ททท.ภูมิภาคภาคกลางกับเส้นทางท่องเที่ยว 17-18 มิ.ย. 2566 จ.พระนครศรีอยุธยา
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคภาคกลาง ร่วมกันกับบริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด จัดกิจกรรม กินเที่ยวชาร์จ Carbon Free Road Trip เส้นทางกรุงเทพฯ- พระนครศรีอยุธยา ระหว่างวันที่ 17-18 มิถุนายน 2566 ตอบโจทย์ทุกความหลากหลายด้วยรถไฟฟ้า MG รถไฟฟ้า MG ที่เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้กว่า 40 คัน นับเป็นการจุดประกายให้คนไทยเรา หันมาให้ความสนใจในการเดินทางท่องเที่ยวแบบไร้มลพิษ เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนมากยิ่งขึ้น นางสาวสุรีพร พงษ์พานิช ผู้อำนวยการกองตลาดภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จากซ้ายไปขวา นายชัยวิทย์ เผื่อนอดม หัวหน้างานภาคกลาง1 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นายสุโรจน์ แสงสนิท รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด นางสาวสุรีพร พงษ์พานิช ผู้อำนวยการกองตลาดภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นายสุโรจน์ แสงสนิท รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด นางสาวสุรีพร พงษ์พานิช ผู้อำนวยการกองตลาดภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ดิฉันยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาร่วมปล่อยขบวนคาราวานรถไฟฟ้า MG ในกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวทางรถยนต์ Road Trip ในรูปแบบรักษ์โลกพลังงานใหม่ ภายใต้ชื่อ กินเที่ยวชาร์จ Carbon Free Road Trip เ ส้นทาง กรุงเทพฯ - พระนครศรีอยุธยา ระหว่างวันที่ 17-18 มิถุนายน 2566 โดยมุ่งเน้นให้เกิดการกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงระหว่างภูมิภาคภาคกลาง เพื่อนำเสนอประสบการณ์ใหม่เชื่อมโยงแนวคิด Trendy C2 ของภูมิภาคภาคกลาง พร้อมสร้างพันธมิตรใหม่ และเพิ่มจุดขายสินค้าบริการท่องเที่ยวภายใต้แนวคิด BCG Model มุ่งเน้นการใช้รถยนต์พลังงานทางเลือกมากขึ้น เพื่อผลักดันสนับสนุนคอมมิวนิตี้รถยนต์ไฟฟ้า ที่ไม่เพียงแค่สร้างสรรค์แต่ยังสร้างความมั่นใจให้กับการเดินทางด้วยรถยนต์ไฟฟ้า "ที่ไม่ได้มีไว้ขับแค่ในเมือง" ให้กับคนทั่วไปได้รับรู้อย่างทั่วถึง นางสาวสุรีพร พงษ์พานิช ผู้อำนวยการกองตลาดภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ยังกล่าวอีกว่า และในโอกาสนี้ดิฉันต้องขอขอบคุณคณะผู้จัดงาน ไม่ว่าจะเป็น บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด ,บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด และ EV Plaza ที่ได้ช่วยกันผลักดันให้เกิดกิจกรรมที่ดี เพื่อการเดินทางท่องเที่ยวแบบเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในครั้งนี้ และขอขอบคุณนักท่องเที่ยวที่มีใจรักในการเดินทางทุกท่าน ที่มีส่วนช่วยให้การท่องเที่ยวภายในประเทศให้เกิดความคึกคัก สร้างสีสัน รวมถึงกระจายรายได้สู่ภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่ภูมิภาคภาคกลาง ดิฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการเดินทางท่องเที่ยวในครั้งนี้ จะทำให้ทุกท่านได้สัมผัสประสบการณ์เดินทางที่จะตอบโจทย์เติมเต็มให้ชีวิต ด้วยเมนูประสบการณ์เพิ่มพลังบวก พร้อมต่อยอดอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้เกิดความมั่งคั่งและยั่งยืน และสุดท้ายนี้ขอให้ทุกท่านร่วมกิจกรรมอย่างมีความสุขด้วยมิตรภาพตลอดการเดินทาง และขับขี่รถด้วยความปลอดภัยตลอดการเดินทางค่ะVIDEO จุดหมายแรกของทริปคาราวานรถยนต์ไฟฟ้า MG กิจกรรม กินเที่ยวชาร์จ Carbon Free Road Trip มุ่งสู่ "บ้านของพ่อ" ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านของพ่อ ตั้งอยู่ที่หมู่ 2 ต.ภูเขาทอง อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดให้บริการเวลา 08:0017:00 น. หยุดทุกวันจันทร์ ที่นี่นับเป็นศูนย์การเรียนรู้การเกษตรพอเพียงแบบครบวงจร ตามปรัชญาเศรษญกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่9 ผสมผสานกับร้านอาหารและร้านกาแฟได้อย่างลงตัว ภายในสถานที่ร่มรื่นด้วยต้นไม้นานาชนิด มีกิจกรรมเรียนรู้ที่น่าสนใจให้ความรู้เกี่ยวกับการทำเกษตรกรรม เหมาะสำหรับครอบครัวมาทำกิจกรรมเป็นอย่างยิ่งบนพื้นที่กว่า 3.5 ไร่ โดยไม่เก็บค่าเข้าชม มีการจัดการพื้นที่แบบทฤษฎีใหม่ ตามหลักทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง กล่าวคือ มีแหล่งน้ำ เพาะปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์และพื้นที่สำหรับที่พักอาศัย สำหรับมีกิจกรรมเป็นฐานเรียนรู้สำหรับทำกิจกรรมในทริปนี้จำนวน 3 ฐาน คือ 1.ฐานทำกะหรี่บั๊บ 2.ฐานกิจกรรมปลาตะเพียนใบสาน 3.ฐานทำไข่เค็ม 2.ฐานกิจกรรมสานปลาตะเพียนใบสาน 3.ฐานทำไข่เค็ม นายณัฐปคัลภ์ อัครวิชญ์ ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานพระนครศรีอยุธยา จากนั้นจุดหมายที่ 2 อยู่ใกล้กับบ้านของพ่อ คือวัดภูเขาทอง จะเป็นเจดีย์ใหญ่ทรงแปลกตาค่ะ วัดภูเขาทอง ตําบลภูเขาทอง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ห่างจากพระราชวังหลวงไปประมาณ 2 กิโลเมตร วัดภูเขาทองนี้ถูกกล่าวไว้ในหนังสือคําให้การชาวกรุงเก่า พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง เป็นผู้สร้างพระมหาเจดีย์ประธานขึ้นในปีพ.ศ.2112 เป็นศิลปะแบบมอญสูงใหญ่ สร้างขึ้นไว้เพื่อเป็นที่ระลึกเมื่อคราวรบชนะไทย ต่อมาเมื่อสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงกอบกู้เอกราชกลับคืนมาให้กรุงศรีอยุธยา พร้อมทั้งประกาศอิสรภาพแล้วในปีพ.