Happy กับ One day trip ที่เมืองปากน้ำ จ.สมุทรปราการ ทัวร์อินไทยแลนด์จัดให้ตรงไปไหว้พระที่วัดสาขลา
เป็นภาพเมื่อวันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ 2566 ต้องขอขอบคุณพี่อ้วน ปาณิษา ที่ชวนอุ้มสีออกทริปแบบไปเช้าเย็นกลับ แบบ one day trip is so happy สุดสุด วัดสาขลา ตั้งอยู่ในตำบลนาเกลือ อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ จัดว่าเป็นวัดเก่าแก่ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของชุมชนในพื้นที่เลยค่ะ เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00-18.00 น. โทร : 0-2819-5091
ดังนั้น บริษัท ทัวร์อินไทยแลนด์ จำกัด นำโดยพี่อ้วน ปาณิษา ขันติวงวาร ได้พานักท่องเที่ยว 1 รถบัส จำนวน 35 ท่านลงพื้นที่ของ ททท. สำนักงานสมุทรปราการ และได้รับความสนับสนุนจาก สทน.อีกด้วย เรียกว่าวัดสาขลา จังหวัดสมุทรปราการ ที่เที่ยวใกล้เที่ยวง่ายสไตล์ภาคกลาง ไม่ไกลจากกรุงเทพมหานคร มาไหว้พระทำบุญ ลอดใต้โบสถ์ เสริมดวงให้ปังปูลิเย่
พี่อ้วน ปาณิษา ขันติวงวาร บริษัท ทัวร์อินไทยแลนด์ทราเวล จำกัด
รถบัสไม่สามารถเข้ามาถึงวัดสาขลาได้ แต่ไม่ต้องห่วง ทางชุมชนสาขลานาเกลือมีรถราง ไว้นำนักท่องเที่ยวมาถึงวัด ต้องขอขอบคุณ อบต.นาเกลือมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
วัดสาขลา (อ่านว่า สา-ขฺลา) เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย วัดสาขลาตั้งอยู่ที่ตำบลนาเกลือ อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2325 สันนิษฐานว่าชาวบ้านช่วยกันสร้างเมื่อคราวรบชนะพม่า แต่เดิมชุมชนบ้านสาขลาเป็นชุมชนเก่าแก่ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น เมื่อเคราวกิดสงคราม 9 ทัพ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1 ได้ให้ผู้ชายไปเป็นทหาร เหลือแต่ผู้หญิงและคนชรา และเมื่อทหารพม่าเดินทัพผ่านมา ชาวบ้านที่เหลือร่วมมือกันสู้พม่าอย่างกล้าหาญจนชนะได้ หมู่บ้านแห่งนี้จึงมีชื่อเรียกว่า หมู่บ้านสาวกล้า ก่อนจะเพี้ยนมาเป็น หมู่บ้านสาขลา ตามที่เรียกกันในปัจจุบัน และวัดสาขลาได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อประมาณ พ.ศ. 2375
พระปรางค์เอียง ตั้งอยู่บริเวณหน้าวัดริมคลองสาขลา ถือเป็นสัญลักษณ์เฉพาะของวัดแห่งนี้ คนเฒ่าคนแก่แถวนั้นเล่าให้ฟังว่า ในอดีตการทำสิ่งปลูกสร้างจะไม่ใช้วิธีลงเสาเข็มเหมือนปัจจุบัน แต่จะใช้วิธีวางท่อนซุงหรือท่อนไม้ไขว้กันไปมา ตรงบริเวณการสร้างพระปรางค์ก็เช่นกัน แต่บริเวณนั้นอยู่ใกล้กับริมคลอง คนสมัยก่อนจึงได้วางท่อนไม้บริเวณริมคลองไว้มาก เพราะกลัวว่าเวลาผ่านไปอาจจะถูกน้ำกัดเซาะขึ้นมาถึงฐานพระปรางค์ได้ จึงวางท่อนไม้ไว้มากกว่าอีกด้านหนึ่งที่ไม่ติดคลอง แต่เวลาเนิ่นนานทางฝั่งคลองพื้นที่ยังคงเดิม แต่ฝั่งพื้นดินกลับทรุดลง จึงทำให้พระปรางค์เอียงนั่นเอง
