มิถุนายน 2555

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
All Blog
ไ ด้ ง า น ใ ห ม่ เ พ ร า ะ ห ลั ง ไ ม ค์ แ ล ะ อี เ ม ล จ า ก ค น (ที่ ห ล ง เ ข้ า ม า) อ่ า น



ป้าเดซี่เพิ่งไปเริ่มงานใหม่มาเมื่อวานด้วยความรู้สึกตื่นเต้นพอเป็นกระสาย ตั้งแต่เป็นนักแปลอิสระให้กับเว็บไซต์รับจองห้องพักซึ่งทำอยู่ในปัจจุบัน ก็นั่งทำงานอยู่แต่ในบ้านมาตลอด เรียกว่าห่างหายจากการเป็นมนุษย์ออฟฟิศมา 2 ปีเต็มค่ะ


ช่วงนี้ก็พยายามจัดสรรเวลาที่มีอยู่น้อยนิดให้ลงตัว เพราะรับงาน 2 จ็อบ งานแปลก็มีเดดไลน์ต้องส่งงานอาทิตย์ละ 10,000 คำ งานใหม่ก็ต้องเข้าออฟฟิศ 2-3 วัน อิชั้นยังอยากมีวันหยุดสัปดาห์ละ 2 วันเหมือนคนอื่น อยากอยู่บ้านพักผ่อน หรือออกไปกินไปช้อปนอกบ้านบ้าง  


ช่วง 2 ปีก่อนหน้าซึ่งทำงานอยู่แต่ในบ้าน ชีวิตก็เปลี่ยนแปลงไปพอสมควร มีเวลามากขึ้นเพราะทำงานสัปดาห์ละประมาณ 3-4 วัน งานแปลที่ทำอยู่มันทำจากที่ไหนก็ได้ที่มีอินเตอร์เน็ตอ่ะนะคะ จะกลับเมืองไทยก็ไม่จำเป็นต้องลางาน เพราะไม่ได้ออกตะลอนนอกบ้านทั้งวันทั้งคืน ตื่นเช้าหรือก่อนนอนก็ยังสามารถออนไลน์แปลงานส่งได้ นอกเสียจากว่าไปเที่ยวที่อื่นไกล ๆ แล้วเกรงว่าจะไม่สะดวกในการเข้าอินเตอร์เน็ต หรือต้องจ่ายค่าอินเตอร์เน็ตแพงเกิน ทำแล้วไม่คุ้มถึงจะลางานกับเค้า


คุณภาพชีวิตก็ดีขึ้นเล็กน้อย อิชั้นสามารถนั่งทำงานไป รับประทานไป หรือดูโทรทัศน์ไป เพราะยิ่งทำงานที่นี่นานวันเข้าก็ยิ่งชำนาญ แล้วงานแปลที่ทำอยู่มันมีเนื้อหาและรายละเอียดไม่ต่างกันเท่าไหร่ ขายโรงแรมและสิ่งอำนวยความสะดวกอ่ะนะคะ แต่ละโรงแรมก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกคล้าย ๆ กันอยู่แล้ว


อิชั้นจะเริ่มทำงานช่วงหลังอาหารค่ำ ระเรื่อยไปจนถึงตี 1 ตี 2 ตื่นนอนอีกทีตอนสายโด่ง หลังจากล้างหน้าแปรงฟันแล้วก็มาออกกำลังกายวันละ 45 นาทีซึ่งกลายเป็นกิจวัตรประจำวันไปเรียบร้อย


หลังจากนั้นก็มานั่งตรวจแก้ไขงานที่แปลไปเมื่อคืนอีกรอบก่อนส่ง (ช่วงนี้แหละที่อิชั้นมาเห็นว่างานที่แปลไปเมื่อคืนตอนที่กำลังดู Catherine Willows อำลา CSI แล้วน้ำตาหยดแหมะไปด้วยนั้น อิชั้นแปลผิดไปเยอะเลยนี่หน่า) ผลการตรวจคุณภาพงานแปลจาก QC ในแต่ละเดือนก็จัดว่าค่อนข้างดีพอใช้ ตั้งใจทำงาน ปัญหาไม่มี ความกดดันเป็นศูนย์ ไม่เหมือนการทำงานในออฟฟิศเนอะ


หน้ามรสุมที่ฮ่องกงพายุเข้า จากที่เคยจำต้องสู้ว้อยฝืนใจไปทำงาน หรือตื่นขึ้นมาก็ภาวนาขอให้วันนี้มีสัญญาณเตือนไต้ฝุ่นหรือพายุฝนในระดับ T8 หรือ Black Rainstorm จะได้ไม่ต้องไปทำงาน (มนุษย์เงินเดือนในฮ่องกงอ่านถึงตรงนี้คงอมยิ้มอย่างเข้าใจความรู้สึก) ก็กลายเป็นไม่หวั่นแม้วันมามาก ฝนจะตก ฟ้าจะร้อง แดดจะเปรี้ยง อิชั้นก็นั่งทำงานอยู่แต่ในบ้าน ใส่เสื้อกล้ามนุ่งขาก๊วยเปิดแอร์หรือเปิดพัดลมไปสบายใจเฉิบ


