|
"Happy New Year 2007"
สวัสดีปีใหม่เพื่อนๆชาว Bloggang ทุกๆคนค่า ปีใหม่ปีนี้ขอให้มีความสุขมากๆนะคะ สุขภาพร่างกายแข็งแรงๆๆค่า
Create Date : 04 มกราคม 2550 | | |
Last Update : 4 มกราคม 2550 19:34:18 น. |
Counter : 426 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
2 สาว..ตะลุย "ภูกระดึง"
14 ธ.ค. 49 การเดินทางของ 2 สาวเริ่มต้นที่หมอชิต พาหนะของเราคือ V.I.P. 24 ที่นั่ง (กรุงเทพ-เลย-เชียงคาน) ในตั๋วปั๊มไว้ว่ารถออกช่อง 4,6,8 พอไปถึงทำไมไม่ใช่หว่า เอ๊ะ หรือว่าเรามาเร็วไป ยืนรอสักพัก เห็นรถ กรุงเทพ-เชียงคานคันนึงจอดอยู่ที่ช่อง 12 เลยตัดสินใจเดินไปถาม เค้าบอกว่าคันนี้แหละขึ้นเลย เราก็อ้าว เห็นในตั๋วบอกจอด 4 6 8 นี่พี่ เค้าก็บอกว่าในตั๋วปั๊มไว้งั้นแหละ ความจริงช่องไหนว่างก็เข้าช่องนั้น เราอืมมมม ดีนะไม่เถรตรงรอให้ไปจอดตามช่องที่บอก ไม่งั้นรอจนเที่ยงคืนก็ยังไม่ได้ขึ้นรถ..22.00 รถเคลื่อนออกจากหมอชิต บ้าย บาย กรุงเทพ 3 วัน รถแวะจอดให้ทานข้าวที่สีคิ้วตอนประมาณ 1.20 ด้วยความที่ยังอิ่มอยู่เลยเอาตั๋วไปแลกโค้กกระป๋องแทน 2 ใบแลกได้ตั้ง 3 กระป๋องแน่ะ..555 ไม่อดโค้กบนภูแล้ว... 15 ธ.ค. 49 ประมาณ 5.00 รถก็พาเราสองคนมาถึงผานกเค้า ซึ่งจะเป็นจุดต่อรถไปยังภูกระดึง ลงรถปุ๊บก็เดินเอาของไปวาง ล้างหน้า แปรงฟัน อยากบอกว่าอากาศเย็นมากๆเลยขนาดไม่ใช่บนภูนะเนี่ย..ออกมาก็สั่งกาแฟร้อนป้าไป 2 แก้ว รอๆๆๆๆอยู่นานมาก กาแฟก็ยังไม่ได้เลยตัดสินใจไปเปิดตู้เย็นหยิบกาแฟกระป๋องมากินแทน โอ้ยๆๆอากาศเย็นแล้วมากินกาแฟเย็นอีกนี่เพิ่มความยะเยือกในตัวจริงๆ..ฟ้าเริ่มสว่างแล้วเลยเดินไปขึ้นรถสองแถวไปอุทยานฯกัน ค่ารถก็คนละ 20 บาท ตอนรถวิ่งนะ ลมพัด หนาวสุดๆ...ไม่น่าเชื่อว่านี่คือเมืองไทย..กรุงเทพร้อนตับแตก...ถึงอุทยานฯเราก็เดินไปชำระค่าที่กางเต็นท์ 30 บาท/คน/คืน จากนั้นก็ไปซื้อบัตรสำหรับชั่งสัมภาระใบละ 2 บาท พอเขียนข้อมูลเสร็จก็ไปช่างกิโล ค่าลูกหาบกิโลละ 15 บาท ระหว่างที่รอชั่งของอยู่นั้น อยู่ดีๆก็มีคนเรียก ก่าแป๊ง เราก็เรียกใครอ่ะคงชื่อซ้ำกัน แต่ก็เงยหน้าไปมอง เฮ้ยยยย..ไม่น่าเชื่อจะเจอคนรู้จักที่ภูกระดึง โลกกลมจริงๆ เป็นรุ่นพี่ที่คณะนั่นเอง พี่เค้ามากะเพื่อนๆ 7 คน พี่ก็ถามว่าเรามากันกี่คน เลยไปว่า 2 พี่เค้าเลยชวนไปนอนที่บ้านเพราะเค้าจองไว้ บ้านพักได้ 10 คน แต่ว่าไม่รบกวนพี่ดีกว่า ขอบคุณค่า..พอจัดการทุกอย่างก็ออกเดินทางขึ้นภูกระดึง
