Group Blog
 
<<
กันยายน 2549
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
19 กันยายน 2549
 
All Blogs
 
บันทึกเรื่องราวระหว่างกลับไทย 25Aug~8Sep 2006

25 Aug 2006
ถึงเมืองไทยอันเป็นที่รักเวลาประมาณสี่ทุ่ม พร้อมโทรศัพท์มือถือใหม่ที่สามีหลอกให้ซื้อเพื่อมาใช้ในไทยโดยเฉพาะ พอลงเครื่องปุ๊บเปิดมือถือปั๊บ สาละมีโทรมาเช็คการทำงานของโทรศัพท์เครื่องใหม่ทันที
ป๋ากับพี่สาวแสนดีมารอรับ ป๋าผอมลงไปมากจนน่าใจหาย ส่วนพี่สาวก็ยังอวบสมบูรณ์เช่นเดียวกับเราเหมือนเดิม แต่ดูเหมือนจะผอมลงกว่าคราวที่แล้วนิ๊ดนึง
พี่ให้โทรไปรายงานตัวกับแม่ น้องสาว น้องชาย แล้วก็ตรงกลับบ้านทันที


28 Aug 2006
ไปยื่นเรื่องขอหนังสือรับรองเรื่องการแต่งงานที่สถานทูตญี่ปุ่น ดันไปพอดีเวลาเที่ยง พักกลางวันพอดี ต้องรอจนถึงเวลาบ่ายครึ่ง เลยไปเตร็ดเตร่แถวห้องสมุดเสริมมิตร อืม ไม่มีอะไรเปลี่ยนเลย คนคุมห้องสมุดก็ยังเป็นพี่สาวใจดีคนเดิม
นั่งรถไฟใต้ดินจากจตุจักรไปลงสุขุมวิท เร็วมาก ประมาณ 20 นาทีได้มั้ง สะดวกขึ้นจริงๆ ไปกลับเฉพาะค่ารถไฟก็ประมาณ 70 บาท ถ้านั่งแท็กซี่คงบานกว่านี้ หรือถ้านั่งรถเมล์ก็คงไม่ต่างกันมาก ราคาค่ารถเมล์เดี๋ยวนี้ก็แพงพอๆ กับค่ารถแอร์เลย

ตกเย็น ไปกินข้าวกับเฮี้ยง ที่ร้านครก(หรือเปล่าฟะ ไม่แน่ใจ)แถวสยาม อาหารไทยแซ่บอีหลี ไว้จะไปกินอีก


29 Aug 2006
ไปรับเอกสารจากสถานทูตญี่ปุ่น ค่าเอกสาร 440 บาท พอได้ก็รีบกลับบ้านไปแปลเอกสาร ที่ได้มาเพื่อเอาไปรับรองคำแปลที่กระทรวงต่างประเทศ หลักสี่ ให้พี่สาวปริ้นจากที่ทำงานมาให้ เพราะที่บ้านไม่มีเครื่องปริ้น อิ อิ

30 Aug 2006
นั่งแท็กซี่ไปกต. ถึงประมาณเที่ยงกว่าๆ ก็ยังทำงานอยู่ เออ เดี๋ยวนี้ดีเนอะ ไม่มีการปิดพักเที่ยง จ่ายค่ารับรองเอกสาร 2 ฉบับ ฉบับภาษาอังกฤษที่สถานทูตญี่ปุ่นออกให้กับฉบับที่เราแปลเองเป็นภาษาไทย ฉบับละ 200 บาท รวมเป็น 400 บาท บวกค่าขอรับเลย(แบบด่วน) อีก สี่ร้อยบาท เพราะไม่อยากถ่อสังขารมาอีกที รวมทั้งหมดจ่ายไป 800 บาท ตอนฟังราคาทีแรกก็ไม่อยากจ่ายเหมือนกัน แต่คิดไปคิดมาแลกกับการต้องเสียเวลาออกมาที่เดิมอีก ก็น่าจะโอเค จะได้เอาเวลาไปทำอย่างอื่น


