ในบรรดาพระนักพัฒนาในประเทศไทยนี้ หลวงพ่อคูณ ไม่ได้น้อยหน้าใคร ท่านเป็นพระสร้าง พระช่วย พระนักสังคมสงเคราะห์ ที่ไม่ได้น้อยหน้าใครเลย เงินทำบุญที่ญาติโยมยกมือดูให้ท่านกันสลอน ในตอนที่ท่านเดินไปเคาะหัวให้นั้น ท่านจะไม่หยิบเอาไปทั้งหมด
ถ้าหากยื่นให้ ๒ ใบ กูก็จะดึงเอาใบเดียว ถ้ายื่นให้ ๓ ใบ กูก็ อาจจะเอาไว้สัก ๒ ใบแล้วให้เจ้าของเงินเขาเก็บไว้กินไว้ใช้บ้าง ไม่ใช่จะ
ทำบุญกับกูหมด อย่างนี้กูไม่เอาหรอก ทำบุญแล้วได้บาป ทำให้ตัวเอง ครอบครัวเดือดร้อนไปด้วย ท่านพูดแล้วหัวเราะชอบใจ
นอกจากจะสร้างวัด สร้างพระอุโบสถให้กับวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ที่ได้มีโอกาสเดินทางไปร่วมเป็นประธานในการสร้างแล้ว หลายครั้งที่ สื่อมวลชนเคยเสนอข่าวหลวงพ่อคูณเดินทางไปเยี่ยมเยียนผู้ป่วยตาม โรงพยาบาลเพื่อเอาสิ่งของทั้งอุปโภคบริโภคไปแจกจ่ายให้กับผู้ป่วย หรือบางครั้งก็ไปช่วยเหลือผู้ที่ถูกไฟไหม้ คนตายไม่มีเงินจะเผา ข้าพเจ้าเคยถามว่าหลวงพ่อมีหลักเกณฑ์อย่างไรในการพิจารณา ที่จะให้เงินหรือให้ความช่วยเหลือคนเหล่านี้
หลวงพ่อตอบว่าก็พิจารณาว่าเขาหาที่พึ่งไม่ได้ มันไม่มี ก็มา พึ่งพาอาศัยเรา คือเห็นว่ากูเป็นคนชอบบริจาคอยู่แล้ว ถ้าไม่มีคนมาขอ เราจะไปให้ทานใคร ทำบุญมันต้องดูเหตุการณ์มันถึงจะได้บุญ เช่น สมมุตินะ อย่างมึงมีเป็นร้อยล้าน พันล้าน หมื่นล้าน แสนล้าน ทีนี้ กูมีเมตตามึง กูไปบ้านมึง เอ้า...กูจะให้เงินไว้ใช้ลักร้อย มึงจะเอาไว้ใช้ ทำไม ก็คนเขารวยออกอย่างนั้น แล้วมันต้องดูที่คนยากจนข้นแค้น หา เช้ากินคา คนหมู่นี้เราเอาไปให้เขา เขาก็จะดีใจ แต่เอาไปให้คนมีร้อย ล้านพันล้าน เขาไม่ดีใจ เพราะเงินน้อยนิดเดียว มันเป็นอย่างนี้ ต้องดู ช่องทาง...
พูดอีกทีว่าโรงสีใหญ่ วันหนึ่งๆ ไม่รู้กี่ร้อยกี่พันกี่หมื่นกระ สอบ เอาข้าวสาร,ของเราไปให้โรงสี,ใหญ่ เขาถามว่าเอามาทำไม ก็บอกว่า ตาอยากจะทำบุญน่ะ วางไว้ตรงนั้นแหละ ให้นกกระ จอกนกพิราบมันกินไปเถอะ เขาไม่ยินดียินร้ายหรอก การทำบุญ ต้องดูเหตุการณ์ ไม่ใช่สักแต่ว่าทำ