Group Blog
 
 
สิงหาคม 2550
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
12 สิงหาคม 2550
 
All Blogs
 
บทที่ 5 ขุนศึก ผู้ล่วงลับ

“แฮกริด?”
แฮรี่ตะเกียกตะกายลากตัวเองออกจากซากเศษเหล็กและ ขนนกที่อยู่รอบๆตัว มือของเขาจมลงไปในโคลนหลายนิ้วขณะจะพยุงตัวขึ้นยืน เมื่อไม่เข้าใจว่าโวลเดอร์มอร์ทหายไปไหน เขาจึงกลัวว่ามันจะโผล่มาจากความมืดตอนไหนก็ได้ มีบางอย่างอุ่นๆเปียกๆไหลออกมาจากคางและ หน้าผากของเขา แฮรี่คลานออกจากหนองน้ำ และกระโผลกกะเผลกไปยังร่างยักษ์ดำทะมึนที่นอนอยู่บนพื้น ซึ่งก็คือแฮกริดนั่นเอง
“แฮกริด? แฮกริด, พูดกับผมสิ......”
แต่ร่างยักษ์นั่นไม่เคลื่อนไหว
“นั่นใครน่ะ? ใช่พอตเตอร์มั๊ย? นั่นใช่แฮรี่ พอตเตอร์รึเปล่า?”
แฮรี่จำเสียงชายคนนี้ไม่ได้ ทันใดนั้นก็มีเสียงผู้หญิงตะโกนขึ้นมา
“พวกเขาตกลงมา ,เท็ด! ตกลงมาในสวนโน่น!”
หัวของแฮรี่หมุนคว้าง
“แฮกริด”เขาพึมพำอย่างไรสติ แล้วก็เข่าอ่อนทรุดตัวลง รู้สึกตัวอีกที เขาก็นอนอยู่บนอะไรบางอย่างที่ให้ความรู้สึกคล้ายเบาะ มีความร้อนผ่าวแผ่ไปทั่วซี่โครง และแขนขวา ฟันที่หักไปงอกใหม่แล้ว แผลเป็นบนหน้าผากก็ยังตึ๊บๆอยู่
“แฮกริด?”
เขาลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนโซฟาในห้องสลัวๆ ที่ไม่คุ้นเคย เป้ของเขาวางอยู่บนพื้นไม่ไกลออกไป เฉอะแฉะ และเลอะไปด้วยโคลน มีชายผมทอง พุงพลุ้ยคนหนึ่ง กำลังมองดูเขาด้วยความกังวล
“แฮกริดสบายดี, พ่อหนุ่ม” ชายคนนั้นพูด “เมียของฉันกำลังดูแลเขาอยู่ เธอเป็นยังไงบ้างล่ะ? มีอะไรหักอีกมั้ย? ฉันรักษาซี่โครง ฟัน กับแขนให้แล้ว อ้อ! ฉันชื่อ เท็ด, เท็ด ท๊องส์-พ่อของโดราน่ะ!”
แฮรี่รีบลุกขึ้นเร็วไปหน่อย จึงรู้สึกวาบที่ดวงตา และเวียนหัวอีกครั้ง
“ใจเย็น” เท็ดพูด ขณะช่วยพยุงแฮรี่พิงกับพนักโซฟา “เธอตกลงมาแรงมากเลยน่ะ! แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? มอเตอร์ไซค์เสียรึ? สงสัยอาร์เธอร์ วีสลีย์คงเล่นพิเรนท์ กับไอ้สิ่งประดิษฐ์ซังกะบ๊วยของมักเกิ้ลนั่นอีกแล้วมั้ง?”
“ไม่ใช่” แฮรี่พูด แผลเป็นยังเต้นแรงเหมือนแผลเปิด “ผู้เสพความตายครับ! มันมากันเป็นโขยง- เราถูกไล่ล่า-“
“ผู้เสพความตายเรอะ?” เท็ดพูด “หมายความว่าไง, ผู้เสพความตาย? พวกนั้นไม่รู้ว่าเธอจะเคลื่อนย้ายวันนี้ไม่ใช่รึ! ฉันคิดว่านะ..”
“พวกมันรู้” แฮรี่พูด
เท็ด ท๊องส์ มองขึ้นไปบนเพดาน ราวกับว่าจะสามารถมองทะลุไปเห็นท้องฟ้าข้างบนอย่างนั้นแหล่ะ!
“เอ่อ! เรามั่นใจได้ว่าเวทย์มนต์กำบังนี่มันยังได้ผล ใช่มั๊ย? พวกนั้นเข้ามาที่นี่ไม่ได้หรอกในรัศมี 100 หลา”
แล้วแฮรี่ก็เข้าใจในทันทีว่าทำไม โวลเดอมอร์ถึงหายไป นั่นเป็นอาณาเขตของเวทย์มนต์พอดี เขาได้แต่หวังว่ามันยังคงมีฤทธิ์อยู่ เขาจินตนาการไปถึงโวลเดอมอร์ ลอยอยู่100หลาข้างบนนั่นขณะที่พวกเขากำลังคุยกันอยู่นี่ กำลังหาทางฝ่าไอ้สิ่งที่แฮรี่นึกภาพว่าคงคล้ายกับฟองอากาศยักษ์ใสๆนี้เข้ามา
เขาเหวี่ยงขาลงจากโซฟา เขาต้องเห็นแฮกริดด้วยตาก่อนจึงจะเชื่อจริงๆว่าเขายังมีชีวิตอยู่ เขาเพิ่งยืนขึ้นได้ พอดีกับที่ประตูเปิดออก แล้วแฮกริดก็แทรกตัวเข้ามา หน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดและโคลน โขยกเขยกเล็กน้อยแต่ก็ถือว่ายังมีชีวิตรอดอย่างปาฏิหาริย์
“แฮรี่!”
สะดุดโต๊ะล้มไปสองตัว และด้วยเพียงสองก้าวก็เดินข้ามห้องมาหาแฮรี่ได้ และดึงแฮรี่มากอดด้วยแรงที่เกือบจะหักซี่โครงเขาได้อีกรอบ “ให้ตายสิแฮรี่ นายรอดมาได้ยังไงล่ะนั่น? นึกว่าจะเน่าทั้งคู่ซะแล้ว”
“ใช่ คิดเหมือนกัน ไม่อยากจะเชื่อ...”
แฮรี่ผละตัวออก เขาเพิ่งสังเกตเห็นหญิงคนหนึ่งเข้ามาในห้องนี้ด้วย
“แก!” เขาตะโกน แล้วล้วงมือเข้าไปในกระเป๋า แต่มันว่างเปล่า
“ไม้กายสิทธิ์ของเธออยู่นี่ พ่อหนุ่ม” เท็ดพูด พร้อมกับใช้มันสะกิดแขนแฮรี่ “มันตกอยู่ข้างๆตัวเธอ ฉันเก็บไว้ให้ แล้วนั่นก็เมียฉันนะ คนที่เธอตะโกนใส่อยู่น่ะ!”
“เอ่อ! ผม..ผมขอโทษ”
ขณะที่เธอเดินเข้ามาในห้อง ความเหมือนของคุณนายท๊องส์กับน้องสาวของเธอ เบลลาทริกซ์ ก็น้อยลง ผมเธอสีน้ำตาลอ่อน ตาเธอก็เบิกกว้างกว่า และเป็นมิตรกว่า แต่กระนั้นก็ยังแฝงไปด้วยท่าทีถือตัว หลังจากการโวยวายของแฮรี่เมื่อครู่
“เกิดอะไรขึ้นกับลูกสาวของเรา?” เธอถาม “แฮกริดบอกว่าพวกเธอถูกซุ่มโจมตี นิมฟาโดราอยู่ไหน?”
“ไม่รู้ครับ” แฮรี่บอก “เราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนอื่นๆบ้าง”
เธอกับเท็ดสบตากัน ความรู้สึกกลัว และผิด เข้าเกาะกุมแฮรี่ไว้ เมื่อเห็นอาการของทั้งสอง ถ้ามีใครตาย มันเป็นความผิดของเขา ของเขาทั้งหมด เขายอมร่วมมือกับแผนนี้ ให้เส้นผมพวกนั้นไป...
