ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว คนเราควรจะเป็นฟองน้ำที่อมน้ำในระดับพอดี แต่มันก็ทำให้หลายคนที่ลดความอ้วนเข้าใจผิดในยามที่อดข้าวอดน้ำแล้วไปชั่งก็หลงคิดว่ามวลรวมตัวเอง ลดลงแล้วเพราะน้ำหนักลดลง
แต่พอกินมื้อเย็นวันนั้นน้ำหนักพุ่งพรวดขึ้นมาทันที
เพราะความจริงแล้ว มันก็เป็นแค่ฟองน้ำที่ยังไม่ลดขนาดลงอย่างแท้จริง
แต่เป็นแค่ฟองน้ำที่ลดอัตตราการอมน้ำแค่นั้นเอง
สิ่งนั้นทำให้หลายคนเข้าใจไม่ถูกต้อง อดข้าวเช้า อดข้าวเย็นชั่งน้ำหนักคิดว่าตัวเองน้ำหนักลด
ทั้งที่จริงแล้ว หลักการที่ถูกต้องคือถ้าคุณต้องการเอาตัวเองเทียบกับคนปรกติที่น้ำหนัก
ที่สมมุติว่าเพื่อนคุณน้ำหนัก60กิโล
นั่นหมายความว่าคุณต้องกินอิ่มกินแบบปรกติคนแบบเพื่อนคุณแล้วชั่งน้ำหนักได้60กิโล
นั่นถึงจะพอประมาณใกล้ได้ว่า มีมวลรวมพอๆกัน
ไม่ใช่ว่าไปอดข้าวเย็น หรือกินจิ๊บกินจ้อยแล้วชั่งได้60 นั่นไม่ใช่
เพราะที่จริงแล้วน้ำหนักที่แท้จริงของคุณมันควรจะอยู่ภายใต้เงื่อนไขของการกินที่ปรกติแล้วผลออกมาได้เท่าไหร่เท่านั้น
ขนาดมวลรวมที่ลดลง นั่นต้องหมายถึงฟองน้ำแห้งที่ลดขนาดลง
ไม่ใช่นำมาวัดกับการอิ่มตัวของฟองน้ำ
2 "ระดับไขมันในร่างกาย"
ข้อที่2นี้ผมขอชี้แจงว่า จากข้อที่1ที่เราพูดถึงมวลรวมนั้น มันเพียงแค่การบ่งบอกถึงน้ำหนักเท่านั้น
แต่มันยังบ่งบอกไม่ได้ถึงความอ้วน เพราะการที่คุณหนักพอๆกับเพื่อนคุณนั้นมันยังมีความต่างของ
ชนิดของน้ำหนักและความคลีนของน้ำหนัก รวมไปถึงเรื่องโครงสร้างกระดูก
และข้อนี้มีความสำคัญมากเลยทีเดียวที่จะทำให้เราวางแผนการลดน้ำหนักได้ดีในก้าวข้างหน้า
Free TextEditor
ขอให้เพื่อนๆพิจราณา รูปข้างบนสุดนะครับ
นั่นสมมุติว่าเป็นรูปของ แขนของคนสองคน
และส่วนที่แรเงาดำนั้นคือส่วนของชั้นไขมัน ในแขนนั้น
และสำหรับส่วนที่ไม่ได้แรเงาไว้นั่นคือกล้ามเนื้อข้างในแขนของคนเรา
จะเห็นได้ว่า รูปB จะใหญ่กว่าA แต่ที่จริงแล้ว
รูปAจัดว่าอ้วนกว่าครับ
เพราะแม้ว่าแขนโดยรวมจะเล็กกว่าแต่ชั้นไขมัน กับชั้นของกล้ามเนื้อ มีช่วงห่างที่มาก
ในขณะที่ของรูปBแม้จะแขนใหญ่กว่า แต่ชั้นไขมันบางกว่าสมส่วนกว่า
สิ่งนี้ผมเองเคยเห็นคนที่มีการฝึกที่ผิด ลดความอ้วนด้วยวิธีที่ผิด
ผลที่ได้คือน้ำหนักลดลงมากตัวเล็กลง แต่ก็ยังกลายเป็นโดราเอมอน ที่มวลรวมเล็กลง
ตุ๊กตาโดราเอมอน 2ตัว ไม่ว่าจะตัวเล็กหรือตัวใหญ่มันก็ยังคงเป็นโดราเอมอนอ้วนท้วนอยู่เหมือนเดิม
เข้าใจใช่ไหมครับ
เพราะในขณะที่เราทำการลดความอ้วนนั้น แม้ว่าขนาดร่างกายจะเล็กลง แต่ปริมาณของกล้ามเนื้อก็จะเล็กลงตาม
การลดความอ้วนที่ดีที่สุดคือการทำให้ไขมันลดลงเร็วกว่ากล้ามเนื้อครับ