จากที่เคยลาหยุดงานได้ยากเย็น ช่วงวันหยุดยาวคนฮ่องกงก็แห่ออกนอกเมือง ตั๋วก็แพงไฟลท์ก็เต็ม บางครั้งมีวันหยุดกับเค้าแต่กลับไม่ได้ไปไหนเลย เพราะเสียดายเงินค่าตั๋วหรือจองไฟลท์ไม่ได้


พอมาทำงานอิสระ จะลางานไปเที่ยวกับครอบครัวช่วงเจ้าลูกชายปิดเทอมซักเดือนนึงก็ไม่เป็นปัญหา โอ้ย ยิ่งติดใจ จะไม่หางานประจำทำอีกแล้ว ทำที่นี่ ถึงรายได้จะน้อยหน่อย (ยิ่งได้รับเงินเดือนเป็นยูโรด้วยแล้ว ทำไป ทำไป ทำไมเงินยูโรมันอ่อนปวกเปียกเป็นมะเขือเผาขึ้นทุกวัน) แต่งานสบาย ทำทุกวันเข้าก็รู้สึกเหมือนเป็นหน้าที่หนึ่งในชีวิต ไม่เหมือนทำงานอ่ะนะคะ พอตั้งใจว่า แฮปปี้กับการทำงานที่นี่แล้ว อิชั้นก็ไม่ได้มองหางานอื่นอีกเลย จนกระทั่ง .....







ได้รับหลังไมค์ดังกล่าวเมื่อประมาณเดือนที่แล้ว อ่านแล้วมึนตึ๊บ ยังไม่รู้ว่าจะตอบอะไร ยังไง เช็คอีเมลดูก็ปรากฏว่าคุณเพื่อนที่ถูกพาดพิงถึงในหลังไมค์ส่งอีเมลมาหาอิชั้นเรียบร้อย คงไปได้อีเมลแอดเดรสมาจากที่อิชั้นแปะไว้หน้าบล็อกนั่นแหละ


ขอออกตัวนิดนึงว่าอิชั้นแปะอีเมลสำหรับติดต่อไว้หน้าบล็อกเพื่อการรับงานนะคะ ไอ้ที่เม้าท์มอยว่าใครมีปัญหา ข้องใจสงสัยอะไรส่งมาได้เนี่ย อาการเนียนล้วน ๆ ช่วงหลังอิชั้นรีวิวร้านอาหารเยอะ ก็เริ่มมีโรงแรมติดต่อมาให้ไปทำรีวิวห้องอาหารให้เค้า อุตส่าห์ไปค้นหาอีเมลของอิชั้นมาจากในโพรไฟล์โน่นแน่ะ


หลังจากได้งานมาแบบฟลุ๊ค ๆ แบบนั้น อิชั้นเลยย้ายมาแปะอีเมลแอดเดรสไว้หน้าบล็อกซะเลย ร้านอาหารใด โรงแรมไหนสนใจจะให้อิชั้นทำรีวิวให้ กรุณาติดต่อมาได้นะคะ ยินดีรับใช้ค่ะ (กร๊ากส์ ... ขอทำมาหากินหน่อยเหอะ)


พอได้รับอีเมลจากคุณเพื่อนคนดังกล่าว อิชั้นก็พล่ามตอบไปซะยาวเชียว (มารู้ตัวทีหลังว่า ไม่ได้กดส่งหรือไงเนี่ยแหละ) 2-3 วันต่อมาได้ข่าวว่าทางบริษัทรับพนักงานแปลอิสระคนไทยเพิ่ม อิชั้นก็ส่งอีเมลไปบอกเธออีก เธอก็ตอบอีเมลขอบคุณมา







หลังจากนั้นมันก็รู้สึกว่า เออว้อย คนไทยในฮ่องกงนี่เยอะเนอะ คู่แข่งในการหางานสำหรับคนไทยก็เยอะไปด้วย งานยิ่งมีน้อย ๆ อยู่ แล้วตอนนี้ตลาดงานฮ่องกงมันไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ ปิดหูปิดตาไม่รู้อะไรกับเค้าเลยตั้งแต่ทำงานที่บ้านเนี่ย อิชั้นก็เริ่มเสิร์ชหางานดูด้วยความอยากรู้อยากเห็นอ่ะนะคะ ไม่ได้ตั้งใจจะหางานเลยสักนิด


