การลดความอ้วนขั้นที่3 (เตรียมสู่ชีวิตแบบวิถีคนรักสุขภาพ)
Free TextEditor ในบทนี้ขออนุญาติลงรูปหน่อยนึงครับ พวกเราจะได้รู้สึกร่วมกันว่า ทุกวันนี้พวกเรายังคงก้าวไปด้วยกัน แม้อยู่ห่างไกลต่างที่กัน แต่ผมรู้ว่าทุกคนยังตั้งหน้าตั้งตาฝึกกันอยู่เลยถ่ายมาเผื่อบรรยากาศจะได้อบอุ่นกันขึ้นครับ...55
เอาล่ะครับสำหรับบทนี้เราจะมาว่ากันถึงการจัดการแผนลดความอ้วนในขั้นที่3 ที่เพิ่มระดับความเข้มข้นของโปรแกรมขึ้นมาอีกนะครับ สำหรับท่านใดที่ได้ติดตามอ่านในบทก่อนหน้านี้มาแล้วคงจะได้เข้าใจถึงรูปแบบการกิน และการออกกำลังกันไปบ้างแล้ว และหากท่านใดได้ปฏิบัติตามก็แน่นอนว่าร่างกายและจิตใจของคุณได้ปรับตัวให้เกิดความคุ้นเคยเหมาะสมที่จะเพิ่มความเข้มขึ้นได้แล้ว และเหมาะสมที่จะปรับตัวรับกับ ขั้นต่อไปนี้ หากต้องการผลที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นนะครับ ในบทนี้สิ่งต่อมาที่ ผมขอเสนอแนะเริ่มแรกก็คือ ขอเสนอให้คุณได้รุ้จัก รูปแบบการรับประทานอาหารแบบแบ่งมื้อนะครับ โดยรูปแบบที่ผมจะเริ่มให้คุณได้เรียนรู้ก็คือ รูปแบบการรับประทานอาหารแบบ4มื้อต่อวัน รูปแบบนี้คือรูปแบบยอดฮิต ที่ใช้กันมากหลาย ตั้งแต่นักกีฬา ดารา นายแบบ ซึ่งเป็นระดับที่ทำง่ายกันโดยทั่วไปนะครับ ก่อนอื่นเลย ผมขอให้คุณ เรียกมื้ออาหารของคุณใหม่ จากที่เคยเรียกว่า มื้อเช้า มื้อกลางวัน มื้อเย็น ขอให้เรียกใหม่ว่า มื้อที่1 มื้อที่2 มื้อที่3 และมื้อที่4 ที่ต้องเรียกอย่างนี้เพราะมันจะอำนวยง่ายขึ้นต่อความเข้าใจในหลายๆเรื่อง และยังรองรับความเข้าใจในขั้นที่สูงขึ้นไปอีกในวันข้างหน้าครับ โดยสูตรของการกิน4มื้อนี้ คุณควรอย่างยิ่ง ที่จะมีวินัยต่อเวลา ในการรับประทานอาหาร เพราะการรับประทานอาหารที่ผิดเวลาจะส่งผลให้กระบวนการเสื่อมลงได้ครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอัตตราการเผาผลาญ การดูดซึม และการปรับตัว ขอให้จำให้ดีว่าต้องมีวินัยในเรื่องของเวลาในการรับประทานอาหารด้วยนะครับ เอาล่ะครับทีนี้เรามาทำความเข้าใจกับเวลาการกินดังนี้ มื้อที่1 (มื้อแรกของวัน) มื้อนี้ยังอิงสูตรเดิมที่ผ่านมาครับ คือมื้อนี้ยังคงเป็นมื้อสวรรค์อยู่เช่นเดิม อะไรที่คุณชอบกินอะไรที่คุณอยากกิน จงจัดมาให้มื้อนี้ครับ กินชนิดที่เรียกว่าอิ่มสบายได้ แต่อย่าให้ถึงขั้นอิ่มแน่น เลี่ยน และมื้อนี้คุณควรที่จะรับประทานอาหารที่ให้พลังงานเป็นพิเศษกว่ามื้ออื่น คือมีส่วนผสมของไขมัน และน้ำตาลได้ และควรเป็นอย่างยิ่งที่จะรับประทานอาหารชนิดที่มีคาร์โบไฮเดรต ที่มีส่วนผสมของวิตามินบี หลากหลายชนิดหรือพวกธัญญาพืชยิ่งดีมากครับ และในบางวันคุณสามารถหาช๊อคโกแล๊ตมารับประทานได้หลังอาหาร แต่ทานในจำนวนน้อยนะครับ เพราะช๊อคโกแล๊ตมีสรรพคุณช่วยให้อารมณ์ดี สมองแจ่มใส ยิ่งมาร่วมกับสารอาหารวิตามินบี ที่คุณได้รับจากอาหารมื้อนี้ วิตามินบีจะช่วยบำรุงระบบประสาทสมองของคุณอีกด้วย นั่นจะทำให้คุณแจ่มใส ลดความตึงเครียด เป็นอย่างดี ทำให้คุณมีประสิทธิภาพในการดำรงชีวิตหน้าที่การงานและการออกกำลังอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะในยามที่คุณปรับตัวรับกับการกินการออกกำลังกาย หากทำไปนานๆอาจมีการล้าการเครียดสะสมอยู่ จึงควรทานบ้าง จะช่วยได้มากเลยทีเดียวครับ และไม่ต้องกลัวครับ สารอาหารจากในมื้อแรกนี้ มันคือพลังงานที่คุณสามารถนำไปใช้ได้ตลอดวัน และโอกาสตกค้างแปรสภาพเป็นน้ำตาลสู่ไขมันในร่างกายมีน้อยครับ และหากคุณมีความประสงค์ต้องการที่จะรับประทาน นมหรือโยเกิส ขอให้คุณรับประทานหลังอาหารมื้อที่1ไปแล้ว อย่างน้อย1ชั่วโมง เพราะหากคุณรับประทานอาหารประเภทนมในทันทีต่อจากอาหาร มันจะมีผลขัดขวางการดูดซึมอาหารได้น้อยกว่าที่ควรจะเป็น ทำให้รับพลังงานแร่ธาตุวิตามินได้ไม่เต็มที่และไม่เท่าทันครับ มื้อที่2 ขอให้คุณรับประทานนับจากมื้อที่1มาแล้ว เป็นเวลา4ชั่วโมง ข้อนี้จดจำให้ดีนะครับ ย้ำครับว่า4ชั่วโมง คุณจำเป็นต้องมีวินัยเรื่องเวลา เพื่อประสิทธิภาพในการโหลดอาหารต่อวันครับ เรื่องนี้สำคัญมาก นับมา4ชั่วโมงอย่างเช่นคุณรับประทานมื้อที่1เสร็จตอนแปดโมงเช้า ก็ให้รับประทานมื้อที่2ตอนเที่ยงครับ กรุณานับจากเวลาที่คุณทานเสร็จนะครับ ไม่ใช่ไปนับเวลาตอนเริ่มทาน เพราะบางคนกินข้าวคุยไปดูทีวีไปบางทียาวนานครับซึ่งก็ไม่ควรจะเป็นแบบนั้นครับ การกินอาหารที่นั่งแช่นานเกินไป นั่นนอกจากทำให้คุณใช้เวลานั่งกับที่ไม่ทำอะไรแล้วยังรับประทานอาหารได้มากเป็นพิเศษอีกด้วยเนื่องจากการค่อยๆทะยอยกิน ซึ่งนี่ก็เป็นสาเหตุนึงว่าทำไมคนที่ชอบรับประทานอาหารนอกบ้านตามร้านอาหาร จึงมักจะอ้วนเป็นพิเศษ