“กุญแจนำทาง” เขาพูด นึกขึ้นมาได้ในทันใด “เราต้องกลับไปที่บ้านโพรงกระต่ายเพื่อรับข่าว – แล้วเราถึงจะส่งข่าวบอกคุณได้ – หรือไม่ก็ ท็องส์จะส่งข่าวเอง ทันทีที่...”
“โดราจะไม่เป็นอะไรหรอก, โดรเมดา” เท็ดพูด “เธอเก๋าพอ เธอผ่านเรื่องคับขันมามากแล้วกับพวกมือปราบมาร กุญแจนำทางอยู่ทางนี้” เขาพูดกับแฮรี่ “มันจะไปในสามนาทีนี้แล้ว ถ้าเธออยากจะไปด้วยล่ะก็”
“แน่นอน เราจะไป” แฮรี่บอก เขาหยิบเป้ขึ้นมาสะพายบนบ่า “ผม....”
เขามองไปที่คุณนายท็องส์ อยากจะขออภัยในความหวั่นวิตกที่เขาทิ้งไว้ให้ ซึ่งเขารู้สึกว่าต้องรับผิดชอบ แต่ดูเหมือนว่าไม่มีถ้อยคำไหนที่จะดูไม่น่ากลัวและไม่จริงใจพอที่จะพูดได้
“ผมจะบอกท็องส์ – โดรา – ให้ส่งข่าว เมื่อเธอ....เอ่อ! ขอบคุณที่ดูแล ขอบคุณสำหรับทุกสิ่ง ผม...”
เขารู้สึกโล่งใจที่ได้ออกจากห้องนั้น ตามเท็ด ท็องส์ไปในทางเดินสั้นๆ สู่ห้องนอนห้องหนึ่ง แฮกริดตามหลังมาต้องก้มต่ำเพื่อหัวจะได้ไม่ชนขอบประตู
“นี่ไงพ่อหนุ่ม กุญแจนำทาง”
ท็องส็ ชี้ไปที่แปรงผมอันเล็กๆ ที่มีด้านหลังด้ามทำจากเงิน ซึ่งวางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง
“ขอบคุณครับ” แฮรี่พูด แล้วเอื้อมมือไปที่แปรงผม พร้อมที่จะไป
“รอแป๊บนึง” แฮกริดพูด ขณะมองไปรอบๆ “แฮรี่, เฮดวิกอยู่ไหน?”
“มัน...มันโดนเข้าเต็มๆ” แฮรี่ตอบ
ความสำนึกได้ถาโถมใส่เขา รู้สึกละอายใจตัวเองพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อคลอเบ้า นกฮูกตัวนี้เป็นทั้งเพื่อน และสายโยงเพียงหนึ่งเดียวของเขากับ โลกแห่งเวทย์มนต์ ยามใดก็ตามที่เขาต้องกลับไปอยู่กับพวกดัดลี่ย์
แฮกริดเอื้อมมือมหึมาตบไหล่แฮรี่อย่างเจ็บปวด
“ไม่เป็นไร” เขาปลอบ “ไม่เป็นไร! มันก็ได้มีชีวิตที่ดีและยาวนานพอแล้วล่ะ...”
“แฮกริด!” เท็ด ท็องส์ร้องเตือน เมื่อแปรงผมเริ่มเรืองเป็นแสงสีฟ้า แต่แฮกริดก็ใช้นิ้วสัมผัสมันทันเวลาพอดี
คล้ายถูกกระตุกที่ท้องโดยห่วงเชือกที่มองไม่เห็นไปข้างหน้า แฮรี่หลุดเข้าไปในความว่างเปล่า หมุนคว้าง นิ้วของเขาตรึงอยู่กับแปรงผม ลอยห่างออกจากท็องส์ ไม่กี่วินาทีต่อมาเท้าของเขาก็กระแทกพื้น และลงไปคลุกพื้นสี่ขาเลยทีเดียวบนสนามหญ้าที่บ้านโพรงกระต่าย เขาได้ยินเสียงกรีดร้อง จึงโยนแปรงผมที่ตอนนี้ไม่เรืองแสงแล้วทิ้งไป ลุกขึ้นแต่เซเล็กน้อย เขาเห็น นางวีสลี่ย์ กับจินนี่ วิ่งลงมาจากบันไดประตูหลัง ขณะที่แฮกริดก็กำลังลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบากเหมือนกัน
“แฮรี่? เธอใช่แฮรี่ตัวจริงรึเปล่า? เกิดอะไรขึ้น? คนอื่นอยู่ไหน?” นางวีสลี่ย์ถามทั้งน้ำตา
“หมายความว่าไงครับ? ยังไม่มีใครกลับมาอีกเหรอ?” แฮรี่ถามหอบๆ
คำตอบนั้นชัดเจนอยู่บนสีหน้าซีดเผือดของนางวีสลี่ย์อยู่แล้ว
“ผู้เสพความตายมันดักรอเราอยู่” แฮรี่เล่า “เราถูกล้อมทันทีที่เราออกมา – พวกมันรู้ว่าเป็นคืนนี้ – ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรกับคนอื่นๆ พวกมัน4คนไล่ตามเรา เราหนีสุดชีวิต แล้ว โวลเดอมอร์ทมันก่อโผล่มา...”
เขาสัมผัสได้ถึงการพยายามแก้ตัวในน้ำเสียงของตัวเองขณะเล่า ข้ออ้างที่จะให้เธอเข้าใจว่าทำไมเขาถึงไม่รู้ถึงชะตากรรมของบรรดาลูกชายของเธอ แต่...
“ขอบคุณพระเจ้าที่เธอไม่เป็นไร” เธอพูดขณะที่ดึงตัวเขาไปสวมกอด กอดที่แฮรี่รู้สึกว่าเขาไม่สมควรได้รับ
“มีบรั่นดีซักหน่อยมั๊ย, มอลลี่?” แฮกริดถามแบบสั่นๆ “กินเป็นยาน่ะ!”
เธอจะเรียกมันมาด้วยเวทย์มนต์ก็ได้ แต่เธอรีบเดินกลับไปในบ้าน แฮรี่รู้ดีว่าเธอต้องการจะซ่อนสีหน้าเอาไว้ เขาหันมาหาจินนี่ แล้วเธอก็ตอบรับคำแก้ตัวที่ไม่ได้พูดออกมาของเขาด้วยข้อมูลในทันที
“รอน กับท็องส์ ควรจะกลับมาก่อนใคร แต่พวกเขาพลาดกับกุญแจนำทาง มันมาถึงนี่โดยไม่มีใคร” เธอบอกพร้อมกับชี้ไปที่กระป๋องน้ำมันขึ้นสนิมบนพื้น “แล้วอันนั้น”ชี้ไปที่รองเท้าผ้าเก่าๆ “เป็นของพ่อกับ เฟรด น่าจะมาถึงเป็นพวกที่สอง เธอกับแฮกริด เป็นพวกที่สาม แล้วก็...” จินนี่มองดูนาฬิกา “ถ้ารอดมาได้ จอร์จ กับลูปิน ก็น่าจะมาถึงภายใน1นาทีนี้แหล่ะ”
นางวีสลี่ย์ออกมาอีกครั้งพร้อมกับขวดบรั่นดี แล้วยื่นให้กับแฮกริด เขาดึงจุกออก แล้วยกดื่มรวดเดียวหมด
“แม่!” จินนี่ตะโกน แล้วชี้ไปที่ห่างไปไม่กี่ฟุต
แสงสีฟ้าเรืองออกมาจากความมืด ใหญ่ขึ้นและสว่างขึ้นทุกที แล้วลูปินกับจอร์จก็ปรากฏตัว หมุนตลบและล้มลง แฮรี่รู้ในทันทีว่ามีเรื่องแน่ เมื่อเห็นลูปินประคองจอร์จซึ่งหมดสติ และใบหน้าปกคลุมไปด้วยเลือด
แฮรี่รีบวิ่งไปอุ้มขาของจอร์จขึ้น แล้วช่วยลูปินแบกจอร์จเข้าไปในบ้าน ผ่านห้องครัวเข้าไปยังห้องนั่งเล่น วางเขาลงบนโซฟา เมื่อแสงตะเกียงส่องให้เห็นหน้าจอร์จชัดๆ จินนี่ถึงกับอ้าปากค้าง และแฮรี่ก็รู้สึกท้องปั่นป่วนขึ้นมาทันใด หูของจอร์จหายไปข้างนึง ศรีษะข้างนั้นเปียกชุ่มไปด้วยเลือดสีแดงที่น่าสยดสยอง
ยังไม่ทันที่นางวิสลี่ย์จะก้มมาดูอาการลูกชาย ลูปินก็กระชากแขนแฮรี่ ลากไปในห้องครัว ซึ่งแฮกริดกำลังพยายามแทรกตัวผ่านประตูหลังเข้ามาพอดี
“เฮ้ย!” แฮกริดตะโกนอย่างขุ่นเคือง “ปล่อยเขานะ! ปล่อยแฮรี่!”
