เมษายน 2555

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
28
29
30
 
 
All Blog
คุ ณ เ ค ย เ จ อ ฝ รั่ ง นิ น ท า ต่ อ ห น้ า ห รื อ ลั บ ห ลั ง บ้ า ง รึ เ ป ล่ า



ป้าเดซี่ ได้เข้าไปอ่านกระทู้แนะนำซึ่งมีชื่อกระทู้ประมาณนี้ในห้องไกลบ้าน แล้วก็ทำให้นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาทันที หะแรก ก็คิดว่าจะเม้นท์กับชาวบ้านเค้าด้วย แต่พอนั่งพิมพ์ไปพิมพ์มา เรื่องมันชักยาวตามสไตล์คนขี้โม้ ขนาดเอามาอัพบล็อกได้เลย แถมมีตอนโดนฝรั่งนินทาอยู่กระจิดเดียว เลยไม่เม้นท์ละ มาเม้าท์มอยในบล็อกตัวเองดีกว่า


อ่ะ .. ขอขอบคุณเจ้าของกระทู้ดังกล่าว สำหรับแรงบันดาลใจในการนั่งเขียนนั่งพิมพ์บล็อกนี้ด้วยแล้วกันนะคะ


เมื่อ 15 ปีก่อน อิชั้นทำงานอยู่บริษัทแห่งหนึ่งแถว RCA ตกเย็นก็ไปฟิตเนสที่ Amari Atrium ซึ่งอยู่ใกล้กับที่ทำงานแบบเดินไปได้น่ะ ตอนนั้นโดนพี่ที่ทำงานหลอกล่อให้มาเป็นสมาชิก เพราะพี่เค้าอยากมีเพื่อนมาด้วยกัน เราก็อ่ะ ไปก็ไปน่ะ เพื่อสุขภาพพลานามัยที่ดีดื่มนมตราหมีทุกวัน


แต่หลังจากหลอกล่อเราเสร็จ พี่เค้าดันมีหนุ่มมาจีบ ตกลงเป็นแฟนกันไปซะ ตกเย็นเค้าก็ไปเที่ยวกับแฟน ไอ้เราที่พี่เค้าหวังจะให้มาฟิตเนสเป็นเพื่อน กลับกลายเป็นหมาหัวเน่าไปซะนี่ ต้องมาฟิตเนสคนเดียว จะเลิกไปก็เสียดายเงิน เสียค่าสมาชิกไปแล้วปีนึงตั้งหมื่นกว่าบาท


ช่วงที่ไปฟิตเนสนั่น ก็เจอเซเลบ (ในสมัยนั้น) หลายคน แต่ที่อิชั้นกรี๊ดที่สุดก็คือ พี่เล็ก ค่ะ ตอนนั้นพี่เล็กเพิ่งเลิกกับแฟนนางแบบสาวสวยที่คบกันมานานมาก พอพี่เล็กเริ่มมาออกกำลังกายที่ฟิตเนส ทั้งเก้งทั้งชะนีต่างแอบกรี๊ดกร๊าดกันซะ


บางครั้งพี่เค้าก็มากับเพื่อนชาวต่างชาติอีกคนนึง (ซึ่งอิชั้นยังจำชื่อได้ด้วยความเคียดแค้นอยู่ทุกวันนี้เลย  ) พี่เค้าไม่เคยคุยกับใครเลยนะ ถ้ามากับเพื่อน พี่เค้าก็คุยกันอยู่แค่ 2 คน ถ้ามาคนเดียวก็ตั้งใจมาออกกำลังกายเต็มที่ ใครยิ้มให้ พี่เค้าก็ยิ้มตอบ ไม่ได้เย่อหยิ่งอะไร น่ารักดี


หลังจากที่ต้องไปฟิตเนสคนเดียวอยู่หลายสัปดาห์ อิชั้นก็เริ่มขี้เกียจละ แต่อย่างที่บอกว่าเสียดายเงิน จ่ายไปตั้งเยอะ แล้วก็พยายามยึดพี่เล็กเป็นสรณะ เลิกงานก็พยายามเข็นตัวเองไปฟิตเนส เผื่อได้เห็นหน้าพี่เล็ก แต่อิชั้นก็ไม่เคยยิ้ม ไม่เคยทัก ไม่เคยมองหน้าพี่เค้านะ (แอบมองอย่างเดียว) ไม่เอา อาย !! เดี๋ยวเค้าจะหาว่าบ้าดารา


