ง่ะ จริงๆ เรื่องที่อยากจะพูดไม่ใช่เรื่องของเจ้าป๊อบกะเจ้าตู่ แมวสุดรักสองตัวที่มานอนหลับตาพริ้มยั่วยวนชวนให้แม่มาหยาแกล้งอยู่บนสายเมาส์ที่ข้างๆ จอคอมฯ ตามรูปนี้หรอกนะคะ
แต่เอารูปนี้มาอวดก่อน เพื่อจะบอกว่า น้องแมวของยัยมาหยาเริ่มอวบระยะกลางๆ แล้วนะคะ อีกไม่นานคงจะอวบระยะสุดท้าย ก่อนจะอัพเกรดเป็นอ้วนระยะแรกในที่สุด
น่ารักไหมคะแมวของยัยมาหยาอ้ะ
ที่จะพูดก็คือ อันที่จริงเมื่อคืนนี้ใครๆ ก็คงจะนอนหลับพักผ่อนกันอย่างแสนสบายเนอะ (ดูจากัวร์ในสวนสัตว์เชียงใหม่ตัวนี้สิคะ ยังนอนหลับแบบหมดสภาพจนถึงตอนเย็นๆ ของวันอาสาฬหบูชาเลยนะ) แต่มาหยาดันนอนไม่หลับ เพราะมัวแต่คิดถึงเรื่องโน้นเรื่องนี้อยู่คนเดียว
อ๊ะ ไม่ได้คิดคนเดียวสิ คิดไปแกล้งแมวสองหน่วยในรูปแรกไปด้วยตะหาก อิอิ
ไม่อยากดูข่าว ไม่อยากดูทีวี ไม่อยากทำอะไรน่าเบื่อๆ ก็เลยหยิบวีซีดีมาเปิดที่เครื่องเล่นดีวีดี (เอ๊ะยังไงกันนะ)
วีซีดีที่หยิบมา เป็นหนังสองเรื่องที่อยากให้เพื่อนๆ ดูมากๆ เพราะในความคิดของมาหยาเอง คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องดีที่สุดสองเรื่องที่เคยทำมาในวงการมายาฮอลลีวู้ด
เรื่องแรกคือ The Shawshank Redemption หนังสุดรักสุดโปรดเรื่องเดียวในดวงใจ ที่มีพระเอกแสนจะน่ารักอย่างพ่อหนุ่ม Tim Robbins เป็นพระเอก อิอิ กับมีลุงมอร์แกน ฟรีแมน เป็นพระรองด้วย เรื่องนี้ยิ่งถูกใจ
สาระสำคัญอยู่ที่เนื้อเรื่องมากกว่า ไม่น่าเชื่อนะคะ หนังที่บรรยายเรื่องอืดๆ (นิดเดียว) บรรยากาศเรื่องเรื่อยๆ ไม่มีนางเอก แถมมีแต่ฉากในคุก จะทำให้เราดูแล้วเกิดความหวัง กำลังใจ และมองเห็นตัวตนของเราเอง กับการดำเนินชีวิตตามผลของการกระทำที่ผ่านมาได้อย่างชัดเจนขนาดนี้
จริงๆ ดูแล้วแอบๆ คิดถึงโคลงโลกนิติ บทหนึ่งที่เคยเรียนสมัย ม. ต้น
@ ถึงจนทนกัดก้อน................กินเกลือ
อย่าเที่ยวแล่เนื้อเถือ...............พวกพ้อง
อดอยากเยี่ยงอย่างเสือ.........สงวนศักดิ์
โซก็เสาะใส่ท้อง....................จับเนื้อกินเองฯ
จริงๆ โคลงบทนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องที่ดูและอารมณ์เมื่อคืนเล้ย อิอิ แต่ชอบประโยค อดอยากเยี่ยงอย่างเสือ สงวนศักดิ์ นี้มากๆ