31 Aug 2006
ไปเดินพาหุรัด สำเพ็งกับแม่ แม่ก็แสนดีเจ็บขาอยู่แต่ก็ไปเป็นเพื่อน เราซะอีกเป็นลูกที่ไม่น่ารักเลย ชอบทำหน้าบูดเบี้ยวใส่แม่ ขอโทษค่ะ

2 Sep 2006
เข้างานเจเอ็ดดูเคชั่นกับงานท่องเที่ยว ที่สิริกิตต์ ขาไปนั่งแท็กซี่ แต่แท็กซี่มันดันพาไปทางที่ไม่รู้จักเลยขอลงกลางทาง โทรไปร้องไห้กับพี่สาวน้องสาวว่าไม่รู้อยู่ที่ไหน ฮือ ๆๆ ที่บ้านแตกตื่นกันใหญ่เลย เรานี่แย่จริงๆ ทำชาวบ้านเดือดร้อนอยู่เรื่อย จนน้องสาวต้องออกมาเดินงานท่องเที่ยวเป็นเพื่อน ได้ซื้อคูปองเช่ารถ AVIS มา 11 ใบ ใบละ 1,000 บาท (รถGroup B, K)
ขากลับแวะไปนวดกันสามคนพี่น้องที่ร้านลีลาวดี แถววัดเสมียนนารี


3 Sep 2006
ออกไปช้อปของที่สวนจตุจักรกับพี่สาว ซื้อกันมันส์ไปเลย เสียไป 600 กว่าบาทเองได้ของมาตั้งหลายชิ้น

5 Sep 2006
นั่งBTS ไปเดินเซ็นทรัลชิดลม แล้วเดินต่อมาเรื่อยๆ ที่ เซ็นทรัลเวิร์ล ZEN ปิดปรับปรุง เลยไปเดินซื้อหนังสือที่คิโนคุนิยะได้มาหลายเล่มเชียว...ไม่รู้จะได้ใช้เปล่า แล้วก็เดินไปเรื่อยๆ จนถึงสยามพารากอน สะพานลอยที่ทำให้เดินใต้BTS เนี่ย ดีจริงๆ เดินชมวิวไปได้เรื่อยๆ ไม่ร้อนด้วย

ตอนเดินผ่านพระพรหม เห็นคนบางตามาก ไม่แน่ใจว่าเพราะเป็นองค์ใหม่หรือเพราะช่วงเวลาที่เราไปไม่ค่อยมีคนก็ไม่รู้ แต่คนน้อยกว่าที่เคยเห็นจริงๆ

ไปกลับBTS รวดเร็วปลอดภัย สบายกว่าเดิมจริงๆ เมื่อไรจะมาถึงแถวบ้านซะทีนะ จะได้ไม่ต้องต่อรถตู้อีก
พอกลับมาดูทีวี มีข่าวจี้คนในสถานีรถไฟใต้ดิน โอ้โห...น่ากลัวเจงๆๆ

6 Sep 2006
ไปกินข้าวกับน้องแอ้นท์ แนน สุ สน ที่เคยเจอกันตอนมาดูงานเรื่องสวัสดิการคนพิการที่ญี่ปุ่น ร้านรังต่อแถวพระรามห้า อาหารอร่อยดี แต่ตอนเก็บเงิน มาเก็บผิดตั้ง 3,500 บาทแน่ะ กินไปแค่ 1,200 บาทเองแท้ๆ ดีนะที่ยัยหนูแอ้นท์ช่วยดูบิลอย่างละเอียด เป็นอุทาหรณ์เลยว่าต้องตรวจบิลทุกครั้งจริงๆ ร้านเขาอาจไม่ได้ตั้งใจโกงแต่เด็กมันอาจหยิบบิลผิดมาให้เรา มื้อนี้น้องๆเลี้ยง ไม่ต้องจ่ายแถมมาส่งให้แถวที่ทำงานพี่สาวอีก เฮ่อ คนไทยนี่ใจดีจริงๆ ไม่ได้เจอแบบนี้มานานแล้ว


7 Sep 2006
อีตาสามีเดินทางมาถึงเมืองไทย เลยต้องออกไปรับ เครื่องมาเร็วกว่ากำหนด 30 นาที ไปเช่ารถAVIS ตามที่ซื้อคูปองมา ดันไม่เติมน้ำมันมาให้เต็ม เดี๋ยวมีปัญหาตอนคืนรถอีกแน่...
พาเฮียไปเช็คอินโรงแรม แล้วไปรับพี่สาวกลับบ้านด้วยกัน มื้อแรกของเฮียเป็นก๋วยเตี๋ยวที่บ้านเราทำเอง เพราะพี่สาวอยากกิน.... อร่อยดี เบิ้ลกันคนละสองชาม....


