เพลงปี่พระอภัยมณี ตอนที่ 2 ครั้งที่ 4 สะกดทัพเจ้าละมาน เป็นเหตุการณ์ภายหลังที่อุศเรนกระอักเลือดตาย ทำให้นางละเวงคิดแค้น เรียกกษัตริย์เมืองต่างๆมาช่วยกันรบแก้แค้นพระอภัยมณี หนึ่งในนั้นมีเจ้าเมืองละมานยกทัพมาล้อมกองทัพพระอภัยมณไว้ ครั้งนี้ได้ใช้เพลงกระบี่ลีลา หน้าทับปรบไก่ เป็นเพลงที่ 3 ของตับนาคบาศ" เปิดสำเนียงเสียงลิ่วถึงนิ้วเอกหวานวิเวกวังเวงดังเพลงสวรรค์ให้ชื่นเฉื่อยเจื้อยแจ้วถึงแก้วกรรณ เหล่าพวกฟันเสี้ยมฟังสิ้นทั้งทัพยืนไม่ตรงลงนั่งยิ่งวังเวก เอกเขนกนอนเคียงเรียงลำดับเจ้าละมานหวานทรวงง่วงระงับ ลงล้มหลับลืมกายดังวายปราณ"เพลงปี่ครั้งนี้หวานแช่มช้าชวนฟัง เหมาะเป็นเพลงกล่อมสะกดทัพมากยิ่งได้ฝีมือขับร้องจากอาจารย์ในกรมศิลปากรยิ่งช่วยเพลงไพเราะขึ้นอีกมากๆ ยิ่งช่วงโต้ตอบระหว่างนางละเวงกับพระอภัยมณียิ่งไพเราะควรไปหาฟั ครั้งที่ 5 สยบกองทัพทั้งเก้าภายหลังจากที่กษัตริย์ทั้งหลายรับสาสน์และรูปนางละเวงก็เกิดหลงรูป ยกทัพมาหวังเอาชนะพระอภัยมณีเพื่อจะได้นางละเวงไปเป็นคู่ พระอภัยมณีจึงครวญเพลงปี่เพื่อสยบทัพทั้งเก้าทัพคราวตีเมืองเชียงใหม่ ซึ่งมีเนื้อหาไพเราะกินใจให้คนฟังรู้สึกคิดถึงบ้านที่จากมา จนขาดกำลังใจจะทำศึก โดยการเป่าปี่ของพระอภัยมณีครั้งนี้ใช้เพลง กระเรียนทอง 2 ชั้น ทำนองเดิม บางครั้งใช้เพลง นกจาก โดยมีเนื้อเพลงว่า " พระโหยหวนครวญเพลงวังเวงจิต ให้คนคิดถึงถิ่นถวิลหวัง ว่าจากเรือนเหมือนนกมาจากรัง อยู่ข้างหลังก็จะแลชะแง้คอย ถึงยามค่ำย่ำฆ้องจะร้องไห้ ร่ำพิไรรัญจวนหวนละห้อย โอ้ยามดึกดาวเคลื่อนเดือนก็คล้อย น้ำค้างย้อยเย็นฉ่ำที่อัมพร หนาวอารมณ์ลมเรื่อยเฉื่อยเฉื่อยชื่น ระรวยรื่นรินรินกลิ่นเกสร แสนสงสารบ้านเรือนเพื่อนที่นอนจะอาวรณ์อ้างว้างอยู่วังเวง " ครั้งที่ 6 กล่อมนางละเวง ใช้เพลง กล่อมนารี หน้าทับปรบไก่ 4 จังหวะ พระอภัยมณีเกิดจิตรักนางละเวงเมื่อนางยกทัพมาเอง แม้นางเองจะมีใจให้พระอภัยมณีแต่ก็มีความแค้น จึงชักม้าหนี พระอภัยมณีจึงใช้ปี่เรียกนางกลับมา ดังนี้ " ต้อยตะริดติ๊ดตี่เจ้าพี่เอ๋ยจะละเลยเร่ร่อนไปนอนไหน แอ้อี่ออยสร้อยฟ้าสุมาลัยแม้เด็ดได้แล้วไม่ร้างให้ห่างเชยฉุยฉายชื่นรื่นรวยระทวยทอดจะกล่อมกอดกว่าจะหลับกับเขนยหนาวน้ำค้างพร่างพรมลมรำเพยใครจะเชยโฉมน้องประคองนวล" เพลงนี้ไพเราะมากและเนื้อเพลงก็ช่างหวนชวนให้คนฟังหลงใหลจริงๆ มิน่าพระอภัยมณีถึงได้เสน่ห์กระชากใจสาวๆในเรื่องนักหนา
เพลงปี่พระอภัยมณี
ตอนที่ 2
