ขี้เหล็ก สมุนไพรใกล้ตัว
ชื่อพื้นเมือง ขี้เหล็กบ้าน ขี้เหล็กหลวง (ภาคเหนือ) ขี้เหล็กใหญ่ (ภาคกลาง) ยะหา (ปัตตานี) ผักจี้ลี้ (ฉานแม่ฮ่องสอน) แมะขี้เหละพะโคะ (กะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอน)

ในประเทศไทย พบขึ้น อยู่ตามป่าเบญจพรรณชื้น และในที่โปร่งชุ่มชื้น ทั่วประเทศ ในสมัยก่อนไม้ขี้เหล็กส่วนมากส่งมาจากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สุราษฎร์ธานีและชุมพร ระดับที่ขึ้นคือความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 10 - 400 ม. ในต่างประเทศ พบที่ ประเทศในเขตเอเซียตะวันออกเฉียงใต้

การใช้ประโยชน์ด้านสมุนไพร ส่วนที่ใช้เป็นสมุนไพรและสรรพคุณ คือ

ราก รสขม ถ่ายพิษไข้ แก้ไข้กลับซ้ำ แก้ไข้หนาว ๆ ร้อน ๆ เจริญไฟธาตุ แก้ชักในเด็ก แก้ไข้ผิดสำแดง แก้โรคอันเป็นชินธาตุ แก้โรคอันเป็นอชินธาตุ แก้โรคอันเกี่ยวกับธาตุ แก้เหน็บชา บำรุงธาตุ

ต้น รสขม รักษาโรคผิวหนัง เป็นยาระบาย

เปลือก รสขม แก้ริดสีดวง แก้กระษัย แก้พิษไข้ พิษเสมหะ ทำให้เส้นเอ็นหย่อน

กระพี้ รสขมเฝื่อน แก้ร้อนกระสับกระส่าย แก้โลหิตอันกระทำให้ระส่ำระสาย ขับถ่ายโลหิตเสีย แก้กระษัย แก้เส้นเอ็นพิการ แก้ไข้ บำรุงโลหิต แก้จุกกะผามม้ามย้อย แก้โลหิตขึ้นเบื้องบน คุมกำเนิด

แก่น รสขมเฝื่อน แก้กามโรค แก้ไฟธาตุพิการ ทำให้ตัวเย็น แก้แสบตา แก้เส้น แก้กระษัย ถ่ายในโรคม้ามย้อย ถ่ายโรคเหน็บชา ถ่ายพิษทั้งปวง แก้โลหิต แก้โลหิตอันกระทำให้ระส่ำระสายในท้อง แก้โลหิตอันทำให้แสบจักษุทวาร แก้โลหิตขึ้นเบื้องบน บำรุงโลหิต แก้โรคลม แก้โรคลมเบื้องสูงลดลง แก้ลมอันกระทำให้เย็นทั่วร่างกาย แก้พยาธิในท้องให้ตก เป็นยาระบายฟอกโลหิตสตรี ขับน้ำคาวปลา ขับถ่ายโลหิตเสีย ถอนพิษ ผิดสำแดง แก้กล่อน แก้บวม แก้ไตพิการ ถ่ายเสมหะ แก้จุกเสียด คุมกำเนิด แก้เบาหวาน แก้โรคกำเดา

ใบ รสขม แก้ระดูขาว ขับปัสสาวะ แก้นิ่ว แก้นอนไม่หลับ เป็นยาระบาย แก้โรคเหน็บชา ถ่ายกระษัย แก้โรคกำเดา ถอนพิษ แก้พยาธิ เจริญไฟธาตุ แก้สะอึก เจริญอาหาร ลดความดันโลหิตสูงถ่ายพิษไข้ พิษเสมหะ พอกฝีมะม่วง แก้บิด

ดอก รสขม แก้นอนไม่หลับ แก้โลหิต แก้หืด แก้รังแค ผายธาตุ ขับพยาธิ เป็นยาระบาย เจริญอาหาร บำรุงประสาท

ฝัก รสขม แก้พิษไข้เพื่อปัตตะไข้เพื่อเสมหะ

เปลือกฝัก รสขมเฝื่อน แก้เส้นเอ็นพิการ ทั้งห้า รสขม ถ่ายพิษกระษัย ถ่ายพิษไข้ พิษเสมหะ แก้พิษทั้งบำรุงน้ำดี ขับถ่ายอุจจาระ ถ่ายโลหิต

ยอด แก้โรคเบาหวาน ไม่ระบุส่วนที่ใช่ แก้เสมหะ แก้โลหิตกำเดา เจริญไฟธาตุ แก้ลมกล่อนแก้บวม แก้จุกเสียด แก้กระษัย ขับถ่ายอุจจาระ บำรุงน้ำดี บำรุงโลหิต แก้โรคสตรีโลหิตระดูเสีย ขับล้างโลหิต ขับปัสสาวะ แก้ไตพิการ ขับพิษโลหิต


ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา กดระบบประสาทส่วนกลาง ต้านการชัก แก้ปวด ขับปัสสาวะ ยับยั้งการหดเกร็งของลำไส้ ทำให้กล้ามเนื้อเรียบของลำไส้คลายตัว ทำให้กล้ามเนื้อเรียบคลายตัว ทำให้ระบาย ทำให้กล้ามเนื้อมดลูกคลายตัว ลดความดันโลหิต ต้านแบคทีเรีย ต้านมาลาเรีย ต้านเชื้อรา กระตุ้นเชื้อรา ฆ่าแมลง กระตุ้นการจับกลุ่มกับเม็ดเลือด
การทดสอบความเป็นพิษ สารสกัดส่วนที่อยู่เหนือดินด้วยเอธานอล : น้ำ (1:1) และ เมธานนอล : น้ำ (1:1) ให้ขนาดที่ทำให้สัตว์ทดลองตายครึ่งหนึ่ง คือ มากกว่า 1 ก/กก เมื่อฉีดให้ทางหน้าท้อง


ด้านเป็นพืชอาหาร ส่วนที่ใช้เป็นอาหารคือ ดอกและยอดอ่อน ให้รับประทานเป็นอาหารได้ ลวกกินแกล้มน้ำพริก ต้มยอดอ่อนและใบอ่อนลดความขมแล้วแกงคั่วกะทิ ได้อย่างอร่อย







Create Date : 05 พฤศจิกายน 2548
Last Update : 15 มิถุนายน 2551 10:10:40 น.
Counter : 627 Pageviews.

ผลของการนวด
ระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ
นวดมีผลโดยตรงต่อกล้ามเนื้อ เพราะการนวดทุกชนิดต้องผ่านแรงเข้าไปสู่กล้ามเนื้อทั้งสิ้น ผลดีเด่นชัดที่สุดคือ การทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายลง กล้ามเนื้อที่ตึงตัว แข็งเกร็งจะถูกทำให้อ่อนนิ่มลง กล้ามเนื้อจะคลายตัวออก ผ่อนพัก ทำให้สารพิษที่คั่งค้างในกล้ามเนื้อไหลเวียนออกไปได้
ระบบการไหลเวียนโลหิต และน้ำเหลือง
เวลาที่เรานวดไปตามร่างกายนั้น จะเป็นการกระตุ้นเส้นเลือดที่มีทั่วร่างกายให้ทำงานตื่นตัวกระฉับกระเฉงขึ้น แรงที่ผ่านไปในกล้ามเนื้อจะส่งต่อไปถึงเส้นเลือด ทำให้เส้นเลือดมีการบีบตัวได้ดีขึ้น ช่วยให้เลือดไหลไปตามเส้นเลือดได้อย่างสะดวกและรวดเร็วขึ้น เลือดที่ไหลเวียนดีจะไปหล่อเลี้ยงอวัยวะทุกส่วนของร่างกายให้แข็งแรงขึ้น
ระบบประสาท
จะถูกกระตุ้นเพื่อให้เกิดการผ่อนคลาย สมองจะได้พักผ่อน คลายความเครียด และความวิตกกังวลต่าง ๆ ลงไป คนถูกนวดจะรู้สึกโล่ง เบา สบาย เป็นการผ่อนคลายไปพร้อมกันทั้งทางร่างกายและจิตใจ หลังการนวดสมองจะสดชื่นแจ่มใสขึ้น คิดอะไรได้ปลอดโปร่งขึ้น

ระบบย่อยอาหาร
ก็จะทำงานได้ดีขึ้นเช่นกัน เนื่องจากการนวดทำให้อวัยวะภายในช่องท้องมีการเคลื่อนไหว มีการบีบตัวของกระเพาะอาหารและลำไส้มากขึ้น ทำให้การย่อยอาหาร การดูดซึมอาหาร และการขับถ่ายเป็นไปอย่างปกติ
ระบบทางเดินปัสสาวะ และระบบสืบพันธ์
ก็มีผลคล้ายกับระบบย่อยอาหาร คือ อวัยวะต่าง ๆ ได้รับการกระตุ้นให้เกิดการเคลื่อนไหวมากขึ้น มีการบีบตัวที่ดีขึ้น ท่อทางเดินต่าง ๆ จะไม่อุดตัน ทำให้การไหลเวียนปัสสาวะสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น
ระบบผิวหนัง
จะถูกกระตุ้นต่อการนวดโดยตรง เนื่องจากผิวหนังเป็นด่านแรกที่ถูกนวด ต่อมเหงื่อและต่อมไขมันที่อยู่ใต้ผิวหนังจะถูกกระตุ้นให้มีการหลั่งเหงื่อและ ไขมันออกมาเลี้ยงผิวหนังให้ชุ่มชื่นขึ้น ทำให้ผิวพรรณดูผุดผ่องสวยงามมีน้ำมีนวลขึ้น
ผลดีย่อมเกิดขึ้นกับร่างกายเมื่อได้รับการนวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนวดเพื่อสุขภาพ ซึ่งจะทำการนวดทั้งตัวและใช้เวลานานพอสมควร จะช่วยกระตุ้นระบบต่าง ๆ เหล่านี้ได้เกือบทั้งหมด จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่หลาย ๆ คนจะติดการนวดเพราะหลังนวดเสร็จแล้ว