8 Sep 2006
ไปเปลี่ยนสถานะจากนางสาว เป็น นาง ที่อำเภอ น้องสาวกับแม่ก็ไปด้วย เพราะจะไปทำบัตรประชาชนใหม่แบบ IC เห็นแม่บอกว่า เขาประกาศว่าถ้าไม่รีบไปทำจะถูกปรับเงิน แต่พอไปทำอำเภอบอกว่าบัตร IC หมด ให้มาทำหลังปีใหม่ อ้าว...แล้วกัน น้องเราอุตส่าห์หยุดงานมาทำนะเนี่ย คนที่อำเภอยังบอกเลยว่า "ไอ้ที่รัฐประกาศว่าจะปรับอะไรนั่นนะ ไม่จริงหรอก จะปรับไปทำไมกัน แล้วอีตอนบัตรหมดก็ไม่ประกาศว่ายังไม่ต้องออกมาทำกัน แล้วพวกผมก็ต้องมาคอยตอบคำถามของประชาชนแทนอยู่เรื่อยๆ" แล้วไอ้อำเภอบางบัวทองเนี่ยมันก็อยู่ไกลมากๆๆๆๆ เลย เห็นว่าเป็นที่ดินที่ประชาชนบริจาคให้ ดีนะเนี่ยที่ไปด้วยกัน ไม่งั้นแม่กะน้องเราเสียค่าแท็กซี่ฟรีเลยนะเนี่ย เห็นว่าคนสั่งซื้อบัตรเนี่ยเป็นกระทรวงอื่นไม่ใช่มหาดไทย เขายังทะเลาะกันไม่เสร็จเรื่องบัตรประชาชนนี่แหละ จนท.เขาบอกว่าที่พวกเรามาวันศุกร์เนี่ยดีแล้วแหละ วันจันทร์ อังคาร พุธ เนี่ยคนเยอะมาก....ก็ให้ไว้เป็นข้อมูลละกัน

ส่วนเรื่องของเรา ไอ้เปลี่ยนสถานะเนี่ยไม่มีปัญหา แต่พอบอกจะใช้นามสกุลเดิม จนท.บอกว่าทำไม่ได้ ต้องมีเอกสารรับรองจากสถานทูตไทยที่ญี่ปุ่นว่ายินยอมให้ใช้นามสกุลเดิม โบ้ยให้ไปดูจดหมายคำสั่งจากกระทรวงมหาดไทยที่สอดไว้ใต้กระจกบนโต๊ะที่อยู่ถัดออกไปอย่างเฉยชา เราก็บอกว่าทำไมต้องมีเอกสารรับรองจากสถานทูตด้วยล่ะ ก็เจ้าตัว ทั้งเราและสามี มาอยู่ที่นี่ด้วยกันแล้วไง เซ็นรับรองกันตรงนี้ไม่ได้หรืออย่างไร อายุก็สามสิบกว่ากันแล้วทั้งคู่ไม่ใช้ผู้เยาว์สักหน่อยที่ต้องได้รับการยินยอมจากบุคคลที่สาม ถ้าต้องการเอกสารยินยอม ที่อำเภอก็น่าจะมีไว้พร้อมมากกว่าที่สถานทูตอีกนะ เพราะสถานทูตไทยต่างแดนเนี่ยคงไม่มีความพร้อมเทียบเท่าอำเภอในเมืองไทยได้หรอก

