พระเครื่อง : แหล่งข้อมูลบทความพระเครื่อง เครื่องรางของขลัง และวัตถุมงคล
Group Blog
 
<<
มกราคม 2557
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
13 มกราคม 2557
 
All Blogs
 
รัตน์ โอสถานุเคราะห์ บอสโอสถสภาสร้างหนังรัก

รัตน์ โอสถานุเคราะห์ บอสโอสถสภาสร้างหนังรัก

อมรวดี ทรัพย์เพิ่ม



หลังเคยสร้างความฮือฮากับการแต่งและร้องเพลง "สู้ต่อไป" ในนาม SHARK เมื่อ 10 กว่าปีก่อน



ล่าสุด นักธุรกิจผู้บริหาร "รัตน์ โอสถานุเคราะห์" ประธานกรรมการบริหาร แห่งบริษัท โอสถสภา จำกัด ผู้ชื่นชอบการสร้างสรรค์งานศิลปะ ก็กลับมาสร้างความฮือฮาอีกครั้ง ด้วยการโดดลงมาสร้างภาพยนตร์เรื่อง "UNTIL NOW กาลครั้งหนึ่ง...จนวันนี้" มีดีเดย์ฉายในโรงภาพยนตร์ 30 มกราคมนี้



ที่มาของการทำหนังเรื่องนี้



รัตน์ - "คือต้นปี 2555 ทางสปาแอดเวอร์ไทซิ่งมาคุยกับผมว่าทุกปีโอสถสภาทำหนังโฆษณาเชิงคอร์ปอเรต (ภาพลักษณ์องค์กร) ใช้งบฯมีเดียปีนึง 10 กว่าล้านบาท ทำไมเราถึงไม่สร้างหนังขึ้นมาแล้วเอาโอสถสภาเข้าไปอยู่ในหนังซะเลย ผมเลยปิ๊ง ไอเดีย พล็อตเรื่องขึ้นอิงกับบริษัท ให้พระเอกทำงานที่บริษัท โดยคุณตาพระเอกเคยทำงานโอสถสภาแล้วเกษียณไป ปลูกฝังให้พระเอกอยากมาทำงานที่โอสถสภา"



"จากนั้นก็นัดบริษัทหนังมาคุย แต่ไม่ลงตัว กระทั่งต้นปี 2556 ผมมีโอกาสคุยกับเพื่อนผมซึ่งเคยทำงานกับทีมฮอลลีวู้ดที่มาถ่ายทำในไทย เขาเพิ่งตั้งบริษัททำภาพยนตร์ (เดอะ ริเวอร์ แคว บริดจ์ ฟิล์ม) ผมก็เล่าพล็อตสั้นๆ ให้ฟัง เพื่อนผมก็บอกเข้าท่า ก็ฟอร์มทีมขึ้นมา"



แสดงว่าหนังอิงธุรกิจ



รัตน์ - "อยากจะเรียกว่าทำให้อิมเมจของบริษัท ให้คนได้เข้ามาสัมผัสใกล้ชิดโอสถสภามากขึ้น เพราะปกติจะเห็นแต่สินค้าเรา ประการแรก เขาไม่รู้ว่านั่นคือสินค้าโอสถสภา ประการที่สอง เคยได้ยินแต่โอสถสภา แต่ไม่รู้ว่าเป็นยังไง ไม่เคยเห็นสถานที่ทำงาน แต่ถ้าพระเอกมาทำงานที่โอสถสภา คนก็จะได้เห็นว่าโอสถสภาเป็นอย่างไร"



แสดงว่าโลเกชั่นส่วนใหญ่จะเป็นที่บริษัทโอสถสภา



รัตน์ - "ไม่นะ เอาเข้าจริงๆ มีอยู่จิ๊ดเดียว ตอนเขียนเรื่องขึ้นมากับตอนไปถ่ายทำนี่เยอะ แต่พอตัดต่อมาแล้วหนังมันยาวก็ต้องตัดในส่วนที่ไม่จำเป็นออก ในที่สุดส่วนที่เป็นโอสถสภาเลยหายไปเยอะ เราเอาแต่พล็อตที่คนดูดูแล้วจะสนุกจริงๆ"



