Group Blog
All Blog
รีวิวแนะนำวิธีการ "ช้อปออนไลน์อย่างปลอดภัยรูปแบบใหม่" ไม่ต้องใช้บัตรเครดิต ใครๆ ก็ช้อปได้
สวัสดีผองเพื่อนทุกท่านครับ วันนี้ผมขออนุญาตมารีวิวแนะนำวิธีการ ช้อปออนไลน์ แบบใหม่ ปลอดภัย ใครๆ ก็ช้อปได้ ไม่จำเป็นต้องมีบัตรเครดิต แถมของยังส่งตรงถึงบ้าน กับบริการ AIS mPay MasterCard ครับ


โดยบริการ AIS mPay MasterCard เป็นบริการที่ทำให้เราสามารถซื้อสินค้าออนไลน์ต่างๆ ด้วยสิทธิพิเศษและส่วนลดที่เหนือกว่า โดยการตัดเงินจากบัญชี mPay ที่ได้มีการสมัครไว้ที่ App. บนมือถือของเรา  นั่นหมายความว่าเราไม่จำเป็นต้องมีบัตรเครดิตเลย  เป็นวิธีการที่ง่าย สะดวกสบายและปลอดภัยสุดๆ สำหรับยุค Social แบบนี้ครับ 


โดยบริการนี้สามารถใช้ได้กับระบบ iOS และ Android ที่โหลด App. ที่มีชื่อว่า "mPay" มาติดตั้งไว้บนมือถือของเราครับ


หลังจากโหลดมาแล้ว เพื่อนๆ ก็เข้าไปสมัครบริการตามขั้นตอนครับซึ่งทางระบบก็จะให้เราใส่รหัส 4 หลักและตั้งค่าความเป็นส่วนตัวต่างๆ ไ้ด้เลยครับ


เมื่อสมัครเสร็จแล้ว เพื่อนๆ ก็ทำการเติมเงินเข้าไปในบริการ AIS mPay MasterCard ซึ่งสามารถเติมเงินได้ที่ AIS Shop หรือ ผ่านตู้ ATM ในธนาคารต่างๆ ได้เลย 


หลังจากที่เราเติมเงิน หรือ ผูกบัญชีธนาคารของเรา เข้ากับ AIS mPay MasterCard แล้ว เราก็สามารถเริ่มช้อปปิ้งออนไลน์ได้ทันทีจากเว็ปไซต์ที่รับบัตร MasterCard ทั่วประเทศไทยได้เลย หรือ จะเข้าไปช้อปออนไลน์ที่ //aismpaymall.ais.co.th/ ซึ่งจะมีสินค้าแบ่งตามร้านค้าให้เลือกช้อปได้เต็มที่เลยครับ



สำหรับวิธีการซื้อสินค้าคือ ให้เราเลือกสินค้าที่ต้องการที่มีสัญลักษณ์ MasterCard จากนั้นใส่ข้อมูล หมายเลขบัตรเครดิต, เดือน/ปี หมดอายุ และรหัส CVC 3 หลัก ใน App. AIS mPay MasterCard ครับ


จากนั้นระบบก็จะส่ง SMS-OTP มาที่เบอร์มือถือของเีรา ให้นำรหัสที่ได้ กรอกไปที่เว็ปไซต์ และกด Continue ก็เป็นอันเสร็จสิ้นการช้อปออนไลน์แบบง่ายๆ และปลอดภัยสุดๆ ครับ



และแน่นอนว่า การช้อปออนไลน์ผ่านทาง AIS mPay MasterCard นั้น จะมีสิทธิพิเศษและโปรโมชั่นดีดีมากมาย เช่น โปรโมชั่นส่วนลดต่างๆ, Cash back, Double Point, ของแถมต่างๆ เป็นต้น โดยหลังจากทำการช้อปเสร็จแล้ว ก็รอให้ของจัดส่งมาถึงบ้าน ไม่ต้องเสียเวลาไปซื้อของถึงที่นั่นเองครับ


นี่แหละครับ คือ การช้อปออนไลน์แบบใหม่ ที่ทำให้ชีวิตเราสะดวกสบายง่ายขึ้นกว่าเดิม โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีบัตรเครดิต ไม่ต้องใช้เอกสารอะไรให้วุ่นวาย แถมยังเป็นการช้อปที่ปลอดภัย 100% ไม่ต้องกลัวว่าเงินจะหายไปไหน เพราะระบบรักษาความปลอดภัยรัดกุมมากแบบนี้  ยังไงใครที่สนใจก็ลองไปสมัครใช้บริการกันดูนะครับ


อ้อๆ สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถเข้าไปชมกันได้ที่ //www.ais.co.th/mpay/aismpaymastercard/index.html นะครับ



ขอให้มีความสุขกับการช้อปออนไลน์กันนะครับ




Create Date : 11 ตุลาคม 2556
Last Update : 14 ตุลาคม 2556 11:16:21 น.
Counter : 5078 Pageviews.

0 comment
(SR) Review b.liv dump off drawn และ b.seen i'm wrinkle eraser treatment
สวัสดีครับผองเพื่อนที่น่ารักทุกท่าน กลับมาอีกแล้วกับการรีวิวเครื่องสำอางดีดี ที่ผมคัดมาลง blog ให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันเพลินๆ ครับ

และวันนี้ก็มาถึงคราวของการรีวิวเซรั่มวิตามินซีแบบเข้มข้นกันบ้าง เพราะตอนนี้เราจะเริ่มสังเกตเห็นกันว่า หลายๆ แบรนด์ต่างรุกตลาดวิตซีเข้มข้นกันมากขึ้น จนทำให้มีกระแสะ "Vit C Fever" กลับมากันอีกแล้ว  ไม่เว้นแม้กระทั่ง Paula’s Choice แบรนด์สุดรักของผมก็หันมาร่วมเล่นตลาดนี้ด้วยเหมือนกันครับ  


หลังจากที่ครั้งหนึ่งผมเคยรีวิว D.I.Y Vit C จนเป็นกระแสที่ทำให้คนแห่ไปซื้อผงวิตซีมาผสมกันแบบขาดตลาด จนร้านวิทยาศรมออกอาการงงกันไปแล้ว  วันนี้ผมก็จะมีรีวิวเซรั่มวิตามินซีที่มีส่วนผสมน่าสนใจสุดๆ แถมราคาก็ถือว่าไม่แพงมากจนเกินไปเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นๆ ครับ 

หนุ่มๆ สาวๆ ท่านไหนที่รักในความงาม ความกระจ่างใส และต้องการห่างไกลจากริ้วรอย ต้องติดตามชมรีวิวนี้กันให้ดีดี กับ Deep Review  b.liv dump off drawn และ b.seen i'm wrinkle eraser treatment ซึ่งเป็นแบรนด์ใหม่ล่าสุดที่จะเข้ามาจำหน่ายตามร้านค้าทั่วไปเร็วๆ นี้ ครับ ใครสนใจสามารถเ้ข้าไปดูสินค้าได้ที่ www.hbm.co.th ก่อนนะครับ



การรีวิวสินค้า่ทุกครั้ง ผมจะยึดหลัก ส่วนผสม, ราคา, ปริมาณ, แพกเกจ และประสบการณ์หลังการใช้ส่วนตัวเป็นหลัก โดยยึดหลักการรีวิวอย่างตรงไปตรงมาครับ

และรีวิวในครั้งนี้ ผมได้จัดทำเป็นในรูปแบบของคลิปวีดีโอด้วย ใครที่อยากรับชมแบบอีกอรรถรส ก็สามารถคลิกเข้าไปชมกันได้่เลยนะค๊าบบบ




เรามาเริ่มรีวิวตัวแรกกันก่อน กับ  b.liv dump off drawn




นี่คือเซรั่มวิตซีสุดเข้มข้นถึง 15% แน่นอนว่าเราจะได้รับคุณประโยชน์จากวิตซีไปแบบเต็มๆ แถมยังมีส่วนผสมที่ช่วยในเรื่องของการเป็น Anti-Aging มาแบบอลังการ ซึ่งแตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ ในตลาดแน่นอนครับ! 