ก็ไปเจองานใหม่นี้เข้า ลักษณะงานเหมือน Web Administrator ดูเวลาการทำงานแล้ว เค้าต้องการให้ทำแค่พาร์ทไทม์ อูย อยากทำขึ้นมาทีเดียวเลย เพราะไม่จำเป็นต้องลาออกจากงานที่เก่า ซึ่งหัวเด็ดตีนขาดอิชั้นไม่ลาออกเด็ดขาด นอกจากเค้าจะไล่ออกเอง อ่ะ .. ตัดสินใจว่าจะลองสมัครไปค่ะ


ก็เอา Resumé มาปัดฝุ่นอัพเดทข้อมูลเสียใหม่ รูปถ่ายที่แปะอยู่เก่ามากแล้ว ก็มานั่งถ่ายรูปตัวเองใหม่ ตั้งขากล้อง ลั่นชัตเตอร์อัตโนมัติ เปลี่ยนชุดเปลี่ยนทรงผม ลองถ่ายดูอยู่หลายแบบ หลายสไตล์ แล้วเลือกรูปที่พอดูได้ที่สุดมาเป็นรูปนี้ ชุดนี้ ผมทรงนี้   







จดหมายปะหน้าก็มานั่งร่ายเสียใหม่ “ฉันมีประสบการณ์ตรงตามที่คุณต้องการค่ะ แถมฉันยังมีบล็อกส่วนตัวด้วยนะ” ส่งลิงค์บล็อกของตัวเองไปให้เค้าเสร็จสรรพ วันต่อมาก็ได้รับการติดต่อให้ไปสัมภาษณ์


ก่อนไปอิชั้นก็เปิดเว็บไซต์ของบริษัท ดูว่าบริษัททำธุรกิจอะไร ยังไง ถ้าเค้าถามความเห็นเราเกี่ยวกับบริษัทจะได้มีเรื่องคุย ขณะเดียวกันก็กังวลเรื่องวันเริ่มงานด้วย ถ้าเค้าต้องการให้เริ่มงานทันที อิชั้นจะซวยเอา เพราะซื้อตั๋วโปรฯแอร์เอเชียจะบินไปภูเก็ต-บาหลี-กทม.ไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว อิชั้นจะหายศีรษะออกนอกฮ่องกงช่วงเดือนกรกฎาคม 1 เดือนเต็ม ๆ


คุยกับคุณสามี เธอก็แนะนำว่า “ถ้ายูอยากได้งานนี้ และเค้าต้องการให้ยูเริ่มงานเลย ยูก็ยกเลิกตั๋วไปละกัน ชั้นบินไปกับด๊นดน 2 คนก็ได้” ต๊ายคุณพี่ ... ทำไมมาสะบัดบ๊อบใส่กันแบบนี้ ??


วันสัมภาษณ์เค้าก็บอกให้ฟังว่าบริษัทนี้เดิมมีสำนักงานอยู่ที่ยุโรป เพิ่งจะเริ่มย้ายทรัพยากรและบุคลากรมาเปิดสำนักงานใหม่ในฮ่องกง เรียบร้อยเมื่อไหร่ก็จะปิดสำนักงานในยุโรปไป พนักงานคนไทยในตำแหน่งที่อิชั้นสมัครไปเนี่ยก็จะทำงานที่โน่นจนถึงสิ้นเดือนมิถุนายนเท่านั้น ทางบริษัทอยากได้คนมาเทรนงานกันก่อนที่เธอจะออก


อิชั้นก็เม้าท์มอยไปว่าสามารถเริ่มงานได้เลย แต่อิชั้นจะหายศีรษะไปจากฮ่องกงหนึ่งเดือนเต็ม ซื้อตั๋วเตรียมการล่วงหน้าไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว "ถ้ายูอยากได้คนมารับช่วงงานเร็วหน่อย แล้วชั้นมีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่ยูต้องการ เป็นไปได้มั้ยที่ชั้นจะทำงานออนไลน์จากต่างประเทศในช่วงเดือนนั้นน่ะ"  


คนสัมภาษณ์ (ซึ่งก็คือหัวหน้างาน) มองหน้าอิชั้นแบบงง ๆ ว่าหล่อนคิดไกลไปหน่อยมั้ย ฮ่า ฮ่า แล้วบอกว่า “เหรอ อืม ... เดี๋ยวเราขอปรึกษากันดูก่อนนะ เรายังต้องสัมภาษณ์ผู้สมัครอีกหลายคน”


แป่ว !!! อยากลงไปชักดิ้นชักงอ ความมั่นใจที่พกมาเต็มพุงหดหาย อิชั้นคงชวดไม่ได้งานนี้แน่ ๆ