เย็นวันหนึ่ง อิชั้นก็ไปฟิตเนสตามปรกติ ก็กำลังเล่นเครื่องกระชับต้นขาอยู่เพลิน ๆ ก็ได้ยินเสียงผู้ชายถามอยู่ข้างหลังว่า


“นี่มันเครื่องอะไรอ่ะครับ”


หันไป ตายห่ะ พี่เล็กนี่ จำเพาะต้องมาทักตอนอิชั้นเล่นเครื่องอุบาทว์นี่ด้วย ไอ้เครื่องเนี่ยมันก็ตลก ๆ อ่ะนะ ต้องแหกขาแล้วใช้พละกำลังขาที่มีอยู่เตะบาร์ของเครื่องที่มันตกอยู่ให้มันสูงขึ้นไปน่ะ หันข้างก็ได้ต้นขาด้านข้าง หันหลังก็ได้ต้นขาด้านหลัง (พยายามนึกภาพเอาเองละกันนะคะ)


อิชั้นก็ เนอะ หยุดเล่นทันที ตอบพี่เค้าไปว่า “เครื่องบริหารต้นขาค่ะพี่”


“แล้วมันต้องทำยังไงล่ะ” พี่เค้ายังถามอีก ไอ้เราก็ไม่รู้จะตอบยังไง อายก็อายอยู่นะ แต่พี่เค้าทำหน้าใสซื่อมาก แบบว่าอยากให้อิชั้นทำให้ดูเต็มที่ อิชั้นก็เลยต้องทำให้พี่เค้าดู ทำท่าหันข้าง (ทำท่าหันหน้าคงน่าเกลียดพิลึก หันหลังก็เหมือนให้ตรีนพี่เค้าอ่ะนะ)


“อืม น่าสนุกเนอะ” แล้วพี่เค้าก็ยิ้มให้ แล้วเดินจากไป


“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด” ในใจอยู่นานมาก ดู๊ดู สาว ๆ สวย ๆ ใส่ชุดแอโรบิกรัดรึงในฟิตเนสเยอะแยะ พี่แกไม่ไปคุยด้วยนะ ดันมาคุยกะคนไม่สวยอย่างอิชั้นที่นุ่งกางเกงขาสั้น ใส่เสื้อยืดไซส์ XL (กลัวรัดรึงแล้วคนอื่นจะเห็นว่ามีแค่ลูกเกดแปะอยู่บนไม้กระดาน 2 เม็ด) ตอนนั้นมั่นใจว่าคนไทยในฟิตเนสเกิน 1 ล้านคน ต้องอยากกระชากอิชั้นลงมาจากเครื่องบริหารต้นขา แล้วตบ ๆ ๆ ด้วยความริษยาเป็นแน่


แต่ตั้งแต่วันนั้น อิชั้นก็ไม่เคยเจอพี่เล็กที่ฟิตเนสอีกเลย ถึงแม้อิชั้นจะหมั่นไปออกกำลังกายเกือบทุกวัน พี่เล็กนะพี่เล็ก ..... มาอ่อยให้อยากแล้วก็จากไป !!


หลังจากนั้นพักใหญ่ ก็มีฝรั่งหลงผิดมาจีบอิชั้นอยู่คนหนึ่ง เธอก็เพียรโทรฯมาหาที่ทำงานทุกกลางวัน ทุกเย็น จะชวนไปกินข้าวด้วย ข้าวกลางวันก็ได้ ข้าวเย็นก็ดี ซึ่งอิชั้นก็ปฏิเสธไปทุกครั้ง แต่ปฏิเสธไปดี ๆ ไม่ให้เสียน้ำใจกันน่ะนะ เช่น