ลูปินไม่สนใจ
“มีตัวอะไรอยู่ที่มุมห้อง ตอนที่แฮรี่ พ็อตเตอร์เข้าไปในห้องของฉันที่ฮอกวอร์ตเป็นครั้งแรก?”
เขาถาม พร้อมทั้งจับตัวแฮรี่เขย่า “ตอบมา!”
“เอ่อ...กรินดี้โลวในแทงค์น้ำ ใช่มั๊ย?”
ลูปินจึงยอมปล่อยแฮรี่แล้วทิ้งตัวพิงกับตู้ในครัว
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?” แฮกริดตะคอก
“โทษที แฮรี่, แต่ต้องเช็คกันหน่อย” ลูปินกล่าวห้วนๆ “เราถูกหักหลัง โวลเดอมอร์รู้ว่าเธอจะถูกเคลื่อนย้ายวันนี้ และคนที่จะให้ข่าวนี้ได้ต้องอยู่ในปฏิบัติการนี้โดยตรง เธอจึงอาจจะเป็นตัวปลอมก็ได้”
“แล้วทำไมนายไม่เช็คฉันมั่งล่ะ?” แฮกริดถามหอบๆ ยังคงพยายามแทรกตัวผ่านประตูเข้ามา
“นายเป็นลูกครึ่งยักษ์” ลูปินตอบ มองไปที่แฮกริด “ยาสรรพรส ใช้ได้กับมนุษย์เท่านั้น”
“ไม่มีใครในภาคีไปบอกโวลเดอมอร์หรอก ว่าเราจะเคลื่อนย้ายวันนี้” แฮรี่พูด “โวลเดอมอร์ทเพิ่งมาตามผมทันตอนหลังนี่เอง ตอนแรกเขาไม่รู้ว่าใครเป็นตัวจริง ถ้าเขารู้แผนทั้งหมด ก็ต้องรู้แต่แรกสิว่าผมอยู่กับแฮกริด”
“โวลเดอมอร์ทตามเธอเจอรึ?” ลูปินพูดอย่างตกใจ “เกิดอะไรขึ้น? แล้วเธอหนีรอดมาได้ไง?”
แฮรี่จึงเล่าอย่างย่อๆ ถึงผู้เสพความตายที่ตามมารู้ว่าเขาเป็นตัวจริงได้ไง, แล้วเขาหนีการตามล่ายังไง, แล้วพวกนั้นก็คงตามตัวโวลเดอมอร์ทมาซี่งก็โผล่มาตอนที่กำลังจะถึงบ้านพ่อแม่ของท็องส
์พอดี
“พวกนั้นจำเธอได้เหรอ? ได้ยังไง? เธอไปทำอีท่าไหนเข้าล่ะ?”
“ผม...”แฮรี่พยายามจะนึกให้ออก การเดินทางทั้งหมดมันดูเบลอๆไปด้วยความตื่นกลัวและสับสน “ผมเห็นแสตน ซันไพค์ ประมาณว่า...เคยเป็นเด็กขายตั๋วบนรถเมย์อัศวิน ผมพยายามจะปลดอาวุธเขา แทนที่จะ...แบบว่า! เขาคงไม่รู้ตัวหรอกว่าเขาทำอะไรลงไป จริงมั๊ย? อาจถูกคำสาบสะกดใจก็ได้นะ!”
ลูปินดูอึ้งไป
“แฮรี่, เวลาจะมาปลดอาวุธกัน มันผ่านไปแล้ว! ไอ้พวกนี้น่ะมันพยายามจะจับและฆ่าเธอนะ! อย่างน้อยก็คาถางงงวยก็ยังดีถ้าเธอไม่พร้อมที่จะฆ่าใครน่ะ!”
“ก็เราอยู่สูงเป็นร้อยๆฟุต! แสตนก็ไม่เป็นตัวของตัวเอง, ถ้าผมอัดเขาจนงง เขาก็อาจจะหล่นลงมาตายได้นะ ไม่ต่างกับการใช้ อะวาดา คาดาฟรา หรอก! คาถาปลดอาวุธช่วยผมไว้จากโวลเดอมอร์เมื่อ2ปีก่อนนะ”แฮรี่สำทับลูปิน ทำให้ตอนนี้เขานึกถึง ซาชาเรียส์ สมิท ขี้จุ๊ย จาก ฮัฟเฟิลพัฟ ที่หัวเราะเยาะเขาตอนที่พยายามจะสอนให้กองทัพดัมเบิลดอร์ฝึกหัดการปลดอาวุธ
“ก็จริงอยู่, แฮรี่”ลูปินพูด “แต่ผู้เสพความตายมากมายก็อยู่ในเหตการณ์นั้น! ขอโทษนะ, ตอนนั้นน่ะมันไม่มีใครคาดคิด ยิ่งสถานการณ์ที่ความตายมาจ่ออยู่ตรงหน้าด้วยแล้ว แต่วันนี้เธอก็ใช้มันอีกต่อหน้าผู้เสพความตายที่เคยเห็นหรือได้ยินเรื่องนี้มาแล้ว มันฆ่าตัวตายชัดๆ!”
“งั้นคุณก็คิดว่าผมน่าจะฆ่า แสตน ซันไพค์ สินะ?” แฮรี่ เริ่มมีอารมณ์
“ไม่ใช่ยังงั้น” ลูปินตอบ “แต่ผู้เสพความตายน่ะ – คิดว่าส่วนใหญ่ด้วย – คาดว่าเธอต้องตอบโต้! คาถาปลดอาวุธน่ะมีประโยชน์, แฮรี่, แต่ผู้เสพความตายคงคิดว่ามันเป็นลายเซ็นของเธอไปแล้ว! ซึ่งฉันคิดว่าไม่ควรปล่อยให้เป็นอย่างนั้น!”
ลูปินทำให้แฮรี่รู้สึกว่าตัวเองงี่เง่าจริงๆ แต่ยังไงความดื้อดึงภายในตัวเขาก็ยังมีอยู่
“ผมจะไม่เป่าคนให้กระจุยไปต่อหน้าต่อตาหรอก” แฮรี่พูด “นั่นมันงานของ โวลเดอมอร์”
ลูปินเถียงไม่ออก : ในที่สุดแฮกริดก็กระเสือกกระสนเข้ามาในบ้านจนได้ ตุปัดตุเป๋มานั่งที่เก้าอี้ตัวหนึ่งซึ่งก็พังอยู่ใต้ก้นเขาในทันที แฮรี่ไม่สนใจคำขอโทษวุ่นวายของเขา แล้วถามลูปินว่า
“จอร์จ จะหายดีมั๊ย?”
ความรู้สึกสิ้นท่าของลูปินกับแฮรี่เมื่อกี๊ แทบจะหายไปทันทีกับคำถามนี้
“คิดว่างั้นนะ, แม้ว่าจะไม่มีทางเอาหูคืนมาได้ ถ้าโดนสาปเข้าเต็มๆอย่างนี้ก็ตาม”
มีเสียงวุ่นวายมาจากข้างนอก ลูปินก็พุ่งไปที่ประตูหลังทันที แฮรี่ก็กระโดดข้ามขาของแฮกริดแล้วตามออกไปที่สนามหลังบ้าน
มี2ร่างปรากฏขึ้นในสนาม ขณะที่แฮรี่วิ่งไปหาก็จำได้ว่าคือ เฮอร์ไมโอนี่ซึ่งกลับคืนร่างแล้ว กับคิงส์ลี่ย์ ทั้งคู่ถือไม้แขวนเสื้องอๆอยู่อันนึง เฮอร์ไมโอนี่โผเข้ากอดแฮรี่ แต่คิงส์ลี่ย์กลับไม่รู้สึกยินดียินร้ายกับการพบกันอีกครั้ง ข้ามไหล่เฮอร์ไมโอนี่ไปแฮรี่เห็นเขายกไม้กายสิทธิ์ขึ้น ชี้ไปที่หน้าอกของลูปิน
“คำสุดท้ายที่ อัลบัส ดัมเบิลดอร์ สั่งเสียไว้กับเราสองคนคืออะไร?”