Ingredients : 

Purified Water (Aqua), Vitamin C (L-Ascorbic Acid), Dipropylene Glycol, Hydroxyethylcellulose, Sodium Citrate, Citric Acid, Disodium EDTA, Pichia/Resveratrol Ferment, Lecithin, Soy Isoflavones, Polysorbate 80, Butylene Glycol, Aminoguanidine, Decarboxy Carnosine HCL, Boldo (Peumus boldus) Leaf Extract, Japanese Knotweed (Polygonum cuspidatum) Root Extract, Phenoxyethanol, Methylisothiazolinone




วิเคราะห์ส่วนผสม

b.liv dump off drawn เป็นเซรั่มที่ใช้ส่วนผสมของวิตซีในรูปแบบดั้งเดิมอย่าง Ascorbic Acid ที่ความเข้มข้นสูงถึง 15% ที่มาพร้อมกับค่า pH ประมาณ 3.5  ด้วยคุณสมบัติดังกล่าว มันก็เลยสามารถแสดงแสนยานุภาพได้แบบจัดเต็ม! ในคุณสมบัติของวิตซี ไม่ว่าจะเป็น 

- Whitening
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
- ทำให้ริ้วรอยเล็กๆ ตื้น/จางหายได้
- ลดความเสียหายจากแสง UV
- เป็นแอนตี้อ็อกซิแดนท์ 
- ฯลฯ 

แน่นอนว่า เซรั่มวิตซีแบบนี้ ในตลาดทั่วไป เราก็เห็นกันได้ค่อนข้างเกลื่อนอยู่แล้ว  แบรนด์ไหนๆ เขาก็ทำกัน แต่อย่างที่ผมบอกไปว่า ส่วนผสมที่น่าสนใจของb.liv dump off drawn ไม่ได้มีเพียงเท่านี้ครับ  ส่วนจะมีอะไรบ้าง ไปติดตามกันต่อเลยครับ

เริ่มจากส่วนผสมที่มีชื่อว่า Pichia/Resveratrol Ferment  ที่สามารถช่วยเร่งการสังเคราะห์ *Collagen IV และให้ผิวสามารถต่อต้านการอักเสบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถลดริ้วรอย ปรับสีผิวให้สว่างใส เพราะมันไปยับยังเอนไซม์ไทโรซิเนสที่กระตุ้นเม็ดสี  อีกทั้งยังช่วยลดการอักเสบต่างๆ บนผิวอีกด้วยครับ 



*หมายเหตุ Collagen IV คือ คอลลาเจนที่มีลักษณะเหมือนโครงข่าย ที่มีหน้าที่ช่วยยึดผิวระหว่างชั้น Dermis  และ  Epidermis หากไม่มี Collagen IV ก็จะทำให้ผิวเราเกิดความหย่อนคล้อยและเกิดริ้วรอย เพราะไม่มีตัวที่มาช่วยพยุงผิวนั่นเองครับ



ส่วนผสมที่น่าสนใจตัวต่อมา คือ  Soy Isoflavones ซึ่งเราสามารถพบสารตัวนี้ได้ในผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง มีคุณสมบัติคล้ายกับ Phytoestrogen หรือฮอร์โมนเพศหญิง ซึ่งจะมีประโยชน์มากหากเรารับประทานครับ  แต่เมื่อมันมาอยู่ในรูปแบบของส่วนผสมในเครื่องสำอาง  มันเลยมีคุณสมบัติที่ช่วยยับยั้งการลำเลียงถุงเม็ดสีเข้าเซลล์, ช่วยลดอักเสบของผิว และทำให้ผิวดูเนียนละเอียดขึ้นได้บ้างอีกด้วยครับ


ส่วนผสมที่น่าสนใจอีกตัวหนึ่งที่ผมขอหยิบยกออกมาบอกกล่าวด้วยความชอบใจ นั่นก็คือ  Aminoguanidine,Decarboxy Carnosine HCL ซึ่งมีข้อมูลที่น่าสนใจบอกว่า มันเป็นตัวที่ช่วยลดปฏิกิริยา Glycation ด้วยแน่ะ!!  แล้วเจ้า ปฏิกิริยา Glycation นี่มันคืออะไรล่ะ?? 



คำตอบคือ ปฏิกิริยาที่ร่างกายของเราทำให้น้ำตาลที่ไหลเวียนอยู่ในกระแสเลือดไปเกาะกับโปรตีนในร่างกาย จนเกิดเป็นโมเลกุลชนิดใหม่ขึ้นมา เรียกโมเลกุลนี้ว่า Advanced Glycation End products (หรือเรียกย่อ ๆ ว่า AGEs) ยิ่งทานน้ำตาลเข้าไปมากเท่าไรก็มีเจ้า AGEs (ภาพด้านบน) มากขึ้นเท่านั้นล่ะครับ โดยเจ้า AGEs ที่สะสมมากขึ้นจะทำลายคอลลาเจนและอีลาสติน แบบโดมิโนล้มต่อกันทั้งกองทัพเรียกได้ว่าประเมินมูลค่าไม่ได้เลย ส่งผลให้ผิวสูญเสียสภาพยืดหยุ่น (ภาพด้านล่าง)  ทำให้เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นและหย่อนยานขึ้นนั่นเอง




ปฏิกิริยา Glycation นั้น เกิดขึ้นที่ชั้นใต้ผิว การใช้เครื่องสำอางเพียงอย่างเดียว ไม่ได้เ้ป็นการช่วยแก้ไขปัญหาได้ืทั้งหมด เราจึงต้องลดปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ร่วมด้วย จึงจะเห็นผลได้อย่างชัดเจนครับ

และด้วยความน่าสนใจของส่วนผสมดังกล่าว เลยทำให้ b.liv dump off drawnนั้น จึงมีส่วนผสมและความน่าสนใจมากกว่าเซรั่มวิตซีในตลาดทั่วไปนั่นเองครับ



วิเคราะห์ราคาและปริมาณ
1,990 บาท / 25 ml.



ราคาเมื่อเทียบกับปริมาณ และเมื่อกลับไปดูความน่าสนใจของส่วนผสมแล้ว ส่วนตัวคิดว่าเป็นราคาที่ไม่แพงจนเกินไปครับ เพราะโดยปกติเซรั่มวิตซีแบบนี้จะราคาสูงกันมากๆ อยู่แล้ว (ส่วนใหญ่ราคา 1,500 - 5,000 บาทกันเลย) เนื่องจากต้องใช้ส่วนผสมและเทคโนโลยีต่างๆ ในการ คงประสิทธิภาพของวิตซีไว้ให้นานที่สุด เพราะ Ascorbic acid มันเสื่อมสลายง่าย เมื่อสัมผัสกับอากาศ, น้ำ และแสง ดังนั้นราคาแบบนี้จึงถือว่าไม่แพงจนเกินไปครับ



วิเคราิะห์แพกเกจ



ต้องบอกว่า b.liv dump off drawn นั้นออกแบบตัวแพกเกจมาในรูปแบบที่ค่อนข้างแปลกตา  เมื่อเปิดกล่องออกมา จะมีลักษณะดังภาพข้างบนครับ  คือ เราต้องมาประกอบร่างเอาเอง โดยทำการแกะตรงฝาขวดออก แล้วเอาฝาที่แหลมๆ ยัดใส่เข้าไปครับ  



วิธีการใช้คือ ให้เราทำการ ดึง! จุกยากออก จากนั้นเทออกด้วยการคว่ำลง เนื้อเซรั่มก็จะค่อยๆ หยดลงในปริมาณที่เท่าๆ กันตลอด ดังนั้นเราจึงสามารถกะปริมาณในการใช้แต่ละครั้งได้อย่างแม่นยำ ตรงตามชื่อผลิตภัณฑ์นี้ที่บอกว่า dump off drawn นั่นเอง