เสือ ไม่ว่าจะอยู่ในป่า ในสวนสัตว์ หรือในที่ไหนๆ ก็ตาม มันก็ยังคงเป็นเสือ และแน่นอนที่สุด ไม่มีวันที่มันจะกลายเป็นแมว เป็นหมา หรือเป็นอย่างอื่นไปได้ ตราบเท่าที่ตัวมันเองยังรู้ตัวอยู่ว่า มันเป็นเสือ
เหมือนกับที่แอนดี้ ดูเฟรน ในเรื่องนี้ก็เช่นกัน เวลา ๒๐ ปีในคุกของเขา ไม่ได้ทำให้เขาหมดสิ้นทุกสิ่งที่มีอยู่ในสมองเขาเลย เขาสามารถนำสิ่งต่างๆ เหล่านั้นมาใช้ได้จนกระทั่งถึงที่สุดแล้ว แม้ว่าจะต้องเจอกับอะไรต่างๆ นานามากมายในคุก เขาก็สามารถที่จะผ่านพ้นช่วงนั้นมาได้ในที่สุด
เห็นเขาว่าหนังเรื่องนี้เข้ารอบออสการ์พร้อมกับเรื่อง Forrest gump กับ ชิลด์เลอร์ลิสต์ หรือไงเนี่ย ก็เลยชวดรางวัลไปเลย (แหะๆ ขออภัยเขียนไทยบ้าง อังกฤษบ้าง แบบว่า กลัวสะกดผิดอ้ะ) แง้วๆ น่าเสียดายแทน แต่ดูๆ แล้วฟอเรสกัมป์ ก็ดูน่าสนใจกว่ามากๆ อีกเรื่องหนึ่งซะด้วย บรรยากาศของเรื่องก็ไม่ใช่โทนทึบๆ ทึมๆ เหมือนชอว์แชงค์สุดที่รักของเราซะด้วย อิอิ ไว้มีโอกาสค่อยหาฟอร์เรส กัมป์มาดูแบบจริงๆ จังๆ อีกที ส่วนชิลด์เลอร์ลิสต์ ดูตัวอย่างแล้ว เรื่องเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่สอง เราขอผ่านนะ ไม่อยากดูอะไรที่หดหู่ ๆ อ้ะ
แบบว่าหนังเรื่องไหนรักษาอาการจิตตกเป็นระยะๆ ได้ เราจะดูให้หมด ฮี่ๆๆ ส่วนเรื่องไหนทำให้จิตตกเพิ่ม เราจะไม่ดู ฮี่ๆๆ
เฮ่ออออออออออออ แต่ชอว์แชงค์ รีเดมป์ชั่น ดูแล้วเกิดความหวัง สร้างความอดทนมากมายในชีวิตจริงๆ นะคะ ใครที่กำลังตกอยู่ในภาวะเศร้าซึม ก็ไปเลือกรื้อซื้อหาหรือเช่ามาดูได้เลย รับรองไม่ผิดหวัง แต่ต้องรอให้ผ่านช่วงแรกของเรื่องซึ่งน่าหดหู่ไปก่อนนะคะ ไม่งั้นเดี๋ยวดูไม่จบ จะหาว่าเราแนะนำไม่ดี ฮี่ๆ
ไม่อยากบอกเลยว่า ดูชอว์แชงค์รอบนี้เป็นรอบที่ ๒๐ กว่าๆ แล้วมั้ง พอเริ่มเกิดอาการจิตตกก็จะหยิบเรื่องนี้มาเปิดดู แล้วก็มีความสุขกับชีวิตต่อไป
โลกนี้ช่างน่าอยู่ซะจริงๆ เลย มาหยาเอ๊ย
อีกเรื่องที่หยิบมาดูหลังจากที่ดู The Shawshank Redemption ก็คือ เรื่อง The Sound of Music มนต์รักเพลงสวรรค์ หนังเรื่องเยี่ยม ๕ รางวัลออสการ์อีกเรื่องค่ะ
เรื่องนี้น้อยคนที่จะไม่เคยดู หรือไม่เคยได้ยินเพลงในเรื่อง
สำหรับมาหยาดูเรื่องนี้ครั้งแรกตอนเรียน ม.๔ สมัยอยู่ชมรม E-F Club ที่โรงเรียนสตรีประจำจังหวัดแห่งหนึ่งทางภาคเหนือตอนล่างของประเทศไทย อิอิ
