ความหลัง กับสถานที่เรียนพิเศษ


ช่วงนี้เป็นช่วงที่ไกลนั้นพยายามอ่านภาษาอังกฤษ เพราะจะต้องมีสอบตอนปลายเดือนนี้ค่ะ เลยพยายามบิ้วอารมณ์ตัวเองให้รักภาษานี้ขึ้นมา ว่างๆ ก็เลยเข้าไปนั่งโหลดพวก conversation ต่างๆ มาฟัง รวมถึงเข้าไปเรียน Overview ภาษาอังกฤษด้วยค่ะ


บ่อยครั้งที่ไกลนั้นนั่งฟังแบบเรียนภาษาอังกฤษบนรถเมล์ จะมีแทรกด้วยบทเพลงจาก memolody ที่ตัวเองได้มาโดยบังเอิญค่ะ อธิบายหน่อยว่า มันคืออัลบั้มที่ประกอบด้วยเพลงต่างๆ จัดกลุ่มตามความคล้ายกันของความหมาย อันนี้เป็นเทปของสถาบันกวดวิชา enconcept ที่ได้ฝึกร้องมาตั้งแต่สมัยเรียนม.ปลายแล้ว


ช่วงเวลาที่ได้ฟังเพลงเหล่านี้อีกครั้ง เป็นช่วงที่บอกไม่ถูกนะคะ เหมือนเราได้ย้อนเวลาขึ้นไทม์แมชชีนของโดราเอมอน กลับไปฟังเสียงพี่ต้อง พี่แนน พี่เบสต์ และพี่ๆ คนอื่นๆ อีกครั้ง สมัยก่อน ตอนไกลนั้นเรียนพิเศษ วิชาที่เรียนเยอะสุด และเรียนได้แย่สุด ก็คือภาษาอังกฤษนี่แหละ หัวสมองมันเหมือนไม่รับเลย จนกระทั่งได้เจอระบบการเรียนแบบที่เรียกว่า แต่งเพลงมาท่องศัพท์ จึงทำให้ตัวเองจำศัพท์ได้มากขึ้น และเชื่อไหมว่า ไกลนั้นจำมาได้จนถึงทุกวันนี้เลยนะคะ โดยเฉพาะเพลงแรกที่ได้ร้อง คือเพลงที่มีความหมายเกี่ยวกับ "เหตุผล"


เขาว่ากันว่า การท่องศัพท์ตะพึดตะพือ ไม่ได้ช่วยให้เราจำมันได้หรอก นานไปเราก็จะลืมถ้าเราไม่ได้ใช้ แต่การร้องเพลง เหมือนกับการท่องจำชนิดหนึ่ง แต่มันเหมือนได้ใช้กันตลอดเวลา ถ้าเราจำเพลงนี้ได้ เราก็จะจำศัพท์ในเพลงได้เช่นกัน คนอื่นที่มาฟัง มักจะบอกกับไกลนั้นว่า "โอ๊ย เราว่าเสียเวลาท่องเองไม่ง่ายกว่าฟังเหรอโณ" อึม มันก็แล้วแต่สไตล์คนนะคะ เพราะหากจะคิดอย่างที่เขาว่า มันก็จริงแหละ ท่องเองอาจจะจำได้เร็วกว่าร้องเพลง แต่ถ้าเราจำเพลงนี้ได้ตลอดชีวิต เราก็จะจำศัพท์ในกลุ่มนั้นได้เช่นกัน ไกลนั้นชอบวิธีที่ไม่ใช่การข่มโคเขาขืนให้กลืนหญ้านะ ไอ้จะมาบอกให้ไกลนั้นนั่งท่องศัพท์แบบเด็กๆ เนี่ย เราไม่ทำหรอก (ถ้าทำป่านนี้เราคงเก่งอังกฤษไปแล้วล่ะ ^^)


ที่นี่ เป็นอีกทีนึงที่ไกลนั้นชอบนะ ไอเดียในการสอนเขาแปลกดี รวมถึงเพลงก็เพราะด้วยค่ะ เห็นถึงความพยายามจะปรับปรุงการสอนการเรียนตลอดเวลา


