BlogGang.com : : amulet108 :

ท่องปากน้ำโพ ชมเมือง-พิพิธภัณฑ์

ท่องปากน้ำโพ ชมเมือง-พิพิธภัณฑ์

วิภาวี จุฬามณี

"ปากน้ำโพ" อีกชื่อเรียกหนึ่งของ จ.นครสวรรค์ สันนิษฐานว่าอาจเพี้ยนมาจากคำว่า "ปากน้ำโผล่" หรือ "ปากน้ำโพธิ์" ต้นแม่น้ำเจ้าพระยา

สมัยอยุธยา ปากน้ำโพมีฐานะเป็นเมืองประชุมพลของทหารฝ่ายไทยและพม่า เนื่องจากเป็นศูนย์กลางการคมนาคมทั้งทางบกและทางน้ำ

ครั้นถึงสมัยธนบุรีและรัตนโกสินทร์เป็นต้นมา ชาวต่างชาติเข้ามามีบทบาทมาก ยิ่งขึ้น ทั้งชาวจีนที่เข้ามาตั้งถิ่นฐาน และชาว ตะวันตกที่เข้ามาทำการค้า โดยเฉพาะการค้าไม้

ปัจจุบัน แม้การคมนาคมทางน้ำจะลดความสำคัญลง แต่ทั่วเมืองนครสวรรค์ ยังคงมีร่องรอยความเจริญของชุมชนริมน้ำให้ได้สัมผัส แถมภาคเอกชนในจังหวัดยังเห็นความสำคัญที่จะอนุรักษ์สิ่งเหล่านี้

ดังที่ "ห้างสรรพสินค้าแฟรี่แลนด์" จัดตั้ง "พิพิธภัณฑ์ย้อนอดีต เมืองปากน้ำโพ" ขึ้นที่ชั้น 5 ของห้าง เพื่อปลูกจิตสำนึกรักบ้านเกิดให้แก่คนรุ่นใหม่ รวมถึงเผยแพร่ความเป็นมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันของ จ.นครสวรรค์ สู่สายตานักท่องเที่ยว

นายสันติ คุณาวงศ์ กรรมการผู้จัดการห้างสรรพสินค้าแฟรี่แลนด์ พาเดินชมส่วนต่างๆ ภายในพิพิธภัณฑ์ เริ่มต้นจากนิทรรศการ เกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่เสด็จประพาส จ.นครสวรรค์ อยู่บ่อยครั้ง

สันติ คุณาวงศ์ - กุยช่ายไข่ทอด

โซนที่ 2 เป็นการจำลองร้านค้าเก่าแก่ อาทิ "ร้านเลี่ยงเอี๊ยะ" ร้านขายของชำที่ก่อตั้งโดยบิดาของ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง

"ภัตตาคารโกยี" ร้านอาหารจีนชื่อดังของจังหวัด "โรงแรมหมี่กัง" โรงแรมขวัญใจคนยากและพ่อค้าทุนน้อยในยุค พ.ศ.2480

นอกจากนี้ยังมี "บ้านมะระยงค์" หรือ ร้านโค้วเป็งหลีในอดีต เอเยนต์จำหน่ายน้ำมันตรามงกุฎ ของบริษัทเชลล์รายแรกของนครสวรรค์ และเป็นเจ้าแรกที่นำเข้าเป๊ปซี่ โคล่า เข้ามาจำหน่ายในจังหวัด

จุดที่บ้านมะระยงค์ตั้งอยู่นี้ เดิมทีเรียกว่า "ตลาดลาว" เนื่องจากเป็นบริเวณที่คนจากทางเหนือมาจำหน่ายสินค้า และคนนครสวรรค์เรียกคนภาคเหนือว่า "คนลาว"

โซนถัดไปเป็น "ป้ายเก่าเล่าเรื่องเมือง" ประกอบด้วยความเป็นมาของป้ายเก่า ที่ บ่งบอกถึงยุคสมัยได้ โดยสันติเล่าว่า ในอดีตมีคนจีนมาตั้งร้านค้าอยู่มาก หากป้ายชื่อร้านเป็นภาษาจีนอย่างเดียว จะเสียภาษีมาก จึงต้องมีภาษาไทยกำกับ และหากเป็นร้านค้าใหญ่ๆ อาจมีภาษาอังกฤษด้วย

โซนที่ 4 นิทรรศการเมืองปากน้ำโพ โดดเด่นด้วยเมืองจำลองที่ตั้งอยู่กลางห้อง พร้อมประวัติความ เป็นมาของจังหวัด รวมถึงประเพณีที่สำคัญ ได้แก่ การไหว้เจ้าพ่อเจ้าแม่เทพเทพารักษ์ และการแห่สิงโตในวันตรุษจีน

