|
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
8 มกราคม 2551 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
..ว่าด้วยเรื่องของ "ข้อมูล" มั้ง..
ช่วงนี้ไม่อยากอัพบล็อก รู้สึกบรรยากาศมันซึมเซาหดหู่ ด้วยเรื่องการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
ไม่รู้คนอื่นๆ จะคิดอย่างไร (และเป็นสิทธิ์และเสรีภาพที่แต่ละคนจะคิด จะยึดถือ ตามที่ได้รับการอบรมสั่งสอนมาจากบุพการีและครอบครัวรวมถึงสถาบันการศึกษานะคะ) แต่สำหรับมาหยา ช่วงนี้มาหยาแต่งดำไว้ทุกข์ทุกวัน แล้วก็ไม่รู้สึกว่าเป็นการบังคับฝืนใจ แม้ว่ามาหยาจะทำงานในหน่วยงานราชการที่มีคำสั่งมาก็ตาม ก็ยังรู้สึกว่า ที่เราทำ เราทำด้วยใจจริงๆ ส่วนใครๆ คนอื่นในหน่วยงาน หรือนอกหน่วยงานจะคิดยังไง จะทำไม่ทำ ก็เป็นเรื่องของคนๆ นั้น จริงๆ
มีคำถามมากมายที่พบในกระทู้ในพันทิป ว่าทำไมต้องอย่างนั้น ทำไมต้องอย่างนี้ อย่างนั้นมากไปไหม อย่างนั้นน้อยไปไหม เล่นเอามาหยาอึ้งๆ ไปเหมือนกันกับบางคำถาม และบางกิริยา อย่างเช่น ทำไมทีวีต้องทำเป็นขาวดำ หรือทึมๆ เทาๆ ด้วย ทำไมต้องบังคับให้แต่งดำด้วย ทำไมต้องงั้นต้องงี้ พอมีคนมาชี้แจง ก็ไปต่อว่าเขาบ้าง ไปหาว่าเขาครึบ้าง ถามก็ไม่ได้ อันโน้นก็ไม่ได้ อันนี้ก็ไม่ได้ บางคนไพล่ไปคิดซะอีกว่า นี่คือการบังคับให้เสียใจ บังคับไม่ให้ถาม ท่าโน้นท่านี้
ย้อนกลับมาที่ตัวเองว่า เอ๊ ทำไมตอนเราอายุพอๆ กับเขา เราไม่เคยตั้งคำถามเลยนะ ว่าทำไมต้องไว้ทุกข์ ทำไมต้องอย่างนั้นทำไมต้องอย่างนี้ คิดไปคิดมาก็ได้ความว่า บางทีอาจจะเพราะเราเติบโตมาในครอบครัวชาวนาที่พ่อแม่เรา แม้จะเรียนมาน้อยพอๆ กับคนอื่น แต่พ่อแม่เราก็ชอบอ่านหนังสือ และติดตามข่าวสารมาก มากพอที่จะรู้เรื่องราวต่างๆ มากมาย ผิดบ้างถูกบ้าง แล้วก็คอยเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้ฟังอยู่เสมอ ถ้าเราสงสัย เราก็ไปหาอ่านหนังสือในห้องสมุดโรงเรียน ซึ่งแม้จะเป็นโรงเรียนเล็กๆ ในชนบท ที่ตอนเราเรียน นักเรียนมีทั้งโรงเรียนไม่ถึง ร้อยยี่สิบคนดี หรือตอนเรียนมัธยม เราก็เรียนโรงเรียนสตรี ที่คุณครูพยายามจะหล่อหลอมให้เราเป็นกุลสตรี ที่พวกเราชอบล้อกันว่า สอนไปสอนมาจะกลายเป็น กุน-สตึ ไปหรือเปล่า ทำให้เรามีแหล่งค้นคว้ามากมาย และด้วยความที่อยู่ในชนบทไกลๆ คนน้อยๆ ทำให้ครู พ่อแม่ พี่ๆ น้าๆ ป้าๆ ยายๆ มีเวลาที่จะเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ และกระตุ้นให้เราอยากรู้เรื่องนั้นเรื่องนี้อยู่เสมอก็ได้ ทำให้เราพอจะรู้อะไรๆ มากกว่าคนอื่นๆ บ้างหรือเปล่า และอาจโชคดีที่ระดับอุดมศึกษา เราก็เรียนในสถาบันและสาขาที่เน้นการแสวงหาความรู้เรื่องเก่าๆ อยู่ไม่มากก็น้อย เราเลยมีคลังบางอย่างเป็นต้นทุนความรู้อยู่บ้าง
ไม่ใช่เราปิดกั้นความรู้ หรือห้ามใครถาม แต่เราว่า เรารู้ "กาลเทศะ" มากพอที่จะเก็บออมคำพูดบางอย่าง และไปหาข้อมูลจาก "ผู้รู้" ก่อนที่จะมาตั้งกระทู้ถามอะไรที่ไม่น่าถามก็ได้กระมัง (เหมือนที่กลุ่มเพื่อนๆ พูดเล่นกันอยู่เนืองๆ ว่า ถ้าเขาเป็นครู และสั่งให้เด็กทำการบ้าน เวลาจะตรวจการบ้าน เขาคงจะต้องมาเสิร์ชดูในกูเกิ้ลก่อนแน่ๆ ว่าเด็กๆ ไป copy&paste โดยไม่เรียบเรียงหรือเปล่า เพราะเท่าที่ดูจากกระทู้แล้วพบว่า มีคำถามประเภท "ช่วยผม/หนูทำการบ้านหน่อยเถอะค่ะ" หรือ "ครูสั่งให้มาหาว่า...พี่ๆ ช่วยตอบหน่อยคร้าฟฟฟฟฟฟฟ" อะไรประมาณนี้เยอะจัง) บางทีเราเลยรู้สึกว่าตัวเองคงพ้นยุคสมัยไปบ้างไม่มากก็น้อย เลยรู้สึกแปลกๆ ทุกครั้งที่เห็นกระทู้ความคิดแปลกๆ หรือกระทู้ขอให้ช่วยทำการบ้านพวกนี้
เพื่อนบางคนบอกว่า บางทีมันอาจจะเป็นลักษณะของคนสมัยนี้ ที่ผ่านการเรียนมาแบบที่ต้อง "กล้า" แสดงออก สงสัยก็ "กล้า" ถาม ไม่พอใจก็ "กล้า" พูด "กล้า" แสดงออก
แต่ไม่รู้สินะ บางครั้งเรากลับรู้สึกว่า คำว่า "กล้า" กับ "กร้าว" หรือ "ก้าวร้าว" มันมีเพียงเส้นบางๆ กั้นอยู่เท่านั้นเอง หรือว่าเราคิดมากไปก็ไม่รู้เหมือนกัน บอกแล้วว่า ความคิดเราบางทีมันคงพ้นยุคไปแล้ว คงจะไม่ถูกใจคนสมัยนี้สักเท่าไรมั้ง
ต้องขอโทษทุกๆ คนที่เป็น "คนสมัยนี้" ด้วยนะคะ ที่ความคิดของเรามันจะดูงี่เง่า และมองคนอื่นในทางไม่ดี เราก็รู้สึกไม่ค่อยดีกับตัวเราเองเท่าไรเหมือนกันที่เขียนบล็อกนี้ขึ้นมา บอกไม่ถูกว่ามันรู้สึก "แปลกๆ" อย่างไร ถึงได้เขียนออกมายืดยาวอย่างนี้
ในยุคที่ใครๆ ก็ออกสื่อได้อย่างทุกวันนี้ เรายังดีใจอยู่บ้างว่า ยังมีหลายๆ ท่านที่ยืนยันถึงขนบธรรมเนียมประเพณีที่ถูกต้อง และให้ข้อมูลอย่าง "ผู้รู้" หรือ "ครู" หรือ "กูรู" จริงๆ ที่ไม่ใช่เป็นเพียงแค่คนที่คิดว่า "กูรู้" อยู่บ้าง และทำให้เราได้ข้อมูลที่มั่นใจได้จริงๆ ว่าถ้าไปค้นคว้าเพิ่มเติมแล้วจะไม่ผิดเพี้ยนไปมากจนไม่แน่ใจ
