ค้นหารีวิวหนังเก่าๆ ได้ที่นี่ครับ
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
เรื่องไม่รู้เรื่อง ตอนที่ 2
-2-
หลังจากพวกประท้วงกลุ่มอื่นๆ ที่มาโดยการบินฟรี มาถึงกรุงเทพโดยปลอดภัย ก็เป็นเวลาค่ำแล้ว จึงกระจายกันหาที่พัก แต่ปรากฏว่าที่พักเต็มทั้งหมดเพราะเป็นช่วงท่องเที่ยว ชาวบ้านเลยหาที่พักตามลานโล่งๆแถวนั้น ซึ่งมีต้นไม้ปกคลุมอยู่พอสมควร ขณะที่ชาวบ้านนอนกันอยู่ก็มีสิ่งเหลือเชื่อเกิดขึ้น คือ
.....ลูกแอปเปิล ตกใส่หัวคน
ชาวบ้านพากันแตกตื่นเป็นการใหญ่ จะเป็นไปได้อย่างไรที่มันจะตกลงพื้น นักวิทยาศาสตร์บางรายออกมาให้ความเห็นว่า การที่ลูกแอปเปิลตกลงพื้นนั้นเกิดมาจาก
.... มันหนัก
ก็เลยร่วงลงมาตามหลักแรงโน้มถ่วงที่เล่าลือกันในครั้งโบราณ
แต่นักจิตวิทยากลับให้ความเห็นว่า ลูกแอปเปิลเหล่านี้ มีพฤติกรรมก้าวร้าว อันเกิดมาจากพ่อแม่ของมันไม่ดูแล ไม่ใส่ใจ
สังเกตได้จากวันๆ ต้นแอปเปิลจะไม่คุยกับลูกแอปเปิลเลย ทำให้มันเกิดความคับข้องใจและหาทางหนีจากพ่อแม่ที่ใจร้าย ส่วนเรื่องแรงโน้มถ่วงเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น นักวิทยาศาสตร์จึงเกิดความไม่พอใจ ที่ถูกนักจิดวิทยามากล่าวหักหน้าเช่นนี้ แล้วก็สั่งให้นักจิตวิทยาถอนคำสบประมาทนั้นซะ แต่นักจิตวิทยาได้แถลงตอบกลับมาว่า "เราไม่มีเวลาสำหรับการขอขมา เพราะขณะนี้เรามีคนไข้เป็นลูกแอปเปิลจำนวนมากรอให้รักษา"
"พวกลูกแอ้ปเปิ้ล...ไม่ยอมพูดกับผมเลย" นักจิตวิทยาท่านหนึ่งได้ออกมากล่าวความรู้สึก "ผมทำงานมา10กว่าปี ยังไม่เคยเจอคนไข้อาการหนักขนาดนี้เลย น่าสงสารจริงๆ"
แล้วนักจิตฯก็รวมตัวกัน คิดค้นวิธีรักษาแบบ APPLE THERAPY (แอปเปิลบำบัด) โดยให้เหล่าลูกแอปเปิลที่หล่นจากต้น มาอาศัยรวมกันกับลูกแอปเปิลที่ไม่ได้หล่นลงมา โดยหวังว่าพวกเขาจะพูดคุยแบ่งปันความรู้สึกอันดีต่อกัน แล้วลูกแอปเปิลที่หล่นจากต้นจะได้กลับมาร่าเริงแจ่มใส และอาจจะยอมพูดก็ได้
โครงการนี้เป็นที่จับตาของนานาประเทศ ถึงขนาดมีการตั้งองค์กร HAT [HELP APPLE TUNTEE (เฮลป์ แอปเปิล ทันที)] ขึ้นมาเรี่ยไรเงินทุนไปใช้ในการค้นคว้า แล้วการรักษาก็ดำเนินไป ท่ามกลางการเอาใจช่วยจากประชาชนทั้งประเทศ
แล้วเมื่อถึงวันสรุปผล นักจิตฯได้เข้าไปสังเกตการณ์ และต้องพบกับสิ่งที่พวกเขาไม่คาดฝันมาก่อน นั่นคือ... บริเวณผิวของลูกแอปเปิลที่หล่นจากต้นนั้น มีรอยช้ำปรากฏอยู่อย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่ลูกแอปเปิลที่ถูกเก็บมานั้น ไม่มีรอยช้ำใดๆหรือต่อให้มีก็เพียงน้อยนิด เมื่อนักจิตฯรวบรวมข้อมูลจนมากพอสมควรแล้ว จึงจัดแถลงประกาศผลการทดลองที่ทำให้ตะลึงกันทั้งวงการ
"จากผลการทดลอง เราสรุปได้ว่า APPLE THERAPY นั้นไม่ได้ผล เพราะนอกจากลูกแอปเปิลทั้งสองฝ่ายจะไม่ยอมพูดแล้ว แอปเปิลที่หล่นจากต้นทุกลูก มีรอยช้ำ ทั้งๆ ที่ตอนก่อนจะนำลูกแอปเปิลเหล่านั้นเข้าไป มันไม่มีรอยช้ำใดๆเลย นั่นย่อมหมายความว่า....