ครั้งที่ 4 สะกดทัพเจ้าละมาน เป็นเหตุการณ์ภายหลังที่อุศเรนกระอักเลือดตาย ทำให้นางละเวงคิดแค้น เรียกกษัตริย์เมืองต่างๆมาช่วยกันรบแก้แค้นพระอภัยมณี หนึ่งในนั้นมีเจ้าเมืองละมานยกทัพมาล้อมกองทัพพระอภัยมณไว้ ครั้งนี้ได้ใช้เพลงกระบี่ลีลา หน้าทับปรบไก่ เป็นเพลงที่ 3 ของตับนาคบาศ" เปิดสำเนียงเสียงลิ่วถึงนิ้วเอกหวานวิเวกวังเวงดังเพลงสวรรค์ให้ชื่นเฉื่อยเจื้อยแจ้วถึงแก้วกรรณ เหล่าพวกฟันเสี้ยมฟังสิ้นทั้งทัพยืนไม่ตรงลงนั่งยิ่งวังเวก เอกเขนกนอนเคียงเรียงลำดับเจ้าละมานหวานทรวงง่วงระงับ ลงล้มหลับลืมกายดังวายปราณ"เพลงปี่ครั้งนี้หวานแช่มช้าชวนฟัง เหมาะเป็นเพลงกล่อมสะกดทัพมากยิ่งได้ฝีมือขับร้องจากอาจารย์ในกรมศิลปากรยิ่งช่วยเพลงไพเราะขึ้นอีกมากๆ ยิ่งช่วงโต้ตอบระหว่างนางละเวงกับพระอภัยมณียิ่งไพเราะควรไปหาฟั
ครั้งที่ 4 สะกดทัพเจ้าละมาน
เป็นเหตุการณ์ภายหลังที่อุศเรนกระอักเลือดตาย ทำให้นางละเวงคิดแค้น เรียกกษัตริย์เมืองต่างๆมาช่วยกันรบแก้แค้นพระอภัยมณี หนึ่งในนั้นมีเจ้าเมืองละมานยกทัพมาล้อมกองทัพพระอภัยมณไว้ ครั้งนี้ได้ใช้เพลงกระบี่ลีลา หน้าทับปรบไก่ เป็นเพลงที่ 3 ของตับนาคบาศ
" เปิดสำเนียงเสียงลิ่วถึงนิ้วเอกหวานวิเวกวังเวงดังเพลงสวรรค์ให้ชื่นเฉื่อยเจื้อยแจ้วถึงแก้วกรรณ เหล่าพวกฟันเสี้ยมฟังสิ้นทั้งทัพยืนไม่ตรงลงนั่งยิ่งวังเวก เอกเขนกนอนเคียงเรียงลำดับเจ้าละมานหวานทรวงง่วงระงับ ลงล้มหลับลืมกายดังวายปราณ"เพลงปี่ครั้งนี้หวานแช่มช้าชวนฟัง เหมาะเป็นเพลงกล่อมสะกดทัพมากยิ่งได้ฝีมือขับร้องจากอาจารย์ในกรมศิลปากรยิ่งช่วยเพลงไพเราะขึ้นอีกมากๆ ยิ่งช่วงโต้ตอบระหว่างนางละเวงกับพระอภัยมณียิ่งไพเราะควรไปหาฟั
" เปิดสำเนียงเสียงลิ่วถึงนิ้วเอกหวานวิเวกวังเวงดังเพลงสวรรค์ให้ชื่นเฉื่อยเจื้อยแจ้วถึงแก้วกรรณ เหล่าพวกฟันเสี้ยมฟังสิ้นทั้งทัพยืนไม่ตรงลงนั่งยิ่งวังเวก เอกเขนกนอนเคียงเรียงลำดับเจ้าละมานหวานทรวงง่วงระงับ ลงล้มหลับลืมกายดังวายปราณ"
" เปิดสำเนียงเสียงลิ่วถึงนิ้วเอก
หวานวิเวกวังเวงดังเพลงสวรรค์
ให้ชื่นเฉื่อยเจื้อยแจ้วถึงแก้วกรรณ
เหล่าพวกฟันเสี้ยมฟังสิ้นทั้งทัพ
ยืนไม่ตรงลงนั่งยิ่งวังเวก
เอกเขนกนอนเคียงเรียงลำดับ
เจ้าละมานหวานทรวงง่วงระงับ
ลงล้มหลับลืมกายดังวายปราณ"
เพลงปี่ครั้งนี้หวานแช่มช้าชวนฟัง เหมาะเป็นเพลงกล่อมสะกดทัพมากยิ่งได้ฝีมือขับร้องจากอาจารย์ในกรมศิลปากรยิ่งช่วยเพลงไพเราะขึ้นอีกมากๆ ยิ่งช่วงโต้ตอบระหว่างนางละเวงกับพระอภัยมณียิ่งไพเราะควรไปหาฟั
ครั้งที่ 5 สยบกองทัพทั้งเก้า