ปล. ส่วนตัวชอบบีบให้มันไหลลงมาพรวดเดียวเลย เพราะสะใจดี


ข้อสังเกต ถึงแม้ b.liv dump off drawn จะสามารถกะปริมาณในการใช้แต่ละครั้งได้อย่างแม่นยำ  แต่ผมพบปัญหาคือ  ตัวเซรั่มหยดออกมาช้าไปหน่อย  ส่วนตัวผมแก้ไขด้วยการบีบตรงปลายหลอดเลย ไหลออกมารวดเร็วสะใจกว่าครับ  อ้อๆ ภายหลังจากการใช้แนะนำให้เก็บเข้าตู้เย็นไปเลยนะครับ จะได้ใช้ตัวนี้ได้นานๆ หน่อย



ประสบการณ์ภายหลังจากการใช้

เนื้อเซรั่มใส เกลี่ยงาย ให้ความรู้สึกบางเบา สำหรับคนที่ไม่เคยใช้ผลิตภัณฑ์ในลักษณะนี้มาก่อน อาจจะรู้สึกแสบยิบๆ ในช่วงแรก ซึ่งถือเป็นอาการปกติของผลิตภัณฑ์ที่ค่า pH เป็นกรดอ่อนๆ ไม่ต้องแปลกใจนะครับ 



ส่วนตัวผมใช้ b.liv dump off drawn นี้ค่อนข้างโหดนิดนึง คือ วิธีใช้บอกให้ 2 – 3 หยด แต่ผมว่ามันไม่ทั่วหน้าเท่าไหร่ ผมเลยใช้ทั้งหมด 8 หยด  โดยแบ่งเป็น หน้าผาก, แก้มซ้าย, แก้มขวา และ ตรงจมูกลงมาคาง ส่วนละ 2 หยด รวมเป็น 8 หยดพอดี สะใจสุดๆ อิอิ

และผลหลังการใช้มา 1 เดือน แบบสุดโหดที่ใช้ทั้งเช้าและเย็น บอกเลยว่าข้างประทับใจมากครับ เพราะหน้าดูเนียนกระจ่างใสขึ้น จนมีเพื่อนทักเลย  รอยสิวก็หายไวขึ้น แต่ผมก็ยังมีสิวขึ้นประปรายตลอดเหมือนเดิมนะครับ เนื่องจากช่วงนี้ซุกซนไปลอง make up ของเกาหลีหลายตัวเลย อิอิ


Pro
- ใช้ส่วนผสมของวิตซีเข้มข้น 15% ให้คุณประโยชน์แบบครบถ้วนตามคุณสมบัติ
- มีส่วนผสมที่ช่วยกระตุ้นการสร้าง และลดความเสื่อมของคอลลาเจน ทั้งสารที่ช่วยต้านการอักเสบที่แตกต่างจากผลิตภัณฑ์เดียวกันในตลาด
- แพกเกจสามารถกะปริมาณการใช้งานได้อย่างแม่นยำ และคงประสิทธิภาพของสารบำรุงได้ดี
- ปราศจากน้ำหอมและแอลกอฮอล์

Con
ในเบื้องต้นต้องสั่งซื้อผ่านทาง www.hbm.co.th ก่อนที่จะมีการจำหน่ายหน้าร้านทั่วไปเร็วๆ นี้

สรุปความพึงพอใจ





เสริมเทคนิคการใช้ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด

- แนะนำให้ใช้เซรั่มนี้เป็นตัวแรกหลังจากทำความหน้าสะอาดหน้าเสร็จ และผิวหน้าต้อง แห้งสนิท โดยต้องทาทิ้งไว้นาน 10 – 15 นาที หลังจากนั้นก็สามารถทาครีมตัวอื่นๆ ได้ตามปกติ

- สามารถใช้ร่วมกับ AHA หรือ BHA ทีมีเนื้อผลิตภัณฑ์แบบ Liquid ได้ โดยทาเซรั่มทับได้เลย เนื่องจากผลิตภัณฑ์ทั้งสอง มีค่า pH ทีเป็นกรดอ่อนๆ เหมือนกัน



<<สรุป>>

ถ้าใครได้ติดตามผมรีวิว ผมจะเน้นย้ำมาตลอดว่า ต่อให้ข้อมูลทางทฤษฎีจะดีเลิศแค่ไหน แต่ผลลัพธ์สุดท้าย จะดีหรือไม่ ประสบการณ์หลังการใช้ของแต่ละบุคคล จะเป็นตัววัดผลที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดครับ



b.liv dump off drawn นั้น เป็นเซรั่มวิตซีที่มีส่วนผสมที่ค่อนข้างแตกต่างกับผลิตภัณฑ์ในลักษณะเดียวกันในตลาด  ทั้งยังปราศจากน้ำหอม และโอกาสการระคายเคืองต่ำแบบนี้ จึงน่าหาลองมาใช้กันดูนะครับ




มาต่อกันที่ตัวที่ 2 ครับ สำหรับคนที่กำลังหา Eye Cream เพื่อช่วยบำรุง, ลดเลือนริ้วรอยรอบดวงตาตา ผมมีอีก 1 ตัวมาแนะนำ นั่นก็คือ 

b.seen i'm wrinkle eraser treatment




ต้องออกตัวก่อนนะครับว่า ปกติผมจะไม่ใช้ Eye Cream ครับ เพราะครีมบำรุงผิวทั่วไปที่ส่วนผสมดีดี ก็สามารถใช้ทดแทนกันได้ แต่เมื่อไหร่ที่เรามีปัญหาใต้ตามากยิ่งขึ้น การใช้ครีมบำรุงที่แก้ไขปัญหาเฉพาะ ก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งในการช่วยแก้ไขปัญหาได้ไม่มากก็น้อยครับ

Product Claim : ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวรอบดวงตา ด้วยส่วนผสมจากเซลล์ต้นกำเนิดของแอปเปิ้ล ช่วยทำให้ริ้วรอยหรือผิวที่หย่อนคล้อยบริเวณรอบดวงตากลับมาดูเรียบเนียนจนคุณต้องประทับใจ


Ingredients 

Water (Purified Aqua), Aloe barbadensis (Aloe Vera) leaf extract, Silica, Butylene glycol, Placental protein (Placental extract), Hydrolyzed soy protein, C12-15 alkyl benzoate, Glycerin, Squalane, Apple (Malus domestica) fruit cell culture, N-hydroxysuccinimide, Chrysin, Palmitoyl Oligopeptide, Palmitoyl Tetrapeptide-7, Oat (Avenasative) kernel extract, French rose (Rosagallica) flower extract, Damask rose (Rosadamascene) flower oil, Galactoarabinan, Dioscorea villosa (Wild yam) root extract, Tea (Camellia oleifera) seed oil, Cetearyl glucoside, Behenyl alcohol, Shea butter (Butyrospermum parkii), Alaria esculenta extract, Glyceryl stearate, Vitamin E (Tocopheryl acetate), Sodium hyaluronate, Chlorphenesin, Allantoin, Fragrance



วิเคราะห์ส่วนผสม

b.seen i'm wrinkle eraser treatment เป็น Eye cream ที่มีส่วนผสมของสาร Active ที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงใ้ห้กับผิวรอบดวงตามมาให้แบบอลังการหลายตัวมากครับ  ทั้งนี้ยังสามารถแบ่งได้เป็นคุณสมบัติในการเติมเต็ม, ให้ความชุ่มชื้น, อำพราง และบรรเทาอาการบวมใต้ตามาให้ด้วย ถือเป็นครีมที่มีส่วนผสมที่น่าสนใจและน่าจะตอบโจทย์สำหรับคนที่ต้องการหา Eye Cream ดีดีมาใช้ครับ