พระปรางค์เอน เป็นองค์พระปรางค์เก่าแก่ ตั้งอยู่บริเวณริมคลอง แต่เดิมตอนสร้างนั้นสร้างทรงตรงไม่ได้เอนอย่างปัจจุบัน กระทั่งเมื่อประมาณร้อยกว่าปีก่อนได้เกิดน้ำท่วมขัง ผืนดินที่ลอยตัวอยู่บนโคลนเกิดการทรุดตัว องค์พระปรางค์จึงได้เอียงไปทิศตะวันตก ประมาณ 15 องศา หลังจากนั้นก็ไม่ได้เอียงเพิ่มและไม่มีทีท่าว่าจะล้มลงมา ทางวัดสาขลาจึงได้ปล่อยให้เอนจนเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของบ้านสาขลาไปแล้วค่ะ
สังเกตได้ว่าปรางค์ประธานมีลักษณะเป็นทรงฝักข้าวโพด ซึ่งเป็นลักษณะของสถาปัตยกรรมสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ฐานทรงสี่เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสอง ส่วนกลางของพระปรางค์ ทำเป็นซุ้มจระนำ ประดิษฐานพระพุทธรูปปางห้ามสมุทรไว้ทั้ง 4 ด้าน ปัจจุบันแตกหักไป เหลือให้เห็นบนพระปรางค์เพียง 2 ด้าน
พระวิหาร เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปเก่าแก่หลายองค์ โดยเฉพาะหลวงพ่อโตที่สร้างมาพร้อมกับวัด เป็นพระพุทธรูปศิลปะสมัยอู่ทอง ปางมารวิชัย
จากนั้นพี่อ้วนพานำคณะทัวร์สวดบทมหาจักรพรรดิ์ 9 จบ ต่อหน้าหลวงพ่อโต วัดสาขลา
ในส่วนของพระอุโบสถ โดยรอบของพระอุโบสถนั้นจะมีลูกนิมิตโบราณ 8 ลูก วางอยู่บนแท่นพญานาค 7 เศียร ชาวบ้านแถวนั้นเล่าว่า ลูกนิมิตโบราณนี้มีอายุไม่ต่ำกว่า150 ปี ซึ่งได้ขุดพบตอนที่ทางวัดได้ยกอุโบสถให้สูงขึ้น นอกจากนี้ยังขุดพบพระพุทธรูปโบราณอีกเป็นจำนวนมาก ลักษณะของลูกนิมิตโบราณนั้น จะมีลักษณะไม่กลมแต่จะมีรูปทรงบิดเบี้ยว ซึ่งทางวัดได้เปิดให้ชาวบ้านร่วมปิดทองเพื่อความเป็นสิริมงคลกับตัวเอง
วิหาร ในขณะที่กำลังยกวิหารให้สูงขึ้น ชาวบ้านได้ขุดพบพระพุทธรูปที่มีลักษณะหันหลังชนกัน อีกองค์หนึ่งปางประทานพร อีกองค์หนึ่งปางห้ามสมุทร เมื่อชาวบ้านได้ขุดและอัญเชิญพระพุทธรูปขึ้นมา ปรากฏว่าด้านล่างเป็นบ่อน้ำขนาดไม่ใหญ่มากนัก แต่ที่ทำให้ชาวบ้าน Amazing ยิ่งกว่าเดิมนั่น ก็คือ เป็นบ่อน้ำจืด ซึ่งในบริเวณพื้นที่ตรงนั้นจะติดกับทะเลทำให้พื้นดินเป็นน้ำเค็มทั้งหมด แล้วเป็นบ่อน้ำจืดได้อย่างไรกันเนี่ยสร้างความอัศจรรย์ใจให้แก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างยิ่ง ปัจจุบันบ่อน้ำนั้นก็ยังคงเป็นบ่อน้ำจืดอยู่เช่นเคย
จากนั้นเป็นไฮไลต์ของวัดสาขลา คือ จะต้องมาลอดที่พระราหู เนื่องจากวัดสาขลาได้ยกพระอุโบสถให้สูงขึ้น เนื่องจากปัญหาน้ำท่วมในช่วงน้ำหลาก ใต้อุโบสถจึงสามารถลอดไปมาได้ ในแต่ละวันจะมีพุทธศาสนิกชนไปลอดอุโบสถเสมอ โดยเชื่อว่าจะช่วยเสริมสิริมงคล 9 ประการ นั่นคือ