สำหรับข้อมูลเรื่อง การพิธีพระศพ ครั้งนี้ เราชื่นชม ดร.วิษณุ เครืองาม ทั้งที่ให้สัมภาษณ์ในรายการใน TITV วันก่อน และที่ให้สัมภาษณ์ในรายการกรองสถานการณ์ที่ช่อง 11 ในค่ำวันนี้ ซึ่งให้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือ อย่างผู้รู้จริง จริงๆ อย่างที่อยากอัดรายการไว้ให้ "ต้นไม้ในสวน" ของเราทุกต้นได้ฟัง จะได้ไม่รับข้อมูลเพี้ยนๆ ผิดๆ เพราะเรามั่นใจว่า เราเองก็ไม่มีข้อมูลที่มั่นใจได้ว่าจะถูกต้องทุกอย่างอย่างแน่นอน
ขอ กราบขอบพระคุณ ดร.วิษณุ เครืองาม ไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
พี่ที่ทำงานถามว่า "ทำไมเราต้องมารับรู้คุณความดีอันมากมายมหาศาลของบุคคล เมื่อท่านล่วงลับไปแล้วด้วยนะ ทำไมตอนที่ท่านยังอยู่ เราไม่เคยสนใจจะเผยแพร่เลย" จำได้ว่า ไม่ได้ตอบพี่ที่ทำงานไปว่าอย่างไร แต่แอบนึกในใจว่า "บางทีที่เมืองไทยเรายังมีแง่มุมที่น่าสนใจที่ทำให้เมืองไทยน่าอยู่ ก็เพราะมีคนประเภท "ปิดทองหลังพระ" อยู่มากมายพอสมควร ในทุกหนทุกแห่ง ทุกชั้นวรรณะ ทุกระดับฐานะอย่างนี้นี่เองกระมัง บุคคลที่ไม่อยากเป็นข่าว ไม่ต้องการป่าวประกาศให้ใครๆ ทราบว่าตัวเองทำอะไรอันเป็น "คุณ" ไว้บ้าง ต่อเมื่อ "ไม่อยู่" แล้ว เราจึงค่อยๆ ทราบว่ามีอยู่มากมายกว่าที่เราคิดนั่นเอง"
ว่าด้วยเรื่อง "ข้อมูล" แล้ว เรารู้สึกว่า ที่ผ่านมาเรารับ "ข้อมูล" เยอะเกินไปเหลือเกิน เยอะจนเรารู้สึกว่า ข้อมูลต่างๆ มากมายนั้น "ท่วม" เรา โดยที่เราก็ตกลงไปแหวกว่ายในข้อมูลนั้น จนไม่มีความสุข วุ่นวายไม่เป็นตัวของตัวเอง และพร้อมจะโอนเอนอ่อนไหวไปกับข้อมูลต่างๆ เหล่านั้น จากบุคคล กลุ่มบุคคล และสื่อสารมวลชนต่างๆ
จนวันนี้ วันที่เรามาอยู่ห่างไกลจากตัวเมือง (แม้จะแค่ 10 กม. จากซูเปอร์ไฮเวย์ 15 กม. จากตัวเมืองก็ตาม) เรารู้สึกว่า เราพบ "คน" ที่จะให้ "ข้อมูล" น้อยลง ถ้าเราอยากรู้อะไร เราก็ต้องหา "ข้อมูล" นั้นเอง เราจึงสามารถเลือกรับข้อมูลได้อย่างที่เราต้องการ โดยที่มีข้อมูลที่ "ไม่จำเป็น" ปะปนมาน้อยเต็มที และน่าแปลก ที่มันทำให้ชีวิตเรา มีสุขมากยิ่งขึ้นกว่าก่อนๆ มากมาย