แก่นของหนังเรื่องนี้คืออะไร



รัตน์ - "เป็นความรัก พระเอกกับนางเอกเป็นเพื่อนซี้ตั้งแต่ประถมจนถึงมัธยม นางเอกเป็นสาวห้าว แก่น ออกทอมๆ ส่วนพระเอก จะเงียบๆ ขี้อาย ไม่ค่อยกล้า นางเอกจะเป็นหัวโจกชอบพาพระเอกไปทำอะไรเซี้ยวๆ พระเอกเกิดหลงรักนางเอกโดยไม่รู้ตัว จากเพื่อนสนิทอยากเป็นแฟน แต่ไม่กล้าบอก จนมีเหตุต้องพลัดพราก นางเอกหายไปจากชีวิตพระเอก จนพระเอกโตมาทำงานที่โอสถสภาก็มีแฟน ขณะเดียวกันก็ยังลืมนางเอกไม่ได้"



"มันไม่ใช่แค่เป็นรักแรกหรือเคยเป็นแฟนกันแล้วเลิกกัน แต่เป็นรักที่เกิดขึ้นแล้วไม่มีโอกาสได้บอกรัก เป็นปมที่ยากจะลืม"



พล็อตเรื่องนี้ มีบ้างไหมที่ดึงมาจากเสี้ยวหนึ่งของชีวิต



รัตน์ - "ไม่มีเลย เป็นจินตนาการล้วนๆ นิดเดียวก็ไม่มี จากประสบการณ์รักครั้งไหนก็ไม่มี (หัวเราะ)"



แล้วมุมมองความรักของคนที่ชื่อ รัตน์ โอสถานุเคราะห์ เป็นอย่างไร



รัตน์ - "ความรักนั้นมี 2 แบบ แบบแรกคนอาจจะเรียกว่าหลงรัก ตกหลุมรัก หรือฝรั่งเรียกว่า Fall in Love เป็นความรักที่วัยรุ่นจะมีกัน จะเกิดห้วงอารมณ์แบบตื่นเต้น วิตกกังวล เวลาอยู่ใกล้กับคนที่เรารักจะตื่นเต้น ประหม่า กับอีกแบบคือรักที่เป็นรักที่แท้จริง รักที่ถาวร คือรักอย่างที่พ่อแม่ปู่ย่าตายายเรารักกัน"



"รักอย่างฟอลอินเลิฟ เป็นรักประเดี๋ยวประด๋าว ส่วนมากจะเกิดกับผู้ชาย ตอนแรกจะรักมาก แต่พอได้แล้วเริ่มรักน้อยลง ผู้หญิงจะรู้สึกเลยว่าทำไมเธอเปลี่ยนไป (หัวเราะ) พอใกล้ๆ 1 ปีนี่บางทีผู้ชายเบื่อ ผู้หญิง อยากเลิก แต่ถ้ามันไปได้เรื่อยๆ ตลอดรอดฝั่ง มันจะแปรรูปจากหลงรักกลายเป็นรักที่ถาวร รักแท้"



"ความรักของผมคือความผูกพัน เวลาอย่างเดียวเลยที่จะทำให้คนเรารักกันได้อย่างแท้จริง ฉะนั้นถ้ามันผ่านช่วงหนึ่งไปได้ จากหลงรักมันจะเบื่อก่อน พอเบื่อแล้วถ้าอยู่ไปเรื่อยๆ อยู่ไปนานๆ จะเกิดเป็นความผูกพัน อันนั้นแหละคือความรักที่แท้จริง ที่ถาวร"