Create Date : 13 กันยายน 2548
Last Update : 13 กันยายน 2548 17:03:24 น.
Counter : 889 Pageviews.

0 comment
นวดแบบเชลยศักดิ์
การนวดแบบนี้จะเรียกว่าเป็นการนวดแบบทั่วไปก็ได้ เพราะกลุ่มเป้าหมายคือชาวบ้านทั่ว ๆ ไปนี่เอง ไม่ได้มียศศักดิ์อะไร ฉะนั้นแนวทางการนวดจึงค่อนข้างจะเป็นกันเอง ไม่ต้องมีความสุภาพมากมายอะไรนัก สามารถใช้ทั้งมือ เท้า ศอก เข่า ได้ตามสบาย มีทั้งการดัด การดึง การลูบ ใช้เทคนิคต่าง ๆ ได้อย่างครบถ้วน และมีความใกล้ชิดกับลูกค้าได้มากกว่า



Create Date : 13 กันยายน 2548
Last Update : 30 พฤศจิกายน 2548 10:18:04 น.
Counter : 528 Pageviews.

0 comment
นวดแบบราชสำนัก
กลุ่มเป้าหมายของการนวดนี้คือ เจ้านายชั้นผู้ใหญ่ ผู้มียศถาบรรดาศักดิ์ที่อยู่ในรั้วในวัง เป็นต้น ฉะนั้นการนวดจึงจำเป็นต้องมีความสุภาพเรียบร้อย มีมารยาทดี มีความเคารพ มีความอ่อนน้อมถ่อมตน อะไรทำนองนี้ล่ะการนวดแบบราชสำนักจึงถูกออกแบบให้มีความสุภาพมาก นั่นคือจะใช้เพียงนิ้วมือและมือเท่านั้นในการนวดสัมผัสกับผู้ถูกนวด จะไม่ใช้ศอก เข่า เท้า อะไรใด ๆ ทั้งสิ้น และก็ต้องเลือกผู้ที่จะมาเรียนการนวดแบบนี้อย่างพิถีพิถัน ต้องดูความตั้งใจจริง ต้องดูรูปร่างว่าเหมาะสมจะเป็นหมอนวดหรือไม่ ดูนิสัยใจคอว่าเป็นอย่างไร ฯลฯ




Create Date : 13 กันยายน 2548
Last Update : 13 กันยายน 2548 23:29:02 น.
Counter : 514 Pageviews.

