ผมไม่มีน้ำหนักเลยอ้ะ ร่วงอีกต่างหาก แถมความเงางามอย่าถามหา นี้มันไม้กวาดดอกหญ้าบนหัวฉันชัดๆ
สวัสดีค่ะ ทุกๆ คน

วันนี้จะชวนสาวๆ มาอ่านข้อความที่ป้าขอโม้เกี่ยวกับความสวยความงามกันดีกว่า เพราะตอนนี้กำลังจะหัดมาใส่ใจตัวเองมากขึ้น เรื่องสุขภาพร่างกายนั้นสำคัญแต่ความสวยความงามก็สำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน บางคนที่เคยเห็นๆ ร่างกายอย่างฟิตและเฟิร์มแต่หน้าตาผิวพรรณกับเหี่ยวย่น อาจจะเพราะลืมคิดไปว่า พอเราออกกำลังกายมันก็ช่วยให้สุขภาพแข็งแรง แต่ผิวพรรณถ้าเราไม่บำรุงหรือดูแล มันก็เหี่ยวย่นตามแรงโน้มถ่วงโลกเป็นธรรมดา ยิ่งอายุมาก ยิ่งมีเพื่อนมาอยู่ร่วมกันตรึม ไม่ว่าจะพี่ตีนกา น้องริ้วรอย ป้ากระฝ้า ไม่รู้จะมาเยี่ยมกันทำไมพวกแขกไม่ได้รับเชิญ

ดังนั้นถ้าเราสามารถดูแลร่างกายพร้อมกันบำรุงผิวพรรณรวมทั้งใบหน้าด้วยก็จะเป็นการยิงนกหนึ่งตัวใช้ปืนสองนัด (ไม่ช่ายยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ขำไหมเนี๊ยะมุกนี้ คิดมาตั้งนาน)

และบทความที่เราจะเขียนต่อไปเรื่อยๆ (ถ้าไม่ขี้เกียจ และมีเวลามาเม้าท์มอย) เราจะเน้นการสวยจากธรรมชาตินะ จะไม่มีการมาพูดเกี่ยวกับการทานอาหารเสริมหรืออะไรที่มันเกี่ยวกับสารเคมี เพราะเราเน้นปลอดภัยไว้ก่อนจ้ะ จริงๆ มันก็เป็นความรู้ชาวบ้านนี้แหละ แต่เราเป็นพวกต้องพิสูจน์ บางทีไปอ่านสูตรตามเว็บสุขภาพความงามมาหลายๆ ที่ ก็เลยเอามาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับตัวเอง แล้วผู้อ่านบางท่านก็อาจจะนำไปใช้ได้ เอาให้เหมาะกับการใช้ชีวิตของเรา บางทีก็ไม่ต้องไปเป๊ะมาก บางอย่างถ้ามันหาซื้อไม่ได้ลำบากเราก็อาจจะอ่านไว้ถ้ามีโอกาสก็ค่อยทำ แต่อะไรที่มันหาได้ตามท้องตลาด ห้างสรรพสินค้าแล้วไม่แพงมาก มีกำลังซื้อและขั้นตอนไม่ยุ่งยากมาก ก็สนับสนุนให้ทำกัน

ดังนั้นเราเลยตั้งชื่อ blog ของเราว่าเป็นการทำสปา @home คือทำกันเองก็ได้ ที่บ้าน จะในห้องนั่งเล่นระหว่างนั่งดูละคร หรือในห้องนอน ห้องน้ำ เอาที่เราสะดวก ทำให้เป็นนิสัย ส่วนมากก็ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง ทำบ่อยๆ ความสวยก็อยากจะมาอยู่กับเราเอง