มาดูกันที่คุณสมบัติที่ช่วยให้การเติมเต็มผิวกันครับ โดย b.seen เน้นเอาส่วนผสมของ stem cell ของ Apple มาเป็นจุดเด่นอย่าง Apple (malus domestica) fruit cell culture ซึ่งมีคุณสมบัติที่คล้ายคลึงกับสารในตระกูล Retinal ต่างๆ อย่างพวก Palmitoyl Oligopeptide, Palmitoyl Tetrapeptide-7 ที่มีส่วนช่วยเสริมการผลัดเซลล์ผิว กระตุ้นการสร้างคอลเจน เสริมประสิทธิภาพการซ่อมแซมผิวให้ดีขึ้น อันจะส่งผลทำให้ริ้วรอยต่างๆ ดูลดเลือนลง นอกจากนี้ทางแบรนด์ยังใช้ส่วนผสมของ Placental protein ซึ่งเป็นสายโปรตีนที่มีขนาดเล็ก ง่ายต่อการดูดซึมและการนำไปใช้ของเซลล์ผิว จึงมีส่วนช่วยให้ความชุ่้มชื้น และทำให้ผิวแข็งแรงขึ้่น อันจะส่งผลให้ริ้วรอยต่างๆ ลดลงในอนาคตอีกด้วยครับ


คุณสมบัติในการให้ความชุ่มชื้น ซึ่งทางแบรนด์นั้นจัดเต็มมากในการเติมควาึุ่มชุ่มชื้นให้กับผิว โดยเป็นการรวมส่วนผสมจากพืชต่างๆ มาแบบเต็มที่ เพราะเมื่อไหร่ที่ผิวเรามีความชุ่มชื้นอย่างเพียงพอ เซลล์ผิวก็จะฟูอิ่ม เต่งตึง กระชับ มีสุขภาพดี

คุณสมบัติที่ช่วยอำพราง ซึ่งเป็นผลทางคอสเมติกอย่าง Silica จะช่วยกระจายแสง ทำให้ความหมองคล้ำดูลดเลือนลงได้ชั่วคราว





- ส่วนผสมในการช่วยบรรเทาอาการบวมของใต้ตาที่น่าสนใจอย่าง N-Hydroxysuccinimide จะช่วยกระตุ้นให้ระบบหมุนเวียนเลือดรอบดวงตา มีส่วนช่วยลดอาการบวมได้ครับ 

เนื้อครีมนี้ เป็นเบสน้ำ และใช้ Galactoarabinan เป็นตัวที่ทำให้เนื้อครีมเนียนขึ้น  ดังนั้นภายหลังจากการใช้ จึงยิ่งทำให้เรารู้สึกว่าใต้ตาดูนุ่ม เนียน ลื่นขึ้นด้วย เพราะฉะนั้น Eye Cream ตัวนี้จึงมีคุณสมบัติครบถ้วนทั้งผลทางคอสเมติก และผลในการบำรุงนั่นเองครับ



วิเคราะห์ราคาและปริมาณ
1,900 บาท / 15 ml.

ราคา เมื่อเทียบกับ ปริมาณ และเมื่อกลับไปดูความน่าสนใจของส่วนผสมนั้น ผมราคาค่อนข้างถูกด้วยซ้ำ เมื่อเทียบกับ Eye Cream ที่ขายกันตามเคาเตอร์แบรนด์ทั่วไป ที่ขายกันตั้ง 1,500 Up  (บางแบรนด์เป็นหมื่น) 



วิเคราะห์แพกเกจ



จะบอกว่า แรกเห็นแพกเกจตัวนี้แล้วออกอาการตกใจไปไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะทางแบรนด์เล่นออกแบบฝาปิดเป็นรูปลูกลูกตา คือ เข้าใจนะว่ามันเป็น Eye Cream แต่ไม่เห็นต้องสื่ออะไรมากมายขนาดนี้เลย มันดูสยองนะ 55555 

แต่พอดูโดยรวมนั้น ถือว่าแพกเกจผ่านครับ เพราะจับแน่น กระชับมือ สามารถเก็บและรักษาสารบำรุงต่างๆ ได้เป็นอย่างดี แถมหัวปั๊มก็กดง่ายมาก สามารถกะปริมาณการใช้ได้ง่ายสุดๆ ครับ



ประสบการณ์หลังการใช้

เนื้อครีมใช้เบสน้ำ และใช้ Galactoarabinan เป็นตัวที่ทำให้เนื้อครีมเนียนขึ้น ทำให้รู้สึกว่าใต้ตานั้นนุ่มเนียนขึ้นทันที และยังมีส่วนผสมของสารที่ช่วยกระจายแสง เลยทำให้ใต้ตาที่คล้ำ ดูสว่างขึ้นเล็กน้อยครับ

ผลหลังการใช้คือ ผิวใต้ตามีความชุ่มชื้นยืดหยุ่นขึ้น และรู้สึกว่ารอยเล็กๆ ดูจางลงด้วยครับ ส่วนปัญหาริ้วรอยต่างๆ ที่ชัดเจนกว่านี้ ยังไม่เห็นผลเท่าที่ควร เนื่องจากส่วนตัวยังไม่มีปัญหาริ้วรอยรอบดวงตาครับ คงต้องรอให้เพื่อนๆ ที่มีปัญหาลองใช้ดู แล้วมารีวิวให้ฟังกันได้นะครับ






Pro
- เป็น Eye Cream ที่ช่วยทั้งผลทางคอสเมติก และ ในทางบำรุงผิวได้ครบ
- ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ลดริ้วรอย และเสริมสร้างผิวให้แข็งแรง
- ราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับคุณสมบัติ


Cons
- มีส่วนผสมของน้ำหอม
- ในเบื้องต้นต้องสั่งซื้อผ่านทาง www.hbm.co.th ก่อนที่จะมีการจำหน่ายหน้าร้านทั่วไปเร็วๆ นี้

สรุปคะแนนความพึงพอใจ





<<สรุป>>

b.seen i'm wrinkle eraser treatment  ถือเป็น Eye Cream ที่น่าสนใจ ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่อาจจะดูสยองนิดๆ แต่ส่วนผสมข้างในนั้นก็อัดแน่นมาด้วยสารบำรุงดีดีหลายตัว สามารถประชันกับครีมตามเคาเตอร์แบรนด์ได้อย่างสบายๆ ครับ

Eye Cream จะไม่จำเป็นเลย ถ้าหากว่าเราบำรุงผิวด้วยเครื่องสำอางดีดี แต่ถ้าหากว่าเรามีปัญหาเฉพาะจุด เช่นใต้ตาบวม หมองคล้ำ การใช้ Eye Cream ก็มีส่วนช่วยแก้ไขปัญหาตรงนี้ได้ครับ แต่เพื่อนๆ ก็อย่าลืมโลกแห่งความเป็นจริงนะครับว่า เครื่องสำอางไม่ใช่การแก้ไขปัญหาทุกอย่าง  การรักษาริ้วรอยรอบดวงตา, รอยบวม หรือ ความหมองคล้ำที่ดีนั้น เราต้องรักษาที่ต้นเหตุ เช่น การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ 7-8 ชม., ไม่ขยี้ตา รวมไปถึง ไม่ใช่เครื่องสำอางที่รบกวนผิวรอบดวงตามากเกินไป เพียงเท่านี้ ผิวรอบดวงตาของเราก็จะสดใสตราบนานเท่านานครับ



อย่าลืมนะครัวว่า ทฤษฎีและข้อมูลต่างๆ ที่ผมรีวิว เป็นเพียงส่วนหนึ่งในการประกอบการตัดสินใจ  การใช้เครื่องสำอางจะเกิดผลดีหรือไม่ “ประสบการณ์เฉพาะของแต่ละบุคคล” จะเป็นสิ่งที่ยืนยันได้อย่างดีที่สุดครับ

Sponsor Item by www.hbm.co.th


ขอให้มีความสุขกับการเลือกเครื่องสำอางที่รักของเพื่อนๆ นะครับ


ด้วยความปรารถนาอย่างดียิ่ง
ไตเติ้ล wisdom of social




Create Date : 09 ตุลาคม 2556
Last Update : 9 ตุลาคม 2556 15:30:08 น.
Counter : 7881 Pageviews.