“แฮรี่คือความหวังสูงสุดของเรา, จงเชื่อมั่นในตัวเขา” ลูปินกล่าวอย่างใจเย็น
คิงส์ลีย์ หันไม้กายสิทธิ์มาทางแฮรี่ แต่ลูปินชิงพูดก่อน “ตัวจริง ฉ้นเช็คแล้ว”
“ก็ได้ ก็ได้” คิงส์ลีย์พูด พรางยัดไม้กายสิทธิ์กลับไปในเสื้อคลุม “แต่มันมีคนหักหลังเรา! พวกนั้นรู้, พวกมันรู้ว่าป็นคืนนี้!”
“ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้น” ลูปินตอบ “แต่ก็เห็นชัดว่าพวกมันไม่รู้ว่าจะมีแฮรี่7คน”
“สบายขึ้นนิดนึง!”คิงส์ลีย์คำราม “ใครกลับมาแล้วมั่ง?”
“ก็แค่ แฮรี่, แฮกริด, จอร์จ แล้วก็ฉัน”
เฮอร์ไมโอนี่ เอามือปิดหน้าแล้วสะอื้นเบาๆ
“เกิดอะไรขึ้นกับพวกนาย?” ลูปินถามคิงส์ลีย์
“มันตามมา5คน, ซัดเจ็บไปสอง, อาจเก็บได้หนึ่ง” คิงส์ลีย์สาธยาย “แล้วก็เจอคุณก็รู้ว่าใครด้วย ตามมาตอนครึ่งทาง แต่ก็หายไปเร็วมาก รีมัส เขา...”
“บินได้” แฮรี่เสริม “ผมก็เจอ เขาไล่ตามผมกับแฮกริด”
“นั่นคือเหตุผลที่หายไปสินะ – ไปตามล่าเธอ” คิงส์ลีย์พูด “แต่ก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมท้ายที่สุดก็หายไปเลย แล้วทำไมถึงเปลี่ยนเป้าหมายกลางคัน?”
“ก็แฮรี่น่ะสิ ออมมือให้ แสตน ซันไพค์ มากไปหน่อย”ลูปินบอก
“แสตน?” เฮอร์ไมโอนี่ย้ำ “น่าจะอยู่ในอาซคาบันไม่ใช่เหรอ?”
คิงส์ลีย์หัวเราะออกมาดังๆ
“เฮอร์ไมโอนี่, ก็เห็นๆอยู่ว่ามีการแหกคุกครั้งใหญ่ที่กระทรวงปิดข่าวเอาไว้ ผ้าคลุมหน้าของเทรเวอร์หลุดออกตอนที่ฉันเสกคาถา เขาก็น่าจะยังอยู่ในคุกเหมือนกัน แต่เอาเถอะ เกิดอะไรขึ้นกับพวกนายล่ะ รีมัส? จอร์จไปไหน?”
“หูเขาขาดไปข้างนึง” ลูปินบอก
“หูขา...ด?” เฮอร์ไมโอนี่ร้องเสียงหลง
“ฝีมือไอ้สเน็ปมัน” ลูปินเล่า
“สเน็ป?” แฮรี่ตะโกน “อย่าบอกนะว่า...”
“ผ้าคลุมมันหลุดตอนไล่ตามเรา Sectumsempra นี่ของถนัดมันเลย ฉันกะว่าจะเอาคืนเหมือนกันแต่ต้องช่วยจอร์จก่อน เพราะตอนนั้นเขาเสียเลือดมากเหลือเกิน”
ทั้งสี่คนพากันเงียบไปเมื่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ไม่มีอะไรเคลื่อนไหว ดวงดาวส่องแสงลงมา ไม่กระพริบ ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ถูกบดบังโดยเพื่อนๆซึ่งกำลังบินกลับมา รอนอยู่ไหน? เฟรด กับ คุณวีสลีย์อยู่ไหน? บิล, เฟลอ, ท็องส์, แมดอายส์ และ มันดังกัสอยู่ไหน?”
“แฮรี่, มาช่วยหน่อย” แฮกริดร้องเรียกมาจากประตูที่ซึ่งเขาเข้าไปติดอยู่อีกแล้ว ดีใจที่มีอะไรให้ทำ แฮรี่รีบกระชากแฮกริดให้หลุดออกมา แล้วเดินผ่านครัวเข้าไปในห้องนั่งเล่น ซึ่งนางวีสลีย์ กับจินนี่กำลังดูแลจอร์จอยู่ คูณนายวีสลีย์กำลังล้างแผลให้เขา และด้วยแสงตะเกียง แฮรี่เห็นรูซึ่งเคยเป็นหูของจอร์จมาก่อน
“เขาเป็นไงบ้างครับ?”
นางวีสลีย์หันกลับมาแล้วบอกว่า “ฉันทำให้มันงอกใหม่ไมได้ ไม่ได้แน่ๆเมื่อโดนมนต์ดำเข้าอย่างนี้ จริงๆมันอาจจะเลวร้ายกว่านี้ก็ได้...แต่นี่อย่างน้อยเขาก็ยังไม่ตาย”
“ใช่” แฮรี่พูด “ขอบคุณพระเจ้า”
“ได้ยินเสียงใครที่สนามน่ะ?” จินนี่ถาม
“เฮอร์ไมโอนี่ กับ คิงส์ลีย์” แฮรี่ตอบ
“ขอบคุณสวรรค์” จินนี่กระซิบ พวกเขาสบตากัน แฮรี่อยากจะกอดเธอ กอดอยู่อย่างนั้น ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าคุณนายวีสลีย์จะอยู่ตรงนั้น แต่ก่อนที่เขาจะเผลอทำตามใจปรารถนาก็มีเสียงดังขึ้นในครัวเสียก่อน
“ฉันจะพิสูจน์เองว่าเป็นใคร, คิงส์ลีย์, หลังจากได้ดูอาการของลูกชายฉันก่อน ทีนี้ถอยไปถ้ายังฉลาดอยู่บ้าง”
แฮรี่ไม่เคยเห็นคุณวีสลีย์ตะคอกใส่ใครอย่างนี้มาก่อน เขาโผเข้ามาในห้องนั่งเล่น ศีรษะล้านของเขาโชกไปด้วยเหงื่อ แว่นตาเอียงไปข้างนึง เฟรดตามหลังมาติดๆ ทั้งคู่ดูซีดเซียว แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บ
“อาร์เธอร์!” นางวีสลีย์สะอื้น “โอ! ขอบคุณสวรรค์”
“ลูกเป็นไงบ้าง?”
คุณวีสลีย์คุกเข่าลงข้างๆจอร์จ และเป็นครั้งแรกตั้งแต่แฮรี่ได้รู้จักเฟรด เขาดูเหมือนจะพูดอะไรไม่ออก เขาอ้าปากค้างอยู่หลังโซฟาจ้องดูบาดแผลของฝาแฝดตัวเองราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่เขาเห็น
อาจจะเพราะได้ยินเสียงเฟรด กับพ่อมา ทำให้ จอร์จรู้สึกตัวขึ้นมา
“เป็นไงบ้างลูก, จอร์จี้?” นางวีสลีย์กระซิบเบาๆ
นิ้วมือของจอร์จคลำไปที่ข้างศีรษะ
“ยังกะ...เทพ” เขาพึมพำ
“เขาเป็นไรไปอ่ะ?” เฟรดพูดอย่างตื่นกลัว “สมองกระทบกระเทือนรึปล่าว?”
“ยังกะ...เทพ” จอร์จย้ำ ลืมตาขึ้นมามองพี่ชาย “เห็นมั๊ย....ฉันมีองค์, องค์ลง, เฟรด, เข้าจ๊าย?”
นางวีสลีย์สะอื้นหนักกว่าเดิม แต่หน้าซีดๆของเฟรดกลับมีสีเลือดขึ้นมา
“อุบาทย์” เขาพูดกับจอร์จ “ทุเรศ! มุขมีบานเบอะ แกนึกได้แค่ องค์ลงนี่นะ?”