คุณครูเอามาเปิดให้ดู พร้อมกับหัดให้พวกเราร้องเพลงในเรื่อง
ดูเรื่องนี้คนเดียวอีกที เป็นรอบที่ ๑๐ ต้นๆ เมื่อคืนนี้ พร้อมกับร้องเพลงตามไปอย่างมีความสุข (ดูแบบ Sound Track มีซับไตเติ้ลค่ะ)
เพลง I am Sixteen Going on Seventeen ยังคงดังก้องในใจของสาวอายุสิบห้ากว่าๆ ในวันที่ดูครั้งแรก มาจนถึงใจของสาวอายุสามสิบกว่าๆ ในวันที่ดูเมื่อคืนนี้ เพียงแต่เมื่อคืนนี้เพิ่งมีโอกาสอ่านและทำความเข้าใจและซาบซึ้งใจกับเนื้อเพลงมากขึ้น (เพราะภาษาปะกิตดีขึ้นนิดหน่อยด้วย มั้ง อิอิ)
กับเพลงนี้ โด เร มี (โปรดคลิกเพื่อฟังเพลงและร้องตาม)ที่มาหยาเชื่อว่าเป็นเพลงที่หลายๆ คนร้องได้ติดปาก จำได้ติดใจ
Let's start at the very beginning
A very good place to start
When you read you begin with
A-B-C
When you sing you begin with do-re-mi
Do-re-mi
Do-re-mi
The first three notes just happen to be
Do-re-mi
Do-re-mi
Do-re-mi-fa-so-la-ti
Oh, let's see if I can make it easier
Doe, a deer, a female deer
Ray, a drop of golden sun
Me, a name I call myself
Far, a long long way to run
Sew, a needle pulling thread
La, a note to follow sew
Tea, I drink with jam and bread
That will bring us back to do...oh oh oh
Doe, a deer, a female deer
Ray, a drop of golden sun
Me, a name I call myself
Far, a long long way to run
Sew, a needle pulling thread
La, a note to follow sew
Tea, I drink with jam and bread
That will bring us back to Do
Doe, a deer, a female deer
Ray, a drop of golden sun
Me, a name I call myself
Far, a long long way to run
Sew, a needle pulling thread
La, a note to follow sew
Tea, I drink with jam and bread
That will bring us back to do
Do re mi fa so la ti do, so do
ตอนเด็กๆ ที่ดูเรื่องนี้ ก็ไม่คิดอะไรมากมายกับเพลงนี้ แต่เมื่อคืน ลองดูแบบตั้งใจจริงๆ ตั้งแต่มารีอา แม่ชีฝึกหัดผู้ร่าเริง ชอบทำผิดกฎต่างๆ มากมาย ชอบหนีออกไปกลางทุ่งบนภูเขาในประเทศออสเตรีย แล้วร้องเพลงดังๆ เพราะมารีอารู้สึกอยู่ตลอดเวลาว่า โลกนี้เป็นของเธอ ทุกสิ่งสวยงามและมีความหมาย ธรรมชาติและภูเขาเรียกร้องเธอและเสียงเพลงให้ไปยังที่นั่นอยู่บ่อยๆ
