|
Buffalo of the Cave
ควายฝูงหนึ่งได้ถูกจองจำอยู่ในถ้ำตั้งแต่ยังเยาว์ ถ้ำนั้นมีเพียงแสงอาทิตย์เล็ดลอดเข้ามาช่วยให้เห็นสิ่งต่างๆได้อย่างเลือนลาง ฝูงควายนั้นได้ถูกสนตะพายล่ามโซ่ตรวนไว้ให้ฝูงควายนั้นต้องหันหน้าเข้าหาผนังถ้ำตลอดเวลา ฝูงควายไม่สามารถจะหันหน้าไปทางอื่นๆได้เลย
ด้านหลังของฝูงควายจะมีขนาดใหญ่อยู่และที่ตั้งของกองไฟนั้น เป็นพื้นต่างระดับที่อยู่สูงกว่าคอกของเหล่าฝูงควาย พื้นที่ส่วนนั้นได้ถูกใช้เป็นเวทีของเหล่าชาวนาผู้ปกครองควาย เพื่อนำเอามาใช้สะท้อนเงาวัตถุและผู้คนมาแสดงภาพไปยังผนัง โดยภาพที่ปรากฏก็คือเงาที่พาดผ่านมาจากกองไฟ
เหล่าฝูงควายเห็นเงาต่างๆปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาตนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เหล่าควายนั้นก็ปักใจเชื่อว่านั่นคือ ความจริงของโลก และเงาเหล่านั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงหาใช่เงาไม่
เสียงพูดคุยของเหล่าชาวนาก็จะสะท้อนผนังถ้ำ เสียงสะท้อนทำให้เหล่าฝูงเชื่อว่าเสียงพูดเป็นของเงาที่ตนเองเห็น ภาพและเสียงที่เห็นเป็นความจริงอย่างปฏิเสธไม่ได้
เหล่าควายที่ถูกตรึงล่ามไว้ ไม่อาจจะขยับเขยื้อนไปไหนได้ ฝูงควายก็ทำได้ เพียงแค่เคารพเชิดชูบูชา ภาพเงาที่เกิดจากกองไฟ เสียงเงาที่เกิดจากผนังถ้ำ ด้วยตระหนักที่คิดว่านั่นคือความจริงและสิ่งเหล่านั้นอยู่เหนือกว่าตนเอง
จนมาวันหนึ่ง มีควายตนหนึ่งที่บังเอิญหลุดจากพันธนาการ สามารถเล็ดลอดหนีออกมานอกถ้ำได้ และได้ค้นพบความจริงอันน่าสพึงกลัวว่า สิ่งที่ตนรับรู้เสมอมาว่าคือความจริงนั้น ไม่ใช่ความจริงเลย จิตสำนึกยังคงบอกกับตัวควายเองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอกถ้ำเป็นจริงน้อยกว่าในถ้ำ
ภายนอกถ้ำภาพที่ปรากฏต่อสายตาของควายตัวนั้น เป็นทุ่งหญ้าที่ทอดยาวไปสุดลูกหูลูกตา ต้นไม้ใบหญ้า แสงแดดและสายลม ภาพความจริงที่ไม่ใช่เกิดจากแสงของเงา ที่ประจักษ์ต่อสายตานั้นทำความขัดแย้งรุนแรงต่อระบบความคิดของควายตนนั้นอย่างมาก เพราะโลกแห่งความจริง มันช่างผิดไปจากที่รับรู้มาตลอดชีวิต
สิ่งที่ควายตัวนั้นทำ ก็คือ มันตัดสินใจ เดินเล็มหญ้าที่เต็มท้องทุ่งอย่างอิ่มเอมเปรมปรี แล้วก็ วิ่งเล่นไปบนทางที่ทอดยาว ชีวิตที่อิสระจากการถูกจองจำ ความจริงทั้งหลายที่ปรากฏต่อสายตา ทำให้ควายตัวนี้รู้สึกได้ถึงความสุขของการมีชีวิต ที่แตกต่างจากที่ผ่านๆมาในห้วงเวลาแห่งการจองจำ
และแล้วเมื่อใช้เวลาพักใหญ่ในการ หาความสุขต่อการใช้ชีวิตแล้ว ควายตัวนี้ก็ ตัดสินใจ กลับไปอยู่ในถ้ำตามเดิม
เนื่องจากทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่ ควายตัวนี้ไม่อยากให้ควายตัวอื่นๆมาแย่งกินหญ้าที่ตนเองพบก่อนตัวอื่น ตัวเองจะเก็บไว้กินตัวเดียวเรื่อยๆ ดีกว่า
และการใช้ชีวิตด้วยการคิดเองมันช่างยากเย็นเสียเหลือเกิน กลับมาอาศัยอยู่ในถ้ำ เชื่อสิ่งที่ชาวนาบอก ย่อมดีกว่าเป็นไหนๆ เพราะยังไง ชาวนาก็ ย่อมคิดได้ดีกว่า ควายอย่างตน
ดัดแปลงจาก Allegory of the cave ใน The Republic," Book VII ของ เมธีปราชญ์ เพลโต //en.wikipedia.org/wiki/Allegory_of_the_cave //faculty.washington.edu/smcohen/320/cave.htm
Create Date : 08 กรกฎาคม 2550 |
Last Update : 8 กรกฎาคม 2550 15:10:31 น. |
|
0 comments
|
Counter : 348 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
|
|
KongMing |
|
|
|
Location :
[Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
เล่าจื้อกล่าวว่า"ผู้รู้เขาคือปราชญ์" และกล่าวอีกว่า"ผู้รู้เราคือปัญญาชน" ณ ปากทางเข้าถ้ำวิหารเทพอพอลโล่แห่งเดลฟี มีป้ายทองคำเขียนว่า "Know thyself" แปลว่า รู้จักตนเอง "temet nosce" ภาษาลาตินที่Oracleกล่าวให้ Neo รู้จักตนเอง
สิ่งที่สำคัญที่สุดของคนเราอยู่ที่ คำกล่าวเหล่านี้
|
|
|