่องเที่ยวที่จะมาเที่ยวชม

โดยเฉพาะที่นี่มีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
ซึ่งเป็นที่สักการะของคนในอำเภอคงและจังหวัดนครราชสีมา
นั่นก็คือ ปราสาทบ้านปรางค์
ซึ่งสถานที่แห่งนี้เป็นที่สถิตของปู่ปรางค์หรือเจ้าพ่อหินทับ
สำหรับที่ปราสาทปรางค์บ้านปรางค์ ต.บ้านปรางค์ อ.คง จ.นครราชสีมา
ถือเป็น "Unseen New Chapters"
ความสำคัญของปราสาทปรางค์บ้านปรางค์ เป็นปราสาทไม่กี่แห่งในประเทศไทย
ที่หันหน้าไปทางทิศตะวันออกแท้
สร้างมาตั้งแต่ 800-900 ปี ช่วงรอยต่อของพระเจ้าชัยวรมันที่ 6 และพระเจ้าชัยวรมันที่ 7
ซึ่งปราสาทแห่งนี้ปีหนึ่งจะมีเพียง 2 วัน ที่พระอาทิตย์จะส่องตรงช่องประตู
นั่นก็คือ
ในวันที่ 21 มีนาคม และวันที่ 23 กันยายนของทุกปี

ปราสาทปรางค์บ้านปรางค์ เป็นศาสนสถานเนื่องในคติศาสนาฮินดู อายุราวพุทธศตวรรษที่ 17
ตรงกับศิลบะเขมรโบราณสมัยปาปวนตอนปลายถึงนครวัดตอนต้น
ก่อสร้างด้วยหินทรายและศิลาแลง
แผนผังประกอบด้วยกลุ่มปราสาท 3 หลัง ตั้งอยู่บนฐานเดียวกันเรียงตามแนวทิศเหนือ-ทิศใต้
มีคูน้ำรูปตัวยูล้อมรอบ
เว้นทางเดินเข้าสู่โบราณสถานทางด้านทิศตะวันออกและทิศตะวันตก
ในราวพุทธศตวรรษที่ 20-21 สมัยอยุธยา-ล้านช้าง
มีการก่อสร้างอาคารอิฐเพิ่มเติมอีก 1 หลัง ทางด้านทิศตะวันออกติดดับส่วนฐานของกลุ่มปราสาทเป็นวิหารหรือหอพระ
แผนผังอาคารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ผนังและพื้นก่อด้วยฐานอิฐ เสาและโครงสร้างเป็นไม้มุงหลังคาด้วยกระเบื้องดินเผา
กรมศิลปากรประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานปรางค์บ้านปรางค์ ในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 55 ตอนที่ 34
ลงวันที่ 27 กันยายน พ.ศ.2479
และประกาศกำหนดขอบเขตโบราณสถานในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 100 ตอนที่ 36 ลงวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ.2526
พื้นที่โบราณสถาน 6 ไร่ 1 งาน 80 ตารางวา

จากนั้นสิ่งที่นักท่องเที่ยวห้ามพลาดก็คือ สะพานบารายสวรรค์แห่งนี้ค่ะ

นายประวิตร ชุมสุข
ประธานวิสาหกิจชุมชนการรท่องเที่ยวชุมชนบ้านปรางค์นคร
กล่าวว่า
ความพิเศษ "บารายบ้านปรางค์นคร" ทุกเดือนจะมีในเรื่องของพลัง
เรียกว่าเป็น sunset พลังสุริยันจันทรา
มีวันหนึ่งที่นักท่องเที่ยวต้องดูตามวันปฏิทินสำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจจะมา
เพราะพระอาทิตย์กับพระจันทร์จะขึ้นตรงกันตรง "บาราย" พอดีครับ
ถ้าท่านมาถ่ายภาพในวันนั้นตัวท่านจะเกิดออร่าตัวท่านจะได้รับพลัง
ตัวนักท่องเที่ยวจะกลายเป็นสีทอง
อยากให้ทุกท่านลองมาพิสูจน์ดูที่บารายสวรรค์บ้านปรางค์นคร

