จากกรณีประธานบริษัท ออมทู เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ผู้สร้างหนัง ศรีธนญชัย 555 + ประสบปัญหาขาดทุนย่อยยับ หลังลงทุนไปกว่า 40 ล้านบาท แต่เก็บค่าเข้าชมได้เพียงวันละประมาณ 3 หมื่นบาท จากการเข้าฉายไปแล้ว 3 วัน แถมยังถูกทางโรงหนังถอดจากโปรแกรมอย่างรวดเร็ว เลยเกิดอาการเครียดและคิดฆ่าตัวตายนั้น อาจเป็นเพราะผู้สร้างหนังเรื่องดังกล่าวยังเป็นผู้กำกับหน้าใหม่
เดลินิวส์ออนไลน์ สัมภาษณ์ ปื๊ด-ธนิตย์ จิตนุกูล ผู้กำกับ ผู้อำนวยการสร้าง และนักเขียนบทภาพยนตร์ เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว โดยคุณปื๊ด กล่าวว่า ในวงการหนังไทยคนทำหนังต้องเข้าใจธรรมชาติของหนังไทย ต้องเข้าใจถึงสไตล์ของหนังตัวเองว่าเป็นแนวใด และหนังเรื่องนั้นมีกลุ่มเป้าหมายเป็นใคร เพราะการทำหนังที่ตรงตามสไตล์คนดูจำนวนมาก หมายถึงโอกาสที่จะทำให้หนังประสบความสำเร็จมากขึ้น ประกอบกับการรู้จักใช้สื่อตามโซเชียลมีเดียต่างๆ ให้เกิดประโยชน์ และใช้ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย ยกตัวอย่างเช่น หนังเรื่อง พี่มากพระโขนง ที่ทำรายได้เป็นกอบเป็นกำ เพราะใช้สื่อจี้จุดกลุ่มเป้าหมายได้ตรงกลุ่ม และนอกจากสไตล์ของหนังแล้ว คนทำหนังต้องรู้จักสไตล์ของตัวด้วย
ส่วนการทำหนังให้ประสบความสำเร็จนั้น คุณปื๊ด ในฐานะผู้ที่ทำหนังประสบความสำเร็จและไม่สำเร็จมาแล้วหลายเรื่อง เล่าว่า ในตอนนี้ก็ไม่สามารถบอกได้ว่า หนังที่ตัวเองกำลังทำอยู่นั้นจะประสบความสำเร็จหรือไม่ ซึ่งในวงการหนังไทย ผู้กำกับส่วนใหญ่มักจะรู้ดีว่ามีโอกาสได้และเสียพอๆ กัน แต่ทุกคนรู้ว่าต้องใช้ฝีมือทำหนังอย่างตั้งใจ เพื่อให้หนังของตัวเองออกมาดีที่สุด เพราะไม่มีใครรู้ว่าหนังของตัวเองจะโดนใจหรือถูกใจคนดูมากน้อยแค่ไหน และอีกอย่างหนึ่งที่จะช่วยให้หนังมีโอกาสประสบความสำเร็จ คือการเลือกใช้ดารานักแสดงนำ เพราะดารานักแสดงนำเหล่านี้มักจะมีกลุ่มแฟนคลับของตัวเอง และจะคอยติดตามผลงานของดาราที่ตัวเองชื่นชอบตลอดเวลา
นอกจากนี้ การทำหนังไทยยังมีข้อจำกัดอีกหลายเรื่อง ซึ่งคุณปื๊ดยอมรับว่า หนังไทยส่วนมากมักจะสู้หนังจากประเทศทางตะวันตกไม่ได้ เพราะเขาใช้งบประมาณในการสร้างที่สูงกว่าหนังไทยมาก สุดท้ายคนทำหนังต้องเตรียมใจไว้ด้วยเพราะไม่มีใครรู้ว่าหนังตัวเองจะเป็นอย่างไรในสายตาคนดู
สำหรับ ปื๊ด-ธนิตย์ จิตนุกูล มีผลงานกำกับหลายเรื่องในอดีตเช่น บางระจัน (2543), ขุนแผน (2545), ขุนศึก (2546), 102 ปิดกรุงเทพปล้น (2547), บางระจัน 2 (2553), แก๊งค์ตบผี (2555)