“เออ เด่ะ!” จอร์จพูด ยิ้มให้กับแม่ที่น้ำตานองหน้าของเขา “ที่นี้แม่ก็แยกเราออกแล้วใช่มะว่าใครเป็นใคร”
เขามองไปรอบๆ
“หวัดดี แฮรี่ – ถ้านายคือแฮรี่อ่ะนะ?”
“ใช่ ฉันเอง”แฮรี่ตอบ ขยับตัวเข้าไปใกล้โซฟา
“อย่างน้อยเราก็พานายมานี่จนได้ล่ะนะ” จอร์จพูด “แล้วทำไมบิลกับรอนไม่มาเฝ้าไข้ฉันล่ะเนี่ย?”
“พวกนั้นยังไม่กลับมา, จอร์จ” นางวีสลีย์ตอบ รอยยิ้มของจอร์จหายไปทันที แฮรี่เหลือบมองไปที่จินนี่ แล้วทำท่าชวนให้ออกไปด้วยกัน ขณะที่เดินผ่านครัว เธอบอกเสียงเบาๆว่า “รอน กับ ท็องส์ น่าจะกลับมาได้แล้ว พวกเขาไม่ต้องเดินทางไกล บ้านของป้ามัวรีลไม่ได้ไกลจากที่นี่ขนาดนั้น”
แฮรี่ไม่พูดอะไร เขาพยายามจะเก็บกดความกลัวไว้ตั้งแต่มาถึงบ้านโพรงกระต่ายนี่ แต่ตอนนี้มันรุมล้อมเขาไว้แล้วทั้งตัว ไต่ยั้วเยี้ยไปตามผิวหนังของเขา เต้นตุ๊บๆอยู่ในหน้าอก อุดตันอยู่ในลำคอ และขณะที่พวกเขาเดินลงบันไดด้วยกันไปในสนามอันมืดมิด จินนี่กุมมือเขาไว้
คิงส์ลีย์ เดินกลับไปกลับมา มองขึ้นไปบนฟ้าทุกครั้งที่กลับตัว ทำให้แฮรี่นึกถึงลุงเวอร์นอนในห้องนั่งเล่นเมื่อล้านปีมาแล้ว แฮกริด, เฮอร์ไมโอนี่, และลูปิน ยืนชิดกันจ้องมองไปด้านบนอย่างสงบ ไม่มีใครหันมาเมื่อตอนที่แฮรี่กับจินนี่เข้ามาร่วมวง
แต่ละนาทียืดยาวเหมือนเป็นปีๆ ลมโชยเพียงเบาๆก็ทำให้พวกเขาหันไปทางต้นไม้ หรือพุ่มไม้ที่มาของเสียงในทันที ด้วยความหวังว่าจะเห็นเพื่อนในภาคีสักคนโผล่ออกมาโดยไร้รอยขีดข่วนจากพุ่มไม่นั่น
ทันใดนั้นก็มีไม้กวาดปรากฏขึ้นเหนือพวกเขา กำลังพุ่งตรงตรงลงมาบนพื้นพอดี
“พวกเขานี่!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องบอก
ท็องส์ร่อนลงจอดไถลเป็นทางยาว ดินและกรวดกระจายไปทั่ว
“รีมัส!” ท็องส์ร่ำไห้ขณะตะเกียกตะกายจากไม้กวาดเข้าอ้อมกอดลูปิน หน้าของเขานิ่งและซีด : ดูเหมือนจะพูดอะไรไม่ออก รอนเดินงงๆมาหา แฮรี่กับเฮอร์ไมโอนี่
“นายปลอดภัย” รอนพึมพำ ก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่จะเข้ามากอดเขาไว้แน่น
“ฉันคิดว่า...ฉันคิดว่า...”
“ฉันไม่เป็นไร” รอนพูดพร้อมตบที่หลังของเธอเบาๆ “ฉันปลอดภัย”
“รอนเก่งมาก” ท็องส์ชม คลายกอดจากลูปิน “สุดยอด, เสกคาถามึนงงใส่ผู้เสพความตายแสกหน้าเลย นี่ขนาดเป้าเคลื่อนที่แล้วก็อยู่บนไม้กวาดด้วยนะ...”
“จริงอ่ะ?” เฮอร์ไมโอนี่ถาม พิจารณารอนขณะที่แขนของเธอยังโอบรอบคอเขาอยู่
“น้ำเสียงเหมือนแปลกใจตลอดเลยนะเธอ..!” รอนพูดอย่างเสียอารมณ์ แล้วผละตัวออก “นี่เรากลับมากลุ่มสุดท้ายรึเปล่า?”
“ยัง” จินนี่บอก “เรายังรอ บิลกับเฟลอ และก็ แมดอายกับมันดังกัสอยู่ เดี๋ยวฉันจะไปบอกพ่อกับแม่ก่อนนะว่าพี่ปลอดภัย...”
เธอวิ่งกลับเข้าไปในบ้าน
“แล้วทำไมถึงช้านัก? เกิดอะไรขึ้น?” ลูปินถามดุๆกับท็องส์
“เบลลาทริกซ์น่ะสิ!” ท็องส์ตอบ “อยากจะจัดการกับฉันพอๆกับแฮรี่เลยมั๊ง, รีมัส, กะเอาให้ตายกันไปข้างนึงเลย ฉันก็อยากจะสะสางบัญชีเก่าเหมือนกันนะ แต่อย่างน้อยก็ได้อัดโรโดลฟัสเจ็บไปคนล่ะ...แล้วเราก็มาถึงบ้านป้ามัวรีลจนได้ แต่ก็พลาดกับกุญแจนำทาง เธอโวยวายใส่เราใหญ่เลย...”
ลูปินขบกรามแน่น เขาพยักหน้า แต่ก็เหมือนจะไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้
“แล้วพวกเธอล่ะเจออะไรกันมาบ้าง?” ท็องส์ถามแล้วกวาดตามองไปยังแฮรี่, เฮอร์ไมโอนี่ และคิงส์ลีย์
พวกเขาเริ่มเล่าเรื่องราวของแต่ละคนอีกครั้ง แต่ทุกขณะที่ผ่านไป ยังไม่ปรากฏตัวของ บิล, เฟลอ, แมดอาย และมันดังกัส ที่ปกคลุมพวกเขาอยู่ดังเกล็ดน้ำแข็ง ความหนาวเย็นเสียดแทงของมัน พวกเขาทำเป็นเมินเฉยได้ยากขึ้นทุกทีๆ
“ฉันต้องกลับไปที่ถนนดาวน์นิ่ง(ทำเนียบนายกฯอังกฤษ) ควรจะถึงที่นั่นตั้งแต่ชั่วโมงก่อนหน้านี้แล้ว” คิงส์ลีย์พูดขึ้นมาในที่สุด หลังจากเหลือบมองท้องฟ้าเป็นครั้งสุดท้าย “ส่งข่าวด้วยถ้าพวกนั้นกลับมาแล้ว”
ลูปินพยักหน้า หลังจากโบกมือลาทุกคน คิงส์ลีย์ก็เดินฝ่าความมืดไปทางประตูใหญ่ แฮรี่คิดว่าได้ยินเสียง ป๊อบเบาๆ ตอนที่ คิงส์ลีย์หายตัวที่นอกอาณาเขตของบ้านโพรงกระต่าย
นาย และนางวิสลีย์ถลาลงมาจากบันไดประตูหลัง จินนี่ตามมาติดๆ ทั้งคู่เข้ามากอดรอนก่อนที่จะหันมาทางลูปิน กับท็องส์
“ขอบคุณนะ” นางวีสลีย์พูด “เรื่องลูกๆของเรา”
“อย่าโง่ไปหน่อยเลย, มอลลี่” ท็องส์ตัดบท
“จอร์จเป็นไงมั่ง?” ลูปินถาม
“เขาเป็นอะไรเหรอ?” รอนแทรกขึ้นมา
“พี่เขาเสีย...”
ท้ายประโยคของนางวิสลีย์ถูกกลบด้วยเสียงร้องโวยวาย : ธีสทรัล ตัวหนึ่งปรากฏขึ้นแล้วร่อนลงห่างออกไปไม่กี่ฟุต บิลกับเฟลอลงมาจากหลังของมัน ทั้งคู่ดูกระเซอะกระเซิงแต่ไม่ได้รับบาดเจ็บ
“บิล, ขอบคุณพระเจ้า, โอ..ขอบคุณพระเจ้า...”