อึม จะว่าไป เราก็คล้ายๆ กับเป็นเด็กเรียนพิเศษนะคะ ที่ไหนที่เขาว่าดี ที่เขาว่าเก่ง เราก็จะไปเรียนด้วยอ่ะ แต่มีที่นึงค่ะ ที่ไกลนั้นจำได้ นั่นคือ เดอะเบรนด์ ที่ไกลนั้นได้เข้าไปเรียนคณิตศาสตร์ สาเหตุเพราะมีอาจารย์ท่านหนึ่งในเดอะเบรนด์ เป็นอาจารย์ที่เคยสอนคณิตศาสตร์ในห้องเรียนให้ไกลนั้น ตอนสมัยเรียนมัธยมปีที่ 5


วิธีการสอนของอาจารย์แปลกมากๆ เรียนเลขมาก็เยอะ ไม่เคยเจอใครสอนแบบอาจารย์ท่านนี้เลย ทุกๆ วัน พออาจารย์เข้าห้องมา อาจารย์จะตั้งโจทย์บนกระดานเพียงข้อเดียวเท่านั้น และก็จะถามพวกเราว่า "คุณคิดว่าข้อนี้เป็นยังไง"


โห เจอเข้าไปนี่แทบช็อก แต่ที่ช็อกกว่าคือ อาจารย์เรียกเพื่อนที่เรียนเก่งที่สุดในชั้นออกไปแก้โจทย์ เพื่อนเราทำได้แบบชิวๆมาก ทำให้พวกเราต้องหันมาประเมินตัวเองใหม่ แบบว่าเพื่อนเราทำได้ด้วยเฮ้ย เรานี่มัวไปงมอะไรอยู่หนอ ต้องขยันมากๆ แล้ว ดังนั้นก่อนเข้าเรียนต้องนั่งอ่านทฤษฎีในหนังสือสสวท.มาล่วงหน้า เพราะไม่รู้ว่าใครจะโดนเรียกให้ออกไปแก้โจทย์เป็นรายต่อไป ทุกๆ วันอาจารย์เข้ามาในห้องเรา และตั้งโจทย์ไว้เพียงข้อเดียวเท่านั้น แต่สามารถสอนเราจนจบแต่ละเรื่องของคณิตศาสตร์ได้ ด้วยโจทย์ข้อเดียวนั้นแหละ พอจบโจทย์ข้อเดียว อาจารย์ก็ให้ข้อสอบเอนทรานซ์ 10 ปีย้อนหลัง และบางทีพ่วงข้อสอบโอลิมปิกมาด้วย ให้เวลาระยะนึงกลับไปทำ พอทำเสร็จ เราก็จะมานั่งถกกันถึงข้อสอบพวกนั้น และหากข้อไหนเป็นประเด็น อาจารย์ก็ขึ้นกระดาน เรียกเพื่อนออกไปแก้โจทย์โดยมีพวกเราคอยยกมือถาม


นั่นเป็นจุดแรกที่ทำให้ไกลนั้นเข้าใจ การเรียนพิเศษหนักๆ ไม่ได้ช่วยอะไร ตราบเท่าที่คุณยังไม่มีการฝึกฝนอย่างหนัก เทอมนั้นจะเพราะกลัวโดนเรียกออกไปแก้โจทย์หน้าชั้นหรือไงก็ไม่ทราบ ไกลนั้นสามารถทำคะแนนคณิตศาสตร์ได้ค่อนข้างดีมากเหมือนกัน และวิธีการนี้ มันคือกึ่งๆ วิธีการเรียนในระดับมหาวิทยาลัย ที่เราจะได้เจอต่อไปในอนาคตโดยที่เราไม่รู้ตัวเลยว่าได้ถูกฝึกมาก่อน


แต่สิ่งที่ไกลนั้นรู้สึกประทับใจในการเรียนพิเศษ นอกเหนือจากความรู้ และอื่นๆ แล้ว ยังมีเรื่องเพื่อนด้วยนะคะ


ครั้งหนึ่ง ไกลนั้นเคยได้รู้จักกับเพื่อนๆ ต่างโรงเรียน คุยไปคุยมาถึงได้รู้ว่าพวกเพื่อนๆ เหล่านี้เรียนดนตรีกันมา บางคนเป็นนักดนตรีประจำโรงเรียนด้วยซ้ำ เคยอาจหาญถึงกับว่าเราอยากจะเซ็ตวงดนตรีจัง เราคอยแต่งเพลง อีกคนเรียบเรียงทำนอง อีกคนเป็นมือเบส อีกคนมือกลอง ส่วนนักร้องขอแย่งกันร้องละกัน ฮ่าๆๆ ชีวิตช่วงนั้นนอกจากเรียนหนักๆ แล้ว บางทีการได้นั่งฝันถึงอะไรที่มันไกลๆ ทำให้เรารู้สึกมีแรงใจจะเรียนและค้นหาความฝันกันต่อไป