ศ. 2127 พระองค์จึงโปรดให้สร้างเจดีย์แบบอยุธยา โดยโปรดให้รื้อช่วงบนขององค์พระมหาเจดีย์ออก และทรงสร้างเจดีย์แบบย่อมุมไม้สิบสอง ซึ่งเป็นที่นิยมในยุคนั้นบนฐานทักษิณพระมหาเจดีย์องค์เดิม ฝีมือช่างมอญเดิมจึงปรากฏเหลือเพียงฐานทักษิณส่วนล่างเท่านั้น ปัจจุบันกรมศิลปากรสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงม้า ในบริเวณด้านหน้าวัดภูเขาทอง เพื่อให้ประชาชนสักการะบูชา ไหว้พระเสร็จแล้วเราก็ไปกินก๋วยเตี๋ยวชามยักษ์กันค่ะ ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขา2 ร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขา2 ริมแม่น้ำเจ้าพระยา จะมากินเดี๋ยวหรือกินเป็นทัวร์หมู่คณะ 20 คนขึ้นไป ที่นี่พร้อมบริการนะออเจ้า ที่นี่มีอาหารง่ายๆานด่วน ก๋วยเตี๋ยวเรือและอาหารไทยโบราณ ก๋วยเตี๋ยวเริ่มต้นที่ 35.-บาท ส่วนชามยักษ์ 480บาท โทร.086 999 9858 ที่ร้ายก๋วยเตี๋ยวเรือชามยักษ์ห้อยขา ใครกินหมดมีรางวัลด้วย อร๊ายยยย มีคนกินหมดหลายโต๊ะ จะว่าไปอุ้มสีสามารถนะคะออเจ้า แต่เนื่องจากมื้อเข้าอัดข้าวราดแกงคั่วกลิ้งกับแกงส้มมาเต็มคาราเบล มีได้รางวัลกับเขาแน่นอนจ้า ว่าแล้วกินอิ่มแล้ว ททท.ภูมิภาคภาคกลาง พามาชมความงามของโบราณสถาน ที่เรียกว่าห้ามพลาดเมื่อมาเยือนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นั่นคือ "สะพานป่าดินสอ" สะพานข้ามกาลเวลาย้อนรอยอดีตที่สวยงาม สะพานป่าดินสอ เป็นสะพานเก่าแก่ตั้งอยู่ใน ตำบลประตูชัย อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อยู่ในละแวกเดียวกันกับ "วัดบรมพุทธาราม" เลยค่ะ ลักษณะของ "สะพานป่าดินสอ" จะเป็นอิฐ พื้นสะพานนั้นก็จะปูด้วยอิฐตะแคง ใต้สะพานจะก่ออิฐสัน ตั้งเป็นลักษณะซุ้มโค้งรูปกลีบบัว มี 3 ช่องด้วยกัน จะสังเกตว่าที่ "สะพานป่าดินสอ" บริเวณช่องกลางนั้นมีขนาดสูงกว่าช่องอื่นๆ สังเกตที่อยู่ทางด้านซ้ายและขวา ซึ่งสาเหตุที่สร้างออกมาในลักษณะเช่นนี้เพื่อให้เรือเล็ก ตลอดทั้งเรือที่มีประทุนหลังคาสามารถสัญจรลอดช่องพายข้ามไปมาได้ รูปแบบการสร้างสันนิษฐานว่าน่าจะได้รับอิทธิพลจากตะวันตกมานั่นเอง ซึ่งน่าจะเริ่มมาตั้งแต่รัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เดิมเมื่อก่อนนี้ที่นี่เป็นย่านที่คึกคักที่สุด เพราะที่ "คลองฉะไกรน้อย" แห่งนี้ ในอดีตสองฝั่งคลองจะเป็นพื้นที่ของตลาดย่านชุมชน มีเรือพายไปมาอย่างมากมาย โดยการสัญจรผ่านเส้นทางคลองสายนี้จะสัญจรไปจนถึงพระอารามสำคัญ อาทิ วัดสวนหลวงค้างคาว วัดสิงหาราม วัดบรมพุทธาราม รวมไปถึงย่านการค้าที่สำคัญ อาคิ ป่าตอง ป่าดินสอ ป่าสมุด สะพานป่าดินสอแห่งนี้ เป็นสะพานที่เชื่อมระหว่าง "วัดบรมพุทธาราม" ไปยัง "วัดถนนป่าดินสอ" พาดผ่าน "คลองฉะไกรน้อย" ใกล้กับประตูเมืองทางด้านทิศตะวันตก บริเวณนี้จึงเป็นย่านที่คึกคักมากในอดีต ในปัจจุบันยังมีสภาพของคลองให้เห็นอยู่ บางส่วนของสะพานมีรากไม้ปกคลุม แม้ว่าจะผุพังทลายไปบ้างในช่วงขอบปลายสะพาน แต่ช่วงกลางสะพานยังดูแข็งแรงสามารถเดินข้ามไปได้นะคะ แต่ก็ต้องช่วยกันดูแลอนุรักษ์ให้อนุชนคนรุ่นหลังมาเห็น รอยอดีตที่ยังคงหลงเหลือในปัจจุบัน วัดบรมพุทธาราม หรือวัดบรมพุทธวาศน์ หรือ วัดบรมพุทธาวาศน์ นับเป็นวัดโบราณอีกแห่งหนึ่งในเขตเกาะเมืองอยุธยา มีฐานะเป็นพระอารามหลวง อีกทั้งยังเป็นวัดประจำราชวงศ์บ้านพลูหลวงอีกด้วย วัดบรมพุทธารามสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายเมื่อราว พ.ศ. 2226-2229 โดยสร้างขึ้นบริเวณย่านป่าตอง ซึ่งเป็นนิวาสสถานเดิมของ "สมเด็จพระเพทราชา" ปฐมกษัตริย์ ราชวงศ์บ้านพลูหลวง เมื่อครั้งยังดำรงตำแหน่งเป็นเจ้ากรมพระคชบาล (เจ้ากรมช้าง) ซึ่งปรากฎในพระราชพงศาวดารกรุงเก่า ความว่า "แลปีกุนเบ็ญจศกแล้วนั้น สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง ทรงพระดำริห์ว่าที่บ้านหลวงตำบลป่าตองนั้น เป็นที่มงคลสิริราชฐานอันประเสริฐสมควรจะสร้างเป็นพระอาราม มีพระอุโบสถ วิหาร การเปรียญ พระเจดีย์ ฐานกำแพงแก้ว และกุฏีสงฆ์ ศาลา ตะพาน เว็จกุฏีพร้อม และทรงพระกรุณาให้ "หมื่นจันทรา" ช่างเคลือบ ทำกระเบื้องเคลือบสีเหลืองมุงพระอุโบสถวิหารทั้งปวง และการสร้างพระอารามนั้น 3 ปีเศษจึงสำเร็จในปีขาน อัฐศก แล้วพระราชทานนามบัญญัติ พระอารามชื่อ "วัดบรมพุทธาราม" ตั้งเจ้าอธิการชื่อพระญาณสมโพธิราชา คณะคามวาสี ครองพระอาราม แล้วทรงพระกรุณาให้มีการฉลองและมีมหรสพ 3 วัน และทรงถวายไทยทานแก่พระสงฆ์เป็นอันมาก และพระราชทานเลขข้าพระไว้อุปัฏฐาก พระอารามก็มาก แล้วถวายพระกัลปนาขึ้นแก่พระอารามตามธรรมเนียม" ซึ่งหลังคาพระอุโบสถเป็นหลังคากระเบื้องเคลือบ ทำให้ผู้คนในสมัยนั้นเรียกวัดแห่งนี้ว่า วัดกระเบื้องเคลือบ ส่วนภายในพระอุโบสถเคยมีภาพวาดจิตรกรรมฝาผนังที่วิจิตรงดงาม แต่ได้เลือนหายไปตามกาลเวลาอีกทั้งถูกพม่าเผาในคราวเสียกรุง ต่อมาในรัชสมัย "สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ" ได้ทำการปฏิสังขรณ์พระอารามครั้งใหญ่ โดยโปรดให้ทำบานประตูประดับมุขฝีมือวิจิตร 3 คู่ ซึ่งปัจจุบันคู่หนึ่งอยู่ที่ "หอพระมณเฑียรธรรม" ในพระบรมมหาราชวัง ส่วนอีกคู่หนึ่งอยู่ที่ "วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษดิ์" สนามหลวง และอีกคู่ได้ผู้มีนำไปทำตู้หนังสือปัจจุบันอยู่ใน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ข้อสันนิษฐานเรื่องกระเบื้องเคลือบที่ใช้มุงหลังคาพระอุโบสถ "สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ" ทรงสันนิษฐานว่า "เห็นจะเป็นของสั่งเข้ามาจากเมืองจีน