ลูกแอปเปิลที่ถูกเก็บมา เป็นผู้ที่รุมทำร้ายลูกแอปเปิลที่หล่นจากต้น จึงทำให้เกิดรอยช้ำ ดังนั้นจึงคาดได้ว่าลูกแอ้ปเปิ้ลที่ถูกเก็บมามีความก้าวร้าวมากกว่าลูกแอ้ปเปิ้ลที่หล่นลงมาเสียอีก
สาเหตุคงเพราะลูกแอปเปิลที่ถูกเก็บมานั้น กำลังอยู่สบายบนต้นกับพ่อแม่ของมัน แต่เรากลับไปกระชากมันออกมาจากต้น ทำให้มันหงุดหงิด แล้วก็ไประบายกับลูกแอปเปิลที่น่าสงสารเหล่านั้น
เราต้องขอแสดงความเสียใจและขออภัยพี่น้องประชาชน ที่ไม่สามารถรักษาแอปเปิล ให้เป็นแอปเปิลที่ดีได้ "
จากคำแถลงดังกล่าว ทำให้พี่น้องประชาชนเศร้าหมองกันเป็นทิวแถว บางรายถึงขนาดร้องไห้ต่อหน้าคนอื่นโดยไม่อาย เพราะสงสารที่ลูกแอปเปิล ต้องมาห้ำหั่นกัน ทั้งๆที่เป็นพวกเดียวกันแท้ๆ
แล้วจากเรื่องนี้ มีนักสร้างหนังหัวไว ประกาศสร้าง "8เทพแอปเปิล มังกรฟ้า" กับ "เดิมพันรัก เดิมพันแอปเปิล" ออกมาอีกด้วย นอกจากนี้ทางรัฐบาลยังได้ประกาศ ให้สัปดาห์นั้นเป็นสัปดาห์ เจแอปเปิล โดยให้ประชาชนงดกินแอปเปิล ไว้อาลัยให้กับเรื่องเศร้าครั้งนี้
ส่วนพวกนักข่าวก็วิ่งไปสัมภาษณ์ต้นแอปเปิลกันจ้าละหวั่น แต่พ่อแม่แอปเปิลเหล่านั้นกลับไม่ยอมพูดยอมจาแต่ประการใด
นักจิตฯก็ออกมาให้ความเห็นต่อเรื่องนี้ว่า "คงเป็นเพราะพ่อแม่แอปเปิลกำลังเสียใจ ที่ได้ยินข่าวว่าลูกๆของมันตีกันเอง เราช่วยพวกมันไม่ได้ .. น่าละอายใจเหลือเกินครับ" แล้วนักจิตฯคนนั้นก็ร้องไห้ วิ่งหลบไปหลังลานแถลง
ยังมีนักข่าวบางคนลองไปสอบถามพวกนักวิทยาศาสตร์ ว่ามีความเห็นอย่างไรในเรื่องนี้ นักวิทยาศาสตร์ก็ตอบว่า
"ไอ้พวกบ้า ลูกแอปเปิลบ้านเตี่ยแกเรอะพูดได้น่ะ แล้วยังจะเรื่องมันช้ำอีก มันตกลงมาบนพื้นก็ต้องช้ำดิ แอปเปิลนะโว้ยไม่ใช่แมว อะไรกัน ไอ้พวกนักจิตฯนี่ เห็นโรคจิตมาตั้งแต่ยุค ซิกมันด์ ฟรอยด์ แล้ว เอะอะก็โทษพ่อโทษแม่ชาวบ้านเค้า ยุยงให้พ่อแม่กับลูกแตกกันนี่หว่า
แล้วยังมีทฤษฎีบ้าๆอีก อย่างเรื่องที่บอกว่า เวลาชายกับหญิงอยู่ใกล้กันมันจะเกิดอารมณ์... มันจะเป็นไปได้ไง ถ้ายังงี้เวลาลูกดูดนมแม่มันก็มีอารมณ์กับแม่มันน่ะสิ ไอ้พวกไร้สาระ"
เหล่านักจิตฯได้ยินเข้าก็เกิดความไม่พอใจ บอกให้นักวิทยาศาสตร์ขอโทษ ไม่งั้นมีเรื่อง นักวิทยาศาสตร์ก็ไม่สนตามเคย นักจิตฯก็เลยใช้ความสามารถปลุกระดมชาวบ้านหนักยิ่งขึ้น จำนวนผู้ประท้วงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะปากของนักวิทยาศาสตร์นั่นเอง
Create Date : 11 มิถุนายน 2548 |
Last Update : 11 มิถุนายน 2548 2:01:02 น. |
|
2 comments
|
Counter : 529 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ป่ามืด วันที่: 10 กรกฎาคม 2548 เวลา:13:24:56 น. |
|
|
|
โดย: @power วันที่: 10 กันยายน 2548 เวลา:8:19:49 น. |
|
|
|
|
|
|