2 comment
[SR] SKIN WILL ACNE AWAY FACE ครีมบำรุงแบบ All in one ที่เหมาะกับผิวทุกประเภท
ควา่มจริงวันนี้ เกี่ยวกับเครื่องสำอางไทยแท้
เครื่องสำอางแบรนด์ไทย จะมุ่งสู่ระดับโลก
! ณ ปัจจุบันคงจะ “ยาก” กันสักหน่อยครับ  อันนี้ผมพูดตัดท้อน้อยเนื้อต่ำใจในฐานะคนไทยคนหนึ่ง กับมาตรฐานการขายเครื่องสำอางของไทย ที่นับวันยิ่ง "เละ ตุ้่มเปะ สิ้นดี"



อย่างที่เราทราบกันแหละครับ ว่าตอนนี้มีครีมที่ไม่มีมาตรฐานขายเกลื่อนกันตามโลก Social กันชนิดที่ว่าทำกันจนเป็นเรื่องปกติเคยชิน และผุดออกมากันจนนับไม่หวาดไม่ไหว ผมในฐานะที่เป็น Beauty Blogger ตัวเล็กๆ คนหนึ่งก็รู้สึกไม่ดีเลยที่ยังเห็นคนยังซื้อกันแบบขาดสติ  ก็ได้แต่พยายามแจ้งข่าวสารให้กับเพื่อนๆ ได้ทราบกันเป็นระยะๆ แต่ก็ยังมีเรื่องที่น่ายินดีที่ผู้บริโภคสมัยนี้ ฉลาดเลือก ฉลาดใช้กันมากขึ้น เพราะตอนนี้ก็เริ่มมีกลุ่มคนที่หวังดีช่วยกันออกมาแฉครีมที่ไม่มีมาตราฐานกันจนเกิดเป็นกระแส และดราม่ามากมาย ยังไงใครที่ว่างก็สามารถเข้าไปเสพดราม่า "บางส่วน" กันได้  เพื่อเป็นอุทาหรณ์และแจ้งเตือนให้กับคนที่คุณรักกันนะครับ

แฉครีมแมลงเมี่ยงคะ แมลงเมี่ยงเอ๋ย ปากพาจนซะแล้ว //pantip.com/topic/30899699
พลีชีพไปเลย ประจานความชั่วของครีมในเน็ต //pantip.com/topic/30905915



SKIN WILL เป็นหนึ่งในแบรนด์ไทยเพียงไม่กี่แบรนด์ที่ผมไว้วางใจใช้มาโดยตลอด  Smileyนื่องด้วยเพราะเจ้าของแบรนด์นั้นหล่อมาก! อุ๊ย! ไม่ใช่สิ Smiley เนื่องด้วยเป็นแบรนด์ที่มีมาตรฐานในการผลิตที่ไว้ใจได้  ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน  และทางเจ้าของแบรนด์ก็มีความพิถีพิถันในการเลือกใช้ส่วนผสมที่มีงานวิจัยในระดับสากลรองรับ  นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นยังปราศจากน้ำหอมและสารต้องห้ามต่างๆ บวกกับประสบการณ์หลังการใช้ที่เห็นเห็นผลได้จริง  ผมเลยไม่แปลกใจเลยว่า ถ้าหากสักวันหนึ่งสินค้าจาก SKIN WILL จะ Go inter ก็คงเป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจเลยครับ และอยากให้แบรนด์ไทยที่กำลังจะเกิดขึ้นใหม่มีมาตราฐานที่เป็นสากลให้เหมือนๆ กันเสียที


และมาวันนี้ทาง SKIN WILL มีผลิตภัณฑ์ตัวใหม่มาให้ลองใช้กันอีกแล้วในนามว่า SKIN WILL ACNE AWAY FACE นั่นเอง และผมก็จะรีวิวอย่างตรงไปตรงมาโดยใช้เกณฑ์ส่วนผสม, ราคา, ปริมาณ, แพกเกจ และประสบการณ์หลังการใช้เป็นหลักเหมือนเช่นทุกครั้งครับ




SKIN WILL: ACNE AWAY FACE


SmileyIngredients
Purified water, Butylene glycol, Nicotinamide,Sodium ascorbyl phosphate, Oryza sativa bran oil, Boswellia serrata extract, Honeyextract, Oligopeptide-10, Cyclodextrin, Melaleuca alternifolia leaf oil, Dimethylacrylamide/acrylicacid/polystyrene ethyl methacrylate copolymer, Camellia sinensis leaf extract, Aspalathuslinearis extract, Alcohol, Glyceryl monostearate, Cetyl alcohol, Glycerylstearate, Peg-100 stearate, Paraffinum liquidum, Polyacrylamide, C13-14 isoparaffin,Laureth-7, Salicylic acid, Stearic acid, Butyrospermum parkii (shea butter), Phenoxyethanol,Disodium EDTA, Xanthan gum, Poria cocos extract.

นี่คือครีมบำรุงแบบ All in one สำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสิว, รอยสิว, จุดด่างดำ, สีผิวไม่สม่ำเสมอ, Whitening, ผิวแห้งกร้านไม่นุ่มนวล รวมไปถึงการเป็นครีมมีคุณสมบัติเป็น Anti-Aging ที่ดีอีกด้วยครับ





Smiley วิเคราะห์ส่วนผสม

SKIN WILL ACNE AWAY FACE มีส่วนผสมที่เด่นๆ และชูโรงเป็นจุดขายที่น่าสนใจอยู่ 3 ตัว คือ ส่วนผสมของ Vitamin B3 ที่มากถึง 5% (o_O!) เรียกว่าผสมมาในความเข้มข้นสูงที่สุดเท่าที่ผมเคยใช้มาเลยครับ  ซึ่งจริงๆ แล้วตัวมันเองนั้นช่วยในเรื่องของการทำให้สีผิวเนียนสม่ำเสมอ, กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับผิว ฯลฯ แต่ในเมื่อมันใส่มาในความเข้มข้นระดับนี้  มันเลยพ่วงสรรพคุณในการยับยั้งการอักเสบได้เทียบเท่ากับยาปฎิชีวนะอย่างยาClindamycin ที่เราเอาแต้มสิวกันอีกด้วยครับ!




ส่วนผสมที่น่าสนใจตัวต่อมา คือ Sodium Ascorbyl Phosphate หรือวิตามินซีเข้มข้น 5% ที่เราสามารถคาดหวังกับประสิทธิภาพนี้ได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งจริงแล้วคุณประโยชน์ของวิตามินซีนั้นมีเยอะมาก! ยกตัวอย่างเช่น ให้ผิวกระจ่างใสต่อต้านอนุมูลอิสระ, ลดความเสียหายจากแสงแดด ฯลฯ 

และสุดท้าย คือ Oligopeptide-10 ซึ่งเป็นโปรตีนที่สกัดได้จากอะมิโนของพืช ทำงานเลียนแบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของมนุษย์  ซึ่งปกติแล้วในร่างกายของเราเมื่อเกิดเชื้อแบคทีเรีย P. Acne (เชื้อที่ทำให้เกิดสิว) ร่างกายจะมีระบบภูมิคุ้มกันชื่อ LL-37ค่อยจับไขมันชื่อ LTA ซึ่งอยู่บนผนังเซลล์ของแบคทีเรีย P. Acne ทำให้เซลล์แบคทีเรียแตก เซลล์ก็ตายและลดจำนวนน้อยลง โดยการทำงานของ Oligopeptide-10 ก็จะเหมือนกับภูมิคุ้มกันของเราเลยครับ  คือ ทำให้ไปช่วยเพิ่ม/เสริม การทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในการต่อต้านเชื้อแบคทีเรียให้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมของ Epicutin ที่เป็นสารออกฤทธิ์ในการยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย ผลคือสิวอักเสบก็จะลดลงนั่นเองครับ