ผมขอให้ท่านเข้าใจให้ดีกับคำว่ากล้ามเนื้อ ผู้หญิงบางท่านมักจะร้องว๊ายว่าไม่เอาหรอกกล้ามเนื้อ
แต่ขอให้เข้าใจว่าร่างกายมนุษย์ทุกคนมันมีกล้ามเนื้ออยุ่แล้วข้างในครับ
กล้ามในที่นี้พูดถึงอวัยวะของร่างกาย ไม่ใช่หมายถึงกล้ามของนักกล้ามแต่อย่างใด
และเมื่อเราทำให้ไขมันลดลงโดยรักษาสภาพมวลกล้ามเนื้อให้ได้มากที่สุดผลที่ได้คือ ความกระชับครับ
สำหรับการเช๊คระดับไขมันในร่างกายที่ดีที่สุด คือการดูโดยสายตาครับ
ไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาลสถานสุขภาพ ไปตรวจวัดBMI วัดรอบข้อ วัดระดับต่างๆอะไรให้มากมายขนาดนั้น
ขอเพียงฝึกฝนการสังเกตุตัวเองด้วยสายตา ใช้เหตุใช้ผลเป็นหลักไม่ ทำใจกังวลฟุ้งซ่านคิดไปเองต่างๆนาๆ
ไม่ฟังคำพูดเลื่อนลอยของคนรอบข้าง
เราก็สามารถเช๊คตัวเองได้ครับ เอามือจับไขมันตามร่างกายตรวจดึงดูเบาๆ เอาความรุ้สึกคล่องตัว
ใช้สัมผัสสัญชาติญาณมันก็เข้าใจได้ครับ หรือจะใช้วิธีถ่ายรูปติดตามผลก็ดีครับ
ขอให้เข้าใจหลักการต่างๆไว้บ้าง จะได้เข้าใจสภาวะร่างกายที่ปรับเปลี่ยนในแต่ละวัน
เพราะบางครั้งมันเป็นแค่การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย จะได้ไม่ตกใจจนรีบไปกระวนกระวายอดข้าวอดน้ำ
สำหรับสภาวะร่างกายที่ปรับเปลี่ยนชั่วคราวนั้นเป็นเรื่องที่จะอธิบายในบทข้างหน้า
เพราะมันเป็นเรื่องที่ต้องขยายความกันอีกครับ
สำหรับเรื่องพวกนี้ก็อย่างเช่น
เมื่อวานนอนดึกนอนน้อย เมื่อวานก่อนกินเค็ม เมื่อวานก่อนออกกำลังหนักมากไป
ทำให้วันต่อไป เกิดภาวะซ่อมแซมกักตุนสารอาหารจนร่างกายดูฟูขึ้น
หรือกินน้ำมาก เกิดอาการบวมน้ำ หรือกินเบียรืกินแอลกอฮอล์จนช่วง3วันนั้นเผาผลาญสารอาหารน้อย
เหล่านี้เป็นต้นซึ่งมันมีผล ปรับสภาพร่างกายให้เปลี่ยนไปได้ชั่วคราว ไม่ต้องตกใจ แต่ถ้าทำบ่อยๆก็มีผลยาวครับ
ฟองน้ำในตัวเรานั้น แม้ว่าบางวันจะอมน้ำอมอาหารและเมื่อรีดน้ำรีดอาหารออกน้ำหนักจะใกล้เคียงเท่าเดิม
แต่ถ้าเราให้มันอมในรุปแบบที่ผิดอยู่บ่อยครั้งมันจะส่งผลถึงมวลจริงของฟองน้ำแน่นอนครับ
3 "การปรับเปลี่ยนของร่างกาย"
หลายคนๆที่ผมเห็นนั้น โดยมากแล้ววุ่นวายกับเครื่องชั่งน้ำหนักเป็นอย่างมาก ชั่งเช้าชั่งเย็นกันก็มี
สิ่งที่ผมขอให้ทำความเข้าใจใหม่มีดังนี้ครับ
3.1 สารอาหารที่คนเราได้รับเข้าไปนั้น จะส่งผลต่อร่างกาย โดยเฉลี่ยของคนส่วนมากทั่วไปนั้น
ก็ประมาณ 2ถึง3วันข้างหน้าครับ เพราะกระบวนการย่อยการดูดซึมการแปลงสารอาหารนำไปใช้
หรือนำไปสะสมนั้น มันส่งผลใน2ถึง3วันข้างหน้า น้ำหนักที่ชั่งเช้าชั่งเย็นกันไปนั้นมันเป็นน้ำหนักของอาหาร
และการปรับมวลร่างกายแบบ ชั่วคราวครับ ไม่จำเป็นต้องไปวิตกตรวจสอบแบบนั้นกับผลที่ยังประมาณค่าแทบไม่ได้