แต่ยัยตุ้ยนุ้ยก็ไม่ยอมอยู่ดี เราก็เลยไม่รู้จะเถียงไปทำไมให้เสียอารมณ์ จะว่าไปแล้วเราก็ไม่แน่ใจด้วยอีกแหละว่า ต้องใช้จริงหรือเปล่า ก็จนท.มันยืนยันแข็งขันขนาดนั้น อาจต้องใช้จริงก็ได้ ก็เลยเชื่ออย่างเคลือบแคลง และเปลี่ยนเอกสารทุกอย่างตามที่จนท.เขาให้ทำ ในทะเบียนบ้านกับบัตรประชาชนใบใหม่ของเราเลยกลายเป็นนามสกุลสามีเลย

เอาให้เฮียดู เฮียเราพออ่านภาษาไทยได้(แต่ไม่รู้ความหมาย) พอเห็นเป็นนามสกุลตัวเองก็ขำใหญ่เลย แถมบอก dasai(เชย) อีกตะหาก อ้าว...พี่ นามสกุลพี่นะ เป็นอันว่าเราได้บัตรปชช.ใหม่เป็นนามสกุลสามีโดยไม่ได้ตั้งใจ

เดี๋ยวนี้ทำบัตรปชช.ก็รวดเร็วดีนะ แป๊บเดียวเสร็จ แถมไม่ต้องบริจาคเงินให้จนท.โดยไม่เต็มใจอีกต่างหาก (เคยไปทำเรื่องขอใบรับรองความเป็นโสดที่อ.บางบัวทองนี่แหละ จนท.ยื่นกล่องมาแล้วบอกว่า “ค่าคำร้องแล้วแต่น้องจะให้” อึ้งกิมกี่ไปเลย......เลยทำบุญคนเป็นไปยี่สิบบาท เห็นในกล่องมีแบ็งค์ร้อยด้วยไม่รู้ว่าจนท.ใส่กับลงไปเองเป็นตัวอย่างให้เราใส่ตามหรือเปล่าไม่รู้นะ)

หลังจากนั้นก็ไปส่งแม่ที่ท่าช้าง เพราะแม่จะไปไหว้พระที่วัดระฆัง

เรากะน้องสาวและเฮียก็ไปมาบุญครองกันต่อ กว่าจะถึงหลงไปโน่นพระรามเก้า เสียเวลาจริงๆ ไปกินอาหารจีนกันที่มาบุญครองร้านประจำ

ระหว่างนั้น เฮียบอกให้ลองโทรถามคนที่สถานทูตไทยในญี่ปุ่นดูว่าจริงอย่างที่อำเภอเขาบอกหรือเปล่า ปรากฎได้ความว่าไม่จำเป็น ให้กลับไปที่อำเภอใหม่แล้วขอคุยกลับปลัดอำเภอเลยก็ได้ เอกสารยินยอมที่ต้องมีตราประทับและลายเซ็นต์ของจนท.สถานทูตนั้น เป็นในกรณีเจ้าตัวฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่สามารถมาดำเนินเรื่องด้วยตัวเองได้ เลยต้องรีบกลับไปที่อ.บางบัวทองอีกที โห เสียรมณ์แถมเสียเวลาจริงๆ คนเขาอุตส่าห์นานๆกลับมาที เวลาก็มีน้อย ยังต้องวิ่งไปวิ่งมาอีก อำเภอปิด 4 โมง นี่ก็ปาไปสองโมงกว่าแล้ว จะกลับไปทันไหมเนี่ย เลยกินอาหารไม่ร่อยเลย รีบๆกิน รีบๆไป มื้อนี้น้องสาวขอเลี้ยงพันกว่าบาท แต่เฮียไม่ยอมให้น้องออกทั้งหมด เลยแบ่งๆ กันจ่าย