กราฟซ้ายแสดงว่า เมื่อใช้ Oligopeptide-10 เป็นระยะเวลา 3 - 42 วัน พบว่า Oligopeptide-10 สามารถลดปริมาณสิวอุดตัน ได้ดีกว่า Benzoyl Peroxide(BP)

กราฟขวาแสดงว่า เมื่อใช้ Oligopeptide-10 เป็นระยะเวลา 3 - 42 วัน พบว่า Oligopeptide-10 สามารถลดการอักเสบได้ ดีกว่า Benzoyl Peroxide(BP)


ส่วนผสมอื่นๆ ก็ยังมีทั้งสารที่ให้ความชุ่มชื้น และช่วยต้านอนุมูลอิสระที่เป็นประโยชน์กับผิวอย่างมากมายมาให้อีกหลายรายการ  แถมปราศจากน้ำหอมอีก ต้องบอกว่าส่วนผสมจัดเต็มมาแบบครบถ้วนกระบวนความสุดๆ ไปเลยครับ Smiley




Smiley วิเคราะห์ราคา และปริมาณ

ราคาปกติ 1,100 บาท ต่อ ปริมาณ 30 กรัม ถือว่าไม่แพงเลยเมื่อเทียบกับส่วนผสมอลังการแบบนี้ครับ


Smiley วิเคราะห์แพกเกจ

แพกเกจแบบสุญญากาศช่วยเก็บรักษาและคงความสดของสารบำรุงไว้ได้ตราบนานเท่านาน  ซึ่งตอนแรกผมก็แอบหงุดหงิดที่กดหัวปั๊มแล้วครีมมันออกมาไม่สม่ำเสมอ  แต่พอทราบว่าเราต้องบีบตรงปลายหลอดเพื่อให้ครีมมันเข้าไปตรงส่วนของหัวปั๊มเท่านั้นแหละก็ถึงบางอ้อเลย  สรุป ข้าพเจ้าโง่เองจ้า 55555 Smiley

Smiley ประสบการณ์หลังการใช้




เนื้อครีมนั้น Matt ไปกับผิวดีมาก ทาไว้ช่วงแรกๆ จะรู้สึกหนึบๆ นิดหน่อย แต่ทิ้งไว้สักครู มันจะซึมหายเข้าไปในผิวเอง ไม่ทิ้งความมันวาวเลย นับเป็นผลทางคอสเมติกที่ดีเลยครับ  แถมยังให้ความชุ่มชื้นได้ดีอีกด้วย คนที่ผิวมันใช้ตัวนี้ตัวเดียว แล้วตามด้วยกันแดด ก็เพียงพอครับ

วิธีการใช้ กดตรงหัวปั๊ม 2 – 3 ครั้งแล้วก็แต้ม 5 จุด ทาให้ทั่วผิวหน้า ถ้าหากว่าใครมีสิวอักเสบก็สามารถเอาเนื้อครีมแต้มไปที่หัวสิวได้อีก จะช่วยให้สิวแห้งไวขึ้นอีกด้วยครับ

และผลหลังการใช้มาประมาณ 3 สัปดาห์นั้นบอกได้เลยว่า สิวอักเสบและรอยสิวนั้นหายไวขึ้นจำนวนสิวอักเสบลดลง แถมยังรู้สึกเลยว่าหน้าเราเนียนสว่างใสขึ้นอีกด้วย สรุปผมเก็บไว้เป็น Item สุดโปรดไปอีก 1 ตัวในทันทีเลยครับ




ข้อดี

Smiley เป็นผลิตภัณฑ์ All in one เหมาะกับทุกสภาพผิว ไม่ว่าจะปัญหาเป็นสิวรอยสิวจุดด่างดำสีผิวไม่สม่ำเสมอ, Whitening, ผิวแห้งกร้านไม่นุ่มนวล, เสริมสร้างผิวให้แข็งแรง  ฯลฯ

Smiley ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม

Smiley ราคาเทียบกับส่วนผสมถือว่าไม่แพง

Smiley แพกเกจจิ้งสวย (อันนี้ส่วนตัวชอบ เพราะมันดูไฮโซมากอ่ะ)


ข้อสังเกต

Smiley เนื้อครีมมี "กลิ่นฉุน" ที่แรงไปหน่อย ถือเป็นเรื่องปกติของเครื่องสำอางที่ไม่ผสมน้ำหอม  แต่เมื่อใช้ไปสักพัก กลิ่นจะค่อยๆ หายไปเองครับ

สรุปคะแนนความน่าใช้ของผลิตภัณฑ์นี้อยู่ที่





Smiley กล่าวโดยสรุป

เครื่องสำอางจาก SKIN WILL ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของแบรนด์ไทย(ไม่แพ้ชาติใดในโลก)ในการนำส่วนผสมที่ได้รับการการันตีจากผลการวิจัยอย่างกว้างขวางมาทำเป็นเครื่องสำอางคุณภาพดีให้คนไทยเราได้ใช้ ได้สัมผัส และพึงพอใจกันอย่างแพร่หลายจนเกิดกระแสความนิยมในกลุ่มคนที่รัก Skin Care อย่างรวดเร็ว และผมก็ขอเป็นกำลังใจให้กับแบรนด์ของคนไทยทุกเจ้าที่ทุ่มเททำ Skin care ดีดี ถูกหลักอนามัย และมีจรรยาบรรณ สื่อสัตย์กับผู้บริโภคที่เป็นคนไทยด้วยกันครับ

อนึ่ง ถึงแม้ส่วนผสมหลายๆ ตัวที่ทางแบรนด์ใช้  จะได้รับการยอมรับว่ามีประสิทธิภาพที่ดีจริงเมื่อใ้ช้กับผิว  ส่วนตัวนั้นก็ไม่อยากให้ผู้ที่ชมรีวิวทุกท่านนั้น หลงเชื่อทั้งหมด  เพราะอย่าลืมว่า เครื่องสำอางนั้น เป็นนวัตกรรมที่คิดค้นมาจากกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ ที่ต้่องมีข้อมูลทาง "ทฤษฎี" และ "ปฏิบัติ"  ผลการใช้จะดีหรือไม่?  ประสบการณ์หลังการใช้ของแต่ละบุคคลจะเป็นสิ่งที่บอกคุณได้เองแน่นอนครับ




ด้วยความปรารถนาอย่างดียิ่ง

ไตเติ้ล wisdom of social




Create Date : 03 กันยายน 2556
Last Update : 3 กันยายน 2556 11:45:24 น.
Counter : 12610 Pageviews.

2 comment
(SR) รีวิว Vichy Bi-White Med Deep Corrective Whitening Spot Intervention


“จุดด่างดำ” เป็นเรื่องธรรมชาติที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน  โดยสาเหตุการเกิดนั้น เช่น  รอยสิว, แสงแดด, มลภาวะ  หรือแม้แต่อายุที่เพิ่มมากยิ่งขึ้น เป็นต้นครับ  ซึ่งแต่ละคนก็มีวิธีการรักษาที่แตกต่างกันไป เช่น รักษาผ่านสถาบันเสริมความงามบ้าง, หาครีมใช้เองแบบลองผิดลองถูกบ้าง,ปรึกษาผู้รู้บ้าง  ฯลฯ  แน่นอนว่า พวกจุดด่างดำตัวร้ายพวกนี้มักจะอยู่บนผิวของเรานานเอาเรื่องเลยครับ ซึ่งเป็นอะไรที่ช้ำใจสุดๆ  จะให้มันหายไปในวันสองวันก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้  เพราะอย่างน้อยก็ต้องใช้เวลา 4 - 6 สัปดาห์ขึ้นไปเลยทีเดียวครับ

สำหรับหลายๆ ท่านที่ไม่มีปัญหาในเรื่องเงิน ก็สามารถรักษาด้วยการใช้ Laser ได้เลยเพราะมีประสิทธิภาพสูง เห็นผลได้ไวกว่ามาก แต่สำหรับใครที่มีงบน้อยหน่อย  ก็สามารถหาครีมมาแต้มเพื่อเร่งให้รอยหายไวขึ้นได้เช่นกันครับ  ถึงแม้ประสิทธิภาพมันเทียบไม่ได้กับการทำ Laser แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้จุดด่างดำกลายเป็นจุดเด่นบนหน้าเราตลอดไปใช่ไหมครับ? 