ทำหนังโรแมนติก แสดงว่าต้องมีมุมโรแมนติกบ้าง



รัตน์ - "มี ผมเคยอ่านหนังสือนะ ราศีผมราศีมีน เป็นราศีที่โรแมนติกที่สุดในทุกราศี ผมเป็นคนที่โรแมนติกมากๆ แล้วชอบอะไรที่ โรแมนติก ผมถึงอินกับหนังเรื่องนี้มาก เพราะหนังเรื่องนี้โคตรจะ โรแมนติกเลย ใครที่ชอบหนังโรแมนติก ดูหนังเรื่องนี้แล้วเชื่อว่าจะต้องชอบ ต้องประทับใจ"



ลงไปสัมผัสกับการทำหนังด้วยตัวเอง รู้สึกพอใจมากน้อยแค่ไหน



รัตน์ - "เกินคาดมาก จากวันที่ไปคุยกับเพื่อนผม ผมแค่อยากทำเพื่อความสะใจ ด้วยเรามีพล็อตอยู่แล้ว เราอินกับมัน ไม่ได้คาดหวังอะไร เพราะรู้ตัวว่าไม่เคยทำหนังไม่เคยเขียนบทภาพยนตร์มาก่อน แต่พอยิ่งคุยกันไป ยิ่งขัดเกลาไป พล็อตมันดีขึ้นเรื่อยๆ พอไปถ่ายปั๊บ ดาราก็เล่นดีกว่าที่คิด แฮปปี้มาก แล้วสถานที่นี่ผมไปดูเองหมดทุกโลเกชั่น ไกลแค่ไหนก็ไป"



นอกจากคิดพล็อตแล้ว ยังแต่งเพลงประกอบเองอีก



รัตน์ - "ใช่ เพลงแรกที่แต่ง "ยิ้มแค่รอยยิ้ม" ได้แรงบันดาลใจจากหนัง "เดอะ คลาสสิค" เป็นหนังโรแมนติก เพลงเพราะมาก ตอนสร้างหนังเรื่องนี้ผมอยากแต่งเพลงขึ้นมาที่มีอะไรคล้ายๆ เพลงประกอบหนังเรื่องนี้ ตอนแรกแต่งขึ้นมามีแต่ทำนองมีแต่เสียงดนตรี ไม่มีเนื้อร้อง ซึ่งผมตั้งใจอย่างนั้น กระทั่งเจอน้องประชาสัมพันธ์หนังเขาบอกหนังสมัยนี้จะโปรโมตเพลงก่อนที่หนังจะเข้า และถ้าโปรโมตเพลงได้ต้องมีเนื้อร้อง คืนนั้นผมก็กลับไปแต่งเนื้อร้องดูเลย ในที่สุดถึงได้ออกมาโอเคเลย แล้วก็มีอีกเพลงที่แต่ง ชื่อเพลง "นี่คือรักแท้ใช่ไหม" ผมร่วมแต่งเนื้อร้อง แต่เมโลดี้นี่อีกคนแต่ง ส่วนตัวทำนองผมเป็นคนแต่ง"



หนังเรื่องนี้ลงทุนไปเท่าไหร่



รัตน์ - "40 ล้านบาท รวมทั้งค่าโปรโมต ค่าโปรดักชั่น เบ็ดเสร็จทุกอย่าง หนังปกติทำได้ 50 ล้านบาทนี่ถือว่าโอเคเลยนะ แต่ 50 ล้านสำหรับผมนี่ยังขาดทุน เพราะรายได้ต้องแบ่งให้โรงด้วย เชื่อว่ายังไงก็ขาดทุน แต่ที่หวังเนี่ยขอให้ขาดทุนน้อยที่สุด"