เอาล่ะครับสำหรับประเภทอาหารในมื้อที่2นี้ คุณต้องมีวินัยอีกอย่างนึงคือ ลดประเภทของอาหารชนิดแป้งคาร์โบไฮเดรตลง จากมื้อที่1ลงมาครับ และให้ทานอาหารประเภทโปรตีนจากเนื้อหรือจากพืช เข้าไปในระดับครึ่งต่อครึ่ง แป้งครึ่งนึงโปรตีนครึ่งนึง ถ้าจะถามผมว่าแล้วจะกะคาดคะเนยังไง อันนี้ไม่ต้องซีเรียสครับ เอาตามความรุ้สึกตามสายตาเข้าว่า และเมื่อคุณเคยชินไปนานๆ คุณจะเริ่มเก่งในการคาดคะเนเองครับ สำหรับชนิดอาหารนั้นเป็นเรื่องของสัดส่วนนะครับ ทีนี้เรามาว่ากันถึงปริมาณโดยรวมในมื้อนี้ นั่นก็คือทานพออิ่มครับ คือพอรู้สึกอิ่มท้องก็พอครับ โดยปริมาณรวมนั้น รับประทานน้อยลงจากมื้อที่1เล็กน้อยครับปริมาณเกือบเท่ามื้อที่1อย่างเช่น 4ใน5ครับ และผมมีทริคสำคัญอยู่จุดนึงนั่นก็คือ จงพิจราณาก่อนว่าคุณออกกำลัง ในคาบไหน ถ้าคุณออกกำลังในคาบเช้าหมายถึงออกเสร็จแล้วมาทานมื้อที่2 ถ้าเป็นแบบนั้น คุณสามารถทานโปรตีนในมื้อนี้ได้เยอะขึ้นนิดนึงครับ เพราะมันจะพากันไปซ่อมแซมชดเชยให้ระบบร่างกายคุณหลังจากที่ออกกำลังมาแล้ว มันจะดูดซึมดีเป็นพิเศษในมื้อนี้ และโปรดอย่าตกใจว่าการที่ดูดซึมดีในภาวะเช่นนี้จะหมายถึงคุณจะอ้วนขึ้นนะครับ เพราะสภาวะการดูดซึมหลังออกกำลังกายนี้โดยมากแล้วจะไปส่งผลกับการซ่อมแซมกล้ามเนื้อและส่วนที่สึกหรอ สร้างความกระชับให้รูปร่างของคุณอันมีส่วนช่วยให้ร่างกายคุณมีสัดส่วนที่ดีมากขึ้น มีความกระชับมีนูนมีเว้า และถ้าคุณยังดื้อไม่ยอมกินอีก ร่างกายของคุณก็จะทำการสลายกล้ามเนื้อของตัวเองอีกทั้งยังไปดึงสารจำเป็นที่ดีมากมายในร่างกายมาใช้ทดแทนกันวุ่นไปหมด เนื่องจากมันขาดแคลน และผลที่ตามมาก็คือในยามที่คุณผอมลงคุณจะไร้ซึ่งความกระชับ ไร้ซึ่งสัดส่วนเว้านูน เนื้อยุ่ยหนังย้อยผอมก็ผอมแบบตาสีตาสาทั่วไปไม่ได้ออกมาแบบคนหุ่นดีแต่อย่างใดแน่นอนครับ อีกทั้งสุขภาพจิตแย่ลงระบบประสาทแย่ลงผิวพรรณแย่ลงสุขภาพผมแย่ลง ร่างกายสะสมความกรอบกร่อนเสี่ยงบาดเจ็บและจะอยู่ในโปรแกรมได้ไม่ยาวถึงอยู่ก็อยู่แบบไม่มีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังรอเจอภาวะการดีดกลับตัวของสภาพร่างกายต่อต้านที่เรียกว่าโยวโย่วเอ๊ฟเฟ๊คกลับมาอ้วนได้มากกว่าเก่า