"บารายสวรรค์" มีความพิเศษแตกต่างจากบารายที่อื่นๆ
ที่นี่จะมีบัวหลวงที่สวยงาม มีสะพานบารายสวรรค์ให้ท่านได้เดินและชมความงามของบัวหลวง
สำหรับ "บารายบ้านปรางค์" สร้างมาพร้อมกันกับปราสาทบ้านปรางค์
น่าจะเป็นไม่กี่แห่งในประเทศไทยเราที่ยังคงรูปแบบ "บาราย"
มานั่งเรือ "อีโปง" รับลมเย็นเย็นชมพระอาทิตย์ตกดินที่นั่นด้วยกัน
"บาราย" แห่งนี้มีความพิเศษ
เพราะว่าปกติการสร้างปราสาทกับบารายจะต้องหันหน้าไปทางทิศทางเดียวกัน
แต่ "ปราสาทบ้านปรางค์" หันหน้าไปทางทิศตะวันออกแท้
แต่ "บารายบ้านปรางค์" หันหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือในมุม 72 องศา
ซึ่งถ้าเราไปดูในเรื่องของทางด้านโหราศาสตร์
จะเห็นว่า "บาราย"สร้างไปในตำแหน่งหรือทิศทางเดียวกับ "ราศีเมษ"
เป็นราศีของพระมหากษัตริย์ หรือดวงเมืองของประเทศไทยที่ใช้อยู่ในประเทศไทย
ถูกออกแบบให้เห็นว่าเมื่อพระอาทิตย์ตกกระทบพื้นน้ำจะปรากฎแสงที่ไปกระทบพื้นน้ำ
คล้ายๆ เป็นรูปของศิวลึงค์ ซึ่งเป็นที่รู้กันเป็นอย่างดีว่า "ศิวลึงค์" เป็นตัวแทนของพระมหากษัตริย์ขอม
แต่ว่าคนเมื่อพันปีที่แล้วเขาออกแบบได้ "เจ๋ง" สามารถออกแบบ "บาราย" ให้เป็นรูปศิวลึงค์ได้
นอกจากนั้น "บาราย" แห่งนี้จะมีปรากฎการณ์พิเศษ "สุริยันจันทรา"
หรือพระอาทิตย์และพระจันทร์มาอยู่ในระนาบเดียวกันที่ 180 องศาในทุกวันขึ้น 14 ค่ำของทุกเดือน
ท่านไหนที่ชอบสาย "มู" ที่เป็นความเชื่อก็ต้องมาพิสูจน์กันครับ

ต่อจากนั้นมาทำกิจกรรมทำขนมข้าวปาดกันค่ะ
“ขนมข้าวปาด” ทำมาจากแป้งข้าวเจ้า
ซึ่งเป็นขนมไทยพื้นบ้านเก่าแก่ของชาวโคราช มีสีเขียวสวยงาม
สีสวยมาจากใบเตยและเป็นขนมไทยโบราณแบบดั้งเดิม
ที่หากินยาก
ขนมข้าวปาดมีส่วนประกอบหลักพื้นฐานสามอย่าง
ได้แก่ แป้ง กะทิ และน้ำตาลปี๊บ
ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่หาได้ง่ายตามท้องถิ่นมาตั้งแต่ในสมัยยุคสุโขทัย
ก่อนที่จะมาถึงในยุคสมัยกรุงศรีอยุธยา
โดยการนำของชาวโปรตุเกสที่มีชื่อว่า “มารี ตองกีมาร์”
หรือที่เรารู้จักในนามประวัติศาสตร์ไทย “เท้าทองกีบม้า" นั่นเอง

ข้าวปาด ในภาษาท้องถิ่นคนโคราช หมายถึง ขนมที่ทำให้สุกด้วยการกวนแป้งจนสุกแล้ว
แต่ยังเหลวอยู่จนสามารถตักปาดใส่ถาได้
คนโคราชรุ่นเก่าเรียกตามกันมาว่า "ข้าวปาด"
ส่วนคนรุ่นใหม่ในปัจจุบัน มักนิยมเรียกติดปากตามภาษาภาคกลางว่า ขนมเปียกปูน

การเตรียมวัตถุดิบทำขนมข้าวปาด
คือ การโม่แป้ง
ซึ่งแป้งข้าวเจ้าเราได้จากเครื่องโม่หินแบบโบราณ
วิธีการทำในขั้นตอนแรก คือ นำปลายข้าวเจ้าไปแช่น้ำจนนิ่มได้ที่
จากนั้นนำไปโม่ให้ละเอียดเมื่อโม่เสร็จแล้ว นำใส่ถุงผ้าดิบมัดปากถุงให้แน่น
ใช้หินส่วนบนของโม่ทับไว้เพื่อให้น้ำที่อยู่ในแป้งไหลออกจนหมด
กระทั่งเหลือแต่เนื้อแป้ง
เมื่อแห้งดีจึงนำมานวดกับน้ำปูนใสผสมเข้ากับน้ำตาลและน้ำใบเตยลงไป
ก่อนจะนำแป้งที่นวดไปกวนในหม้อเพื่อให้แป้งสุก
ค่อยนำมาปาดใส่ภาชนะเป็นอันเสร็จกินได้เลย

ขนมข้าวปาด
โรยน้ำตาลทรายแดงสักหน่อยแกล้มกับกาแฟก็อร่อยนะคะ

จากนั้น ผอ.ภาวนา ประจิตต์
ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครราชสีมา

พาผอ.เสาวนีย์ คนกล้า
ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานจันทบุรี
มาทำ "ดวงตาสวรรค" กิจกรรม TOP HIT
ของชุมชนบ้านปรางค์นคร

ทำดวงตาสวรรค์กันเสร็จแล้วก็ไปเดินชม เรือนโคราช
ที่เป็นที่พักอาศัยกันจริงๆ

มาเยือนชุมชนปรางค์นคร มีสิ่งหนึ่งที่ต้องเดินชม นั่นก็คือเรือนโคราช
เรือนคือบ้านอีกหนึ่งแบบที่น่าสนใจ และไม่มีใครเหมือน
เรือนโคราชลักษณะเด่นแตกต่างจากเรือนทั่วไป เพราะจะเป็นเรือนที่มี 2 จั่ว
แต่มีพื้นที่ใช้สอยเทียบเท่าเรือน 3 จั่ว
มีการสอดประสานชิ้นส่วนต่างๆ
เข้าด้วยกันเป็นองค์อาคารได้อย่างแข็งแรง มั่นคง
สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นอัจฉริยภาพและปัญญาสร้างสรรค์ของช่างท้องถิ่นโคราช
ที่มีความริเริ่ม
มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับระบบโครงสร้าง แตกต่างอย่างเป็นเอกลักษณ์
หาได้ยากยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับเรือนในสมัยนั้น
นับเป็นข้อมูลสำคัญทางประวัติศาสตร์และเป็นแหล่งเรียนรู้ทางภูมิปัญญาของท้องถิ่นชาวโคราช

เรือนไทยโคราชมีรูปแบบแตกต่างจากเรือนไทยภาคกลาง
และเรือนไทยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
เพราะเรือนโคราชมีความเป็นสามระดับ สูง กลาง ต่ำ
ความเป็นสามระดับนี้อาจจะประณีตหรือหยาบ นั่น
แล้วแต่ความต้องการของเจ้าของบ้าน
ที่แสดงถึงพื้นที่ใช้สอยในชีวิตประจำวันของครอบครัวนั้นๆ
อาทิ ที่นอนต้องสูงสุดจะไปนอนต่ำๆ ก็ไม่ได้ ส่วนช่องที่มันว่างอยู่เขาก็เอาไว้รับแขก
ซึ่งแขกนั้นก็ต้องเป็นพระสงฆ์ จัดห้องพระให้อยู่ในที่สูงสุด
ส่วนบริเวณระเบียงเชื่อมระหว่างเรือนสองหลังนี้ก็จะต่ำลงมาหน่อย
สำหรับใช้สอยทำกิจกรรมของครอบครัว
อาทิ นั่งกินข้าว
ถ้าไม่นั่งหน้าครัวก็นั่งตรงนี้ ถ้ามีแขกมาเยอะๆ ก็กินข้าวตรงนี้ นอนตรงนี้
เพราะฉะนั้นการสร้างเรือนโคราชให้เป็นสามระดับ
เพื่อให้สอดคล้องกันกับการใช้ประโยชน์ในการเป็นที่อยู่อาศัย
บันไดจะพาดกับตัวเรือน
ซึ่งบันไดก็อาจจะมีห้าขั้นถึงเจ็ดขั้น
เรือนโคราชจำเป็นจะต้องมีสองเรือน
เรือนหนึ่งเอาไว้นอนอีกเรือนเอาไว้รับแขก หรือจะนอนก็ได้
ส่วนใหญ่จะไม่มีฝาปิดรอบขอบชิดแบบนี้
อย่างไรก็ตาม
เรือนโคราชไม่ใช่เรือนไทยภาคกลางและไม่ใช่เฮือนอีสาน
แต่ได้รับอิทธิพลมาจากทั้งสองภาค
จนเกิดเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเรือนโคราช
กล่าวคือเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวยกใต้ถุนสูง หลังคามีองศาที่ชันรูปร่างคล้ายจอมแห
มีระบบการก่อสร้างเป็นระบบสำเร็จรูป กล่าวคือสามารถถอดประกอบได้ทุกชิ้น
เสาเรือนเป็นเสากลมยอดเสามีหัวเทียน
ฝาบ้านคล้ายฝาปะกน
แต่เป็นเพียงลวดลายมิใช่เกิดจากการเข้าไม้
มีการลดระดับของแต่ละส่วนมากกว่า 40 เซนติเมตร
จนเกิดช่องว่างที่เรียกว่าช่องแมวลอด
ประตูหน้าต่างยึดด้วยสลักเดือยโดยเปิดเข้าภายในห้อง
การปลูกเรือนจะวางสันของหลังคาตามร่องตะวันโดยหันหน้าจั่วไปทางทิศตะวันออกและตะวันตก