ถ้าพูดถึงการทำหนังกับการบริหารงานโอสถสภา มีความต่างและเหมือนกันอย่างไร



รัตน์ - "ที่เหมือนคือเวลาประชุมผมจะรับฟังความคิดเห็นของทุกคน ตั้งแต่คนที่ไม่มีตำแหน่ง จูเนียร์สุด พอฟังทุกคนเสร็จก็เอามาประมวล แล้วก็ตัดสินใจ ส่วนที่ต่างคือไอ้งานที่ใช้ในโอสถสภาทั้งหมดทั้งปวงเอามาใช้กับการทำหนังไม่ได้เลย ใช้ได้อยู่อย่างเดียวคือเรากล้าตัดสินใจเมื่อจำเป็นที่จะต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็ว จะผิดจะถูกเราตัดสินใจ (หัวเราะ)"



จากหนังเรื่องนี้ได้มองถึงหนังเรื่องต่อไปไหม



รัตน์ - "จะบอกให้ว่า ผมมีอารมณ์ศิลปินพอสมควร ชอบจะทำงานที่สร้างสรรค์ ปกติเวลาอยู่โอสถสภา งานที่ชอบที่สุดคืองานโฆษณา งานอดิเรกชอบร้องเพลง นานๆ ทีก็แต่งเพลง ตั้งแต่ทำงานสร้างสรรค์มาตลอดชีวิตนี่นะ การสร้างหนังเป็นงานที่เหนื่อยมากที่สุด ทำงานไหนๆ มาไม่เคยทำอะไรเหนื่อยเท่านี้ เหนื่อยมากที่สุด ท้าทายมากที่สุด ขณะเดียวกันก็สนุกมากที่สุด"



"อยากจะสร้างอีก แต่ต้องผ่าน 2 ตอ ตอแรกคือ ถ้าหนังเรื่องนี้ขาดทุนเละคงไม่กล้าสร้างอีก ต้องประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง คือต้องมีกระแสตอบรับที่ดี ขาดทุนนิดหน่อย ตอที่สองคือภรรยา ไม่แฮปปี้เลยเพราะไม่มีเวลาให้ครอบครัว ผมทุ่มเทกับมันมาก ไม่มีอะไรในหนังที่ผมไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วม ตั้งแต่แต่งเรื่อง สกรีนเพลย์ คัดเลือกตัวแสดง ตอนโปรดักชั่นผมไม่ได้แค่ช่วยกำกับฯอย่างเดียว ผมเข้าไปดูตั้งแต่ชุดนักแสดง การแต่งหน้า ทรงผม รวมถึงโพสต์ โปรดักชั่นผมก็ลงไปดูเอง เป็นคนตัดสินใจทุกอย่าง"



มองวงการภาพยนตร์ไทยอย่างไร



รัตน์ - "เอาตรงๆ เลยนะ เมืองไทยมีหนังอยู่ไม่กี่แนว หนังผี หนังตลก โรแมนติกคอมเมดี้ อาจจะมีหนังบู๊บ้างเล็กน้อย ก็อยู่ประมาณนี้ ไม่เหมือนหนังฝรั่งที่จะมีหลากหลายมาก ซึ่งผมเพิ่งจะเข้ามาสัมผัสและเพิ่งจะมาสังเกต เท่าที่สังเกต มันเป็นเพราะอะไร ไม่ใช่เพราะคนสร้างหนังนะ แต่เป็นเพราะคนดูชอบสไตล์อยู่แค่นี้ ถ้าไปสร้างหนังสไตล์อื่น คนไม่ดูมันก็เจ๊ง หนังไทยต้องพยายามทำให้แมส (Mass-ตลาดเข้าถึงคนกลุ่มใหญ่) ที่สุดเพื่อไม่ให้ขาดทุน ถ้าจะทำเฉพาะนิช (Niche-ตลาดกลุ่มเฉพาะ) รายได้มันก็นิดเดียว ไม่คุ้มที่จะสร้าง"



คาดหวังอย่างไรกับหนังเรื่องนี้



รัตน์ - "แรกคือใครก็ตามที่ดูเรื่องนี้หวังว่าเขาจะชอบ ดูแล้ว เอ็นจอย ประทับใจ รองลงมาคือขอให้ขาดทุนน้อยที่สุด"