1 comment
ประวัติความเป็นมา
เนื่องจากคนสมัยก่อนไม่ได้ มีการบันทึกเรื่องราว ไว้เป็นหลักฐานแน่นอน ฉะนั้นเราคงจะได้แต่ประมาณ เอาจากหลักฐานเท่าที่มีอยู่ เข้าใจว่าการนวดคงมีมานานมากตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ด้วยซ้ำไป เพราะพื้นฐานการนวดนั้นมาจาการใช้มือ กด คลำ ลูบ ไปตามร่างกาย เพื่อผ่อนคลายความเจ็บปวดเมื่อยล้า มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่มีติดตัวมาตั้งแต่เกิด แต่ที่จะมีแบบแผนเป็นเอกลักษณ์ว่าเป็นการนวดของไทยเรานั้น คงจะต้องเริ่มกันที่สมัยกรุงศรีอยุธยานั้นละ ที่บันทึกไว้ว่า การแพทย์แผนไทยของเรานั้นอยู่ในยุคเฟื่องฟูและรุ่งเรืองที่สุด มีการตรวจสอบตำราต่าง ๆ มีการตั้งกรมหมอนวด และยังมีกรมหมอตา กรมหมอเด็กขึ้น ชาวบ้านนิยมการรักษาแบบไทยกันมาก และการนวดก็เป็นหัวใจสำคัญชิ้นหนึ่งในการบำบัดรักษาที่ควบคู่ไปกับสมุนไพรในสมัยนั้น ยังมีการแต่งตำราการนวดไว้อย่างเป็นแบบแผน มีการเรียนการสอนอย่างเป็นระบบด้วย
สำหรับในสมัยก่อนกรุงศรีอยุธยานั้น ในยุคศรีวิชัย ละโว้ ขอมหรือแม้ในยุค สุโขทัย ก็คงจะมีการนวดไทยเกิดขึ้นแล้วเพราะมีบันทึกของการแพทย์แผนไทยเกิดขึ้นในยุคต่าง ๆ เหล่านี้ ซึ่งก็มีความเจริญมาเป็นลำดับ แต่มารุ่งเรืองที่สุดในยุคกรุงศรีอยุธยานี้ เมื่อมียุคที่รุ่งเรืองที่สุดก็ต้องมียุคที่ตกต่ำลงไปเป็นธรรมดา หลังจากผ่านยุคสมัยกรุงศรีอยุธยามาถึงกรุงธนบุรี มีสงครามเกิดขึ้น ตำหรับตำราการแพทย์ต่าง ๆ ได้ถูกเผาทำลายไปเป็นจำนวนมาก รวมทั้งตำราการนวดไทยนี้ด้วย แม้กระนั้นก็ยังมีการพยายามจะรักษาการแพทย์ไทยเอาไว้อย่างต่อเนื่อง จนมาเข้าสู่ยุคสมัยกรุงรัตนโกสินท์ ที่การเมืองเริ่มผ่อนคลายลงไป เราก็มีเวลามารวบรวมความรู้ในด้านต่าง ๆ กันอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งในสมัยรัชกาลที่ 3 ได้จัดรวบรวมความรู้ทางการแพทย์แผนไทยไว้ที่วัดโพธิ์ มีการสลักความรู้และปั้นหุ่นฤาษีดัดตนเป็นจำนวนมากเก็บรักษาไว้ เพื่อให้ประชาชนได้มาศึกษาหาความรู้กัน ซึ่งก็นับว่าเป็นการปลุกวิชาการแพทย์แผนไทยขึ้นมาอีกครั้ง
พอมาถึงรัชกาลที่ 4 ประเทศไทยเราเริ่มมีการติดต่อกับชาวตะวันตกมากขึ้น มีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกัน และเราก็เริ่มนำการแพทย์แบบตะวันตกเข้ามาใช้ การแพทย์แผนไทยของเราก็เริ่มเสื่อมความนิยมลงไป เปลี่ยนมาใช้ยาเม็ด ยาฉีด แทนการใช้สมุนไพรเหมือนเมื่อก่อน การนวดไทยก็ถูกผลกระทบนี้ด้วยเช่นกัน แต่ก็ไม่มากเท่าการใช้สมุนไพร นวดไทยยังคงมีการใช้สืบต่อมาเรื่อย ๆ โดยไม่มีการขาดตอน แม้ว่าจะไม่เป็นที่เชิดหน้าชูตาเหมือนเมื่อก่อนก็ตาม หมอนวดไทยที่มีฝีมือยังคงมีอยู่ในทุกสมัย โดยเฉพาะในรัชกาลที่ 5 และ 6 มีหมอนวดเก่ง ๆ อยู่มาก และได้มีการสืบทอดความรู้กันต่อมา แต่เป็นที่น่าเสียดายที่การถ่ายทอดวิชานั้นไม่ได้กว้างขวางเท่าไรนัก มักจะสอนกันในหมู่เครือญาติหรือผู้ที่สนใจจริง ๆ เท่านั้น และเป็นการสอนแบบตัวต่อตัวไม่ได้มีตำราไว้เป็นหลักฐาน ฉะนั้นความสามารถเฉพาะตัวของการนวดไทยจึงสูญหายไปพร้อม ๆ กับการจากไปของหมอนวดนั้น ๆ วิชาการนวดไทยจึงไม่ค่อยแพร่หลายเท่าที่ควร
การนวดเท่าที่มีอยู่ในยุคปัจจุบันนี้ก็เป็นการสืบทอดวิชาที่เหลืออยู่ ซึ่งจะมีมากน้อยเท่าใดนั้นคงจะต้องมีการปรับปรุงและศึกษาค้นคว้ากันอีกต่อไป เพื่อให้การนวดไทยเจริญก้าวหน้าขึ้นมาอีกครั้ง แม้กระนั้นการนวดไทยที่มีอยู่ในปัจจุบันนี้ก็ยังมีของดีอยู่มาก ยังสามารถบำบัดรักษาอาการเจ็บป่วยและช่วยส่งเสริมสุขภาพได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันดูเหมือนว่าการนวดไทยจะเริ่มเป็นที่สนใจของประชาชนอีกครั้ง และไม่ใช่แต่เฉพาะประชาชนชาวไทยเท่านั้น คนทั่วโลกที่รู้จักการนวดไทยก็ให้การยอมรับนับถือเช่นกัน



Create Date : 13 กันยายน 2548
Last Update : 13 กันยายน 2548 11:18:56 น.
Counter : 455 Pageviews.

2 comment

trungta
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]