สิ่งหนึ่งที่แสดงถึงอัตลักษณ์ของเรือนโคราช ก็คือ หย่อมเรือนโคราช
ที่เห็นนี้อายุ 70-130 ปีขึ้นไป มีรูปแบบผสมผสานระหว่างเรือนไทยภาคกลางกับเรือนไทยอีสาน
ซึ่งมีให้ชมที่ชุมชนบ้านปรางค์นคร อำเภอคง จังหวัดนครราชสีมา

มาเที่ยวชุมชนบ้านปรางค์นคร ต้องมาพักที่โฮมสเตย์
แล้วกินอาหารพื้นถิ่น ต้องสั่งล่วงหน้านะคะ
ขาหมูถั่วดำ กับทอดมันบ้านปรางค์
มีเฉพาะที่นี่เท่านั่นนะคะ

ทีมแม่ครัวหัวป่าก์

ถ่ายภาพก่อนจ้า

เรียกว่าเป็นอีกทริปที่เอนจอยกับชุมชน สถานที่
และที่สำคัญอาหารการกินอร่อยฝุดฝุด
ไม่ว่าจะเป็น ขาหมูถั่วดำ ทอดมันบ้านปรางค์ แกงขี้เหล็ก และผัดหมี่โคราช
อร่อยฝุดฝุดเลยค่ะ
สนใจติดต่อสอบถามมาเที่ยวที่

นายประวิตร ชุมสุข
ประธานวิสาหกิจฯ ชุมชนบ้านปรางค์นคร
โทร.0897188182

ความสุขรอคุณอยู่ชุมชนบ้านปรางค์นคร จ.นครราชสีมา

ขอขอบคุณ

นายประวิตร ชุมสุข
ประธานวิสาหกิจชุมชนการรท่องเที่ยวชุมชนบ้านปรางค์นคร
โทร.0897188182

นางภาวนา ประจิตต์
ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครราชสีมา

นางสาวพันชนะ วัฒนเสถียร
นายกสมาคมการท่องเที่ยวเขาใหญ่

นางสาวเสาวนีย์ คนกล้า
ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานจันทบุรี

นางพิชญ์สินี วินิจจิตร์
รองนายก องค์การบริการส่วนจังหวัดจันทบุรี

Create Date : 01 กรกฎาคม 2566

Last Update : 8 กันยายน 2566 8:19:52 น.

17 comments

Counter : 6457 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...

คุณเริงฤดีนะ, คุณโฮมสเตย์ริมน้ำ, คุณปัญญา Dh, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณกะว่าก๋า, คุณปรศุราม, คุณhaiku, คุณสองแผ่นดิน, คุณSweet_pills, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณโตนิค, คุณกระถินริมเล, คุณนกสีเทา, คุณเจ้าหญิงไอดิน, คุณNoppamas Bee, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณtoor36, คุณnewyorknurse, คุณkae+aoe, คุณThe Kop Civil, คุณแมวเซาผู้น่าสงสาร, คุณคนผ่านทางมาเจอ, คุณmariabamboo, คุณJohnV, คุณ**mp5**

ตามมาเจิม
มาเที่ยวก่อนใคร
ดีงาม

โดย: เริงฤดีนะ

วันที่: 1 กรกฎาคม 2566 เวลา:12:55:48 น.

โปรแกรมเดินทางของพี่อุ้ม
แน่นมากๆ เปิดประสบการณ์สุดๆเลยครับ

โดย: กะว่าก๋า

วันที่: 1 กรกฎาคม 2566 เวลา:20:37:49 น.

ขอบคุณครับพี่อุ้ม

โดย: กะว่าก๋า

วันที่: 1 กรกฎาคม 2566 เวลา:22:59:47 น.

บล๊อกนี้ภาพถ่าย ดูมีชีวิต แสดงอารมณ์ได้ดีหลายภาพชวนติดตาม
ถ้ามีภาพถ่ายโดย คนถูกถ่ายไม่รู้ตัว
ขำ ๆ ดีเลย..

ผมชอบดูภาพชนิดนี้คนอื่นน่าจะชอบ
เหมือนกัน แต่งานของคุณอุ้มคงหลีก
เลี่ยงถ่ายภาพ เปิดป้ายหรือภาพหมู่
ยากหน่อย ก็เข้าใจครับ

เอาใจช่วยครับ

โดย: ไวน์กับสายน้ำ

วันที่: 2 กรกฎาคม 2566 เวลา:4:23:20 น.