ถ้าทำหนังเรื่องต่อไป จะทำแนวไหน



รัตน์ - "อย่างที่บอกผมเป็นคนโรแมนติกมากๆ คงทำหนังโรแมนติกเป็นหลัก ถ้าต่อไปมีโอกาสอยากทำหนังโรแมนติกแฟนตาซี"



"ถ้าเกิดคนที่ชอบดูหนังโรแมนติก โดยเฉพาะพวกที่ชอบดูซีรีส์เกาหลี เชื่อว่าถ้าดูหนังเรื่องนี้ต้องชอบ รับรองดูแล้วน้ำตาซึม" ผู้บริหารอารมณ์ศิลป์ "รัตน์ โอสถานุเคราะห์" กับ "กาลครั้งหนึ่ง... จนวันนี้" กล่าวเชิญชวนให้แฟนๆ ไปดูพิสูจน์กัน



กาลครั้งหนึ่ง...จนวันนี้



"UNTIL NOW กาลครั้งหนึ่ง...จนวันนี้" นำแสดงโดย "เป้"อารักษ์ อมรศุภศิริ, "นิกแน็ก" อธิศาพัฒน์ วงศ์เงินยวง, "นิค"พาวิช ทรัพย์รุ่งโรจน์, "แม็กกี้" อาภา ภาวิไล ฯลฯ อำนวยการสร้าง/บทประพันธ์โดย รัตน์ โอสถานุเคราะห์ บทภาพยนตร์โดย ผดุง สมาจาร, กฤตชย อาทยไชยยง, อาทิชา ตันธนวิกรัย ฝีมือการกำกับฯของ ผดุง สมาจาร



เรื่องราวของหนังเกิดขึ้นที่โรงเรียนประถมศึกษาเล็กๆ ในจ.กาญจนบุรี ต้น-เด็กชายแสนสุภาพ ขี้อาย เป็นเพื่อนคู่ซี้กับแก้ว-เด็กสาวจอมแก่นหัวโจก ทั้งสองเติบโตมาด้วยกันจนเข้าสู่วัยรุ่น ต้นเริ่มคิดว่าตัวเองมีความรู้สึกดีๆ กับแก้วมากกว่าความเป็นเพื่อน แต่ไม่กล้าบอกความในใจ ขณะเดียวกันหลังจากที่ทั้งคู่พลัดหลงป่าจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แก้วก็เริ่มมองเพื่อนหนุ่มคนนี้ด้วยความรู้สึกที่เปลี่ยนไปเช่นกัน ก่อนที่ทั้งคู่จะเปิดใจกัน จู่ๆ ครอบครัวแก้วก็หายไปจากหมู่บ้าน และต้นก็ไม่เคยได้ข่าวคราวแก้วอีกเลย



15 ปีผ่านไป ต้นกำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกับตาลแฟนสาวที่คบกันมาเกือบ 4 ปี ก่อนจะถึงวันแต่งงาน ต้นกลับมีความรู้สึกว่าแก้วกลับมาอยู่รอบๆ ตัวเขาอีกครั้ง เหลือเวลาอีกเพียง 2 อาทิตย์ก่อนเข้าพิธีแต่งงาน ต้นทำตามที่หัวใจเรียกร้อง โดยเริ่มตามหาแก้วอีกครั้ง



คนบางคน ออกตามหารักแท้ แต่บางคน กลับตามหารักแรก รักไหน จะเป็นรักสุดท้ายในชีวิต



เริ่มตามหารักแท้กันได้ทุกโรงภาพยนตร์ 30 ม.ค.นี้




Create Date : 13 มกราคม 2557
Last Update : 13 มกราคม 2557 12:47:32 น. 0 comments
Counter : 2050 Pageviews.

amulet108
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 96 คน [?]








Friends' blogs
[Add amulet108's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.