จึงเป็นของแพงและมิได้มุงแพร่หลายออกไปถึงที่อื่น แม้แต่มุงวัดเดียวก็ยังเห็นเป็นของอัศจรรย์ จนราษฎรเอามาเรียกเป็นชื่อวัด" ส่วนในพระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา กล่าวว่า "โปรดให้หมื่นจันทราช่างเคลือบทำกระเบื้องเคลือบสีเหลือง ขึ้นมุงหลังคาโบสถ์วิหารวัดบรมพุทธาราม "หมื่นจันทรา" ผู้นี้เป็นช่างเคลือบเข้ามาเมื่อในครั้งแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช อาจเป็นช่างผู้นี้อยู่มาจนแผ่นดินสมเด็จพระเพทราชา ด้วยระยะเวลาไม่ห่างกันนัก จึงโปรดให้ทำกระเบื้องเคลือบขึ้นมุงวัดบรมพุทธาราม ความในพระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขานั้น ขัดแย้งกับข้อสันนิษฐานของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ แต่พระองค์ทรงไม่เชื่อความในพระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขาดังกล่าว ด้วยเหตุ 2 ประการ กล่าวคือ 1.เนื้อดินเศษกระเบื้องสีอ่อนเป็นดินเมืองจีน มิใช่ดินเมืองไทย 2.ถ้าทำกระเบื้องเคลือบได้คงมุงแพร่หลายออกไปหลายแห่ง เหมือนอย่างในกรุงรัตนโกสินทร์ เห็นว่าครั้งกรุงเก่าทำไม่ได้เองจึงมุงน้อยแห่งนัก เมื่อมุงวัดบรมพุทธารามจึงเห็นเป็นการแปลกประหลาด จนพากันเรื่องชื่อวัดนี้ว่า "วัดกระเบื้องเคลือบ" ปัจจุบัน "วัดบรมพุทธาราม" ตั้งอยู่ในอาณาเขตของ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา โดยได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานสำคัญของชาติเมื่อพ.ศ.2484 ต่อจากนั้นพี่ตุ๊ก-นางสาวสุรีพร พงษ์พานิช ผู้อำนวยการกองตลาดภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และพี่อิส-นายชัยวิทย์ เผื่อนอดม หัวหน้างานภาคกลาง1 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พามาสักการะพระนอนที่วัดพระนอนที่วัดพระนอน 600 ปีค่ะ นับเป็นพระนอนองค์สำคัญอีกแห่งของเมืองกรุงเก่า โดย้ดิมที่แห่งนี้ที่วัดพระนอน 600 ปี นั้นเป็นพื้นที่รกร้างอยู่กลางทุ่ง แม้จะถูกทิ้งร้างมีหญ้าปกครุม แต่ชาวบ้านในบริเวณนั้นก็ช่วยกันถางหญ้าดูแลรักษา เนื่องจากองค์พระนอนมีพุทธลักษณะงดงาม องค์พระนอน 600 ปีนั้น ก่อด้วยอิฐปูนมีความยาว 8-10 เมตร ตั้งอยู่บริเวณโคกพระนอน จนเรียกกันติดปากว่า วัดโคกพระนอน จนได้รับการบูรณะปฏิสะงขรณ์โดยกรมศิลปากร ในปีพ.ศ.2555 โดยสร้างศาลาครอบพระนอนและมีนามว่า พระพุทธศรีอยุธยาประชาพิทักษ์ อุ้มสีมากราบทีไรมักจะพบเห็นพุทธศาสนิกชนมาสวดมนต์เสมอ ทุกครั้งแล้วค่ะ จากวัดพระนอน 600 ปีสามารถเดินไปชมวัดชัยชุมพล วัดร้างอีกวัดที่อยู่ติดกันด้านหลัง ซึ่งมีซากเจดีย์และวิหาร อยู่ติดกันและไม่มีรั้วกำแพงเดินถึงกันได้เลยนะคะ วัดพระนอน 600 ปี อยู่ไม่ไกลจากวัดใหญ่ชัยมงคล และวัดพนัญเชิงค่ะ จากนั้นขบวนคาราวานรถยนต์ กินเที่ยวชาร์จ Carbon Free Road Trip เพื่อทดสอบสมรรถนะ นักท่องเที่ยวทุกคนจะได้ลองขับด้วยคัวเองเลยล่ะค่ะตอนนี้ เข้าพักที่โรงแรม เดอะ คาวาลิ คาซ่า รีสอร์ท จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อยู่ห่างไกลจากกรุงเทพมหานครเพียงแค่ 50 นาที เป็นการเปลี่ยนจากการขับรถยนต์ปกตทั่วไป มาลองเปลี่ยนประสบการณ์การขับขี่จากทุกวัน ให้เต็มไปด้วยความเร้าใจกับ "ครั้งแรกของระบบขับเคลื่อนล้อหลังในรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% จาก MG" THE FIRST REAR WHEEL DRIVE EV ครั้งแรกของระบบขับเคลื่อนล้อหลังขุมพลังใหม่ในรถยนต์ EV ที่มาพร้อม NEBULA PURE ELECTRIC PLATFORM ด้วยโครงสร้างที่ออกแบบอย่างพิถีพิถันเพื่อรถยนต์พลังงานไฟฟ้า โดยเฉพาะสู่การเป็นต้นแบบมาตรฐานใหม่ของรถยนต์ EV "ชาร์จชีวิตให้พุ่งทะยาน ไปได้เร็ว และแรงกว่าที่เคย" เพราะเราเชื่อว่าทุกคนเกิดมาเพื่อเป็นไอคอนของบางสิ่ง NEW MG4 ELECTRIC NEBULA PURE ELECTRIC PLATFORM เป็นนวัตกรรมเพื่อรถยนต์พลังงานไฟฟ้าโดยเฉพาะ ที่พัฒนาให้แบตเตอรี่ติดตั้งเป็นชิ้นเดียวกับโครงสร้างตัวรถ ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็กที่ให้สมรรถนะสูง และระบบช่วงล่างอิสระ 4 ล้อ แบบ 5-LINK SUSPENSION ที่ช่วยเพิ่มการเกาะถนน เข้าโค้งได้อย่างเฉียบคม ให้ความเร็วในการขับขี่คงเสถียรภาพได้อย่างดีเยี่ยม จุดประกายจากความคิดที่แตกต่าง จึงสรรสร้างสิ่งใหม่ให้สะกดทุกสายตา กับงานดีไซน์แบบ RACING SPIRIT IDENTITY เพื่อแสดงอัตลักษณ์อันงดงามที่ไม่ว่าใครก็ไม่อาจละสายตา ถ่ายทอดผ่านเส้นสายทรงสปอร์ตตั้งแต่ไฟหน้า LED GALAXY TECHNOLOGY MATRIX พร้อม DAYTIME RUNNING LIGHTS สอดรับกับความล้ำสมัยของไฟท้าย LED โฉบเฉี่ยวด้วยหลังคาแบบ 2-TONE พร้อมสปอยเลอร์หลัง TWIN ARROW WING พาคุณเฉิดฉายทุกเส้นทาง ด้วยล้ออัลลอยด์ขนาด 17 นิ้ว พร้อม AERO WHEEL COVER ที่ช่วยเพิ่ม AERODYNAMIC เป็นอย่างดี เพราะเจตนารมณ์ของ MG คือการมอบ สิ่งที่ดียิ่งกว่า MG มีความมุ่งมั่นในการสร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ด้วยการขยายจำนวนสถานีชาร์จ MG Super Charge ซึ่งยังคงเดินหน้าแผนงานที่กำหนดให้ทุกๆ 150 กิโลเมตร จะต้องมีสถานีชาร์จเร็วอย่างน้อย 1 จุด เพื่อเสริมความมั่นใจในการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าเดินทางข้ามจังหวัด ในวันที่ตลาดรถไฟฟ้าเติบโต MGจึงเป็นแบรนด์ที่รองรับการใช้งานได้ครบครันทุกมิติ มีจำนวนตู้ชาร์จครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศแล้วกว่า 129 แห่ง และเป็นแบรนด์จำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าที่สร้าง DC Charging Station มากที่สุดในประเทศไทย นักท่องเที่ยวได้ทดลองขับรถไฟฟ้า