และวันนี้ไตเติ้ลก็จะมารีวิวครีมที่ช่วยทำให้จุดด่างดำจางลงได้ไวมากยิ่งขึ้นกับ Vichy Bi-White Med Deep Corrective Whitening Spot Interventionโดยพิจารณาจาก ส่วนผสม, ราคา,ปริมาณ, แพกเกจ  และประสบการณ์หลังการใช้ครับ




Vichy Bi-White Med Deep Corrective Whitening Spot Intervention

Product Claim : ครีมเข้มข้นบำรุงผิว เพื่อผิวกระจ่างใสและลดเลือนจุดด่างดำ

 

วิธีใช้
ทาเฉพาะบริเวณจุดด่างดำบนใบหน้าเป็นผลิตภัณฑ์แรกหลังขั้นตอนการทำความสะอาดผิวหน้าควรหลีกเลี่ยงบริเวณรอบดวงตา
ควรใช้ควบคู่กับผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Bi-WHITE MED เป็นประจำและต่อเนื่อง เพื่อผลลัพธ์ที่เต็มประสิทธิภาพ

 

 

ราคา
1,050 ./15 มล.

 

*ผลลัพธ์ของผลิตภัณฑ์ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสีผิวตามธรรมชาติได้

Ingredients :

Aqua/water, Alcohol denat, Glycerin, Cyclohexasiloxane, C12-15alkyl benzoate, Propylene glycol, Octyldodecanol, Ascorbyl glucoside, Triethanolamine,Acrylamide/sodium acryloyldimethyltaurate copolymer, BHT, Cl 77891/titaniumdioxide, Steareth-100, Mica, Cetearyl ethylhexanoate, Isohexadecane, Sodiumcitrate, 2-oleamido-1 3-octadecanediol, Dipotassium glycyrrhizate, Isopropylmyristate, Capryloyl salicylic acid, Tetrasodium EDTA, Citric acid, Acrylates/c10-30alkyl acrylate crosspolymer, Polysorbate 80.



Smileyวิเคราะห์ส่วนผสม

Vichy Bi-White Spot Intervention สูตรนี้ ใช้ส่วนผสมของสารที่ช่วยลดเลือนจุดด่างดำและเป็นสารไวท์เทนนิ่งหลักๆ อยู่ทั้งหมด 4 ตัวครับ คือ ตัวแรกส่วนผสมของ Ascorbyl glucoside ซึ่งเป็นวิตามินซีที่มีความเสถียร ช่วยในเรื่องของการเป็นแอนติออกซิแดนท์,กระตุ้นคอลาเจนและลดเลือนจุดด่างดำ  ตัวที่ 2 คือ *2-Oleamido-1,3-Octadecanediol ซึ่งก็เป็น Ceramide ที่ทาง L'Oreal จดสิทธิบัตรเอาไว้ว่าช่วยในเรื่องของการลดเลือนจุดด่างดำ  ซึ่งก็มีการศึกษาจากแหล่งอื่นพบว่า Ceramide ที่เราเคยเข้าใจว่าทาเอาไว้เคลือบฉาบผิวอย่างเดียว  แท้จริงนั้นกลับเป็นสารที่สื่อสัญญาณระหว่างเซลล์และทำงานในหลายรูปแบบ  ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือช่วยลดการส่งสัญญาณในการผลิดเม็ดสีเมลานินด้วย

ตัวที่ 3 คือ Dipotassium glycyrrhizate สารสกัดจากชะเอมเทศเป็นสาร Whitening, ลดรอยดำและรอยแดง และช่วยต้านอาการระคายเคืองได้  และส่วนผสมตัวสุดท้าย คือ LHA หรือ Capryloyl Salicylic Acid ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนๆ เพื่อพยายามให้ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ทำงานในเรื่องของการลดจุดด่างดำได้อย่างครบวงจรนั่นเองครับ

นอกจากนี้ตัวผลิตภัณฑ์เองยังมีส่วนผสมของ Mica และสี ที่ช่วยกระจายแสงจึงมีส่วนช่วยอำพรางจุดด่างดำได้แบบชั่วคราวอีกด้วยครับ


Vichy Bi-White Spot Intervention มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์และสี เพราะฉะนั้นให้หลีกเลี่ยงการใช้ในบริเวณผิวที่ Sensitive นะครับ

*//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=pupesosweet&month=03-2012&date=01&group=9&gblog=35



Smileyวิเคราะห์ราคา/ปริมาณ

1,050 ./15 มล. ถือว่าราคาค่อนข้างสูงลิ่วเลยทีเดียว แต่หากพิจารณาว่าผลิตภัณฑ์ตัวนี้ใช้แต้มเฉพาะจุดด่างดำแล้ว ก็ยังพออนุโลมได้อยู่บ้างครับ

Smileyแพกเกจ

Vichy Bi-White Spot Intervention ออกแบบส่วนหัวให้เป็นแบบแท่งโลหะ สำหรับวิธีการใช้คือ บีบครีมในขนาดที่พอเหมาะจากนั้นใช้ด้ามปลายนวดเบาๆ ไปที่จุดด่างดำ โดยสัมผัสของหัวโลหะนั้นจะให้ความรู้สึกเย็นสบายผิวมากครับ






Smileyประสบการณ์หลังการใช้

ต้องบอกว่าน่าเสียดายที่ผมไม่ได้ถ่ายรูป before & after มากให้ทุกท่านรับชมได้เนื่องจากก่อนหน้าที่ใช้ Vichy Bi-White Spot Intervention นั้น ผมติดเดินทางต่างจังหวัดบ่อยมาก  การถ่ายรูปเลยไม่สามารถควบคุมปัจจัยของแสงให้มีความสว่างเท่ากันได้ครับ  แต่สำหรับผลหลังการใช้พบว่า จุดด่างดำนั้นเลือนหายไปไวขึ้นจริงครับ  โดยผลที่ได้จากการใช้ตัวนี้เป็นประจำช่วยทำให้จุดด่างดำนั้นหายไวขึ้น โดยใช้เวลาประมาณ 2 – 3 สัปดาห์ครับ



อ้อ เสริมอีกอย่าง เวลาเนื้อครีมแต้มไปยังจุดด่างดำมันจะรู้สึกแสบยิบๆ มาก ถือเป็นอาการปกตินะครับ



ข้อดี

Smiley มีส่วนผสมที่ช่วยลดเลือนจุดด่างดำได้จริง

Smiley ทำให้จุดด่างดำจางไวขึ้น

Smiley แพกเกจออกแบบมาให้ใช้งานง่าย


ข้อสังเกต

Smiley ราคาค่อนข้างสูง


สรุปคะแนนความน่าใช้ของผลิตภัณฑ์นี้อยู่ที่





Smiley กล่าวโดยสรุป

Vichy Bi-White Med Deep Corrective Whitening SpotIntervention เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดเลือนจุดด่างดำต่างๆ ได้จริงแต่ด้วยราคาที่เทียบกับปริมาณนั้นค่อนข้างสูงไป เลยอาจจะทำให้เรามีตัวเลือกในการซื้อผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีส่วนผสมในการลดเลือนจุดด่างดำแบบทาได้ทั่วทั้งหน้า ซึ่งเป็นอะไรที่คุ้มกว่าเยอะเลยครับ

