ในละครสุภาพบุรุษจุฑาเทพมีการประกวดนางสาวศรีสยามประจำปี พ.ศ. 2504 ผู้ได้รับตำแหน่งคือ นางสาวกรองแก้ว บุญมี สาวงามจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ความเป็นจริงในปีนั้นยังไม่มีการกลับมาจัดการประกวดนางสาวไทย หลังจากงดไปตั้งแต่การจัดงานครั้งสุดท้ายในปี พ.ศ. 2497 แต่ในปี พ.ศ. 2504 มีการประกวดนางงามระดับประเทศที่เทียบเท่ากับเวทีนางสาวไทยคือ การประกวดนางงามวชิราวุธานุสรณ์ และนางงามที่ได้ตำแหน่งในปีนั้นคือ นงคราญ โกลละสุต (ภาพขวา)







นงคราญเป็นเด็กสาวอายุ 18 ปีจากจังหวัดสงขลา หน้าตาคมขำโดยมีเชื้อฮอลแลนด์จาก ร.ต.อ. บำรุงผู้เป็นบิดา หลังจากได้ตำแหน่งเพียง 2 วัน นงคราญก็ได้เดินทางกลับไปยัง อ.สะเดา จ.สงขลา เพื่อไปเตรียมพิธีหมั้นกับแฟนหนุ่ม ร.ต.ต. สมพร สีลยุวะ โดยทางกองประกวดมีข้อแม้ว่าผู้ได้รับตำแหน่งสามารถแต่งงานได้หลังจากครองตำแหน่งนางงามวชิราวุธฯ ครบ 1 ปี แต่บรรดาแม่เล้าและนายหน้าหลายคนได้ตามไปยังบ้านเกิดของนงคราญเพื่อเกลี้ยกล่อมให้เธอมาเป็นอนุภรรยาของท่านผู้นำในยุคนั้นคือ จอมพลสฤษดิ์ ธนรัตน์


กลุ่มบุคคลดังกล่าวได้เข้าพบบิดาของนงคราญ โดยยื่นข้อเสนอว่าทางท่านผู้นำจะมอบเงินสดจำนวน 2 แสนบาท บ้านพร้อมรถยนต์ และย้าย ร.ต.อ. บำรุงมาประจำที่กรุงเทพฯแทนที่ทำงานเดิมคือ ผู้บังคับกอง อ.สะเดา โดยบิดาของนงคราญได้ตอบตกลงด้วยดี


นงคราญไม่สมัครใจและได้หนีเข้ากรุงเทพพร้อมคู่หมั้นหนุ่ม โดยไปพักที่บ้านญาติย่านประตูน้ำ แต่ทาง ร.ต.อ. บำรุงผู้เป็นบิดาได้ตามไปพบนงคราญพร้อมกับสุมน สุมานันท์ แม่บ้านประจำตัวของจอมพลสฤษดิ์ เพื่อเกลี้ยกล่อม นงคราญก็ได้แต่ไปหลบหนีอยู่ในห้องน้ำบ้าง ห้องนอนบ้างซ่อนตัวไม่ให้หาเจอ และทางคู่หมั้นหนุ่มก็ถือปืนออกมาขู่ว่าถ้าเข้ามาตนเองจะเอาชีวิตคนที่เข้ามาพรากนงคราญจากเขาไป จนทำให้เหล่าแม่บ้านและแม่เล้าต่างล่าถอยออกมา


ด้วยความรักที่มั่นคงต่อนงคราญ ร.ต.ต. สมพร สีลยุวะ คู่หมั้นหนุ่ม ได้พยายามติดต่อกับผู้ใหญ่หลายท่านเพื่อจัดพิธีหมั้น และก็สำเร็จในที่สุด โดยได้จอมพลถนอม กิติขจร (ในขณะนั้นเป็นพลเอก) รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และหมั้นกันที่บ้านของพลเอกถนอมนั่นเอง จากนั้น ร.ต.ต. สมพรคิดว่าบรรดาแม่เล้าคงไม่กล้ามารังควาญอีก จึงได้เดินทางไปประจำที่ อ.สะเดา จ. สงขลาเช่นเดิมหลังจากที่ลาราชการมาช่วยคนรัก