ภายหลังจากที่กษัตริย์ทั้งหลายรับสาสน์และรูปนางละเวงก็เกิดหลงรูป ยกทัพมาหวังเอาชนะพระอภัยมณีเพื่อจะได้นางละเวงไปเป็นคู่ พระอภัยมณีจึงครวญเพลงปี่เพื่อสยบทัพทั้งเก้าทัพคราวตีเมืองเชียงใหม่ ซึ่งมีเนื้อหาไพเราะกินใจให้คนฟังรู้สึกคิดถึงบ้านที่จากมา จนขาดกำลังใจจะทำศึก โดยการเป่าปี่ของพระอภัยมณีครั้งนี้ใช้เพลง กระเรียนทอง 2 ชั้น ทำนองเดิม บางครั้งใช้เพลง นกจาก โดยมีเนื้อเพลงว่า
" พระโหยหวนครวญเพลงวังเวงจิต ให้คนคิดถึงถิ่นถวิลหวัง ว่าจากเรือนเหมือนนกมาจากรัง อยู่ข้างหลังก็จะแลชะแง้คอย ถึงยามค่ำย่ำฆ้องจะร้องไห้ ร่ำพิไรรัญจวนหวนละห้อย โอ้ยามดึกดาวเคลื่อนเดือนก็คล้อย น้ำค้างย้อยเย็นฉ่ำที่อัมพร หนาวอารมณ์ลมเรื่อยเฉื่อยเฉื่อยชื่น ระรวยรื่นรินรินกลิ่นเกสร แสนสงสารบ้านเรือนเพื่อนที่นอนจะอาวรณ์อ้างว้างอยู่วังเวง "
ให้คนคิดถึงถิ่นถวิลหวัง ว่าจากเรือนเหมือนนกมาจากรัง อยู่ข้างหลังก็จะแลชะแง้คอย ถึงยามค่ำย่ำฆ้องจะร้องไห้ ร่ำพิไรรัญจวนหวนละห้อย โอ้ยามดึกดาวเคลื่อนเดือนก็คล้อย น้ำค้างย้อยเย็นฉ่ำที่อัมพร หนาวอารมณ์ลมเรื่อยเฉื่อยเฉื่อยชื่น ระรวยรื่นรินรินกลิ่นเกสร แสนสงสารบ้านเรือนเพื่อนที่นอนจะอาวรณ์อ้างว้างอยู่วังเวง "
ให้คนคิดถึงถิ่นถวิลหวัง
ถึงยามค่ำย่ำฆ้องจะร้องไห้ ร่ำพิไรรัญจวนหวนละห้อย
ถึงยามค่ำย่ำฆ้องจะร้องไห้
ร่ำพิไรรัญจวนหวนละห้อย
หนาวอารมณ์ลมเรื่อยเฉื่อยเฉื่อยชื่น ระรวยรื่นรินรินกลิ่นเกสร
หนาวอารมณ์ลมเรื่อยเฉื่อยเฉื่อยชื่น
ระรวยรื่นรินรินกลิ่นเกสร
จะอาวรณ์อ้างว้างอยู่วังเวง "
ครั้งที่ 6 กล่อมนางละเวง
ใช้เพลง กล่อมนารี หน้าทับปรบไก่ 4 จังหวะ พระอภัยมณีเกิดจิตรักนางละเวงเมื่อนางยกทัพมาเอง แม้นางเองจะมีใจให้พระอภัยมณีแต่ก็มีความแค้น จึงชักม้าหนี พระอภัยมณีจึงใช้ปี่เรียกนางกลับมา ดังนี้
" ต้อยตะริดติ๊ดตี่เจ้าพี่เอ๋ยจะละเลยเร่ร่อนไปนอนไหน แอ้อี่ออยสร้อยฟ้าสุมาลัยแม้เด็ดได้แล้วไม่ร้างให้ห่างเชยฉุยฉายชื่นรื่นรวยระทวยทอดจะกล่อมกอดกว่าจะหลับกับเขนยหนาวน้ำค้างพร่างพรมลมรำเพยใครจะเชยโฉมน้องประคองนวล"
" ต้อยตะริดติ๊ดตี่เจ้าพี่เอ๋ย
จะละเลยเร่ร่อนไปนอนไหน
แอ้อี่ออยสร้อยฟ้าสุมาลัย
แม้เด็ดได้แล้วไม่ร้างให้ห่างเชย
ฉุยฉายชื่นรื่นรวยระทวยทอด
จะกล่อมกอดกว่าจะหลับกับเขนย
หนาวน้ำค้างพร่างพรมลมรำเพย
ใครจะเชยโฉมน้องประคองนวล"
เพลงนี้ไพเราะมากและเนื้อเพลงก็ช่างหวนชวนให้คนฟังหลงใหลจริงๆ มิน่าพระอภัยมณีถึงได้เสน่ห์กระชากใจสาวๆในเรื่องนักหนา