แปลกดีไหมคะ ที่ฟังเพลงเพียงไม่กี่เพลง กลับทำให้เราหวนระลึกถึงความหลังได้ขนาดนี้ วันนี้อัพบล็อกเหมือนคนแก่เลยแฮะ



Create Date : 11 พฤษภาคม 2551
Last Update : 11 พฤษภาคม 2551 14:07:09 น.
Counter : 932 Pageviews.

9 comments
  
ไม่ได้เข้ามาอ่าน บล็อคพี่โณนานมาก...

เข้ามาอ่านหนนี้ ก็ได้นั่งนึกถึงตัวเองตอนนี้ เรียนพิเศษภาษาอังกฤษ กับรุ่นน้องๆๆ รู้สึกเหมือนเด็กโข่ง เข้าไปทุกวัน

แต่สิ่งนึงที่ได้จาก ที่เรียนพิเศษ คือ มิตรภาพ จากเพื่อนต่างโรงเรียน รุ่นพี่รุ่นน้อง แล้วก็ ความรู้แล้วก็ทริกใหม่ๆที่เราอาจะไม่เคยได้รับ จากที่เราเรียนอยู่ทุกวันนี้ก็ได้ค่ะ...

แต่ของพี่โณ นี้ ย้อนไปนานไหมค่ะ อิอิ
โดย: MHE** IP: 124.120.207.56 วันที่: 11 พฤษภาคม 2551 เวลา:14:50:53 น.
  
ประสบการณ์เรียนพิเศษไม่โชกโชน เคยเรียนอ.อุ๊ อ.ปิง แล้วก็ GOK (แค่) 3 ที่เท่านั้น ส่วน เดอะเบรนเคยไปลองเรียนดูแล้วก็ บ๊ายบายค่ะ อิอิอิ (คือว่ามันแพง)
โดย: gluhp วันที่: 11 พฤษภาคม 2551 เวลา:14:59:26 น.
  
แวะมาทักทายจ้า
โดย: โยเกิตมะนาว วันที่: 11 พฤษภาคม 2551 เวลา:15:44:58 น.
  
พูดถึงที่เรียนพิเสดของเบลนี่ หึหึ อย่างที่พี่โณรู้
แต่ที่นั่นก้อทำให้รู้ว่าคนที่อยู่ต่างรร. ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนมานั่งเรียนพิเสดกะเรา จนกลายมาเปนเพื่อนสนิทเราได้
โดย: เบลล์ IP: 124.120.22.223 วันที่: 11 พฤษภาคม 2551 เวลา:22:08:32 น.
  
คนอื่นบอกไปเรียนพิเศษได้เพื่อน

555+ ส้มไม่ได้เพื่อนซักคน เรียนมาสองเทอมได้มาอยู่คนเดียวแถมไม่ค่อยสนิทกันด้วย

เพราะส้มไม่พูดกับใครสักคน มาเรียนจบเดินออกตลอด คนที่รู้จักเพราะเขาเข้ามาทัก ถ้าไม่มาทักส้มก็ไม่พูดด้วยหรอก ดูเหมือนส้มจะหยิ่ง แต่ในความจริงส้มไม่รู้จะพูดอะไรต่างหาก (เลยดูเงียบไปโดยปริยาย ทั้งที่ความจริงเป็นคนพูดมาก )

ประสบการณ์การมีเพื่อนในที่เรียนพิเศษจึงไม่ค่อยมีค่า

ป.ล. ส้มว่าบางครั้งก็ไม่ต้องมีสิ่งของมาให้เรานึกถึงนะคะ บางครั้งแค่ชื่อเหมือนคนที่เรารู้จัก เราก็คิดไปไกลแล้ว...
โดย: โทรโพสเฟียร์ วันที่: 12 พฤษภาคม 2551 เวลา:8:41:08 น.
  
แวะไปอ่าน blog ของพี่ ตรงนี้จิ

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=keigo&group=4

แล้วจะรู้ว่าพี่อะ แก่กว่าโณเย้อะเลย 555
โดย: :D keigo :D วันที่: 12 พฤษภาคม 2551 เวลา:11:37:52 น.
  