ดีนะที่น้องสาวมาด้วย บอกทางให้ขึ้นพระรามแปดไปเลย เร็วดี โชคดีไปถึงประมาณ 3 โมงกว่า ไปคุยกับจนท.พี่ตุ้ยนุ้ยคนเดิมซึ่งก็ยืนยันว่าไม่ได้เหมือนเดิม เลยขอคุยกับปลัดว่าได้สอบถามไปยังสถานทูตไทยที่ญี่ปุ่นแล้วว่า บลาๆๆๆๆ ปลัดก็เอาจดหมายของกระทรวงมหาดไทยเรื่องการขอใช้นามสกุลเดิมหลังแต่งงานที่เราขอก็อปปี้ไปด้วยเมื่อเช้าไปดู แล้วก็บอกว่า น่าจะได้ ให้ทำให้เขาไป แต่พี่ตุ้ยนุ้ยไม่ยอม เถียงปลัดอีกตะหาก แน๊....ใครว่าราชการเชื่อฟังผู้บังคับบัญชา แถมไปเอาตัวอย่างหนังสือยินยอมของชายหนุ่มไทยคนนึงที่แต่งงานกับสาวญี่ปุ่นออกมาดู แล้วบอกว่า นี่ไงคนนี้เขามีเอกสารอย่างนี้ แต่คุณไม่มีเราทำให้ไม่ได้ ถามว่าสถานทูตไทยที่ญี่ปุ่นปิดกี่โมง (คงไม่เชื่อว่าเราคุยกับสถานทูตแล้วจริง) เราก็บอกว่าโทรไปได้เลย แต่เจ๊แกก็ไม่โทร หันไปโทรไปไหนไม่รู้ ที่แกอ้างว่าโทรถามกระทรวง ซึ่งก็ได้ความว่าสามารถทำได้ แต่ให้ใส่เป็นบันทึกครั้งที่สองไป ปลัดอำเภอก็แสนดี โทรไปเช็คกับนายอำเภอและคนอื่นๆแล้วได้ความว่าสามารถทำได้เลยไม่ต้องมีเอกสารจากสถานทูต พี่ตุ้ยนุ้ยได้ยินดังนั้นก็ยังบอกอีกว่า “แต่คนที่โทรไปคุยด้วยเขายังทำเสียงเหมือนไม่แน่ใจเลยนะว่าจะทำได้เหรอ” “เออ...ฉานไม่รู้หรอกว่าคุณคุยไรกัน แต่ปลัดอำเภอบอกว่าทำได้แค่นี้ก็โอแล้วล่ะ”(ฉันคิด) ฉันยิ้มที่มุมปาก ประมาณว่ามรึงไม่ต้องพูดมาก รีบทำๆซะ ฉานเสียเวลาเพราะหล่อนมามากพอแล้ว

แล้วเราก็ต้องเปลี่ยนนามสกุลในทะเบียนบ้านกับทำบัตรประชาชนใหม่อีก เป็นอันว่าวันนึงทำบัตรปชช.สองใบ จนท.อารมณ์ดีที่ทำบัตรปชช.ยังแซวอีกว่า “ผมว่าจะประหยัดงบบัตรฯซะหน่อย”

โดยทั้งหมดที่ทำใหม่เนี่ย เราต้องเสียค่าธรรมเนียมเหมือนเมื่อเช้าอีกรอบ โดยที่อำเภอไม่คิดจะรับผิดชอบอะไรให้เลย แต่ก็เอาเถอะ พ่อคุณแม่คุณเขาทำให้ก็บุญแล้ว (ความคิดซีกที่ยังคงความเป็นไทยของฉันคิด) ทั้งๆ ที่ตามความเป็นจริงแล้วไม่ใช่เรื่องที่ฉันจะต้องมานั่งเสียเงินและเวลากับเรื่องแบบนี้ถ้าจนท.รัฐปฏิบัติงานกันอย่างจริงจัง และถ่ายทอดคำสั่งไปสู่ผู้ปฏิบัติได้ถูกต้องชัดเจนกว่านี้

ทะเบียนบ้านหน้าของดิฉันเลยแปดเปื้อนสกปรกที่สุดเพราะมีการขีดฆ่าเปลี่ยนนามสกุลหลายครั้ง ราวกับคนที่แต่งแล้วหย่าไงงั้นเลยอ่ะ