หลังจากนั้นอีก 2 วัน ก็ได้รับอีเมลแจ้งว่าอิชั้นผ่านการคัดเลือกรอบแรก จะต้องสัมภาษณ์รอบที่ 2 กับ HR จากบริษัทแม่ในยุโรปทางโทรศัพท์ ให้อิชั้นรอรับโทรศัพท์ตอน 5 โมงเย็นวันรุ่งขึ้น ซึ่งเป็นวันศุกร์ อ่ะ ไม่มีปัญหาค่ะ


อิชั้นก็เตรียมตัวสัมภาษณ์รอบ 2 ทางโทรศัพท์ ซึ่งง่ายนะ อิชั้นเก็งคำถามว่าเค้าจะถามอะไร เตรียมคำตอบจดใส่กระดาษไว้ ไม่จำเป็นต้องท่องให้ขึ้นใจเหมือนตอนไปสัมภาษณ์ตัวต่อตัว ถ้าจำไม่ได้ก็คว้าโพยมาดู เค้าไม่รู้หรอกเนอะ แต่วันสัมภาษณ์จริงก็คล่องแหละค่ะ คือเก็งไว้แล้วว่าจะพูดประเด็นไหน ยกตัวอย่างเรื่องอะไร


ก่อนวางสายกันคุณ HR ก็บอกมาโต้ง ๆ ว่าเค้ารู้สึกโอเคกับอิชั้นนะ หวังว่าจะได้ร่วมงานกันต่อไป เสาร์-อาทิตย์นั้นอิชั้นก็ใจเต้นตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ เหมือนรอลุ้นผลบอลยูโร เค้าจะติดต่อกลับมามั้ย ถ้าติดต่อกลับมา จะได้หรือไม่ได้ก็ไม่รู้ ใจแป้ว ไม่อยากเช็คอีเมลเลย (เค้าบอกว่า ได้หรือไม่ ก็จะแจ้งมาให้ทราบทางอีเมลค่ะ) 


พอวันจันทร์ก็ได้รับแจ้งว่าเค้ารับเราเข้าทำงาน ส่งสัญญาจ้างงานมาให้เซ็น เมื่อวานไปเริ่มงานวันแรก ก็มีการพูดคุยกันแล้วว่า ช่วงที่อิชั้นไม่อยู่ฮ่องกงเดือนหน้า ก็คงฟอร์เวิร์ดอีเมลไปให้อิชั้นช่วยดูช่วยตอบไปก่อน กลับมาค่อยว่ากันอีกที


อิชั้นเริ่มต้นปีที่ 6 ของการเป็นมนุษย์เงินเดือนใทยในฮ่องกงด้วยงานใหม่งานนี้แหละค่ะ จะพ้นช่วงทดลองงานไปได้อย่างราบรื่นหรือไม่ จะทำงานนี้ได้ดีได้นานแค่ไหน ก็คงต้องลองสู้กันสักตั้งสองตั้งเนอะ


พบกันใหม่บล็อกหน้า สวัสดีค่ะ





Create Date : 20 มิถุนายน 2555
Last Update : 20 มิถุนายน 2555 14:25:42 น.
Counter : 3536 Pageviews.

0 comments

ป้าเดซี่
Location :
堅尼地城  Hong Kong SAR

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 77 คน [?]





เจ้าของบล็อกนี้มีชื่อไซเบอร์ว่า "ป้าเดซี่" ค่ะ ย้ายตามครอบครัวมาปักหลักและทำงานที่ฮ่องกงเป็นปีที่ 8

เป็นมนุษย์เงินเดือนไทยในต่างแดนมาก็หลายงาน ตั้งแต่เลขานุการผู้บริหาร พนักงานติดตามเร่งรัดหนี้สิน นักแปล ล่าม ฯลฯ

ปัจจุบันเป็นนักแปลอิสระสัญชาติไทยประจำบริษัทรับจองห้องพักออนไลน์สัญชาติดัตช์มากว่า 4 ปี เป็นผู้จัดการชุมชนออนไลน์สัญชาติไทยประจำบริษัทศึกษาวิจัยทางการตลาดสัญชาติฝรั่งเศสมากว่า 3 ปี และเป็นจิตอาสาทำงานแปลเอกสารให้กับมูลนิธิเด็กอ่อนในสลัมฯ ประเทศไทยมากว่า 4 ปีค่ะ

บล็อกนี้ก็เป็นบล็อกเกี่ยวกับการใช้ชีวิต และอาการวิปริตทางความคิดและจิตใจของผู้หญิงไทยสายสามัญคนหนึ่ง ซึ่งมาใช้ชีวิตแบบสุขบ้าง ทุกข์บ้างในฮ่องกง

หวังว่าทุกท่านที่พลัดหลงเข้ามาในบล็อกนี้คงได้รับความไร้สาระกลับออกไปบ้างตามยถากรรมนะคะ