แม้ว่าจะมาเป็นรอบที่ 2 แล้วความตื่นเต้นที่จะได้ขึ้นไปบนภูอีกครั้งนั้นไม่ต่างจากครั้งแรกเลยสักนิด..ออกเดินตอน 7.00 ก็เดินเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก ผ่านปางกกค่า เดินไปคุยไป แป๊บเดียวก็มาถึงซำแฮก..ไม่รู้ว่าคนตั้งชื่อซำนี่จะหมายถึงว่าซำแรกหรือว่าใครมาถึงซำนี้แล้วต้องแฮกๆๆ ก็ไม่รู้..ซำนี้เป๊บซี่เท่านั้น โด๊ปก่อนกระดึ๊บไปยังซำต่อไป พอหายเหนื่อย หายเมื่อยก็เดินต่อไปเรื่อยๆ ผ่าน ซำบอน ซำกกกอก ซำกอซาง พร่านพรานแป ซำกกหว้า ที่ซำนี้แวะพักกินไข่ปิ้ง เพิ่มพลังสักหน่อย อยากบอกว่าอร่อยมากกก พอท้องอิ่มก็ออกเดินต่อ ลุยเดินเท่านั้นตอนนี้ เดินผ่าน ซำกกไผ่ ซำกกโดน ที่ซำกกโดนนี้เป็นซำเดียวที่มีห้องน้ำ เพราะฉะนั้นก็รีบเข้าซะ ซำนี้แวะกินแตงโมเหลืองด้วย อร่อยอีกแล้ว แตงโมหวานมากด้วย แต่เอ๊ะ..หรือว่าเพราะเหนื่อยเนี่ยเลยกินอะไรก็อร่อยไปหมด จากซำกกโดนก็ถึงซำแคร่ เป็นซำสุดท้ายก่อนถึงหลังแปและหลังจากซำนี้ทางจะปีนตลอดแล้ว ก็พาพี่chaokhaปืนๆๆๆๆแล้วก็ปืน ตั้งแต่เดินขึ้นมาจากตีนภูไม่นับตามซำนะ ไม่ได้นั่งพักเลย เดินลุยตลอด แต่ว่าเดินเรื่อยๆ ไม่ได้รีบมากมาย พอถึงหลังแปเท่านั้นแหละ สวรรค์ (หรือป่าว) นั่งพักสักหน่อยละกันม่ายยยไหวแล้นนนน นั่งอยู่ดีๆก็มีพี่คนหนึ่งเดินเข้ามาทัก หน้าคุ้นๆนี่ เลยหันไปดูอ้าว พี่ที่ไปดอยหลวงเชียงดาวด้วยกัน ไม่น่าเชื่ออีกแล้วครับท่านว่าจะเจอคนรู้จักที่นี่ มาภูกระดึงเจอคนรู้จัก 2 คน โลกใบนี้ช่างกลมเสียจริง พี่เค้าเลยบอกว่างั้นเดี๋ยวไปเจอกันที่ร้านนัดพบ เดี๋ยวคุยเรื่องเต๊นท์ให้ ขอบคุณฮับพี่.. พอหายเมื่อยก็ออกเดินต่อ อีกตั้ง 4 กิโลแน่ะกว่าจะถึงที่ทำการ ทางก็เป็นทรายอีก กินแรงจริงๆตอนเดิน แดดก็ร้อนเปรี้ยง เดินแล้วนึกถึงสมัยเรียนลูกเสือ เนตรนารีเลย ช่วงเดินทางไกลอ่ะ ถ้ามีไม้พลองมาแบกอีกนิดนะใช่เลย กำลังเข้าค่ายลูกเสืออยู่แน่ๆ แต่แล้วความพยายาม+ความอดทนของสองสาวก็สำเร็จเรากระดึ๊บมาถึงที่ทำการจนได้..โอ๊ยยยย ไม่ไหวแล้ว ไปกินข้าวก่อนดีก่าาาา มื้อแรกบนภูคือเส้นหมี่ผัดซีอิ๊ว อิ่มอร่อยๆอย่างแรง กินเสร็จก็เดินไปเอาของที่ลูกหาบ พี่เค้าให้ที่ร้านเค้ากางเต๊นท์เรียบร้อยแล้ว อยู่ใกล้ๆกะพี่เค้าเลย ก็เอาของมาเก็บเป็นที่เรียบร้อย ภาระกิจต่อไปคือ อาบน้ำ ไม่อยากอาบเลย สารภาพความจริง แต่ไม่อาบก็ไม่ไหวอ่ะ พอน้ำโดนตัวนะยังกะน้ำแช่น้ำแข็งมาแน่ะแต่พออาบไปเรื่อยๆเริ่มชา ดีนะถูกสบู่นิดเดียวเลยล้างออกหมดอย่างรวดเร็ว ไม่งั้นคงแข้งอยู่ในห้องน้ำแน่ๆ...
