ข้อความเรื่อง "ท้องนี้ระวังเบาหวาน"
ในแม่ตั้งครรภ์ 100 คน มักตรวจพบว่าเป็นเบาหวาน 5 คนเสมอ
Free TextEditor
ภาวะเบาหวานที่เกิดขึ้นในขณะตั้งครรภ์มี 2 ประเภทคือ แม่เป็นมาอยู่ก่อนที่จะตั้งครรภ์แล้ว อีกประเภทคือ เป็นภาวะที่การตั้งครรภ์ชักนำให้เกิดเบาหวาน
สำหรับแม่ประเภทแรก มักจะอยู่ในความดูแลอย่างใกล้ชิดจากแพทย์ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ แต่สำหรับประเภทหลังแม่มักจะไม่รู้ตัวว่าตนมีภาวะเบาหวาน จนกว่าแพทย์จะขอเช็ก น้ำตาลในเลือดอย่างละเอียด ซึ่งส่วนใหญ่จะทราบเมื่ออายุครรภ์ล่วงเข้าเดือนที่ 6-7 แล้ว หรือไม่ก็พบอาการแทรกซ้อน เช่น ความดันสูง มือเท้าบวม น้ำหนักขึ้นเยอะ
คุณหมอ ให้ข้อมูลว่าแม่ในกลุ่มที่สองมีจำนวนมากที่สุดในแม่ที่เป็นเบาหวาน ระหว่างตั้งครรภ์ นั่นคือเป็นกลุ่มที่การตั้งครรภ์นำไปสู่ภาวะเบาหวาน แม่กลุ่มนี้จะเป็น กลุ่มที่มารู้เมื่อตั้งครรภ์ไปได้ระยะหนึ่งแล้ว
" โดยทั่วไปแม่ที่เป็นเบาหวานประเภทที่สองมักจะตรวจพบเมื่อตั้งครรภ์ เพราะในระหว่างตั้งครรภ์มีการเปลี่ยนแปลงของระบบการทำงานในร่างกายมาก รวมทั้งระดับน้ำตาลในเลือดของแม่ตั้งครรภ์ก็จะสูงกว่าคนปกติอยู่แล้ว แต่โดยทั่วไป ระดับน้ำตาลในเลือดจะสูงไม่นาน เมื่อถูกนำไปใช้จะค่อยๆ ลดลง ขณะที่ถ้าแม่มีภาวะเบาหวาน ระดับน้ำตาลในเลือดจะยังสูงขึ้นอยู่อย่างนั้น ยิ่งกินอาหารเข้าไป น้ำตาลก็อยู่ในกระแสเลือดเพิ่มมากขึ้น ไม่ได้ถูกเอาไปใช้ สุดท้ายก็ถูกส่งไปให้ลูก ลูกก็รับมาเก็บไว้ ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มมาก
โดยปกติดถ้าไม่มีการตรวจอย่างละเอียดในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ ก็มักจะทราบว่า มีภาวะเบาหวานเมื่อตั้งครรภ์ได้ 6-7 เดือน เพราะช่วงนี้รกจะสร้างสารต่อต้านอินซูลินขึ้นมา เพื่อควบคุมไม่ให้ระดับน้ำตาลในเลือดของแม่ผ่านเข้าสู่ทารกในครรภ์มากเกินความต้องการ
แม่ที่มีภาวะเบาหวานปกติอินซูลินทำงานได้ไม่เต็มที่อยู่แล้ว เมื่อรกสร้างสารต่อต้านอินซูลิน ขึ้นมาอีกก็ยิ่งทำให้เกิดอาการพร่องอินซูลิน เท่ากับว่าแทนที่แม่จะเอาน้ำตาลไปใช้ก็ใช้เกือบไม่ได้ แต่ก็ยังรู้สึกหิว พอกินอาหารเข้าไปก็ไปสะสมอยู่ในกระแสเลือด น้ำตาลพวกนี้ก็จะส่งไปให้ลูก ตามระบบไหลเวียน ลูกก็รับไว้