มงคลที่ 1 ลอดประตูพระราหู มงคลที่ 2 ปิดทองลูกนิมิตโบราณ มงคลที่ 3 บูชาพระบัวเข็ม กราบรูปเหมือนพระเกจิอาจารย์ชื่อดังจำนวนมาก มงคลที่ 4 โยนเหรียญทำบุญพระสังกัจจายน์ มงคลที่ 5 บูชาพระพุทธรูปที่ขุดพบ มงคลที่ 6 พระพุทธรูปปางบำเพ็ญทุกขกิริยา มงคลที่ 7 ปิดทองพระพุทธรูปศิลา มงคลที่ 8 ปิดทองใต้ฐานองค์หลวงพ่อโต มงคลที่ 9 ลอดท้องช้าง พรายมหาลาภ
ใต้อาคารโบสถ์และวิหาร จัดเป็นส่วนของพิพิธภัณฑ์หลากหลายรูปแบบ ดังนั้นการเข้าชมด้านในจึงเปรียบเสมือนได้ทำการลอดใต้โบสถ์วิหาร และฐานหลวงพ่อโต เพื่อความเป็นสิริมงคลอีกด้วย ทางเข้าจะอยู่ทางซ้ายมือ ทำเป็นซุ้มประตูมีลักษณะเป็นปากราหู ที่เชื่อว่าเป็นการขจัดปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย ส่วนทางออกทำเป็นรูปปั้นช้างขนาดใหญ่ เป็นช้างพลายมหาลาภ เวลาออกตรงทางออกจึงเหมือนกับการได้ลอดท้องช้างออกไป เชื่อว่าทำให้โชคดีรอดพ้นอุปสรรคทั้งปวง
พื้นที่ด้านในพิพิธภัณฑ์แบ่งซอยออกเป็นห้องต่างๆ มีการจัดแสดงแต่ละส่วนไว้ต่างกัน อาทิ ภาพนี้ "ลูกนิมิต ลูกเอก" เป็นลูกนิมิตโบราณ ทำจากศิลาแลง อายุไม่ต่ำกว่า 150 ปี มีลักษณะไม่กลมเกลี้ยงเหมือนกับลูกนิมิตปัจจุบัน ลูกนิมิตนี้ได้นำมาจัดวางไว้ในที่ตรงกับใจกลางพระอุโบสถ ด้านบนเป็นที่ประดิษฐานพระประธาน จุดนี้สามารถปิดทองลูกนิมิตเพื่อความเป็นมงคลได้
มีหลวงปู่ทวดด้วยนะคะ เมื่อลอดผ่านพระราหูมาจะมีหลายเกจิอาจารย์ชื่อดัง
ห้องลอยบัว เป็นห้องที่ดูสงบเย็นเปิดไฟแสงสลัว ด้านในประดิษฐานหลวงพ่อบัวเข็ม หน้าองค์พระทำเป็นสระบัวกลางห้อง เ พื่อลอยบัวขอพร ส่วนบริเวณด้านข้างยกพื้น จัดเป็นล็อกๆ ประดิษฐานหุ่นขี้ผึ้งบูรพาจารย์ ขนาดเท่าองค์จริง ได้แก่ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) วัดระฆัง หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต วัดป่าสุทธาวาส, หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ท่านพ่อคล้าย วัดสวนขัน, หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม, หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง, หลวงพ่อหลิว วัดไร่แตงทอง, หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน หลวงปู่เสาร์ ฯลฯ
พระสองพี่น้อง เป็นห้องจัดแสดงพระสองพี่น้องที่เป็นพระพุทธรูปที่ขุดพบตอนยกโบสถ์ขึ้น โดยจัดพระสองพี่น้องไว้ในตู้กระจกตรงกลางห้อง ผนังด้านข้างวาดเป็นภาพนูนต่ำ เป็นภาพพื้นที่บริเวณวัดสาขลา ดูแล้วมีมิติเหมือนกับสถานที่จริงที่พบพระทั้งสององค์ พระสองพี่น้องเป็นพระพุทธรูป 2 องค์ ยืนหันหลังพิงกัน องค์หนึ่งเป็นปางประทานพร และอีกองค์เป็นปางห้ามสมุทร
พระพุทธรูปศิลา เป็นห้องบริเวณฐานหลวงพ่อโต จัดแสดงพระพุทธรูปศิลาที่ขุดพบใต้วิหาร ตอนขุดพบนั้นเศียรและตัวหักอยู่ เมื่อนำมาประกอบต่อกัน จึงมีลักษณะดูผิดรูปไป บริเวณนี้ส่วนเพดานจะมีฐานพระโผล่ออกมา ทางวัดได้เปิดไว้ เ พื่อให้ได้ปิดทองใต้ฐานพระอีกด้วย Amazing ยิ่งกว่าที่ใดใดในโลก