ได้อ่านแล้วรู้สึกเหมือนขึ้นเครื่อง ไทม์แมชชีน กลับไปหาอดีตของน้องโณเลยอ่ะครับ
โดย: เพกร วันที่: 13 พฤษภาคม 2551 เวลา:20:05:39 น.
  
น้องหมี
ดีใจที่หมีเข้ามาทักทายที่บล็อกจ้า งึม แต่แหมมีแซวด้วยอ้ะ เออ พี่ยอมรับก็ได้ว่าเวลานั้นผ่านไปนานมากๆ เกือบแปดปีแล้วมั้ง ฮือๆๆ


คุณ gluhp
GOK ไม่เคยเรียนค่ะ ส่วนเดอะเบรนนี่ เรียนเพราะอาจารย์สุเทพแท้ๆ คนอื่นเรียกพี่เทพกัน ส่วนเราไม่กล้าเรียกจริงๆ เพราะในสายตาเรา ท่านเป็นอาจารย์ที่สอนในชั้นมา


คุณโยเกิตมะนาว
ขอบคุณที่แวะมาทักทายนะคะ^^


น้องเบลล์
ของพี่ไม่เชิงเป็นเพื่อนสนิทนะ เพราะพอหลังจากเรียนจบ พี่ก็ติดต่อกันเล็กๆ น้อยๆ ก่อนที่ต่างคนจะแยกกันแบบตลอดกาลอ่ะ


น้องส้ม
อึม บางทีก็เข้าใจนะว่าเราไม่รู้จะพูดอะไร เพราะพี่ก็เคยเป็นอ่ะ แต่พอผ่านไปได้สักพัก พี่จะเริ่มถามคนข้างๆ แล้วล่ะ บางทีลอกไม่ทัน จะได้เนียนไปถามเขาได้ ฮ่าๆๆ เคยเจอคนนึง เรียนเก่งมากๆ นอกจากให้ยืมชีทแล้วยังอธิบายให้ฟังด้วย


พี่กบ
อารายกันพี่กบ พี่แก่กว่าโณแค่ปีเดียวเองน้า (รึเปล่า)


พี่กร
แต่ของพี่กรต้องย้อนไทม์แมชชีนนานหน่อยแน่ๆ เลยอ่ะ
โดย: ไกลนั้น วันที่: 14 พฤษภาคม 2551 เวลา:18:34:35 น.
  
ไม่เคยเรียนท่องศัพท์ด้วยเพลงนะ แต่อ่านจากที่โณเขียนแล้วรู้สึกว่าน่าสนใจอะ
ยิ่งเราเป้นพวกขี้เกียจท่องศัพท์ด้วยแล้ว บางที่การฟังเพลงแล้วได้คำศัพย์ไปด้วยก็ดีเนาะ
โดย: กิ๊บ IP: 213.156.52.114 วันที่: 15 พฤษภาคม 2551 เวลา:5:34:53 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ไกลนั้น
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



สวัสดีค่ะ ไกลนั้น คือ นามปากกาที่ใช้ในการเขียนนิยายที่ถนนนักเขียนในเวบพันทิพย์ดอทคอมค่ะ หลายๆคนอาจจะเคยได้อ่านงานเขียนของไกลนั้นมาบ้างแล้ว ในนามปากกาว่า อโณทัย



ไกลนั้นขอฝากผลงานเขียนที่ได้ตีพิมพ์ในปัจจุบัน ตรงด้านล่างด้วยนะคะ ^^ อ่านแล้วคิดเห็นยังไง บอกได้เลยนะคะ


เรื่องสั้น


ต้องหนีเท่านั้น

ความฝันที่หายไป

การกลับมาของอากง

หมอดุ

ความเจ็บปวดครั้งสุดท้าย


รอวันนั้น


สะเตง...อรุณฉายที่ปลายใจ






เรื่องยาว



Believe...สุดปลายฝันนั้นคือเธอ




คือทุกสิ่งเพื่อเธอ เล่ม 1




คือทุกสิ่งเพื่อเธอ เล่ม 2




เพียงความคิดถึง



ทางกลางใจ เล่ม1




ทางกลางใจ เล่ม2
พฤษภาคม 2551

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
12
13
14
15
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
All Blog