โปรแกรมเย็นนี้คือไปดูพระอาทิตย์ตกที่ผาหมากดูก ห่างจากที่พักไป 3 กิโล ก่อนเดินไปผาได้แวะไหว้พระที่ลานพระพุทธเมตตากันก่อน ตอนแรกกะว่าจะเดินไปสระแก้วด้วยแต่ว่าหาทางไปไม่เจอเลยไปผาหมากดูกเลยละกัน ระหว่างทางเดินก็เจอนักท่องเที่ยวกลุ่มนึงอายุก็มากเหมือนกันน่าจะประมาณ 30 ปลายๆ มีพี่คนนึงถือกระเป๋าเหมือนแบบใส่โน๊ตบุ๊คเลยแซวไปว่าพี่เอาโน๊ตบุ๊คขึ้นภูมาด้วยเหรอคะ พี่เค้าก็ฮาบอกเปล่าน้อง กระเป๋ากับแกล้ม..หุหุ สงสัยเอามากินตอนชมพระอาทิตย์ตก..สุนทรีเสียจริง..555.. พวกเราไปถึงผาเร็วเกิน เลยไปนั่งกินมันเผา+ข้าวเหนียวปิ้งรอ อยากบอกว่าอร่อยอีกแล้วววว..อากาศหนาวๆกินอะไรร้อนๆช่างสุขใจเสียจริงๆ พระอาทิตย์ตกที่ผาหมากดูกนี้คนไม่ค่อยเยอะสักเท่าไหร่ สงสัยไปดูที่ผาหล่มสักกันมั้ง...พอพระอาทิตย์ตกลับหายไปเท่านั้นแหละความหนาวเย็นเข้ามาเยือนอย่างทันที ทำให้ต้องรีบจ้ำกลับที่พักโดยด่วน พอถึงที่เต๊นท์เท่านั้นแหละ ไม่ออกมาอีกแล้ว นอนเลย เพราะว่าเหนื่อยมาก กลายเป็นว่าคืนแรกเรานอนกันตั้งแต่ 1ทุ่ม หลับสนิท
16 ธ.ค. 49 ตื่นมาอีกที 6 โมงเช้า ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นไม่ทัน ไม่เป็นไรมีพรุ่งนี้อีกวัน .. เช้านี้เลยเดินไปชมบรรยากาศยามเช้าที่แถวอ่างเก็บน้ำแทน พึ่งเคยไปครั้งแรกเหมือนกัน ไม่รู้ว่ามีมุมนี้อยู่ด้วย...โปรแกรมของวันนี้คือเดินเส้นน้ำตก ไปสระอโนดาต แล้วก็ไปดูพระอาทิตย์ตกที่ผาหล่มสักกัน..ออกเดินทางกันตอน 9.00 เดินกันเรื่อยๆ ไปกัน 2 คนได้บรรยากาศไปอีกแบบ น้ำตกแรกที่เจอคือน้ำตกวังกวาง น้ำไม่ค่อยมีเท่าไหร่ มีใบเปิ้ลแดงอยู่เล็กน้อย เอาน่าอย่างน้อยก็สมความตั้งใจแล้วนี่ อยากเห็นใบเมเปิ้ลแดง..จากน้ำตกวังกวางก็เดินไปน้ำตกเพ็ญพบใหม่ น้ำตกโผนพบ น้ำตกเพ็ญพบ และก็ไปแวะพักกินข้าวกลางวันที่น้ำตกถ้ำใหญ่ ภาพในความคิดที่น้ำตกนี้คือต้องมีใบเมเปิ้ลสีแดงร่วงลงมาบนโขดหินสีเขียว พอไปถึง เฮ้ออออ..มีใบเมเปิ้ลแดงอยู่เล็กน้อยส่วนใหญ่เหี่ยวหมดแล้ว เรามาช้าไป โขดหินก็ไม่ค่อยเขียวเท่าไหร่ ช่างเถอะกินข้าวดีกว่า มื้อนี้เป็นผัดกระเพราหมูสับ เค้าให้ข้าวมาแบบว่าเต็มถุงเลย เยอะมาก กะว่าไม่มีการบ่นว่าไม่อิ่มแน่ๆ กินข้าวเสร็จก็ถ่ายรูปสักเล็กน้อย