นางวีสลีย์วิ่งเข้าไปหา บิลกอดแม่พอเป็นพิธี หันไปทางพ่อของเขาแล้วพูดว่า “แมดอาย ตายแล้ว”
ไม่มีใครพูด ไม่มีใครขยับ แฮรี่รู้สึกว่าบางอย่างในตัวเข้ากำลังหลุดลอย ร่วงหล่นลงสู่พื้น จากเขาไปโดยไม่มีวันกลับ
“เราเห็นกับตา” บิลเล่า: เฟลอพยักหน้า คราบน้ำตาเป็นประกายบนแก้มของเธอใต้แสงที่ส่องมาจากห้องครัว “ตอนที่เราเพิ่งแหวกวงล้อมออกมาได้:แมดอายกับดังก์อยู่ใกล้ๆเรา มุ่งขึ้นเหนือเหมือนกัน โวลเดอมอร์ท – มันบินได้ – ไล่ตามพวกเขาไป ดังก์กลัวหัวหด ผมได้ยินเขาร้องโวยวาย แมดอายพยายามห้ามแล้ว แต่ดังก์ก็ยังเผ่นหนี...หายตัวไป คาถาของโวลเดอมอร์ทเสกโดนหน้าแมดอายเต็มๆ เขาหงายหลังตกจากไม้กวาดแล้วก็...เราช่วยอะไรไม่ได้เลย, ไม่ได้เลยจริงๆ , มีไอ้พวกนั้นตามหลังเราอยู่สักครึ่งโหลได้มั๊ง...”
แล้วเสียงของบิลก็ขาดห้วงไป
“นายช่วยอะไรไม่ได้หรอก” ลูปินพูด
พวกเขายืนมองกันและกัน แฮรี่ไม่สามารถจะยอมรับมันได้ แมดอายตายแล้ว; เป็นไปไม่ได้...แมดอาย, คนที่แกร่งขนาดนั้น, กล้าหาญขนาดนั้น, นักรบเดนตายตัวจริง...
ในที่สุดทุกคนก็ตระหนักได้โดยที่ไม่ต้องมีใครบอก ไม่มีประโยชน์ที่จะรอคอยในสนามอีกต่อไป พวกเขาเดินตามนายและนางวีสลีย์กลับเข้าไปในบ้านโพรงกระต่ายอย่างเงียบๆ จนมาถึงห้องนั่งเล่นที่เฟรดกับจอร์จกำลังหัวร่อต่อกระซิกกันอยู่
“มีอะไร?” เฟรดถาม สำรวจหน้าทุกคนที่กำลังเข้ามาในห้อง “เกิดอะไรขึ้น? ใคร...?”
“แมดอาย” นายวิสลีย์บอก “ตายแล้ว”
รอยยิ้มของคู่แฝดกลับกลายเป็นสีหน้าของความตกใจ เหมือนไม่มีใครรู้ว่าต้องทำอย่างไรต่อไป ท็องส์ร้องไห้เบาๆใต้ผ้าเช็ดหน้า:แฮรี่รู้ว่าเธอใกล้ชิดกับแมดอายมาก เธอคือคนโปรด และผู้สืบทอดของเขาที่กระทรวงเวทย์มนต์ แฮกริด ซึ่งนั่งอยู่บนพื้นในมุมที่กว้างมากที่สุด ก็กำลังซับน้ำตาด้วยผ้าเช็ดหน้าขนาดเท่าผ้าปูโต๊ะของเขา
บิลเดินไปที่ตู้แล้วหยิบขวดวิสกี้ไฟออกมา พร้อมกับแก้วจำนวนนึง
“รับไป” สะบัดไม้กายสิทธ์วูบเดียวเขาก็ส่งแก้วที่รินแล้ว12ใบไปให้กับทุกคน เขาชูใบที่13ไว้ในมือ
“แด่แมดอาย” ทุกคนพูด แล้วดื่ม
“แด่แมดอาย” แฮกริดพูด ช้ากว่าคนอื่นนิดหน่อย แถมมีสะอึกด้วย
ขณะวิสกี้ไฟเผาลำคอของแฮรี่: เหมือนจุดประกายแห่งความรู้สึกกลับคืนมา มันช่วยปัดเป่าความมึนงง และสัมผัสแห่งภาพลวงออกไป แทนที่ด้วยบางอย่างที่คล้ายๆความกล้าหาญ
“เป็นอันว่ามันดังกัสมันหายหัวไป? ลูปินเอ่ยขึ้นมา เขายกแก้วรวดเดียวหมด
บรรยากาศเปลี่ยนไปทันที ทุกคนดูตึงเครียด ต่างจับจ้องไปที่ลูปิน แฮรี่คิดว่าทุกคนทั้งอยากให้ลูปินพูดต่อ และกลัวในสิ่งที่จะได้ยินในเวลาเดียวกัน
“ผมรู้ว่าคุณกำลังคิดอะไร” บิลพูด “ระหว่างทางกลับมานี่ผมก็สงสัยอยู่เหมือนกัน เพราะดูเหมือนว่าพวกมันดักรอเราอยู่ใช่มั๊ย? แต่มันดังกัสไม่ได้หักหลังเราหรอก เพราะพวกนั้นไม่รู้ว่าจะมีพ็อตเตอร์7คน และพวกมันดูสับสนตอนเราออกมา แล้วก็จำไม่ได้รึว่า มันดังกัสเป็นคนเสนอแผนนี้เอง งั้นทำไมเขาไม่บอกพวกนั้นล่ะ? ผมคิดว่าเขาตื่นตกใจ...ก็แค่นั้น! เขาไม่อยากไปกับเราตั้งแต่แรก แต่แมดอายบังคับเขา แล้วก็โดนคุณก็รู้ว่าใครไล่ล่า เท่านี้!..เป็นใครก็หัวหดกันทั้งนั้น”
“คุณก็รู้ว่าใครทำอย่างที่แมดอายคาดไว้เลย” ท็องส์พุด “แมดอายบอกว่า เขาต้องคิดว่าแฮรี่ตัวจริงต้องอยู่กับมือปราบที่แกร่ง และเก่งที่สุด เขาตามแมดอายก่อนใคร แล้วพอมันดังกัสเผยไต๋ก็เปลี่ยนไปตามคิงส์ลีย์แทน...”
“ใช่ นั่นก็ดีอยู่หรอก”เฟลอตวาด “แต่มันก็ยังไม่ได้อธิบายว่าทำไมพวกนั้นถึงรูว่าเราจะเคลื่อนย้ายแฮรี่วันนี้ใช่มะ? มันต้องมีบางคนสะเพร่า บางคนอาจเผลอปล่อยข่าวนี้กับคนนอกโดยไม่ระวัง นั่นคือคำอธิบายเดียวที่มีว่าทำไมพวกมันถึงรู้แค่วันที่ แต่ไม่รู้แผนทั้งหมด”
เธอมองไปรอบๆ คราบน้ำตายังทิ้งรอยไว้บนหน้างามๆของธอ เธอท้าท้ายอย่างเงียบๆสำหรับใครก็ตามที่จะโต้แย้งเธอ แต่ไม่มีใครกล้า เสียงเดียวที่แทรกขึ้นมากลางความเงียบคือเสียงสะอึกผ่านผ้าเช็ดหน้าของแฮกริด แฮรี่มองไปที่แฮกริด, ผู้ซึ่งเพิ่งเสี่ยงชิวิตปกป้องเขา—แฮกริด, คนที่เขารัก, คนที่เขาไว้ใจ, คนที่ครั้งหนึ่งเคยถูกล่อลวงให้บอกข่าวสำคัญแก่โวลเดอมอร์ท เพื่อแลกกับไข่มังกร...”