MG.ZS EV 2023 บอกเล่าประสบการณ์ดังนี้ - ดีงามเลยคือประหยัด - ข้อต่อมา ความเงียบของห้องโดยสาร เสียงเครื่องยนต์ หายไป จะได้ยินแต่เสียง ล้อวิ่งบนถนน เสียงยางรถ เสียงลมด้านข้างรถ ยิ่งเวลาจอดรถ เงียบกริบ -ข้อต่อมาอีก เรื่องอัตราเร่ง ดีมากๆ มาเร็ว ยิ่งไม่มีเสียงเครื่องยนต์ด้วย กดคันเร่งเพลินเลย - ข้อดีต่ออีก V2L เสียบปลั๊กต่อ 220V. ชั่วคราว จากตัวรถอีก แต่ต้องคำนวณแบตเตอรี่เผื่อไว้ด้วยเดี๋ยวจะไม่ถึงจุดชารจ์ไฟ และถ้าต้องเดินทางไกลก็แค่วางแผนการเดินทางเพิ่มอีกหน่อย - ที่นั่งกว้าง นั่งสบาย จะมีก็ที่พักศรีษะ ด้านหลังลูกๆ บนว่าเหมือนมีคนมาเคาะหัวตลอดเวลา ข้อเสียที่อยากให้ปรับปรุงเลย คือ ช่วงล่าง Shock absorber มันนิ่มมาก เวลาวิ่งบนทางที่ไม่เรียบ จะใช้คำว่าอะไรดี เด้งหน้า เด้งหลัง เหมือนนั่งสปีดโบ๊ทอยู่เลย แล้วก็ซันรูฟแล้วมีม่านกันแดดบางๆ นี่ละ ทำให้มันหัวร้อนเวลาขับ ผมเลยซื้อตัวไม่มีซันรูฟ สรุปถ้าจะซื้อรถคันต่อไปก็คงเป็นรถไฟฟ้าแน่นอน หล้งจากนั้นทดสอบสมรรถนะรถยนต์ MG เสร็จ จะมีปาร์ตี้ในตอน 18.00 น. หล้งจากนั้นเวลา 17.00 น. ททท.ภูมิภาคภาคกลาง พามากินมื้อเย็นที่ร้านครัวจ่าทุย จ.พระนครศรีอยุธยา ร้านนี้อุ้มสีให้ 10 คะแนนเต็มผัดเผ็ดไส้อ่อน สุโก่ย อร่อยฝุดฝุด เห็นภาพแล้วอยากกินอีกจุง จานต้องสั่งนะคะ ร้านจ่าทุย เป็นร้านอาหารพื้นบ้านอยุธยารสจัดถึงเครื่อง เมนูปลาหลากหลาย เปิดบริการทุกวันเวลา 11:00-21:00 น. หยุดทุกวันที่ 20 และ 21 ของเดือน โทร 035-801-791 และ 06-2743-9212 จากนั้นได้เวลาพอสมควรกลับมาที่โรงแรมต่อ มีแจกของรางวัลจากการหาให้ครบพาสปอร์ต มีของรางวัลแจกเพียบค่ะ จากนั้นเป็น Mini Concert วง Jetset'er ค่ายไวท์มิวสิก เรียกว่าทริปนี้อุ้มสีทำงานเต็มคาราเบล ขอขอบคุณ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคภาคกลาง นำโดยนางสาวสุรีพร พงษ์พานิช ผู้อำนวยการกองตลาดภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยนายชัยวิทย์ เผื่อนอดม หัวหน้างานภาคกลาง1 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จบตอนที่ 1 เป็นภาพวันที่ 17 มิถุนายน 2566 ขอขอบคุณภาพสวยจากกล้องกลางของงานค่ะ เอนทรี่จบแบบหนุกหนานค่ะ ขอขอบคุณ เพลง : เที่ยวละไม : วงเฉลียง นางสาวสุรีพร พงษ์พานิช ผู้อำนวยการกองตลาดภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นายชัยวิทย์ เผื่อนอดม หัวหน้างานภาคกลาง1 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นายสุโรจน์ แสงสนิท รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด นายณัฐปคัลภ์ อัครวิชญ์ ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานพระนครศรีอยุธยา
Create Date : 19 มิถุนายน 2566
Last Update : 23 มิถุนายน 2566 14:46:16 น.
