นักวิชาการจี้กระทรวงวัฒนธรรม หาทางออกน้ำขัง "เวียงกุมกาม" ก่อนพัฒนาเมืองท่องเที่ยว แนะทำประชาพิจารณ์สร้างองค์ความรู้ชัดเจน...
รศ.สมโชติ อ๋องสกุล อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า จากการที่ตนได้ร่วมประชุมการพัฒนาเวียงกุมกามเป็นพื้นที่วัฒนธรรมเพื่อการท่องเที่ยว ร่วมกับนายสนธยา คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ตนได้เสนอแนวคิดไปว่า บทบาทหน้าที่สำคัญของ วธ. ควรจัดองค์ความรู้ให้ชัดเจนเกี่ยวกับกำเนิดเวียงกุมกามและจุดจบเวียงกุมกาม เช่น ที่เวียงกุมกามจมใต้ดินเพราะแผ่นดินไหว ทั้งที่จริงเกิดจากน้ำท่วมใหญ่หรือเรียกว่าสึนามิน้ำจืด เนื่องจากพบหลักฐานสำคัญต่างๆ ที่ระบุชัดว่า ไม่ได้เกิดจากแผ่นดินไหว ดังนั้น จึงไม่อยากให้เน้นการพัฒนาเพื่อการท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว แต่ต้องเน้นให้ความรู้ทางประวัติศาสตร์ที่ถูกต้องด้วย เนื่องจากกระบวนการเรียนรู้คือหัวใจหลัก การท่องเที่ยวคือผลพลอยได้
รศ.สมโชติ กล่าวต่อไปว่า ที่สำคัญควรมีการจัดรูปแบบเป็นอุทยานเวียงกุมกาม ต้องเปิดให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาเมืองและต้องมีการทำประชาพิจารณ์ เนื่องจากที่ผ่านมาหน่วยงานภาครัฐได้จัดทำงบประมาณโครงการเรียบร้อยแล้ว แต่ชาวบ้านกลับไม่รู้เรื่อง มาเจออีกทีมีการจัดกิจกรรมไปแล้ว ในขณะเดียวกันยังพบว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังขาดองค์ความรู้ในการปกป้องดูแลเวียงกุมกาม ส่งผลให้แม่น้ำปิงทำลายเวียงกุมกาม ซึ่งมีวัดโบราณหลายแห่งจมหายลงไปในแม่น้ำ บางแห่งก็ปล่อยให้น้ำท่วมขังเกิน 1 เดือนทำให้โบราณสถานเปื่อยยุ่ย ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องมีความรู้ในการป้องกัน รวมไปถึงการแก้ปัญหาน้ำท่วมอย่างถูกต้องก่อน การพัฒนาเวียงกุมกามจึงจะเกิดประสิทธิภาพ
ด้านนายไกรสิน อุ่นใจจินต์ นักโบราณคดี สำนักศิลปากรที่ 8 เชียงใหม่ กล่าวว่า แต่เดิมเวียงกุมกามเป็นหมู่บ้านชนบททั่วไป ตอนแรกพบพระพิมพ์ ชาวบ้านแจ้งไปยังกรมศิลปากร จึงได้ขุดค้นเมื่อปี 2528 จนถึงปัจจุบันพบโบราณสถานมากกว่า 40 แห่ง และส่วนหนึ่งยังอยู่ใต้บ้านเรือนประชาชน สำหรับในช่วงระยะ 3 เดือนที่วธ.จะมีการจัดกิจกรรม 56 กิจกรรม เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว ตนเห็นว่าควรมีการจัดกิจกรรมด้านองค์ความรู้เพิ่มขึ้น อาทิ ประวัติความเป็นมาเวียงกุมกาม บริเวณเรือที่ค้าขายสมัยพญามังรายควรทำเป็นตลาดน้ำ การให้ความรู้เกี่ยวกับการสร้างสะพานกุมกาม การนำพระพุทธศาสนานำมาปรับใช้บริหารบ้านเมือง มีการจำลองงานช่างต่างๆ การให้ความรู้การสร้างวัดเวียงกุมกาม เป็นต้น ที่สำคัญตนเห็นด้วยที่จะมีการชำระประวัติศาสตร์เวียงกุมกามและควรขุดค้นแหล่งโบราณสถานเพิ่มเติม เชื่อว่าจะทำให้เวียงกุมกามเป็นที่รู้จักของชาวไทยและต่างประเทศมากขึ้น