“ไม่นะ” แฮรี่ตะโกน ทุกคนหันมามองเป็นตาเดียวกัน ประหลาดใจนิดหน่อยที่วิสกี้ไฟดูเหมือนจะขยายเสียงของเขาให้ดังขึ้นเกินจำเป็น “ผมหมายถึง...ถ้ามีใครสักคนทำพลาด” แฮรี่พูดต่อ “แล้วปล่อยข่าวรั่ว ผมรู้ว่าเขาคงไม่ได้ตั้งใจ ไม่ใช่ความผิดของเขา” เขาพูดต่อ ด้วยเสียงที่ดังกว่าปกติ “เราต้องเชื่อใจกันและกัน ผมเชื่อมั่นในทุกคน, ผมไม่คิดว่าจะมีใครในห้องนี้ขายผมให้โวลเดอมอร์ทหรอก”
ความเงียบตามมาอีกครั้งหลังแฮรี่พูดจบ ทุกคนมองไปที่เขา;แฮรี่รู้สึกร้อนอีกแล้ว ไม่รู้จะทำอะไรก็จิบวิสกี้เข้าไปอีก ขณะที่ดื่มอยู่นั้น เขาก็หวนนึกถึงแมดอาย: แมดอายมักถากถางดัมเบิลดอร์ในเรื่องใว้ใจคนอื่นมากเกินไปเสมอ
“พูดได้ดี, แฮรี่” เฟรดพูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“ใช่, เอีย, เอีย” จอร์จ พูดพร้อมกับเหลือบมองเฟรด ซึ่งทำมุมปากเบ้อยู่
ลูปินมีท่าทางแปลกๆขณะมองดูแฮรี่: มันดูเกือบจะเป็นอาการสมเพศเลยทีเดียว
“คุณคิดว่าผมเป็นไอ้หน้าโง่ใช่มั๊ย?” แฮรี่ถามแบบเอาเรื่อง
“ไม่หรอก, ฉันคิดว่าเธอเหมือนเจมส์” ลูปินตอบ “พ่อเธอเห็นว่าเป็นการเสื่อมเกียรติอย่างร้ายแรงถ้าเราไม่เชื่อใจเพื่อน”
แฮรี่เข้าใจประเด็นของลูปินในทันที : พ่อของเขาถูกหักหลังโดยเพื่อนรัก, ปีเตอร์ เพ็ตติกรู เขาโกรธขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล, เขาต้องการจะโต้แย้ง, แต่ลูปินหันไปทางอื่น วางแก้วลงบนโต๊ะแล้วพูดกับบิล “มีบางอย่างต้องทำ ฉันจะลองถามคิงส์ลีย์ดูซิว่า...”
“ไม่ต้อง” บิลพูดทันที “ผมจะช่วย, ผมไปเอง”
“จะไปไหนกันน่ะ?” ท็องส์กับเฟลอถามพร้อมกัน
“ศพของแมดอาย” ลูปินตอบ “เราต้องหาให้เจอ”
“แล้วมัน...?” นางวีสลีย์พูดกับบิลด้วยสายตาวิงวอน
“เอาไว้ทีหลังเหรอแม่?” บิลพูด “ไม่ได้หรอกถ้าไม่อยากให้พวกผู้เสพความตายเอาไป”
ไม่มีใครคัดค้านอีก ลูปินกับบิลจึงกล่าวลาแล้วออกไป
คนที่เหลือต่างนั่งอยู่บนเก้าอี้ ยกเว้นแฮรี่ยังคงยืนอยู่ ความกระทันหันและแน่แท้ของความตายยังอยู่กับพวกเขาเหมือนมีตัวตนอยู่ตรงหน้านี่เอง
“ผมก็ต้องไปเหมือนกัน” แฮรี่พูด
สายตา10คู่มองเขาด้วยความตกใจ
“อย่าโง่ไปหน่อยเลยน่า, แฮรี่” นางวีสลีย์พูด “เธอกำลังพูดเรื่องอะไรน่ะ?”
“ผมอยู่ที่นี่ไม่ได้”
เขานวดหน้าผาก มันเจ็บจี๊ดๆอีกแล้ว มันไม่เคยเจ็บอย่างนี้มาเป็นปีแล้ว
“ทุกคนจะตกอยู่ในอันตรายถ้าผมอยู่ที่นี่ ผมไม่อยาก...”
“แต่ก็ไม่ต้องทำอะไรโง่ๆขนาดนั้น!” นางวิสลีย์พูด “จุดประสงค์ของคืนนี้ก็คือพาเธอมาให้ถึงที่นี่อย่างปลอดภัย และก็ต้องขอบคุณสวรรค์ที่เราทำสำเร็จ เฟลอยังตกลงจะแต่งงานที่นี่เลยแทนที่จะเป็นฝรั่งเศส เราเตรียมทุกอย่างไว้แล้วเพื่อที่ทุกคนจะได้อยู่พร้อมหน้ากันและดูแลเธอด้วย...”
เธอไม่เข้าใจ;เธอทำให้เขารู้สึกแย่หนักเข้าไปอีก ไม่ได้ช่วยเลย
“แล้วถ้าโวลเดอมอร์ทรู้ว่าผมอยู่ที่นี่ล่ะ...”
“เขาจะรู้ได้ยังไงล่ะ?” นางวีสลีย์ถาม
“ตอนนี้เธออาจจะอยู่ที่ไหนก็ได้เป็นสิบแห่งนะ, แฮรี่”นายวีสลีย์อธิบาย “เขาไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเธอจะอยู่เซฟเฮาส์หลังไหน”
“ผมไม่ได้ห่วงตัวเองนะ!” แฮรี่พูด
“เรารู้ดี” นายวีสลีย์กล่าวเรียบๆ “แต่มันก็จะทำให้ความพยายามในคืนนี้ของเราไร้ค่า ถ้าเธอไป”
“นายไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”แฮกริดตะคอก “ให้ตายสิ, แฮรี่, หลังจากทุกอย่างที่พวกเราต้องลุยมาเพื่อพานายมาถึงที่นี่”
“ใช่, หูฉันแหว่งไปนี่จะว่าไง?” จอร์จพูด พยุงตัวเองขึ้นอีกนิดบนโซฟา
“ฉันรู้....”
“แมดอายคงไม่ต้องการ...”
“ฉันรู้แล้ว!” แฮรี่ตะโกน
เขารู้สึกเหมือนโดนรุมแบล็กเมล์ : คนพวกนี้คิดว่าเขาไม่รู้รึไงว่าพวกเขาทำอะไรเพื่อเขาไปบ้าง, ไม่เข้าใจเลยรึไงนะว่าก็เพราะอย่างนี้นี่แหล่ะที่ทำให้เขาต้องจากไปตอนนี้เลย, ก่อนที่ใครจะต้องมารับเคราะห์แทนเขาอีก? มีความเงียบแบบกระอักกระอ่วนอยู่นาน แผลเป็นของเขาก็ยังคงเจ็บแปลบ และกระตุกอยู่ ในที่สุดความเงียบก็ถูกทำลายโดยนางวิสลีย์
“เฮดวิกอยู่ไหนล่ะ, แฮรี่?” เธอพูดอย่างปลอบโยน “เราเอามันขึ้นไปไว้กับเพ็ดวิดเจียนกันดีกว่าแล้วค่อยหาอะไรให้มันกิน”
ภายในของเขาตอนนี้ขมวดกันเป็นก้อนทันที เขาบอกความจริงเธอไม่ได้ เขาดื่มวิสกี้อึกสุดท้ายเพื่อเลี่ยงการตอบคำถาม
“รอมันโผล่มาอีกเมื่อไหร่ค่อยจัดการก็ได้, แฮรี่” แฮกริดบอก “หนีรอดสบายๆ, อัดมันเตลิดกลับไปตอนที่มันอยู่บนหัวเธอแล้วแท้ๆ!”
“ผมไม่ได้ทำอะไร” แฮรี่พูดเรียบๆ “ไม้กายสิทธิ์ของผมน่ะ มันจัดการทุกอย่างเอง”
ผ่านไปครู่หนึ่ง เฮอร์ไมโอนี่ก็พูดขึ้นอย่างสุภาพว่า “เป็นไปไม่ได้, แฮรี่ นี่นายหมายความว่านายร่ายเวทย์มนต์โดยไม่ได้ตั้งใจ; นายตอบสนองด้วยสัญชาตญาณยังงั้นสิ?”
“เปล่า” แฮรี่ตอบ “คือตอนที่มอเตอร์ไซค์มันกำลังจะตก, ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโวลเดอทอร์ทอยู่ตรงไหน, แต่ไม้กายสิทธิ์ของฉันมันควงอยู่บนมือฉันแล้วมันก็หาเขาเจอแล้วมันก็เสกคาถาใส่เขาเอง, เป็นคาถาที่ฉันไม่รู้จักด้วยซ้ำ ไม่เคยเสกเป็นเลยไอ้เปลวไฟสีทองน่ะ”
“เรื่องธรรมดา” นายวีสลีย์พูด “เมื่อเธอตกอยู่ในสถานการณ์ที่คับขัน เธอจะสามารถร่ายมนต์ที่เธอไม่นึกไม่ฝันมาก่อน เด็กเล็กๆก็เป็นกันบ่อย, ก่อนที่จะได้รับการฝึกน่ะ...”