“ฝากน้องซื้อข้าวกลางวันแล้ว ไม่ชอบออกไปข้างนอก มันร้อน” หรือ

“เย็นนี้ไม่ว่างต้องไปยิม”


แต่คุณฝรั่งเธอก็ช่างมีความพยายามสูงส่งเหลือเกินว่ะ ไม่ไปกินข้าวด้วย ก็ขอคุยโทรศัพท์ด้วยเฉย ๆ ไอ้เราก็ เป็นคนขี้สงสาร ไม่ได้กะจะอ่อยเอาไว้ดูเล่นแต่อย่างใดหรอกนะ แต่ไม่ชอบการหักหาญน้ำใจคน เค้าดีมา ก็ดีตอบไป แต่ไม่ออกไปไหนด้วยเท่านั้น  


มีอยู่วันคุณฝรั่งก็โทรฯมาหา บอกว่าพรุ่งนี้ (ซึ่งเป็นวันเสาร์) เป็นวันเกิดเธอนะ เธออยากชวนอิชั้นไปดินเนอร์ ทีนี้วันรุ่งขึ้นเนี่ย อิชั้นต้องทำงานครึ่งวัน แล้วมีโปรแกรมจะไปพัทยากับพี่ที่ทำงานหลังเลิกงาน


ซึ่งตอนนั้นเนี่ยเราสองคนจะชอบไปพัทยามาก ต้นเดือนทีไร (ยังมีตังค์อยู่) ต้องไปทุกที เพราะที่พักฟรี (พี่เค้ามีคอนโดฯอยู่ที่นั่น) ค่ารถค่าน้ำมันฟรี (เป็นสวัสดิการประจำตำแหน่งของพี่เค้า) ไปถึงก็ไปเล่นน้ำ ตกเย็นก็ไปกินอาหารทะเลที่บ้านอำเภอ ตกดึกก็ไปเที่ยวกลางคืน โปรแกรมมีอยู่แค่นี้จริง ๆ


หลังจากที่คุณฝรั่งเธอชวนเนี่ย อิชั้นก็อยากสงเคราะห์ไปเป็นตุ๊กตาเสียกบาลร่วมโต๊ะกับเธออยู่นะ เพราะตัวเองเป็นคนให้ความสำคัญกับวันเกิดพอสมควร แล้วเธอมาอยู่ต่างบ้านต่างเมืองนะ เพื่อนฝูงก็ไม่มีนะ เห็นใจน่ะ แต่อิชั้นต้องไปพัทยาไง ก็บอกเธอไปตรง ๆ ว่าอยากไปนะ แต่ฉันไม่ได้อยู่กรุงเทพฯ ฉันจะไปพัทยา เธอก็หงอยเป็นหมาเหงาเชียว แล้วก็วางหูกันไป


วางหูไปแล้ว ก็ไม่มีกะจิตกะใจทำงานต่อ สงสารอ่ะ คือพูดตรง ๆ เลยว่า อิชั้นไม่ใช่คนสวยแบบคนไทยชอบน่ะ แล้วตอนนั้นเนี่ยชอบใคร (ชายไทย) เค้าก็เมินไปหาสาวสวยหมวยเอ็กซ์กันหมด เลยเข้าใจหัวอกคนที่ไปจีบ ไปชอบใครเค้าแล้วผิดหวังไง


ก็เลยเล่าให้พี่ที่ทำงานฟัง (พี่เค้ารู้จักคุณฝรั่งคนนี้พร้อม ๆ กับอิชั้นนั่นแหละ) สงสารอีตาคนนี้จังเลย ดี๊ดีนะ มีมานะ ขัตติยะ และความเพียรในการจีบอิชั้นเหลือเกิน วันพรุ่งนี้วันเกิดเธอ เธอชวนไปกินข้าว แต่เราก็จะไปพัทยาซะนี่


พี่บอกว่า ก็ชวนไปด้วยกันสิ ไปถึงแล้วก็ไปหาโรงแรมให้เธออยู่ก่อน แล้วพอเราจะไปไหนก็ไปรับไปเที่ยว ไปกินข้าวด้วยกัน “เออ เข้าท่า” ก็เลยโทรฯกลับไปหา บอกคุณฝรั่งตามนั้น คุณฝรั่งก็ดี๊ด๊าตื่นเต้นดีใจ ตกลงไปพัทยาด้วยกันอย่างยินดี