เฮ่ออออออออออออออโลกของมารีอาสวยงามจริงๆ หนอ
โลกของมาหยาก็ไม่ต่างกัน
มารีอาเจองานที่น่าเหนื่อยสุดชีวิต กับการดูแลเด็ก ๗ คน ลูกๆ ของพ่อม่ายหนุ่มกัปตันทหารเรือสุดหล่อแห่งนาวิกโยธินออสเตรีย ที่ต้องรับมือกับการเรียกร้องความสนใจของเด็กๆ ไหนจะยังผจญกับสายตาบ่งบอกถึงความรักของพ่อของเด็กๆ อีก แต่เธอก็ผ่านมันไปได้ด้วยเสียงเพลง ด้วยรอยยิ้ม และด้วยความสุขที่มันออกมาจากใจจริงๆ
แล้วมาหยาจะผ่านความรู้สึกทั้งปวงแห่งความผิดหวังเช่นนี้ไม่ได้ไม่ได้เชียวหรือ
ทั้งๆ ที่ตัวมาหยาเอง ไม่ได้มีเด็กตั้งเจ็ดคนคอยให้ดูแล ทั้งๆ ที่ตัวมาหยาเอง ก็มีกำลังใจเป็นหนุ่มน้อย (แก่มาก) แม้จะไม่ได้เป็นกัปตันทหารเรือแห่งราชนาวีไทย แต่ก็เป็นหนุ่มเจ้าสำราญช่างภาพมือดี และโปรแกรมเมอร์อันดับต้นๆ ของสำนักพิมพ์ชื่อดัง คอยมาหาเวลาท้อแท้ หรือคิดถึงกัน
เฮ่อออออออออ แล้วจะมีอะไรให้มาหยาต้องเศร้าซึมอีกล่ะ
นอกจากจะต้องก้มหน้ายอมรับผิด และนำประสบการณ์และความผิดพลาดทั้งมวลที่เกิดจากการ "ละทิ้ง" หน้าที่ที่สำคัญของตัวเองไป มาเพื่อปฏิบัติงานทุกอย่างที่ได้รับมอบหมาย ณ วันนี้ให้ดีที่สุด อย่างน้อย เผื่อวันหน้า มาหยาจะได้มีโอกาสกลับไปแก้ไขความผิดพลาดที่ยังให้เกิดความผิดหวังขึ้นกับคนรอบๆ ตัวของมาหยาในวันนี้ เพราะชีวิตมาหยายังอีกยาวไกล และวันคืนไม่ได้จะดับลงไปแค่ในวันนี้หรอกนะ
ยังมีคนอีกมากมายที่รอให้มาหยาเดินเข้าไปกราบขอโทษ หรือเอ่ยปากขอโทษจากใจจริง
คงต้องรออีกสักพักให้ปรับตัวปรับใจปรับอารมณ์ได้จริงๆ จังๆ มาหยาจะขอโทษเขาเหล่านั้นแน่นอนค่ะ
และวันนี้มาหยาก็ต้องแสดงความยินดีกับทุกๆ คนที่พึงยินดีด้วย คุณเก่งมากๆ ชื่นชมจริงๆ ค่ะ
แบบนี้เขาเรียกว่า ดูละคร เอ๊ย ดูภาพยนตร์แล้วย้อนดูตัวอย่างชัดเจนหรือเปล่าเนี่ย มาหยาเอ๊ย อิอิ
เพลงที่ชอบสุดๆ อีกเพลงจากเรื่องนี้คือ Edelweiss เพลงเกี่ยวกับดอกเอเดลไวส์ ที่พระเอกของเรื่องร้องอยู่สองสามเที่ยวนั่นเอง เพราะประโยคสุดท้ายของเพลงนี้บอกว่า ขอให้เอเดลไวส์ช่วยอวยพรให้ประเทศออสเตรียซึ่งกำลังจะตกอยู่ใต้การปกครองของเยอรมันในขณะนั้นนั่นเอง
Edelweiss, Edelweiss
Every morning you greet me