ส่วนวิธีการจะทำให้ลูกเป็ดขี้เหร่เป็นหงษ์สวยๆ เลิศ ๆ มันก็ต้องใช้เวลา อีกอย่างเราก็ต้องเอาสวยเท่าที่ธรรมชาติจะสรรสร้างให้เราได้ แต่แบบขัดหน้าไปขัดหน้ามา ดั้งโด่งเฉยเลย อันนี้พี่คงไม่สามารถ เพราะถ้าทำแบบนั้นได้ พี่ก็คงจะขัดมันทุก ห้าวินาที เอาเป็นว่าให้หน้าไร้สิว ไร้ฝ่า ตีนกาไม่มาก่อนวัยอันควร ผิวพรรณเนียนเรียบผุดผ่องเป็นยองใย สิวไม่ขึ้นก้นขึ้นหลัง ก็น่าจะเป็นที่พอใจในลำดับหนึ่ง ส่วนใครจะไปทำอะไรเพิ่มเติมให้มันงามขึ้น อันนี้ก็แล้วแต่เลยค่ะ

อีกอย่างผู้อ่านบางท่านก็ต้องทำความเข้าใจนะค่ะว่า ผู้หญิงใครๆ ก็อยากสวย พอสวยก็ต้องห้ามหยุดสวยอีก (มันช่างเหนื่อยแท้) แต่เอาเข้าจริงก็ไม่ได้ลำบากลำบนขนาดนั้น คิดซะว่าทำไปก็ได้ดีกับตัวเราเองแถมเป็นบุญให้กับคนรอบข้าง เห็นเราปุ๊บมีความสุขปั๊บไม่ใช่ตกในสภาพเห็นเราปุ๊บเกิดความสะพรึงขนหัวลุกปั๊บ อันนี้เหมือนเราทำบาปเลยนะเค๊อะ (คือบทความเราไม่ได้ให้มาบ้าความสวยความงามโดยไม่ต้องไปทำมาหากิน หรือประมาณส่งเสริมให้คนอยากมีผิวขาวราวกับหลอดฟูลออเรซเซนต์ คือเราเน้นสวยแบบหญิงไทยค่ะ ใช้สมุนไพร ใช้ธรรมชาติเข้าช่วย เผื่อเด็กสมัยนี้จะได้หัดมานิยมสมุนไพรไทย มากกว่าพวกทานคอลลาเจนผงหรือพวกเน้นทานน้ำเขียวๆ เพื่อเอาคลอราฟิลด์เข้าร่างกาย เลยงงๆ ว่าเราเป็นมนุษย์หรือต้นไม้กันแน่)

ส่วนบางคนก็ยอมเป็นแม่บุญทุ่ม ซื้อไปเลยค่ะเครื่องสำอางค์แพงๆ จะหลายพันหลายหมื่น เพราะคิดว่าใช้ของแพงมันก็คงจะช่วยกลบปิดบังร่องรอยอารยธรรมของเราได้ แต่ไม่จริงค่ะประวัติศาสตร์มันก็จะต้องถูกเปิดเผยค่ะ มันก็จะมีร่องรอยแตกลายงาค่ะ ถ้าเราไม่คิดจะซ่อมแซมพื้นฐานใบหน้า หรือผิวเราก่อน ดังนั้น เรามาร่วมใจกันค่ะ มาปฎิวัติรัฐประหาร พิชิตความแก่หรือริ้วรอยที่พึงประสงค์กันดีกว่า อย่าให้มันมาครอบงำเราเร็วเกินไปนัก

โอ๊ยๆ ๆ ร่ายซะยาว (ติดชอบเม้าท์มอย) เรามาดูสูตรที่เราจะทำกันวันนี้ดีกว่า เรามาขย้ำหนังหัวเราเล่นกันดีกว่า

สูตรนี้ขอให้ชื่อว่า น้องอัญชัน จระเข้ฟาดห้าง ศิษย์มะกอกน้อยยยยยย

(อะไรกันเนี๊ยะ นี้มันสูตรความงามหรือค่ายมวยที่ไหนกันนี้)