นัดเจอกันบ่ายวันรุ่งขึ้น หลังจากที่อิชั้นเลิกงาน พอไปถึงพัทยา ก็ไปหาโรงแรมให้เธอก่อน ให้เธออาบน้ำ แต่งตัว นัดกันอีกทีตอนเย็น ส่วนอิชั้นกับพี่ก็ไปคอนโดฯ อาบน้ำแต่งตัวเช่นกัน เสร็จแล้วก็ไปรับคุณฝรั่งที่โรงแรมตามนัด ตอนนั้นทาร์ซานฮัทกำลังดัง ก็ไปกินข้าวเย็นกันที่ทาร์ซานฮัท


ทาร์ซานฮัทเสร็จ ตามโปรแกรมปรกติของ 2 สาวโสดก็จะต้องไปเที่ยวกลางคืนกันต่อนะ พี่เค้าก็ขับรถผ่านหน้าชายหาดพัทยา เห็นผับกึ่งบาร์สไตล์เยอรมัน อิชั้นจำชื่อไม่ได้อ่ะค่ะ เรื่องมันตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาแล้ว มองเข้าไปข้างใน ก็ดูบรรยากาศดี  คนเยอะจนล้นออกมาข้างนอก หน้าตาการแต่งตัวแนว ๆ กันทั้งนั้น ก็เอาเลย ที่นี่แหละ เลี้ยวเข้าซอยขวับหาที่จอดรถทันที


เข้าไปในบาร์ได้ พวกเราก็สอดส่ายสายตาหาที่นั่ง ก็ไปเห็นเซเลบอีกท่านหนึ่งคือ คุณภิญโญ พ่อของพระเอก/นายแบบชื่อดังสมัยก่อน (ซึ่งเค้าก็เคยเป็นพระเอกมาก่อนเนอะ แต่ตอนนี้มารับบทตัวประกอบในบล็อกอิชั้น  ) คุณพระเอกเก่ามีสาวสวยขนาบข้างซ้ายขวาเลยทีเดียว


ข้างในคนเยอะมาก โต๊ะเต็มหมด เหลือแต่เคาน์เตอร์ตรงบาร์เหล้า พวกเราต้องไปนั่งที่บาร์กัน คุณฝรั่งเธอก็นั่งห่างไปหน่อย อิชั้นจองสตูลตรงกลาง คุณพี่จองสตูลตัวถัดไป ที่นี้ด้วยความที่อิชั้นกับพี่ไม่นั่ง เรายืนกัน มันเลยดูเหมือนว่า เรามากัน 2 คน แล้วมีคุณฝรั่งนั่งอยู่ห่าง ๆ แบบมาคนเดียว


ระหว่างนั้นอิชั้นก็บอกคุณฝรั่งไปว่า “ถ้ามีผู้หญิงมาจีบยู หรือยูอยากจะจีบใครก็ตามสบายเลยนะ” โชว์แมนมากค่ะ ความจริงคือ ไม่ได้ชอบไง ยังไงยังไงก็ไม่ชอบ อยู่ใกล้ก็ไม่รู้สึกระทึกใจ ไม่สปาร์คแต่อย่างใดอ่ะ


สักพัก พี่เค้าก็ไปห้องน้ำ อิชั้นก็เฝ้ากระเป๋าของพี่แล้วก็อยู่เป็นเพื่อนคุณฝรั่งด้วย ไม่ได้คุยกัน เพราะในบาร์เปิดเพลงเสียงดัง ก็ดื่มกันไป มองหน้ากันไป ซักพัก ก็มีผู้ชายมายืนใกล้ ๆ ตรงที่นั่งของคุณพี่ อิชั้นก็หันไปมอง “อ้าว พี่เล็ก”


ตอนนั้นมันกรึ่ม ๆ ด้วย เลยทักทายพี่เค้ายกใหญ่ (ปรกติคงไม่กล้า) “พี่จำหนูได้มั้ย เราเคยเจอกันที่ฟิตเนส”
 