Small and white, clean and bright
You look happy to meet me
Blossom of snow may you bloom and grow
Bloom and grow forever
Edelweiss, Edelweiss
Bless my homeland forever
โพสต์เนื้อเพลงไปแล้วก็เลยเพิ่งนึกได้ว่า จริงๆ อยากพูดอีกประเด็นเกี่ยวกับเรื่อง The Sound of Music ก็คือ มาหยาดูเรื่องนี้แล้วคิดถึงเรื่องโหมโรง จังเลยค่ะ
อาจเพราะเรื่องเกิดในสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ เหมือนกัน แล้วก็เกี่ยวกับเรื่องทางวัฒนธรรมแล้วก็การเปลี่ยนแปลงของบ้านเมืองหลายๆ อย่างเหมือนกัน แถมยังเป็นเรื่องเกี่ยวกับเพลง เกี่ยวกับดนตรีคล้ายๆ กันด้วย แม้ว่าเนื้อเรื่องจะต่างกันสุดขั้วก็ตาม เฮ่ออออออออออ สงสัยคืนนี้กลับไปต้องไปดูวีซีดีเรื่อง โหมโรง ซะละมั้งเนี่ย
ที่แน่ๆ เมื่อคืนดูสองเรื่องจบตอนตีหนึ่งกว่าๆ พอดี เจ้าสองหน่วยแมวจอมซ่าดันซ่า ปีนมุ้งลวดไม่เลิก เลยดับไฟซะ แล้วหนีเข้าไปในนอนในห้องนอน ปล่อยมันสองตัวนอนที่นอนข้างนอก ไม่ให้เข้าห้องนอนด้วย ฮี่ๆๆๆ
เป็นไงล่ะ ชอบแกล้งแม่มาหยาดีนะ ว่าแล้วก็หลับไป แล้ว...
ตื่นสายอ้ะ แงๆ พอดีไม่ค่อยสบายด้วย เลยตื่นซะเกือบๆ เก้าโมง มีเสียงนังสองหน่วยเคาะประตูห้องก๊อกๆๆ พร้อมกับเสียงร้อง แง้ว แง้ว แง้ว ดังลั่น ไม่รู้เพราะมันคิดว่า แม่มันนอนตายขึ้นอืดอยู่คนเดียวแล้วหรือเปล่า ถึงเวลาแล้วถึงยังไม่ยอมออกจากห้องนอนเนี่ย
แหมๆ โลกนี้ช่างน่ารัก น่าอยู่ซะจริงๆ ฮี่ๆๆๆๆ
ดีนะ ที่วันนี้ไม่มีงานค้าง ไม่งั้นตื่นสายอย่างนั้นตายแน่ๆ เลย มาหยาเอ๊ยยยยยยยยยยย
ง่ะ วันนี้มาหยาอัพบล็อกยาวขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย อิอิ
ใกล้เวลาเลิกงานแล้ว สงสัยวันนี้ต้องนอนตั้งแต่สองทุ่ม เพราะมีสัมมนาตอนแปดโมงเช้า เด๋วเด็กแนวจะตื่นไม่ทัน
พรุ่งนี้เป็นพิธีกรงานด้วย เด๋วตาเป็นแพนด้าไปล่ะยุ่งเล้ยยยยยยยยยย
ขอได้รับความขอบคุณจากแมวๆ พิคเจอร์เช่นเคยค่ะ
ชอบรูปน้องแมวสองตัว..เจ้าป๊อบกับเจ้าตู่จังเลยครับ
น่ารักมาก... ดูแล้วอิจฉาอยากนอนบ้าง
อิอิ
เคยดุหนัง shawshank เหมือนกันครับ
หลายรอบด้วยล่ะ
ผมว่าบรรยากาศหนังมันละเมียดดี
โดนใจสุดคือตอนจบ
ที่หนีไปอยู่ทะเลอะ...
เหมือนกับกระผมเลยคร้าบ
อยากไปอยู่ทะเล...
ดื่มๆ