“มันไม่เหมือนกันนะ” แฮรี่พูดผ่านฟันที่ขบกันแน่น แผลเป็นของเขากำลังร้อนเป็นไฟ:เขารู้สึกโกรธ และจนปัญญา; เขาเกลียดที่ทุกคนชอบจินตนาการว่าเขามีพลังพิเศษที่ทัดเทียมโวลเดอมอร์
ไม่มีใครพูดอะไรอีก เขารู้ว่าไม่มีใครเชื่อ แต่พอลองมาทบทวนดูอีกที, เขาก็ไม่เคยได้ยินว่ามีไม้กายสิทธิ์ที่เสกคาถาเองได้มาก่อนเหมือนกัน
แผลเป็นปวดแสบเหมือนถูกเผา; เท่าที่ทำได้ตอนนี้โดยไม่ต้องคร่ำครวญออกมาดังๆ คือทำเป็นบ่นหาอากาศบริสุทธิ์ วางแก้วลง แล้วเดินออกจากห้องไป
ขณะที่เขาเดินข้ามสนามหญ้ามืดๆนั้น ธีสทรัลตัวใหญ่ที่เหมือนมีแต่โครงกระดูกก็มองมา, ขยับปีกที่เหมือนค้างคาวยักษ์ของมัน แล้วก็ก้มลงเล็มหญ้าต่อ แฮรี่หยุดที่ประตูเข้าสวน ทอดตามองไปที่พืชรกๆในสวน, นวดที่หน้าผากเบาๆ และคิดถึงดัมเบิลดอร์
ดัมเบิลดอร์ต้องเชื่อเขาแน่ๆ, เขามั่นใจ ดัมเบิลดอร์ต้องรู้แน่ว่าทำไมไม้กายสิทธิ์ของแฮรี่ถึงได้ทำอะไรตามใจชอบ เพราะดัมเบิลดอร์มักมีคำตอบสำหรับเรื่องต่างๆอยู่เสมอ; เขารู้จักไม้กายสิทธิ์ต่างๆ, เคยอธิบายให้แฮรี่ฟังเรื่องความเชื่อมโยงที่มีอยู่ระหว่างไม้กายสิทธิ์ของแฮรี่กับโวลเดอมอร์ท
...แต่ดัมเบิลดอร์, ก็เหมือนกับ แมดอาย, เหมือนซีเรียส, เหมือนพ่อแม่ของเขา, เหมือนนกฮูกที่น่าสงสารของเขา ต่างก็จากไปยังที่ที่แฮรี่ไม่สามารถจะพูดคุยกับพวกเขาได้อีกแล้ว เขารู้สึกร้อนผ่าวข้นมาในลำคอซึ่งไม่ใช่เพราะฤทธิ์ของวิสกี้ไฟแน่นอน....
ทันใดนั้น, ไม่มีสัญญาณเตือน, ความเจ็บปวดที่แผลเป็นก็พุ่งจี๊ดขึ้นทันที ขณะที่เขาเอามือกุมหน้าผากและหลับตาอยู่นั้น เสียงหนึ่งก็กรีดร้องขึ้นมาในหัวของเขา
“ไหนแกบอกฉันว่า ปัญหาจะแก้ได้ถ้าใช้ไม้กายสิทธิ์ของคนอื่นไง!”
และภายในจิตของเขาก็ปรากฏภาพของชายชราซูบผอมคนหนึ่งสวมเสื้อผ้าเก่าขาดวิ่น นอนอยู่บนพื้นปูด้วยหินกำลังกรีดร้อง โหยหวนชวนขนลุก ด้วยความทรมานอย่างแสนสาหัส...
“อย่านะ! ไม่! ข้าขอร้อง, ข้าขอร้อง...”
“แกโกหกลอร์ดโวลเดอมอร์ท, โอลิแวนเดอร์!”
“ข้าเปล่า...ข้าสาบานได้ข้าเปล่า...”
“แกพยายามจะช่วยพ็อตเตอร์เรอะ, ช่วยให้มันหนีรอดเงื้อมมือฉัน!”
“ข้าสาบานข้าเปล่า....ข้าคิดว่าไม้กายสิทธิ์อันอื่นน่าจะได้ผล....”
“งั้นอธิบายมาว่าเกิดอะไรขึ้น ไม้กายสิทธิ์ของลูเซียสพังไปแล้ว!”
“ข้าก็ไม่เข้าใจ....ความเชื่อมโยงนี่....น่าจะมีแค่....ระหว่างของท่านทั้งสองเท่านั้น...”
“โกหก!”
“ได้โปรด....ข้าขอร้อง...”
แล้วแฮรี่ก็เห็นมือขาวซีดยกไม้กายสิทธิ์ขึ้น และรู้สึกได้ถึงความโกรธเกรี้ยวของโวลเดอมอร์ท และเห็นชายชราผู้อ่อนแอทุรนทุรายด้วยความทรมาน....
“แฮรี่?”
มันหายไปอย่างรวดเร็วเหมือนตอนมันมา:แฮรี่ยืนตัวสั่นอยู่ในความมืด มือเกาะประตูสวนไว้ หัวใจเต้นรัว แผลเป็นก็ยังกระตุกอยู่ ต้องผ่านไปครู่นึงถึงจะรู้ตัวว่ารอน กับเฮอร์ไมโอนี่ มายืนอยู่ข้างๆ
“แฮรี่, กลับเข้าบ้านเถอะ” เฮอร์ไมโอนี่กระซิบ “นี่นายคงไม่กำลังคิดจะหนีไปใช่มั๊ย?”
“ใช่, นายต้องอยู่, นะเพื่อน” รอนพูด ทุบที่กลางหลังแฮรี่
“สบายดีรึเปล่าเนี่ย?” เฮอร์ไมโอนี่ถาม เข้ามาใกล้จนสามารถมองเห็นสีหน้าของแฮรี่ได้ “นายดูแย่จัง!”
“เอาเถอะ” แฮรี่พูดเสียงสั่น “ฉันก็ยังดูดีกว่าโอลิแวนเดอร์เยอะล่ะ...”
พอเขาเล่าสิ่งที่เห็นมาจบ, รอนมีท่าทีใจหาย แต่เฮอร์ไมโอนี่แสดงอาการตื่นกลัว
“แต่มันควรจะหยุดแล้วไม่ใช่หรือ! แผลเป็นของนาย....มันไม่ควรจะเป็นอย่างนี้อีกไม่ใช่หรือ! นายต้องไม่ปล่อยให้การเชื่อมโยงนี้เปิดอีกครั้งนะ...ดัมเบิลดอร์อยากให้นายปิดกั้นจิตของนายไว้นะ!”
แฮรี่ไม่ตอบ เธอเลยดึงแขนของเขาไว้
“แฮรี่, เขายึดครองกระทรวงเวทย์มนต์กับหนังสือพิมพ์ได้แล้วนะ ไหนจะโลกแห่งเวทย์มนต์อีกครึ่งนึง! จะยอมให้เขายึดหัวนายไปด้วยรึไง!!”


* หมายเหตุ : หากมักเกิ้ลคนไหนอ่านเอกสารนี้แล้วไม่ซื้อหนังสือของลิขสิทธิ์ ขอสาปให้เป็นหนอนฟลอบเบอร ์












Create Date : 12 สิงหาคม 2550
Last Update : 27 สิงหาคม 2550 2:40:24 น. 1 comments
Counter : 395 Pageviews.

 


โดย: mukgu วันที่: 19 สิงหาคม 2550 เวลา:18:38:56 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Aemmee Berry
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




เป็นแค่ผู้หญิงที่สับสนในตัวเอง ไม่แน่ใจว่าจะหวาน จะเปรี้ยว หรือจะห้าว ก้อมันแล้วแต่อารมณ์นะ

ถามจิงจิงแอมกะน้องเหมือนกันปละ (ดูรูปข้างบนเลย) อิอิ

ปั่นบล๊อคคุณให้ Hot สุดๆ ที่ BlogYellow.com คลิ๊กโลด
Friends' blogs
[Add Aemmee Berry's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.