1.จุดที่แม่น้ำปิงกับน้ำน่านบรรจบกัน

2.พระจุฬามณีเจดีย์

3.คานเรือเหนือ

4.บ้าน 100 ปี นายควง อภัยวงศ์

5.พิพิธภัณฑ์ย้อนอดีต เมืองปากน้ำโพ

6.แพคุณหลวงอรรถไกวัลวที

ก่อนจะเชื่อมต่อไปยังโซนจำลองแผนที่การค้าในนครสวรรค์ และจำลองเส้นทางคมนาคม เช่น สถานีรถไฟบางน้ำโพ และสะพานเดชาติวงศ์ ต่อด้วยโซนเล่าเรื่องเมืองปากน้ำโพ โดยภาพถ่ายของนายมานพ สุวรรณศรี อดีตช่างภาพหนังสือพิมพ์

ชมพิพิธภัณฑ์แล้ว เจ้าถิ่นพาแวะหาอะไรรองท้อง พร้อมโวว่าเมืองปากน้ำโพนี้มีของกินอร่อยๆ มากมาย อาทิ "ลูกชิ้นปลากรายนายตี๋" ที่ทำเป็นลูกเล็กๆ พร้อม น้ำจิ้มรสเด็ด

รวมถึง "ทอดมันปลากราย" หรือที่คนแถวนี้เรียกว่า "ปลาเห็ด" แต่ที่ไม่เหมือนใครคือ "กุยช่ายไข่ทอด" สูตรกวางตุ้ง หารับประทานไม่ได้จากที่อื่น

อิ่มแล้วเดินทางต่อไปดูชุมชนเก่าแก่ริมน้ำใจกลางเมืองนครสวรรค์ เริ่มจากสักการะ "รูปหล่อสมเด็จพุฒาจารย์โต พรหมรังสี" ที่ วัดปากน้ำโพเหนือ (วัดทองธรรมชาติ) เป็น 1 ใน 3 ที่มีในประเทศ สร้างขึ้นสมัยที่สมเด็จ พุฒาจารย์โตยังมีชีวิตอยู่

ใกล้กันเป็น "คานเรือเหนือ" อู่ซ่อมเรือที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในปากน้ำโพ ปัจจุบันแม้เลิกกิจการแล้วก็ยังมีร่องรอยให้เห็น และ ผู้สืบทอดมีแนวคิดจะพัฒนาเป็นรีสอร์ตริมน้ำ พร้อมถ่ายทอดความรุ่งเรืองในอดีต

ถัดไปอีกหน่อย "แพคุณหลวงอรรถไกวัลวที" ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศไทย ทำจากไม้สักทั้งหลัง พื้นกระดานมีช่องเปิด-ปิดได้ ใช้สำหรับ เก็บของ

และ "บ้าน 100 ปี นายควง อภัยวงศ์" เป็นบ้านไม้ 2 ชั้นหลังใหญ่ ในอดีตเป็นที่หลบภัยของนายควง ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

แต่หากอยากเห็นวิว จ.นครสวรรค์ ทั้งเมือง แนะนำให้ขึ้นไป สักการะ "พระจุฬามณีเจดีย์" ที่วัดคีรีวงศ์ ต.ปากน้ำโพ สถานที่บรรจุพระเกศธาตุ และพระทาฐธาตุข้างขวาของพระพุทธเจ้า

เย็นย่ำแล้วมาชมพระอาทิตย์ตกที่ "หัวเกาะ" จุดที่แม่น้ำปิงและแม่น้ำน่านไหลมาบรรจบกันเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา ขณะนี้ทางเทศบาลนครสวรรค์ ร่วมกับภาคเอกชนและประชาชน รวมตัวกันตั้งเป็น "ชมรมรักษ์ต้นน้ำเจ้าพระยา" เตรียมพัฒนาพื้นที่บริเวณนี้ให้เป็นแลนด์มาร์กของจังหวัด คาดว่าจะแล้วเสร็จปี 2559

อำลาเมืองปาก น้ำโพ พร้อมแสงเรื่อเรืองของอาทิตย์อัสดง ที่สะท้อนผืนน้ำเป็นสีเดียวกันกับผืนฟ้า เหมือนความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของชาวนครสวรรค์ ที่ร่วมใจกันอนุรักษ์ความงดงามของบ้านเกิดเมืองนอนไว้ จนทำให้ผู้มาเยือนพลอยตกหลุมรัก เมืองเล็กแต่น่ารักแห่งนี้ด้วย