จากนั้นก็เดินทางต่อไปยังสระอโนดาต ตอนเดินไปสระนี้เห็นแฟนงอนกันด้วย ผู้ชายก็วิ่งไปวิ่งมาตามง้อ มีมาขอยืมโทรศัพท์พี่chaokhaโทรไปง้อแฟนอีก แต่ว่าแฟนปิดเครื่อง นึกในใจมันจะไปงอนที่ไหนก็งอนไปเถอะนี่บนภูกระดึงง้อกันทีวิ่งเป็นกิโลๆๆยังกะหนังอินเดีย เห็นแล้วเหนื่อยแทนจริงๆ พอลากสังขารถึงสระอโนดาตได้ก็นั่งพักกัน แต่พอจะเดินต่อนี่สิ ขาเริ่มแข็ง เส้นเริ่มยึด แต่ว่าไม่ได้ต้องเดิน ไม่งั้นอดดูพระอาทิตย์ตกนะ คราวนี้เลยพาพี่chaokha เดินแบบว่าไม่ต้องมีการหยุดพักกันแล้ว พักทีเดียวที่ผาหล่มสักเลย เดินกันแบบว่าแทบจะหมดแรงแล้วพอเห็นหลังคาร้านคาเท่านั้นแหละ สวรรค์โปรดจริงๆ รีบเดินด้วยแรงฮึดสุดท้าย ในที่สุดก็พาตัวเองมานั่งแหมะอยู่ ณ ร้านค้าได้ ของกินที่สั่งเป็นอย่างแรกเลยคือเป๊บซี่ นั่งพักกินนู่นกินนี่ได้พักใหญ่ก็ไปหาที่ชมพระอาทิตย์ตก คนนะเต็มไปหมดเลยโดยเฉพาะมุมมหาชน เลยไม่ได้ถ่ายรูปมุมนี้มา เดินหาทำเลอยู่พักนึงก็ได้มุมดีๆแล้ว คราวนี้ก็นั่งยาวจนพระอาทิตย์ตกเลย ชอบจังบรรยากาศยามเย็นแบบนี้...พอพระอาทิตย์ตกเสร็จก็รีบเดินกลับที่พักทันที ผ่านซำตามผาไม่มีการแวะพัก เดินรวดเดียวยิงยาวถึงที่พักเลย 9 กิโลใช้เวลาเดินประมาณ 2 ชม. สปีดเร็วมากไม่รู้ทำไปได้ไง ตอนเดินกลับนั้น อยู่ดีๆก็มีเสียงกรี๊ดดดดด ของน้องกระเทยกลุ่มหน้า คือว่าน้องเค้าเจองูเลื้อยผ่าน ตัวไม่ใหญ่ ผอมๆ น่าจะยังเป็นงูเด็กอยู่ ลายดำสลับขาว พอดีช่วงนั้นงงอยู่เลยควักกล้องออกมาถ่ายไม่ทัน แต่ก็ตลกน้องกลุ่มนี้ดี กรี๊ดกร๊าด ฮาๆ พอถึงที่พัก อาหารมื้อเย็นวันนี้คือมาม่าใส่ไข่ กินเสร็จก็เข้าเต๊นท์นอน คืนนี้นอน 22.00 กะว่าพรุ่งนี้จะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นให้ได้
17 ธ.ค. 49 ก่าแป๊งๆๆ ตี 5.45 แล้ว เฮ้ย จริงเหรอ แต่ว่าหนาวมากๆ ถ้าออกไปคงแข็งหน้าเต๊นท์แน่ๆ งั้นไม่ต้องไปดูหรอกนะ พี่chaokha อืมมมมก็ได้ แล้วก็นอนต่อ ตื่นมาอีกที 6.30ได้ เฮ้อ..