หรือร่างกายเสียทรง เท่านั้นยังไม่พอร่างกายของคุณจะเกิดภาวะป้องกันการอดอยาก ร่างกายของคุณจะสอนตัวเองให้ใช้พลังงานน้อยและดูดซึมไขมันเก่งกว่าเก่า ระบบเผาผลาญอาหารเสื่อมลงอีกด้วย สรุปคือไม่คุ้มเลยครับกับการที่คุณจะไม่กิน และมีความสุขกับการชั่งน้ำหนักลวงๆไปเพียงชั่วครั้งชั่วคราวดังนั้นคุณต้องกินนะครับ ทีนี้มาว่ากันต่อ สำหรับมื้อนี้นั้นถ้าหากคุณเป็นประเภทที่ออกกำลัง หลังจากมื้อนี้ไป ผมขอเสนอให้คุณย้ายของหวาน หรืออาหารประเภทให้ความหวาน จากมื้อที่1 มาทานในมื้อนี้แทนครับ เพื่อเป็นการเตรียมกลูโคสในร่างกาย และนำไปออกกำลังได้อย่างมีประสิทธิภาพยอดเยี่ยม และอาหารในมื้อที่2สำหรับคนที่ออกกำลังหลังจากมื้อนี้ ก็ขอให้รับประทานปริมาณที่น้อยกว่ามื้อที่1อีกระดับนึงครับ สักประมาณ3ใน5ของมื้อที่1ก็พอครับ ขอสรุปมื้อที่2ดังนี้ครับ
คนออกกำลังกายหลังอาหารมื้อที่1 ให้รับประทานมื้อที่2แบบสัดส่วนโปรตีน50คาร์โบไฮเดรต50 และทานปริมาณรวมเมื่อเทียบจากมื้อที่1 ประมาณ4ใน5 คนออกกำลังกายหลังอาหารมื้อที่2 ให้รับประทานแบบสัดส่วนโปรตีน50คาร์โบไฮเดรต50 และทานปริมาณรวมเมื่อเทียบจากมื้อที่1 ประมาณ3ใน5 และทานของหวานก่อนออกกำลังกายได้เล็กน้อยครับ ต่อมาคือมื้อที่3ครับ มื้อที่3นี้ คนที่ออกกำลังกายหลังมื้อที่1 จะต้องหยุดแป้งไปเลยในมื้อที่3ครับ คือทานอาหารประเภทโปรตีน และไฟเบอร์ และโปรตีนในมื้อนี้ควรมีความคลีนเป็นพิเศษครับ คลีนก็คือ โปรตีนที่มีไขมันผสมอยู่น้อยที่สุด ที่ผมเสนอก็คือเนื้ออกไก่ สันในไก่ เนื้อปลาไม่ติดมันและเป็นปลาชนิดที่มีไขมันน้อยครับ เลือกเอาได้ครับ สัดส่วนคิดแบบง่ายๆก็คือ ทานเนื้อน้อยลงกว่ามื้อที่2 เล็กน้อย แล้วทานไฟเบอร์เข้าไปตามสบายครับ ไฟเบอร์ในที่นี้เน้นพวกผักผลไม้ประเภทมีกากใยสูงนะครับ และย้ำครับย้ำว่าควร ต้ม นึ่ง หรือทานสด แต่ทานสดให้ระวังในเรื่องของพยาธิมากๆนะครับควรมีการล้างที่สะอาดสุดๆ พวกแตง ฟักทอง แอ๊ปเปิ้ล กล้วย อะไรพวกนี้อย่าครับ พวกนี้ควรไปทานในมื้อแรกแทน ส่วนบล๊อคคอรี่ ที่จริงก็ทานได้ครับแต่ผมแนะนำว่าควรไปทานในมื้อแรกๆดีกว่า เพราะผักชนิดนี้ให้พลังงานสูงครับ ที่ควรทานก็เช่นผัก กาดแก้ว ผักกาดขาว คะน้า กวางตุ้ง ส้ม ส้มโออะไรทำนองนี้ครับ ส่วนมะเขือเทศ ทานได้เป็นกรณีพิเศษในมื้อนี้ครับ เพราะมันให้ผลดีในแง่วิตามินสูงครับ แต่ทานแต่พอดีนะครับสำหรับมะเขือเทศ ส่วนพวกผักมีกากใยสูงนี่ทานได้เยอะเลยครับไม่ต้องกลัวอ้วน และควรต้องทานด้วย เพราะคนที่ลดอาหาร คนที่ทานเนื้อ มักจะมีผลของการขับถ่ายครับ การทานน้อยทำให้ การขับเบ่งมีน้อย การทานโปรตีนเพิ่มอาจทำให้ถ่ายยากขึ้นกว่าเก่า และพวกไฟเบอร์นี่ล่ะครับคือพระเอกที่จะมาช่วยเรา ช่วยอิ่มท้องทดแทนอาหารชนิดอื่น ช่วยเสริมวิตามิน และช่วยการขับถ่าย จึงย้ำว่าต้องกินครับ ถ้าคุณเป็นคนไม่กินผักนี่ต้องแก้นิสัยเลยครับ ผมขอสารภาพว่าสมัยก่อนที่ผมฝึกตัวเอง ผมทานแล้วอ๊วกเลยครับแต่ก็พยายามฝึกตัวเอง พอตอนหลังชินแล้วสบายเลยครับชอบอีกต่างหาก ของแบบนี้ปรับตัวได้ครับ สำหรับมื้อที่3นี้ สิ่งที่ต้องสังเกตุให้ดีๆ คือคุณต้องรับประทานในปริมาณที่น้อยแบบเห็นได้ชัดครับ หรือพูดง่ายๆว่า คุณเคยทานมื้อเย็นมาแค่ไหน ให้แบ่งครึ่งไปเลยครับ หลักสูตรทาน4มื้อนี้ จุดเด่นคือการแบ่งมื้อที่3ครึ่งนึง ให้มีมื้อที่4งอกขึ้นมาอีกครึ่งนึงครับ แต่ในแง่ของปริมาณขอเว้นไว้สำหรับผักนะครับ เฉพาะผักคุณทานได้แบบสบายๆไม่ต้องกังวลครับ ทานเอาอิ่มได้เลยเอาพออิ่มนะครับ ส่วนที่ไม่ใช่ผัก ขอย้ำว่าครึ่งเดียวครับ ครึ่งนึงของที่ตัวเองเคยทานมื้อเย็น และสำหรับคนที่ออกกำลังหลังอาหารมื้อที่2และทานมื้อที่3เป็นมื้อหลังออกกำลังกาย ผมขอแนะนำให้มื้อนี้คุณต้องกินต่างจากคนอื่นนิดนึงคือ ให้คุณทานคาร์โบไฮเดรตเข้าไปนิดหน่อย คือเอาประมาณพอตกถึงท้องครับ เพราะ กระบวนการซ่อมแซมร่างกายนั้นโปรตีน จำเป็นต้องพึ่งสารร่วมของคาร์โบไฮเดรตในการจัดการร่างกายครับ และหากใครออกกำลังประเภทเวทเทรนนิ่งแบบเป็นจริงเป็นจังด้วยแล้ว ก็ให้ทานคาร์โบไฮเดรตในปริมาณที่เหมาะสมครับแต่ต้องแม่นมากๆ คือให้เกินน้อยที่สุดในมื้อนี้ และแป้งที่ดีที่สุดสำหรับมื้อที่3นี้ควรเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน คือเป็นแป้งชนิดขัดสีน้อยมีกากใยวิตามินอยู่ ซึ่งจะทำให้การดูดซึมช้าลง เพราะคนที่พึ่งออกกำลังแล้วมาทานในมื้อนี้ ร่างกายจะดูดซึมอาหารเร็วเป็นพิเศษ การดูดซึมที่เร็วเกินไป ส่งผลให้เพลียได้ และแป้งเชิงซ้อนยังมีกระบวนการ แปลงสภาพเป็นน้ำตาลสู่ไขมันได้น้อย กว่าแป้งขัดสี ซึ่งการรับประทานแป้งเชิงซ้อนในมื้อนี้ด้วยภาวะการนี้จะทำให้หลีกเลี่ยงความอ้วนได้มากขึ้น แป้งเชิงซ้อนก็เช่น โฮลวีท ข้าวกล้อง ต่อมาคือมื้อที่4ครับ มื้อที่4นี้มีข้อสังเกตุคือ ทานหลังจากมื้อที่3มาแล้ว3ชั่วโมงครับ คือย่นลงมาเร็วกว่ามื้ออื่น