พี่เค้าจำไม่ได้แน่ ๆ อิชั้นมั่นใจมาก คือดูจากสายตาแล้วน่ะ แต่ปากก็อ่ะนะ “อ๋อ จำได้ เป็นยังไงมั่ง” อิชั้นก็ฉอด ๆ ๆ ด้วยความกรึ่มว่าพักหลังไม่เห็นพี่เลย พี่เค้าก็บอกว่า ไม่ได้ไปแล้ว เปลี่ยนที่เล่น ไปเล่นแถวบ้าน บลา บลา บลา


คุย ๆ กันอยู่ เพื่อนพี่เล็ก (คนที่ไปฟิตเนสด้วยกันน่ะแหละ) ก็มาสมทบ พี่เล็กเค้าก็แนะนำให้รู้จักกับเพื่อนเค้า เพื่อนเค้าพูดภาษาอังกฤษ อิชั้นก็ฟอไฟฟุดฟิดไปด้วยอย่างเพลิดเพลิน สักครู่นึง เพื่อนเค้าก็ขอตัวไปที่อื่น แต่พี่เล็กยังนั่งอยู่นะ


ทีนี้พอพี่ที่ทำงานกลับมา อิชั้นก็แนะนำให้รู้จักพี่เล็ก (พิมพ์แล้วขำอ่ะ สาวสมัยนั้น ใครมั่งวะจะไม่รู้จักพี่เล็ก) พี่อิชั้นบอกว่าเธอเจอเพื่อน จะไปนั่งคุยกับเพื่อนแป๊บนึง อิชั้นก็โอเค หยิบกระเป๋าให้พี่ถือไปด้วย เพราะอิชั้นจะไปห้องน้ำเหมือนกัน ก็บอกพี่เล็ก “หนูขออนุญาตไปดื่มน้ำปัสสาวะค่ะ” ก็กะว่าเผื่อพี่เล็กจะไปแอ๊วสาวที่ไหน ก็ไปนะ อะไรแบบนี้


เดินออกมาจากห้องน้ำก็เห็นพี่เล็กยังอยู่ที่บาร์ มีเพื่อนคนเดิมมานั่งด้วย แต่สักพัก พี่ทั้งสองก็ขอตัวไปแอ๊วสาวมุมอื่น ไอ้เราก็ค่ะ ค่ะ ค่ะ ยินดีที่ได้พบกันอีกนะ อะไรแบบนี้ ก็ไม่ได้รู้สึกเสียเซลฟ์แต่อย่างใดนะ คือ อิชั้นเนี่ยไปทักพี่เค้าเพราะความเมาตัวเดียวเลย แล้วเราก็เคยเจอกันมาจริง ๆ ไม่ได้กะจะจีบหรืออะไรเลยนะ แหมพี่เค้าออกจะสูงส่งปานนั้น


หลายเดือนหลังจากนั้น .... เปลี่ยนซีนมาตอนที่อิชั้นเป็นแฟนกันกับคุณฝรั่งคนนั้นแล้ว (แหมหล่อน...ไหนบอกไม่ได้ชอบไง ยังไงยังไงก็ไม่ชอบ อยู่ใกล้ก็ไม่รู้สึกระทึกใจ ไม่สปาร์คแต่อย่างใดไง  )


ก็มีข่าวฮือฮาพาดหัวหนังสือดาราเกือบทุกฉบับ (อิชั้นก็เม้าท์มอยเรื่อยเปื่อยนะ เอาเป็นว่าข่าวดังมาก) ว่า ... พี่เล็กของอิชั้น ไปออกอัลบั้มปลุกใจเสือป่าซะนี่ โอยอกอีป้าจะแตก ที่พี่เล็กหมั่นไปเข้าฟิตเนสก็เพื่อจะทำก้ามปูมาออกอัลบั้มเดี่ยวหรือนี่ ??