มาถึงวันนี้ บางทีเราจึงเบลอๆ เมื่อได้รับ "ข้อมูล" บางสิ่งบางอย่าง ที่ในสมัยก่อน น่าจะเป็นเรื่องที่เราคุ้นเคยดี แต่วันนี้พอรับมาแล้ว เราก็รับได้แบบผ่านๆ ไม่ครุ่นคิด ไม่เอาตัวลงไปแหวกว่าย และแน่นอนกว่านั้น เมื่อเรานิ่ง ไม่พูดคุยหรือแสดงความคิดเห็นอะไรออกไป เรากลับพบว่า มีเรื่องราวมากมายที่เราไม่รู้ไม่เห็น ที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นคนละเรื่องกับที่เราเคยรับรู้ หรือพ้นจากการรับรู้ข้อมูลนั้นไปแล้วเยอะแยะเหลือเกิน ซึ่งทำให้เราดีใจเหลือเกินที่ไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรออกไป
แปลกที่นับวันเราก็ยิ่งรู้สึกว่า เราเข้าใจ "มนุษย์" ด้วยกันน้อยลงทุกที แต่เรากลับเข้าใจคำว่า "คน" มากยิ่งขึ้น ว่าควรจะมีลักษณะอย่างไรกันแน่ หรือว่าเราละลายตัวเองกลายเป็น "ต้นไม้" ที่เราคลุกคลีใกล้ชิดมากเกินไปแล้วนะ
สงสัยว่า บางทีวันนี้เราคงจะ "ไข้ขึ้น" สมองจึงไม่เต็มที่ ทำให้พูดอะไรไม่รู้ออกมาเยอะแยะ ที่อาจจะทำให้ใครๆ เข้าใจผิดอีกก็ได้กระมัง ก็ต้องขอโทษเอาไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ หากจะเกิดเหตุการณ์อย่างนั้นขึ้นมา
แต่ ณ ตอนนี้เรากลับแน่ใจตัวเองมากยิ่งขึ้นแล้วว่า คำว่า "คน" นั้น แปลว่า การเอาเครื่องมืออย่างใดอย่างหนึ่ง ลงไปกวัดแกว่งหรือเคลื่อนไหวในของเหลวอย่างใดอย่างหนึ่ง ทำให้ของเหลวนั้น หลอมละลาย เปลี่ยนแปลงรูปร่างไปได้เรื่อยๆ ผิดไปจากภาพที่เราเคยรู้เคยเห็นเคยรู้จักเคยเข้าใจ
บางทีอาจจะเป็นเราก็ได้ที่เป็น "คน" มากขึ้นกว่าที่เคยเป็น "มนุษย์" (ผู้มีจิตใจสูง) อย่างที่เคยๆ เข้าใจกันมา
หรือเพื่อนๆ คิดว่าอย่างไรคะ
หมายเหตุ บล็อกหน้านี้ขอแค่ให้สมาชิกเท่านั้นแสดงความคิดเห็นนะคะ บางทีเรายังอาจจะรู้สึกดีๆ ที่ยังมีการรับรองการแสดงตัวตนของเพื่อนๆ ที่แวะเข้ามาได้บ้าง ขอโทษทุกๆ คนที่เข้ามาและคอมเมนต์ไม่ได้ด้วยนะคะ
อย่างไรก็ตาม
. . .
สำหรับทุกๆ ท่านที่ผ่านมาเยือนบล็อกของมาหยา...
ขอได้รับความขอบคุณจากแมวๆ พิคเจอร์เช่นเคยค่ะ
Create Date : 08 มกราคม 2551 |
Last Update : 8 มกราคม 2551 22:36:34 น. |
|
7 comments
|
Counter : 1260 Pageviews. |
|
|
|
โดย: พนบ. วันที่: 8 มกราคม 2551 เวลา:23:26:21 น. |
|
|
|
โดย: zaesun วันที่: 8 มกราคม 2551 เวลา:23:49:29 น. |
|
|
|
โดย: หมีเซอะ วันที่: 9 มกราคม 2551 เวลา:19:51:59 น. |
|
|
|
โดย: SuperToy_nc วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:23:41:13 น. |
|
|
|
โดย: ฅนไกล (BlackMica ) วันที่: 7 มีนาคม 2551 เวลา:17:28:02 น. |
|
|
|
| |
|
|
|
|
|
|
|
|