สำหรับมื้อนี้คุณจะทานโยเกิสก็ได้นะครับ แต่ควรเป็นโยเกิสไขมันต่ำและไร้น้ำตาลครับ และมื้อนี้ขอให้ทานอาหารประเภท ไฟเบอร์ล้วนๆครับ ยิ่งเป็นผลไม้ยิ่งดีต่อมื้อนี้ครับ แต่อย่าเป็นผลไม้เนื้อแข็งหรือผลไม้มีแป้งนะครับ ที่ให้ทานในมื้อนี้เพราะวิตามินในผลไม้ จะทำระบบในตอนที่เรานอนหลับได้เป็นอย่างดีครับ ส่งผลต่อระบบสุขภาพภายในและสุขภาพผิวพรรณ เลือดลมเป็นอย่างดีและแก้เพลียในวันต่อมาอีกด้วย และยิ่งคุณทานโยเกิสเข้าไปด้วย คุณจะต้องตกตะลึงกับผิวพรรณของคุณที่ดูดีขึ้นในอีกไม่นานแน่นอนครับ เอาล่ะครับผมเข้าใจว่าคุณผู้อ่านที่อ่านมาบางท่านอาจจะอ่านแล้วงงๆ เนื่องด้วยมันเป็นหลักการนะครับ
ผมจะช่วยชี้ภาพให้ง่ายขึ้นเอากันแบบว่าถ้าไม่เข้าใจก็เอาที่ง่ายขึ้นก็คือ ทานปริมาณแบบไหน? = ทานในปริมาณที่น้อยลงกว่าสมัยที่คุณอ้วนครับ แต่จัดลำดับ สัดส่วนคือ มื้อที่1 มากกว่ามื้ออื่น มื้อที่2 ทานน้อยลงกว่ามื้อที่1เล็กน้อย และให้มีสัดส่วนของคาร์โบไฮเดรตครึ่งโปรตีนครึ่ง มื้อที่3 ทานโปรตีนกับไฟเบอร์ และสำหรับคนที่ออกกำลังก่อนมื้อนี้ให้ทานคาร์โบไฮเดรตได้เล็กน้อย ส่วนคนที่ฝึกเวทเทรนนิ่งให้ทานได้ในปริมาณพอดีแต่น้อยกว่ามื้อที่2 มื้อที่4 ทานผักผลไม้ ประเภทมีกากใย และอาจทานโยเกิสร่วมได้ เอาล่ะครับ ทีนี้ผมต้องมีหมายเหตุบางอย่างต่อท้ายด้วยนะครับเพื่อ จะได้ใช้หลักสุตรนี้กันอย่างถูกต้อง
หมายเหตุแรกคือ สำหรับผู้ที่ฝึกเวทเทรนนิ่ง ที่ต้องการทรวดทรงของกล้ามเนื้อด้วย แต่ต้องการลดความอ้วนไปในตัวด้วย คนกลุ่มนี้ ควรรับประทานอาหารเสริมประเภทโปรตีนด้วยครับแต่ต้องเป็นwpiโปรตีน หรือเป็นพวกอมิโน ที่ไม่ใช่แบบเพิ่มน้ำหนักตัว เพื่อรักษาระดับกล้ามเนื้อเอาไว้ให้มากที่สุด และคนกลุ่มนี้อาจต้องทานคาร์โบให้ครบทุกมื้อในบางราย ก็ให้ใช้วิธีนำคาร์โบไฮเดรตมารวมต่อวันแล้วแบ่งซอยเอาไว้ประจำมื้อที่1ถึง4นะครับ แต่จะให้ดีแล้ว ผู้ฝึกเวทเทรนนิ่งควรหันไปใช้สูตรทาน6มื้อจะเหมาะสมกว่าครับ ซึ่งบทความนี้ผมเน้นสำหรับพวกฝึกแบบฟิสเนทครับยังไม่กล่าวถึงระดับเพาะกาย แต่คุณก็ใช้สูตรเหล่านี้ได้ในช่วงเริ่มแรกของการจัดระเบียบร่างกายครับ สำหรับคนออกกำลังกายในแบบอื่น ก็ขอให้ทุกๆคนจงพิจราณาการออกกำลังของตัวเองว่ามีรูปแบบมากน้อยแค่ไหน ฝึกมากแค่ไหนฝึกกี่คาบ ในบางรายอาจจำเป็นต้องทานวิตามินเสริมเข้าไปด้วยครับ เช่นวิตามินซี วิตามินรวมเกลือแร่ วิตามินบี และโปรตีนเสริมชนิดที่เหมาะสมสำหรับคนธรรมดาทั่วไป ที่ผมแนะนำให้ทานสำหรับในรายที่ออกกำลังเข้มข้น ก็เพราะหลีกเลี่ยงการสึกหรอของสุขภาพภายนอกและภายในที่สะสม และสามารถทำให้อยู่ได้กับโปรแกรมระยะยาวครับ
และหมายเหตุต่อมาคือ ผมมีทริคให้สังเกตุตัวเองได้ว่าคุณกินได้ในระดับที่เหมาะสมตามสูตรแล้วหรือยัง นั่นก็คือการสังเกตุเวลาในการหิวครับ ตัวอย่างเช่นคุณทานมื้อที่1ไปแล้ว2ชั่วโมงแต่รู้สึกหิวมาก หิวในที่นี้คุณต้องแยกให้ดีนะครับว่าอันไหนหิวมาจากร่างกาย อันไหนหิวมาจากอาการทางจิต หิวจากร่างกายจะมีอาการวูบวาบอาการเพลียโหย อันนี้คือหิวจากร่างกายครับ แต่ถ้าหิวจากอาการทางจิตนี่คือหิวแบบเคยชินนิสัยความอยากครับอาการคล้ายๆคนเสพติดความเคยชินถ้าเป็นอย่างหลังนี่ต้องแก้ไขที่จิตใจครับ แต่ถ้าเป็นในแบบแรกอันนี้แสดงได้ว่ามื้อที่1คุณรับประทานน้อยเกินไป ดังนั้นในวันต่อไปต้องแก้ไขนะครับสำหรับในวันนั้นให้อนุโลมหาอะไรใส่ปากไว้สักนิดหน่อยเอาพอตกถึงท้อง ป้องกันร่างกายโต้ตอบในทางลบนะครับ แต่ถ้าหากว่าคุณทานมื้อที่1ไปแล้ว4ชั่วโมงยังอิ่มแน่นอยู่ไม่อยากกินอะไรเลย ความอยากนี่ก็เช่นเดียวกันต้องดูให้ออกว่ามันมาจากร่างกายหรือว่าจิตใจนะครับ โปรดอย่าให้มันเป็นความกำหนดจิตให้ไม่หิวนะครับกรุณาสังเกตุร่างกายให้ดีๆว่าเริ่มมีความรุ้สึกต้องการรับประทานหรือไม่ ไม่จำเป็นต้องหมายถึงหิวสุดนะครับเอาแค่ว่าร่างกายรับได้นั่นล่ะครับ และทีนี้ถ้า4ชั่วโมงไปแล้วคุณไม่หิวเลยอันนี้แสดงว่าคุณรับประทานอาหารมื้อก่อนหน้านั้นมากเกินไปก็ให้พิจราณาจากข้อมูลเหล่านี้ปรับแต่งปริมาณที่เหมาะสมในร่างกายในวันต่อๆไปเอานะครับ หมายเหตุต่อมาคือ หลักสูตรนี้ไม่ใช่หลักสูตรที่ คนทั่วไปจะนำไปใช้ในชีวิตประจำวันตลอดไป เพราะมันมีหลายเหตุปัจจัยที่ต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบในวันข้างหน้า รวมไปถึงแม้แต่การพักร่างกายอีกด้วย หรือการปรับสภาพระบบเผาผลาญและระบบวิตามินอีกด้วย