แต่ความพยายามของบรรดาแม่เล้าก็ไม่ย่อท้อ แม้ว่าข่าวการหมั้นของนงคราญและ ร.ต.ต. สมพรจะลงหนังสือพิมพ์กันอย่างคึกโครม เพราะมีการเสนอเพิ่มมูลค่าสินไหม จากเงินสด 2 แสนบาทเป็น 5 แสนบาท พร้อมของมีค่าอื่น ๆ เช่น แหวนเพชร 5 กะรัต บ้านหลังใหญ่พร้อมโอน รถเบนซ์ 1 คัน และมีการตั้งเงินรางวัลให้แม่บ้านและแม่เล้าที่เกลี้ยกล่อมนงคราญได้เป็นเงินจำนวนไม่ต่ำกว่า 2 แสนบาท ทำให้คนเหล่านั้นไม่ละความพยายาม


จนในที่สุดพ่อแม่ของนงคราญ แม่เล้าสาย และนางสุมนก็ได้เกลี้ยกล่อมจนนงคราญใจอ่อนยอมเข้าไปพบจอมพลสฤษดิ์ โดยได้พาไปแต่งหน้าแต่งตัวสวยงามเพื่อนำไปพบท่านที่บ้านวิมานหลังกองพลที่ 1 โดยมีผู้เป็นพ่อนั่งไปด้วย แต่ระหว่างนั้นนงคราญก็เปลี่ยนใจหลายครั้ง พยายามกระโดดรถหนี แต่พ่อของเธอก็พยายามรั้งไว้จนได้พบกับจอมพลสฤษดิ์ เป็นผลสำเร็จ


เมื่อได้พบกับท่าน นงคราญได้ขอร้องและกล่าวว่าตนมีคู่หมั้นแล้ว จอมพลสฤษดิ์ไม่ได้ขืนใจเธอ และยังให้โอวาทว่าให้เป็นแม่บ้านแม่เรือนที่ดี ถ้าหากนงคราญเดือดเนื้อร้อนใจอะไรสามารถเข้ามาขอความช่วยเหลือจากท่านได้ตลอดเวลา โดยท่านไม่หวังผลตอบแทนใด ๆ จากนั้นนงคราญก็ลากลับบ้านไป โดยที่จอมพลสฤษดิ์ไม่ได้แตะต้องตัวเธอแม้แต่น้อย


จากคำพูดของลูกผู้ชายสุภาพบุรุษเช่นจอมพลสฤษดิ์ ผู้นำประเทศในยุคนั้น นงคราญจึงเกิดความประทับใจ ให้ความนับถือ และไว้วางใจในตัวท่าน จนกระทั่งใจอ่อน นงคราญคิดว่าถ้าตัดสินใจเป็นอนุภรรยาท่าน ตนเองก็จะได้ทดแทนบุญคุณผู้เป็นบิด ท่านจะได้ไม่ต้องลำบากรับราชการที่ต่างจังหวัด ได้เข้ามาประจำในเมืองหลวงแทน


คิดได้ดังนั้น นงคราญจึงตัดสินใจเขียนจดหมายถึง ร.ต.ต. สมพร สั้น ๆ ว่าเธอได้ตัดสินใจเป็นอนุภรรยาของท่านแล้ว โดยสิ่งที่นงคราญได้รับคือ เงินสด 5 แสนบาท รถเบนซ์รุ่นใหม่ ตึกสีม่วงบนที่ดิน 150 ตารางวา แหวนเพชร 5 กะรัต 1 วง สร้อยเพชร 1 เส้น นาฬิกาฝังเพชร 1 เรือน เงินเดือนอีกเดือนละ 3 พันบาท รวมทั้งผู้เป็นบิดาได้ย้ายจาก สงขลามาประจำที่กรุงเทพ โดยเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นเป็นนายพันตำรวจตรี

ข้อมูลจากหนังสือ "จอมพลของคุณหนู ๆ"

เครดิตภาพและเรื่อง: thaimiss.com


พบกันใหม่บล็อกหน้า สวัสดีค่ะ