ถ้าอ่านชื่อสูตรดีๆ เราก็จะรู้แล้วหละว่า ส่วนผสมในการหมักหนังหัวเราให้กลับมาชุ่มชื้นอีกครั้ง พร้อมผมใหม่ที่จะขึ้นมาดกดำ และเงางามมีชีวิตชีวาลดการหลุดร่วงของเส้นผม และทำให้ผมมีน้ำหนักเด้งดึ้ง นั้นทำง่ายมากนะค่ะ

ภาพประกอบจ้าาาาา



สูตร : ดอกอัญชัณ 15-20 ดอก , ว่างหางจระเข้  1 กาบ , น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ 1 ช้อนโต๊ะ

สูตรนี้สำหรับคนผมยาวแบบเราก็จะเน้นว่านหางใหญ่หน่อย กะปริมาณว่าสามารถหมักได้ทั้งหัวให้ชุ่มฉ่ำกันไปเลย (ส่วนใครผมสั้นหรืออยากจะเน้นส่วนไหนมากกว่าก็ลองปรับประยุกต์กันได้ค่ะ อย่าไปซีเรียสมากนะ)

วิธีการ :

1. ดอกอัญชัณ เราก็เทน้ำอุ่นๆ ใส่ลงไปแล้วก็ขยำๆ ปู้ยี่ปู้ยำ กันไปให้สาแก่ใจ ให้น้ำออกมาเป็นสีฟ้าเข้ม บางคนใส่เยอะหน่อยก็จะได้ออกสีม่วงๆ แล้วแต่ชอบเลยค่ะ (แต่แนะนำว่าถ้าพรุ่งนี้ต้องไปเดทหรือต้องทำงาน แนะนำให้ใส่ถุงมือพลาสติกนะ ไม่งั้นพวกเธอก็จะเป็นนางพญาเล็บม่วงไปเลย ฮาๆ) แต่ถ้าไม่ทันแล้วเลอะเล็บไปหมดก็อย่ากลัวค่ะ มันไม่ใช่หมึกซึมจากปากกา มันคือสีธรรมชาติแค่วันสองวันก็หายแล้วค่ะ หลังจากนั้นก็เอาเศษซากความเสียหาย (ดอกอัญชันออกให้เหลือแต่น้ำ เราเอาเศษดอกไม้ส่วนนี้มาเขียนคิ้วเป็นชินจังก็ได้ค่ะ แต่อย่าทิ้งไว้นานเดี๋ยวมันจะไม่จางหายง่ายๆ เวลาล้างออก เค้าว่าทาไว้คิ้วจะเข้มขึ้น ทาๆ ไปเถอะค่ะ เสียดายของ เรายังทาเลยทิ้งไว้แค่ 5 นาทีก็พอ

2. ว่างหางจระเข้ ของดีคุณค่าแห่งการคู่ควร เป็นพืชที่มีประโยชน์มากเลยนะ เหมือนจะแบบใช้ดมใช้ทาในกาบเดียวกัน 555 จะนำมาทำปั่นเป็นน้ำผลไม้ก็ได้ จะเอามาทาผิวเวลาแผลโดนไฟไหม้ หรือขาดความชุ่มชื้น สารพัดประโยชน์จริง แต่คราวนี้เราเอามาใช้กับหนังหัวเราค่ะ ทำให้ชุ่มชื้นแล้วทำให้ผมเรามีน้ำหนักขึ้นมาด้วย (มันยอดมากจริงๆ นะ) เราก็แค่เอาไปปั่นค่ะ ให้กระจุยกระจายไปเลย ก็จะได้น้ำว่างหางจระเข้พร้อมเสริฟค่ะ

3. น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ เราเน้นแบบ Extra Virgin กันไปเลย ไหนก็อยากสวยแล้วยอมลงทุนกันหน่อยเถอะ (บางคนบ่นว่าแพง) เดี๋ยวนี้เค้าก็มีแบบขวดเล็กขายกันแล้ว มีหลายยี่ห้อ ที่เค้าเอามาทำอาหารกันนั้นแหละค่ะ ไม่ต้องไปเสียดายเงินเพราะเก็บไว้ได้นานข้ามปีกันไปเลย หรือถ้ากลัวใช้ไม่หมดก็เอามาทำกับข้าวก็ได้ พวกสลัด พาสต้า อะไรแบบนี้ แต่ถ้ามันไม่ได้จริงๆ ก็หาซื้อที่ร้านขายของแถวบ้านก็ได้น่าจะมีขาย แต่เป็นน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์หรือสังเคราะห์อันนี้ พิจารณากันเอาเองนะค่ะ