ห้องพระเกจิอาจารย์ เป็นห้องอยู่บริเวณริมด้านข้างรอบนอกอาคาร ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางปฐมเทศนา ส่วนด้านข้างเป็นตู้โชว์ จัดแสดงรูปปั้นขนาดเล็กของเกจิอาจารย์ต่างๆ มากมาย
พระเจ้า 5 พระองค์ เป็น Unseen สมุทรปราการใหม่ล่าสุด✨ พระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ณ วิหารแก้ววัดสาขลา อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ
เรียกว่านักท่องเที่ยวทุกคน ไม่เว้นแม้แต่พี่อ้วน, น้องไกด์ซันและน้องหน่อง ต่างซื้อ "กุ้งเหยียด" ถ้าตัวเล็กกินได้ทั้งตัว แต่ถ้าเป็นตัวใหญ่ต้องแกะเปลือกเสียก่อนค่ะ
ขอขอบคุณ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสมุทรปราการ
พี่อ้วน ปาณิษา ขันติวงวาร บริษัท ทัวร์อินไทยแลนด์ทราเวล จำกัด
องค์การบริหารส่วนตำบลนาเกลือ อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ
เพลง : กำแพงบุญ โดย ไก่ นิภาวรรณ กล่องเขียนคอมเม้นท์ : คุณ lozocat โค้ดแต่ง BLOG : ป้ามด & น้องดอกหญ้าเมืองเลย ของแต่ง BLOG ทุกอย่างมาจาก : คุณป้าเก๋า ชมพร & น้องญามี่ & คุณเนยสีฟ้า
Create Date : 17 กุมภาพันธ์ 2566 |
Last Update : 18 กุมภาพันธ์ 2566 0:18:18 น. |
|
14 comments
|
Counter : 1379 Pageviews. |
|
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณnewyorknurse, คุณปัญญา Dh, คุณกะว่าก๋า, คุณRain_sk, คุณปรศุราม, คุณเริงฤดีนะ, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณแมวเซาผู้น่าสงสาร, คุณSertPhoto, คุณเจ้าหญิงไอดิน, คุณเจ้าการะเกด, คุณStand by bowky, คุณนกสีเทา, คุณทนายอ้วน, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณtoor36, คุณกิ่งฟ้า, คุณNoppamas Bee, คุณกระถินริมเล, คุณโตนิค, คุณhaiku |
โดย: newyorknurse วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา:2:53:58 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา:3:59:57 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา:8:36:12 น. |
|
|
|
โดย: SertPhoto วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา:10:53:25 น. |
|
|
|
โดย: เจ้าการะเกด วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา:10:56:57 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา:18:41:09 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา:19:37:04 น. |
|
|
|
โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา:22:54:41 น. |
|
|
|
โดย: Noppamas Bee วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา:0:28:19 น. |
|
|
|
|
|
มาเที่ยวด้วยค่ะ