มีอยู่วันหนึ่ง อิชั้นก็ไปเดินตลาดกับคุณฝรั่งที่กลายมาเป็นคุณแฟนและสามีในปัจจุบัน ผ่านแผงผักก็เห็นอัลบั้มสุดเซ็กซี่อันโด่งดังของพี่เล็กวางแผงอยู่ ห่อพลาสติกอย่างดีเชียว ห้ามเปิดข้างในอย่างเด็ดขาด อิชั้นก็รีบคว้ามาเม้าท์มอยกับคุณแฟน


"ยูจำได้รึเปล่า เราเคยเจอผู้ชายคนนี้ที่บาร์ที่พัทยาที่เราเคยไปด้วยกันไง"


คุณแฟนก็ เออจำได้ “แล้วยูรู้หรือเปล่า ตอนที่ยูไปเข้าห้องน้ำน่ะ เพื่อนเค้ามาถามเค้าว่า เดี๋ยวบาร์เลิก ยูจะไปกับพวกเค้าใช่มั้ย ??”


อ๊ายยย ฟังมาถึงตรงนี้อิชั้นกรี๊ดแตกกรี๊ดแตนเลยนะ อิชั้นไม่ได้แต่งตัวเปิ๊ดสะก๊าดแต่อย่างใด แล้วก็แค่ไปทักพี่เล็กดี ๆ เนี่ยนะ อีตาเพื่อนนึกว่าอิชั้นง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ


“แต่ผู้ชายคนเนี้ย (หมายถึงพี่เล็ก) บอกว่า ยูไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้น you are a good girl.”


ได้ฟังเท่านั้นเลิกกรี๊ดด้วยความโกรธ เปลี่ยนเป็นดับเบิ้ลกรี๊ดด้วยความปลื้มแทน พี่เล็กขา ช่างน่ารักว่ะ ป่านนี้จะมีภรรยา มีลูกเต้าไปกี่คนแล้วเนี่ย พี่จะยังจำแซร่าห์ที่เคยสาธิตการใช้เครื่องบริหารกระชับต้นขาให้พี่ดูวันนั้นได้หรือเปล่าก็ไม่รู้นะ แต่หนูน่ะ จำพี่ได้เสมอค่ะ


“วงแขนกล้ามเป็นมัด ๆ อุ๊ย น่าจะกัดเคี้ยวเล่นเบา ๆ” ฮัมเพลงอย่างเริงร่าฮ่ะ








Create Date : 27 เมษายน 2555
Last Update : 27 เมษายน 2555 17:36:45 น.
Counter : 1806 Pageviews.

0 comments

ป้าเดซี่
Location :
堅尼地城  Hong Kong SAR

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 77 คน [?]





เจ้าของบล็อกนี้มีชื่อไซเบอร์ว่า "ป้าเดซี่" ค่ะ ย้ายตามครอบครัวมาปักหลักและทำงานที่ฮ่องกงเป็นปีที่ 8

เป็นมนุษย์เงินเดือนไทยในต่างแดนมาก็หลายงาน ตั้งแต่เลขานุการผู้บริหาร พนักงานติดตามเร่งรัดหนี้สิน นักแปล ล่าม ฯลฯ

ปัจจุบันเป็นนักแปลอิสระสัญชาติไทยประจำบริษัทรับจองห้องพักออนไลน์สัญชาติดัตช์มากว่า 4 ปี เป็นผู้จัดการชุมชนออนไลน์สัญชาติไทยประจำบริษัทศึกษาวิจัยทางการตลาดสัญชาติฝรั่งเศสมากว่า 3 ปี และเป็นจิตอาสาทำงานแปลเอกสารให้กับมูลนิธิเด็กอ่อนในสลัมฯ ประเทศไทยมากว่า 4 ปีค่ะ

บล็อกนี้ก็เป็นบล็อกเกี่ยวกับการใช้ชีวิต และอาการวิปริตทางความคิดและจิตใจของผู้หญิงไทยสายสามัญคนหนึ่ง ซึ่งมาใช้ชีวิตแบบสุขบ้าง ทุกข์บ้างในฮ่องกง

หวังว่าทุกท่านที่พลัดหลงเข้ามาในบล็อกนี้คงได้รับความไร้สาระกลับออกไปบ้างตามยถากรรมนะคะ