ตอนแรกแพลนกันไว้ว่าหลังจากทำบัตรปชช.ตอนเช้าเสร็จ(แบบไม่มีปัญหา) เราจะไปหนังสือเดินทางด้วย ธุระเรื่องเอกสารก็จะหมดไป จะได้เที่ยวกันได้อย่างสบายใจ เพราะพี่ตุ้ยนุ้ยแท้ๆ ทำแผนของเราเสียหายหมด....แถมพอทำเรื่องของเราเสร็จแกก็เดินกลับบ้านเลย กลับคนแรกและคนเดียวด้วยนะ คนอื่นยังไม่เห็นมีท่าทีว่าจะกลับเลย สี่โมงเองนะ ข้าราชการเลิกสี่โมงเหรอ ดีจัง เวลาทำงานน้อยดี

หลังจากนั้น ก็กลับไปที่สยามอีกรอบ เราไปทำสปาหู เฮียไปนวด น้องสาวไปเดินช้อบ



Create Date : 19 กันยายน 2549
Last Update : 19 กันยายน 2549 15:08:58 น. 6 comments
Counter : 598 Pageviews.

 
มาจตุจักรด้วยเหรอ ใกล้เรามากเลยนะ อิอิ

หมีที่เห็นมันเป็น การก็อปปี้คอลเลคชั่น BearBrik ของ MEDICOM ของญี่ปุ่นอ่ะครับ พอก็อปออกมาก็มีหลากหลายแบบเยอะแยะไปหมด ที่สำคัญราคาก็ไม่แพงเท่าของ เมดิคอม เลยค่อนข้างเป็นที่นิยมอ่ะครับ

น่าเสียดายเนอะ กลับไปซะละ


โดย: Qooma วันที่: 19 กันยายน 2549 เวลา:16:48:12 น.  

 
หลุดจากการเป็น"นางสาวไทย"แล้วดิ
ดีใจด้วย...

ตอนจดทะเบียน..ก็เคยต่อร้องต่อเถียงกับคนที่อำเภอเหมือนกัน
เรื่องเอกสาร..มีติดที่กระจกโต๊ะเหมือนกันเลย
แต่เราเถียง..เอ๊ย..โต้จนชนะ..
สรุปว่า..จดทะเบียน..ใช้เวลาตั้งแต่สิบเอ็ดโมงถึงห้าโมงเย็น
ไม่ได้กินข้าวกลางวันเลย
............นึกถึงแล้วก็ฉุนไม่หาย

ได้กลับตั้งสองอาทิตย์..อิจฉาอิจฉา
ขอบคุณสำหรับของฝากนะ...แท๊งค์..แท๊งค์


โดย: iamname วันที่: 19 กันยายน 2549 เวลา:19:03:31 น.  

 
Qooma → เหรอ อยู่แถวจตุจักรเหรอ อาจเดินสวนกันก็ได้นะ เราเดินอยู่ตั้งครึ่งค่อนวัน อยู่แถบขายของเล่นเปล่า เดินไปแถวนั้นเหมือนกันนา

iamname → เรามันเด็กหัวอ่อน ใครว่าไงว่าตามกัน ว่าแต่ใช้เวลานานขนาดนั้น ไปทำอะไรกันแน่ นั่งจ้องหน้าเขม่นตากันเหรอ ไปอำเภอทีไรมีปัญหาทุกที

เรากลับไปตั้งสามอาทิตย์นะจ้ะ มิใช่สอง เหอ เหอ

ทำไมรูปฟูจิซังในกล่องคอมเม้นท์มันหายไปอ่ะ


โดย: peeko วันที่: 19 กันยายน 2549 เวลา:21:26:59 น.  

 
อ่านแล้วคิดถึงบ้านค่ะ แต่ตอนนี้เป็นห่วง กทม ปฏิรูปการเมือง


โดย: ying (takom ) วันที่: 20 กันยายน 2549 เวลา:3:01:36 น.  

 
คิดถึงเมืองไทยจัง
ไม่รู้ว่าป็นไงบ้างตอนนี้


โดย: namfonJC (namfonJC ) วันที่: 20 กันยายน 2549 เวลา:11:15:04 น.  

 
ได้รับของแล้วจ้า...ขอบคุณหลายๆ
กินขนมหมดแบบไม่ทันกระพริบตาเลย


โดย: iamname วันที่: 20 กันยายน 2549 เวลา:19:11:55 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

peeko
Location :
กรุงเทพ Japan

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add peeko's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.