เพราะฉะนั้น อวัยวะทุกส่วนจะใหญ่มากยกเว้นสมองซึ่งเป็นอวัยวะเดียวของเด็ก ที่แม่เป็นเบาหวานแล้วไม่โตตามตัว เด็กจะแก้มป่องๆ ตัวเป็นปล้องๆ น้ำหนักมาก อวัยวะต่างๆ ของร่างกายใหญ่โตแต่ไม่แข็งแรง หัวใจ ปอด ตับ ไต ไม่แข็งแรง
เด็กพวกนี้กลุ่มหนึ่งจะตายตั้งแต่อยู่ในท้องเพราะตัวใหญ่ อยู่ดีๆ ก็มีโอกาสช็อกได้ อีกพวกที่จะมีปัญหาระหว่างคลอด เนื่องจากตัวใหญ่แต่หัวเล็ก หัวออกมาจากช่องคลอดได้แต่ติดที่ตัว ทำให้ต้องผ่าคลอดแทน
ยิ่งเด็กที่แม่เป็นเบาหวานระดับสูง เมื่อคลอดออกมาเด็กพวกนี้น้ำตาลในเลือดจะตกต่ำมาก เพราะเขาขาดอินซูลินซึ่งปกติจะได้รับเยอะจากแม่ เขาก็จะใช้กลูโคสมาก พอตัดปุ๊บ น้ำตาลในเลือดเขาตกทันที ทำให้เกิดภาวะช็อกได้ ถ้าให้อินซูลินไม่ทันก็มีโอกาสชัก หรือเกิดภาวะแคลเซียมตกต่ำ ตัวเหลืองได้ง่าย อาการแทรกซ้อนต่างๆ ก็มีตามมามากมาย
เพราะฉะนั้นต้องกินน้ำตาลทันที ต้องมีการเช็กทุก 1 ชั่วโมง ถ้าต่ำเมื่อไหร่ก็ต้องให้น้ำตาล บางรายต้องฉีดกลูโคสแทนเพื่อให้สามารถเข้าไปเลี้ยงอวัยวะส่วนต่างๆ เพียงพอ
โดยปกติถ้าแพทย์สามารถประคับประคองการคลอดให้ผ่านไปได้ด้วยดี มักไม่ค่อยมีปัญหาตามมา เพราะเด็กพวกนี้ถึงแม้จะมีน้ำหนักตัวมาก อย่างเช่น 4,000 กว่ากรัม หลังคลอดแล้วไม่กี่เดือน น้ำหนักตัวจะลดลงพอๆ กับเด็กปกติ อาการขาดน้ำตาล ก็จะเป็นแค่ช่วงแรกคลอดเท่านั้น
ส่วนแม่ที่มีภาวะเบาหวานระหว่างตั้งครรภ์หลังคลอดแล้ว ภาวะน้ำตาลมักจะกลับมาปกติ ยกเว้นแม่ที่มีน้ำหนักตัวมากๆ โอกาสที่จะพัฒนาไปเป็นโรคเบาหวานเมื่อมีอายุมากขึ้นก็เป็นไปได้สูง "
[ ที่มา.. นิตยสารดวงใจพ่อแม่ ปีที่ 6 ฉบับที่ 63 มกราคม 2544 ]
Create Date : 06 กรกฎาคม 2552 |
|
2 comments |
Last Update : 6 กรกฎาคม 2552 18:17:39 น. |
Counter : 378 Pageviews. |
|
|
|
งงเปล่าว่านี่ใคร พุทราเองจ้า tg check-in ที่ทำskไง พอดีพุทราเล่นblogกะน้องออมมาพักนึงแล้ว รู้ว่าเปิ้ลมีblogเหมือนกันเลยแวะมาทักทาย อยู่dxbเป็นไงบ้าง พี่กุพี่คมเพิ่งไปmctมา บอกร้อนจัดเลย ยังไงก้อรักษาสุขภาพด้วยน้า แล้วจะแวะมาทักทายใหม่นจ้า