นักเพาะกายบางคนฝึกหนักโหดมาก จึงกินระเบิดในวันนี้แต่พอชั่งน้ำหนักใน3วันข้างหน้าน้ำหนักกลับมาเกือบเท่าเดิมหรือกระทั่งน้ำหนักลด เพราะอาหารที่นำไปซ่อมกล้ามเนื้อยังไม่พอด้วยซ้ำ
และมันหนักแค่ในช่วงที่มันพึ่งกินอิ่มหนักท้องแค่นั้นก็มีครับ
ในขณะที่นักเที่ยวดื่มเบียร์ บางคนดื่มไปหนักในวันนี้แต่ในวันที่3ไม่ค่อยได้กินข้าวเท่าไหร่แต่น้ำหนักขึ้นไปเฉยก็มีครับ
3.2 "วันเงินเดือนออก"
เชื่อหรือไม่ครับว่าร่างกายคนเรามันปรับสภาพเป็นช่วงๆ
แม้ว่ามันจะมีการเปลี่ยนแปลงแบบรายวันไปมาเหมือนกระแสหุ้นก็จริง
แต่มันยังไม่ใช่ผลอนันต์ครับ
โดยมากแล้วร่างกายของคนจะประมวลผลรวม ของร่างกายในระยะเวลา20วัน หรือ30วันต่อรอบครับ
สมมุติว่าสารอาหารที่คุณกินไปเมื่อตลอด10วันที่แล้ว มันยังใช้ไปไม่หมด
มันก็จะยังพยายามคงรุปร่างกายไว้อย่างนั้น
เซลต่างๆในร่างกายที่มันถูกสร้างไปแล้วจากสารอาหารเหล่านั้นมันยังมีชีวิตอยู่ในตัวเรา
มันยังไม่ถึงจังหวะผลัดใบ มันก็จะยังพยายามที่จะอยู่อย่างนั้นครับ
แม้ว่าช่วงนี้คุณจะกินน้อยแค่ไหนแต่มันก็ไม่ผอมสักที
นั่นมันเป็นเพราะ ทหารยังไม่ผลัดเวรครับ ขอให้มองภาพง่ายๆแบบนี้
แต่ทหารผลัดที่2ที่มันกำลังรอผลัดเวร นี่ล่ะครับมันจะเป็นตัวส่งผลอย่างมากในอีก20วันถึง30วันข้างหน้า
ที่จะเห็นผลเปลี่ยนแปลง แบบเป็นจังหวะด้วยสายตา
ดังนั้นขอให้ใจเย็นพิถีพิถันการฝึกการกิน บ่มเพาะทหารผลัด2ให้มีคุณภาพที่สุดเตรียมรอเอาไว้ได้เลย
พอเซลผลัด1ตายไป ไม่ว่าเซลไขมันเซลโปรตีนเซลแคลเซี่ยม และวิตามินต่างๆได้ตายไป
และเซลผลัด2ก้าวเข้ามา ร่างกายมันจะเกิดการปรับสภาพครับ
เช่นเมื่อได้รับ ไขมันสะสมน้อยขึ้นในแต่ละรอบมันก็จะเริ่ม สร้างภาวะต่างๆในร่างกายให้กับเรา
ดังนั้นขอให้เข้าใจและจะได้ไม่ต้องยุ่งยากกังวลใจ ชั่งน้ำหนักเช้าเย็นครุ่นเครียดกับมันครับ
เอาล่ะครับ เราเรียนรุ้ความสำคัญกันไป3ข้อใหญ่แล้ว
ก่อนจะจบในบทนี้ ผมขอฝากเอาไว้ว่า
ร่างกายไม่ใช่สิ่งลองผิดลองถูก และการลดความอ้วนอย่างผิดวิธีส่งผลกระทบมากมายครับ
บางคนเซลสมองแย่ลง บางคนมีปัญหากับมวลกระดูก
บางคนผิวเสีย บางคนผมร่วง บางคนความคิดอ่านแคบลงอารมณ์แปรปรวน
บางคนฝึกหนักกินน้อย มีปัญหากับกระดูกข้อเอ็น
บางคนเกิดภาวะหักโหมเลือดเป็นพิษ บางคนภูมิต้านทานลดลง และอีกหลายข้อมากมาย
สิ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องพึงระวังเป็นอย่างมาก
สำหรับบทนี้ขอให้ท่านทำความเข้าใจสิ่งเหล่านี้ไม่มากก็น้อย
เพื่อเป็นพื้นฐานในบทต่อไปที่เรา จะเริ่มเข้าโปรแกรมการฝึกกันครับ
ยายหนูเหมือนเดินอยู่บนเส้นทางนี้คนเดียวมาเกือบ 2ปี ขอบคุณที่สร้างบล็อกนี้ขึ้นมา...