29 comments
Counter : 3569 Pageviews.
ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณhaiku , คุณสองแผ่นดิน , คุณSweet_pills , คุณเริงฤดีนะ , คุณไวน์กับสายน้ำ , คุณปัญญา Dh , คุณThe Kop Civil , คุณ**mp5** , คุณทนายอ้วน , คุณnonnoiGiwGiw , คุณฟ้าใสวันใหม่ , คุณสายหมอกและก้อนเมฆ , คุณชีริว , คุณtoor36 , คุณกะว่าก๋า , คุณkatoy , คุณกระถินริมเล , คุณโตนิค , คุณนกสีเทา , คุณSertPhoto , คุณStand by bowky , คุณNoppamas Bee , คุณเจ้าหญิงไอดิน , คุณเจ้าการะเกด , คุณโอน่าจอมซ่าส์ , คุณแมวเซาผู้น่าสงสาร , คุณnewyorknurse , คุณkae+aoe , คุณผู้ชายในสายลมหนาว , คุณคนผ่านทางมาเจอ , คุณจันทราน็อคเทิร์น , คุณmcayenne94 , คุณJohnV , คุณโฮมสเตย์ริมน้ำ , คุณทูน่าค่ะ , คุณตะลีกีปัส
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 19 มิถุนายน 2566 เวลา:23:07:50 น.
โดย: Sweet_pills วันที่: 20 มิถุนายน 2566 เวลา:0:34:51 น.
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 20 มิถุนายน 2566 เวลา:5:24:37 น.
โดย: **mp5** วันที่: 20 มิถุนายน 2566 เวลา:11:02:58 น.
โดย: ชีริว วันที่: 20 มิถุนายน 2566 เวลา:22:27:05 น.
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 20 มิถุนายน 2566 เวลา:23:45:28 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 21 มิถุนายน 2566 เวลา:5:27:02 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 21 มิถุนายน 2566 เวลา:10:29:31 น.
โดย: นกสีเทา วันที่: 21 มิถุนายน 2566 เวลา:13:52:03 น.
โดย: SertPhoto วันที่: 21 มิถุนายน 2566 เวลา:13:54:28 น.
โดย: Sweet_pills วันที่: 22 มิถุนายน 2566 เวลา:0:14:09 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 22 มิถุนายน 2566 เวลา:5:05:31 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 22 มิถุนายน 2566 เวลา:10:12:22 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 23 มิถุนายน 2566 เวลา:5:16:14 น.
โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 23 มิถุนายน 2566 เวลา:15:34:16 น.
โดย: Sweet_pills วันที่: 24 มิถุนายน 2566 เวลา:0:19:30 น.
โดย: ทูน่าค่ะ วันที่: 29 มิถุนายน 2566 เวลา:11:48:02 น.
โดย: ตะลีกีปัส วันที่: 29 มิถุนายน 2566 เวลา:14:20:15 น.