ถ้าทำตามที่บอกก็จะออกมาหน้าตาสีสันสวยงาม น่ารับประทาน แต่เราไม่ทานค่ะ เราหยิ่ง เราจะเอามาละเลงหัวเล่นๆกันค่ะ ฮาๆ (โรคจิตมาก)



เราก็เอาของดีทั้ง 3 มาผสมกันค่ะ จะได้หน้าตาแบบนี้ มันๆ เยิ้มๆ อาจจะดูไม่น่าภิรมย์ กลิ่นอาจจะไม่หอมหวาน แต่มีคุณค่ากับศรีษะ (กบาลของเรา) ก็ควรค่าแก่การทำค่ะ

หลังจากนั้น ก็แล้วแต่คุณผู้อ่านเลยค่ะ ว่าจะทำตอนไหน บางคนก็จะทำตอนดูละครหลังข่าว (ช่วงนี้เรื่่องไหนเด็ดมั้ง ไม่เคยดูแต่ชอบไปอ่านตามกระทู้บางขุนพรหม) เอาที่เราสะดวก เพราะเราต้องหมักทิ้งไว้ 20 นาทีค่ะ ให้คุณค่าจากธรรมชาติล้วนๆ ซึมซาบเข้าหนังศรีษะของเราทุกอณู เน้นชโลมให้ทั่วนะค่ะ ตั้งแต่หนังศรีษะจรดปลายผม แต่ที่สำคัญควรทำหลังจากสระผมให้สะอาดแล้ว ให้ฝุ่นผงความสกปรกที่เกาะติดหนังหัวและเส้นผมของเราได้หลุดไปก่อน หลังจากนั้น เราก็หมักไว้เลยค่ะ ใช้แทนครีมนวดผมไปเลย

หลังจากผ่านไป 20 นาทีก็ไปล้างออกค่ะ ล้างให้สะอาดให้สีฟ้าๆ ม่วงๆ หมดไปเลยนะค่ะ ส่วนใครที่ทนกลิ่นน้ำมันมะกอกไม่ไหว ก็อาจจะแอบใช้เซรั่มบำรุงผมตามเวลาเช็ดผมหมาดๆ เพื่อผมจะได้หอมขึ้น บางทีเราก็ต้องยอมอดทนนะค่ะ ไม่หอมแต่มีประโยชน์ ดีกว่าหอมฟุ้งแต่ทำศรีษะเราพัง (ตอนเราลองทำเองก็แอบหวั่นใจเพราะเป็นคนติดครีมนวดผมมาก คือถ้าใช้แต่แชมพู แล้วไม่ใช่ครีมนวดนี้ นรกชัดๆ เลย ไม่ชอบมาก ผมพันกันแก้ไม่ออกเซ็ง แล้วนี้จะเอาเจ้าสูตรนี้มาแทนครีมนวด นึกสภาพไม่ออกเลย แต่พอหลังจากล้างออกชอบมาก ผมไม่พันกันเลย เพียงแต่มันจะหนักๆ ผมหน่อย แต่ที่สำคัญผมไม่แห้งพัน ชี้ฟู เลิศอ้ะ รักเลยสูตรนี้)

แล้วก็ปล่อยให้แห้งค่ะ ถ้าไม่อยากรอก็เป่าผมแบบลมเย็นๆ นะ จะหน้าพัดลม หรือใช้ไดร์เป่าผมก็ได้ เพื่อหนังศรีษะจะได้ไม่อับชื้น โดยเฉพาะพวกที่อยากจะทำก่อนนอนเพราะไม่งั้นนอนผมเปียกๆ ก็ไม่ดี ไม่สบายหัว แถมอาจจะมีรังแคกับเป็นหวัดก็ได้

ทำอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง อยากบอกว่าแจ่ม ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำเลย ไม่ได้แหละต้องทำเพื่อผมที่เป็นที่รักจะได้ไม่จากเราไป รู้สึกเลยว่าผมดีขึ้น เพียงแต่อาจจะหัวมันๆ ไปหน่อย ฮาๆ เพราะน้ำมันมะกอก แต่เราก็เน้นทำเวลาอยู่บ้านก็ได้ ไม่ได้ไปไหน เราว่าถ้าทำต่อเนื่องไปสักเดือนผมที่เคยแตกปลาย หรือชี้ฟูจะมีน้ำหนักขึ้น เพราะเส้นผมเกิดการปรับสภาพและที่สำคัญผมที่ขึ้นใหม่ก็แข็งแรง และไม่เป็นรังแคด้วยเพราะหนังศรีษะมันชุ่มชื้นขึ้น และเส้นผมก็ไม่หลุดร่วงง่าย ทำไมมันดีอย่างนี้เนี๊ยะ (เลิฟๆ)

เค้าเอารูปมาฝากนะ จะหาว่าหลอกลวง ทำกันเลยสดๆ ทำไปอัพข้อมูลกันไปเลย


สภาพก่อนบูรณาการ ทำไมผมมันช่างขาดความสามัคคีกันเช่นนี้ ชี้ซ้าย ชี้ขวา แอบเซ็ง



ตอนหมักทิ้งไว้ 20 นาที ระหว่างหมักถ้าไม่ได้อาบน้ำ แบบนั่งดูละคร ดูข่าว ให้เอาผ้าขนหนูมาซับบริเวณคอไว้ก็ดีนะ เพราะน้ำมันจะหยดติ๋งๆ เลย



หลังเสร็จสิ้นพิธีการ รู้สึกเลยว่าผมไม่พันกัน เพราะปกติเวลาใช้ครีมนวดยี่ห้อดีแค่ไหนเวลาสางผม มันจะมีผมหลุดมาเป็นกระจุก แต่ครั้งนี้ลองสางแรงๆ แบบกระตุกหนังศรีษะ มีหลุดมาแค่เส้นสองเส้นเอง ของเค้าดีจริงๆ อ้ะ


สุดท้ายหวังว่าบทความเราจะเป็นประโยชน์กับท่านผู้อ่านไม่มากก็น้อยนะ ขอย้ำนะว่าเราทำเองจริงๆ ไม่ได้ไปตู่ เอารูปคนอื่นมาลง เพราะอยากสวยสุขภาพดี ต้องเริ่มต้นที่ตัวเราค่ะ

ไว้เจอกันอีกนะค่ะ

บ๊าย ๆ

วิ ณัชชา

ปล. คุณหนุ่มๆ ก็นำสูตรนี้ไปใช้ได้นะ จะได้มีผมดกดำขึ้น แถมผมมีน้ำหนัก เจอของดีก็อยากจะบอกต่อๆ กันไปค่ะ


















Create Date : 16 มิถุนายน 2558
Last Update : 18 มิถุนายน 2558 18:34:34 น.
Counter : 638 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 1650500
Location :
สุราษฏร์ธานี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



จากสาวเมืองกรุงหนีความสับสบวุ่นวายมาติดเกาะ แล้วก็ค้นพบว่าเกาะพะงันนี้มันสวรรค์บนดินชัด ๆ เลยไม่ไปไหนแหละ ฉันจะตั้งรกรากที่นี้ เลยอยากจะแชร์การใช้ชีวิตที่นี้ กินอยู่ ทำงาน เที่ยวเล่น เป็นชาวเกาะ ให้เพื่อนๆ ได้รับรู้ว่า ชีวิตนี้มันน่ารื่นรมย์ยังไง