ทริปนี้ไม่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นสักวัน เอาน่าโอกาสหน้ามาใหม่ไม่พลาดแน่ๆ ตื่นมาก็ล้างหน้า แปรงฟัน ไปซื้อ postcard แล้วก็กลับมาเก็บของนั่งเขียน postcard กินขนมกะโค้กที่อุตสาห์แบกขึ้นมากัน พอได้เวลาก็ยกของไปชั่งเตรียมลงภู ตอนที่ต่อแถวรออยู่นั้น พี่chaokhaไปซื้อบัตรชั่งสัมภาระ เลยยืนอยู่คนเดียว พี่ข้างหน้าเค้า เลยถามว่าน้องมาคนเดียวเหรอครับ เราก็นึกในใจหน้าเราดูเถื่อนขนาดกล้ามาคนเดียวได้เลยหรือนี่ เลยตอบไป มา 2 คนค่ะ พี่เค้าก็บอกว่าเค้ามา 4 คนก็ยืนคุยสักพัก พี่Chaokhaก็มา พอชั่งของเสร็จก็ไปเข้าห้องน้ำ ก่อนเดินลง ยืนรอห้องน้ำนานมาก สงสัยไปปล่อยของหนัก พอป้าเปิดประตูออกมาป้าก็รีบปิดทันทีแล้วบอกเราว่าส้วมเต็มนะเปลี่ยนห้องเถอะ .. โห สงสัยอั้นไว้หลายวัน พอปล่อยออกมาทีทำเอาส้วมเต็มเลย..55555.. เราเริ่มเดินลงตอน 10.00 เดินเรื่อยๆก็ผ่านไป 4 กิโลบนหลังแปแบบรวดเร็ว สงสัยว่าเราคงแข็งแรงขึ้นแล้ว ตอนเดินอยู่ก็มีคนมาทักว่าพรรคพวกหายไปไหนหมด เลยบอกมามี 2 คนนี่แหละคะ ก็คุยๆกัน เลยถามว่าพี่มาจากไหนเค้าบอกมาจากภูกระดึง เลยบอกไปว่า โหพี่มาไกล๊ ไกล ... ตอนเดินลงนี้เห็นคนทะเลาะกันด้วย คู่นี่ทะเลาะกันแบบโวยวายเสียงดังลั่นเลย น่ากลัวมั่กๆ อุตสาห์เที่ยวด้วยกันตั้งหลายวันดันมาทะเลาะกันวันลง เดินลงนี่เร็วกว่าขาขึ้นตั้งเยอะ เดินแป๊บๆ ผ่านไปซำนึงแหละ เราก็เดินสบายๆ ไม่รีบร้อนอะไรเพระาว่ารถออกตั้ง 21.45 แน่ะ เดินดูนู่นดูนี่ไปเรื่อยแป๊บเดียวก็มาถึงตีนภูแล้ว เร็วจริงๆ เดินลงมาเจอป้าย ขอให้สุขภาพแข็งแรง เข้าใจเขียน 55555 ก็เดินไปเอากระเป๋าแล้วก็อาบน้ำ แล้วก็ขึ้นรถสองแถวไปรอรถทัวร์ต่อ บนรถ 2 แถวนี้ก็ได้คุยกะพี่คนนึงเค้ามากัน 2 คนเหมือนกันแต่เป็นชายทั้งคู่ ก็คุยนู่นคุยนี่กันจนลงรถอ่ะ พี่เค้าแบกของขึ้นภูเอง กระเป๋าเค้าตั้ง 30 กิโล ไม่รู้แบกขึ้นได้ไง สุดยอดจริงๆนับถือ พอถึงร้านก็สั่งข้าวกินมื้อนี้กินอย่างราชา 555555 กินเสร็จก็นั่งดูทีวีไปเรื่อย เจ้าของร้านบอกเอาเสื่อมาปูนอนได้นะ แต่ไม่เอาดีก่าถ้านอนสงสัยตื่นอีกทีตอนเช้า พอ 21.45 รถทัวร์ก็มาถึง เตรียมเดินทางกลับกรุงเทพฯ บ้าย บาย ภูกระดึง ถ้ามีโอกาสจะกลับไปเป็นรอบที่ 3 นะ
Create Date : 21 ธันวาคม 2549 | | |
Last Update : 21 ธันวาคม 2549 17:08:59 น. |
Counter : 1359 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|