หลักสูตรนี้เหมาะที่จะทำติดต่อกันไม่เกิน4เดือนนะครับ และเมื่อทำได้ระยะนึงต้องไปทำแบบไหนต่อไปยังไง นั่นขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของแต่ละคน อย่างเช่นบางคนต้องการขยายขีดความสามารถความแข็งแรงของร่างกาย ก็จำเป็นต้องปรับรูปแบบ บางคนที่ฝึกหักโหมผิดพลาดบกพร่องตรงไหนเช่นนอนน้อย อาหารไม่พอ หรือบาดเจ็บ ก็ต้องมีการปรับรูปแบบ และอีกสาเหตุก็คือร่างกายจะมีการปรับสภาพที่ควรแก่เวลา เช่นระบบการเผาผลาญต้องได้รับการปรับตัว ระบบวิตามินต้องได้รับการเปลี่ยนแปลง อย่างนี้เป็นต้น สรุปก็คือในหลายๆโปรแกรมนั้น คุณไม่สามารถจะยึดโปรแกรมใดและอยู่กับมันได้นานตลอดไปทั้งชีวิต แต่การจัดการร่างกายที่มีประสิทธิภาพที่สุด คือการจัดลำดับโปรแกรม คอยปรับแต่งผลัดเปลี่ยนอย่างเหมาะสม จะทำให้มีประสิทธิภาพที่สุดครับ หากใครมีข้อสงสัยอะไรก็เชิญไปถามได้ที่หน้าถามตอบได้ครับ สำหรับในบทนี้ สิ่งที่เข้มขึ้นมาคือการเริ่มเอาจริงกับการรับประทานอาหารนะครับ สำหรับรูปแบบการออกกำลังกาย ยังไม่เพิ่มอะไรขึ้นมาจากบทที่แล้วมากนัก แต่สิ่งนึงที่คุณจะต้องพิถีพิถันขึ้นมาเล็กน้อยนั่นก็คือ การจัดเวลาในการออกกำลังกาย พพยายามจัดให้เหมาะสมครับ อย่าไปจัดแบบหลังอาหารทันที หรือไปจัดตอนหิวจัดๆท้องว่างโรยแรงแล้ว แถมใกล้เวลาอาหารมื้อต่อไปอีก ออกกำลังไปจนเลยเวลาอาหารอย่างนี้ไม่ดีแน่ๆครับ พยายามจัดเวลาให้ดีทั้งการกินการออกกำลัง จะเห็นได้ว่าในบทนี้คุณยังไม่ต้องไปพบเจอความเหนื่อยเหน็ดกับการ อดอยากหรือฝึกหนักหฤโหดแต่อย่างใดเลย แต่คุณต้องใช้ความชาญฉลาดที่มากขึ้นจัดการแบบแผนอย่างถูกต้องและมีวินัย เพียงเท่านี้โปรแกรมก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างยิ่งยวดครับ และขอให้คุณอย่าลืมทุกสิ่งที่ผมเคยฝากเอาไว้ในบทก่อนหน้านี้ สมุดบันทึก นาฬิกาจับเวลา และการฝึกจิตใจ สิ่งเหล่านี้คือรากฐานอันสำคัญต้องใช้มันให้ดีนะครับ แล้วพบกันใหม่ในบทต่อไปครับ สู้ๆครับ
Create Date : 04 ธันวาคม 2552 | | |
Last Update : 5 ธันวาคม 2552 2:47:26 น. |
Counter : 389 Pageviews. |
| |
|
|
|