[UK-Series] Skins : หนีไปดูซีรีย์สัญชาติอังกฤษบ้างดีกว่า

ข้ามฝั่งมาดูซีรีย์ฝั่งยุโรปกันบ้าง ต้องขอบคุณพี่จังไมที่ให้เรายืมแผ่นมาดู
เรื่องนี้ไม่เหมือนใครจริงๆ ดูแล้วจะค่อยๆชอบเรื่องนี้ไปโดยไม่รู้ตัว


มารู้จักตัวละครกัน


- Tony Stonem (Nicholas Hoult)
หนุ่มรูปหล่อสุดเพอร์เฟค ไม่ว่าจะทำอะไรก็ดีไปหมดแถมยังเจ้าชู้อีกต่างหาก



- Sid Jenkins (Mike Bailey)
หนุ่มซื่อๆเซ่อๆที่ดูธรรมดามากจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเพื่อนซี้ของหนุ่มฮอตอย่างโทนี่



- Chris Miles (Joseph Dempsie)
หนุ่มผู้ชอบปลาและชอบกินยาทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นยาอะไรก็ตาม แม้กระทั่งยาเสพติด



- Maxxie Oliver(Mitch Hewer)
หนุ่มน้อยน่ารักที่รักการเต้นเป็นชีวิตจิตใจ แต่น่าเสียดายที่เขาเป็นเกย์



- Anwar Kharral (Dev Patel)
หนุ่มมุสลิมที่พึงปรารถนาจะมีเซ็กส์กับสาวๆอยู่เสมอ เป็นเพื่อนซี้กับหนุ่มน่ารักอย่างแม็กซี่



- Michelle Richardson (April Pearson)
สาวสวยสุดฮอตหวานใจหนุ่มโทนี่ เป็นสาวที่ซิดแอบหลงรักมานาน และเธอก็รู้ดีมาตลอด



- Jal Fazer (Larissa Wilson)
สาวผิวเข้มที่รักการเป่าคลาริเนต ไม่ชอบเที่ยว ไม่เล่นยาเหมือนเพื่อนคนอื่นๆในกลุ่ม



- Cassie Ainsworth (Hannah Murray)
สาวผมทองแสนประหลาดที่มีอาการทางจิตนิดหน่อย หลงรักในความน่ารัก(?)ของซิด



เรื่อง Skins เป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร ?
ดูๆแล้วเรื่องนี้เหมือนจะเป็นซีรีย์วัยรุ่นฝรั่งทั่วๆไป
เที่ยว เล่น ยา เซ็กส์ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ค่อนข้างแรง
แต่ในความรู้สึกเราแล้ว Skins เป็นซีรีย์ที่ดราม่ามาก
แตกต่างกับซีรีย์วัยรุ่นของฝั่งอเมริกาหรือชาติอื่นมากๆ




อะไรที่ทำให้เรารู้สึกว่า Skins นั้นแตกต่าง ?
ถ้าพูดถึงซีรีย์ที่เกี่ยวกับวัยรุ่นมักจะแสดงถึงความรัก แฟชั่น
หรืออะไรที่ทำให้เราคิดไปถึงความสนุก สดใส ตื่นเต้น
แต่ Skins ได้ถ่ายทอดชีวิตของวัยรุ่นแต่ละคนโดยนำเสนอเป็นตอนของคนนั้น
เป็นชื่อตอน Tony, Sid, Chris และตัวละครอื่นๆ
โดยในตอนนั้นมีตัวละครเจ้าของชื่อตอนเป็นแกนหลักของเรื่อง


ซีรีย์เรื่องนี้ได้ถ่ายทอดปัญหาชีวิตวัยรุ่นของแต่ละคน
พ่อแม่ปล่อยให้ได้ใช้ชีวิตอิสระตามใจชอบ อยากจะทำอะไรก็ทำไป
แต่เมื่อตัวเองต้องเจอกับอุปสรรคในชีวิตหรือเจอปัญหาต่างๆ
พ่อแม่ก็จะไม่ได้เป็นคนเข้ามาช่วยแก้ปัญหาให้ แต่ปล่อยให้ตัวเด็กได้เผชิญหน้า
แก้ปัญหาด้วยตัวเอง แม้วิธีการแก้ปัญหานั้นอาจจะไม่ใช่วิธีที่ถูกที่ควร
แต่ปล่อยให้ได้เรียนรู้ ได้ใช้ชีวิตด้วยตัวเอง เมื่อก้าวข้ามผ่านปัญหานั้นมาได้
เด็กก็จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นได้โดยประสบการณ์ของตัวเอง





อ่า....ฟังดูเครียดไปไหมนะ? แต่ดูเรื่องนี้แล้วได้ครบทุกรสทุกอารมณ์จริงๆ
ดูแล้วทำให้เราพาลนึกไปถึงตอนเรียนม.ปลาย
ชีวิตที่มีทั้งความสนุก สุข ทุกข์ เศร้า หลากหลายอารมณ์
หากใครไม่อยากพลาดซีรีย์ดีๆที่ให้ทั้งความสนุกและแง่คิดก็ลองหามาดูละกันนะ ^^



แถมเพลงที่ซิดนีร้องตอนจบซีซัน 1 หน่อย ชอบเพลงนี้มากๆ ^^


Wild World
เดิมเป็นเพลงของวง Cat Stevens แต่นี่เป็นเวอร์ชั่นที่ซิดร้อง


Lalalalalala...

Now that I've lost everything to you
You say you wanna start something new
And it's breakin' my heart you're leavin'
Baby, I'm grievin'
But if you wanna leave, take good care
Hope you have a lot of nice things to wear
But then a lot of nice things turn bad out there

CHORUS:
Oh, baby, baby, it's a wild world
It's hard to get by just upon a smile
Oh, baby, baby, it's a wild world
and I'll always remember you like a child, girl

You know I've seen a lot of what the world can do
And it's breakin' my heart in two
Because I never wanna see you sad, girl
Don't be a bad girl
But if you wanna leave, take good care
Hope you make a lot of nice friends out there
But just remember there's a lot of bad and beware

CHORUS

Lalalalala....

Baby, I love you
But if you wanna leave, take good care
Hope you make a lot of nice friends out there
But just remember there's a lot of bad and beware

CHORUS (x2)

Create Date : 28 กรกฎาคม 2552 Last Update : 17 สิงหาคม 2554 9:08:11 น. Counter : 35055 Pageviews.		24 comments
Share Tweet