อนึ่ง สำหรับจุดด่างดำที่เกิดขึ้นบนผิวนั้น “ต้องใช้เวลา” ในการรักษาและต้องใช้ผลิตภัณฑ์นี้อย่างต่อเนื่องจึงจะเห็นผล เพราะฉะนั้น หนุ่มๆ สาวๆ ต้องใจเย็นกับการรักษานะครับ

และฝากทิ้งท้ายไว้อีกนิดว่า สมัยนี้มีวิทยาการในการนำส่วนผสมใหม่ๆ ที่ทำให้ผิวหน้าขาวกระจ่างใสขึ้น และมีผลการวิจัยรับรองถึงประสิทธิภาพออกมาสู่ท้องตลาดมากมาย  ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีที่เราจะได้ลองใช้ของแปลกใหม่กับผิวหน้าของเราครับ  เพราะบางครั้งผิวของเราอาจจะถูกกับสารบำรุงที่ไม่เหมือนกัน  ดังนั้น“ประสบการณ์เฉพาะของแต่ละบุคคลเท่านั้น” ที่จะเป็นสิ่งพิสูจน์ว่า ครีมที่เราใช้อยู่จะดีหรือ ไม่ดีนั่นเอง



 

ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการเลือกใช้เครื่องสำอางนะครับ

ด้วยความปรารถนาอย่างดียิ่ง
ไตเติ้ล wisdom of social Smiley



Create Date : 27 สิงหาคม 2556
Last Update : 27 สิงหาคม 2556 9:26:49 น.
Counter : 14888 Pageviews.

1 comment
==> (CR) Deep Review NIVEA Body lotion IN-SHOWER Skin conditioner จะรุ่ง หรือ จะร่วง? มาชมกัน <==

NIVEA Body lotion IN-SHOWER Skin conditioner ถือเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวในรูปแบบที่ค่อนข้างใหม่สำหรับตลาด Mass เมืองไทยมากครับ โดยถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์กับพฤติกรรมที่คนส่วนมากไม่ชอบทา Body Lotion (แต่ยังไงเจ้าตัวนี้ก็ยังต้องใช้ทาอยู่ดี)  ซึ่งถ้าจะเปรียบเทียบให้เข้าใจง่ายๆมันก็เหมือนกับการใช้ครีมนวดผมนี่แหละครับ แต่ผลิตภัณฑ์นี้เอาไว้ใช้หลังจากที่เราอาบน้ำทำความสะอาดผิวเสร็จ  โดยใช้ทาในบริเวณผิวกายที่ยังคงเปียกชื้นอยู่ ซึ่งหลักการทำงานของ NIVEA Body lotion IN-SHOWER Skin conditioner นั้น จะเข้าไป Lock ความชุ่มชื้นของผิวไว้ เพื่อคงความชุ่มชื้น และมอบความชุ่มชื้นให้กับผิวครับ


วันนี้ผมจะมารีวิว NIVEA Body lotion IN-SHOWER Skin conditioner ทั้ง 2 สูตร คือ สำหรับผิวธรรมดา และผิวแห้ง โดยใช้เกณฑ์มาตรฐานของผม คือ

ส่วนผสม, ราคา, ปริมาณ, แพกเกจ และประสบการณ์ภายหลังจากการใช้




NIVEA Body lotion IN-SHOWER Skin conditioner for Normal Skin

Ingredients

Aqua, Cera microcristallina, Paraffinum liquidum, Glycerin, Cetearylalcohol, Hydrogenated coco-glycerides, Stearyl alcohol, Myristyl alcohol, MarisSal, Sodium cabomer, Sodium acrylates/c10-30 Alkyl acrylate crosspolymer, Aluminiumstarch octenylsuccinate, Phenoxyethanol, Methylisothiazolinone, Parfum.


NIVEA Body lotion IN-SHOWER Skin conditioner for Dry Skin

Ingredients
Aqua, Cera Microcristallina, Paraffinum Liquidum, Glycerin,Cetearyl Alcohol, Hydrogenated coco-glycerides, Stearyl alcohol, Myristylalcohol, Parfum, Prunus Amygdalus Dulcis Oil, Sodium Carboner, Sodium Acrylates/ C10-30, Alkyl Acrylate,Crosspolmer, Aluminium Starch Octenylsuccinate, Phenoxyethanol,Methylisothiazolinone.




วิเคราะห์ส่วนผสม
NIVEA Body lotion IN-SHOWER Skin conditioner for Normal Skinจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ที่ทางแบรนด์เคลมไว้ คือ Sea mineral หรือแร่ธาตุจากท้องทะเลซึ่งปรากฎอยู่ในส่วนผสมคือ“Maris Sal” ครับ โดยส่วนผสมส่วนใหญ่นั้นจะอุดมไปด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์หลักๆ อย่าง Mineral oil, Glycerin และสาร Emollients ที่มีคุณสมบัติเคลือบและกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิวทันทีอีกหลายรายการ


นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมของน้ำหอมที่ส่วนตัวชอบกลิ่นของสูตรนี้มากที่สุด  เพราะมันหอมแบบสดชื่น จนจินตนาการว่าตัวเองกำลังอาบน้ำอยู่ริมทะเลกันเลยทีเดียว Smiley


NIVEA Body lotion IN-SHOWER Skin conditioner for No Dry Skin สูตรสำหรับผิวแห้งนี้ ต่างกันกับสูตรแรกตรงที่มีส่วนผสมของมอยเจอร์ไรเซอร์เพิ่มมากยิ่งขึ้นโดยทาง NIVEA เลือกใช้น้ำมันสกัดจาก Sweet Almond เพิ่มเข้ามา ซึ่งเจ้า Almond Oil นี้ถือเป็นน้ำมันที่ดีให้ความชุ่มชื้นได้มาก และใช้ส่วนผสมของน้ำหอมกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของผลิตภัณฑ์จาก NIVEA ที่เราคุ้นเคยกันดี  ส่วนผสมอื่นๆ นั้นก็ไม่ต่างกันมากครับ




สำหรับวิธีการใช้ที่ทางแบรนด์แนะนำมา คือ

1. ชำระล้างผิวกายด้วยสบู่หรือครีมอาบน้ำ แล้วล้างออก

2. ลูบไล้ NIVEA Body lotion IN-SHOWER Skinconditioner ในขณะที่ตัวเปียก

3. ล้างออกด้วยน้ำสะอาดได้ทันที

4. เช็ดตัวพร้อมแต่งตัวได้ทันที ข้อนี้ผมไม่เห็นด้วย เลยขอเปลี่ยนและแก้ไขเป็น
เช็ดตัวและก็เข้าสู่โหมดการบำรุงด้วย
Body Lotion ที่ชื่นชอบตามปกติได้เลย(ทำไมถึงไปเปลี่ยนขั้นตอนของเขาล่ะ? ละเอียดอยู่ในสรุปช่วงท้ายครับ)


ราคา ช่วงโปรโมชั่น 99 บาท จากปกติ 149บาท (ถือว่าคุ้มมากๆ )

ปริมาณ 250 มล (ถือว่าคุ้มมากๆ)

แพกเกจ
ตัวแพกเกจนั้นดูเหมือนจะไม่มีข้อเสียอะไร  เพราะดูแล้วออกแบบนี้ สวยงาม จับกระชับมือ แต่ในการใช้งานจริงกลับพบข้อเสียที่ให้อภัยไม่ได้เลย  คือเนื้อครีมหกเลอะเทอะเต็มไปหมด ถ้าปิดไม่สนิทนี่คือทะลักเต็มห้องน้ำแน่


ประสบการณ์ภายหลังการใช้

ปกติเวลาผมอาบน้ำเสร็จ สิ่งแรกที่ต้องทำคือ รีบทา Body Lotion ทันทีครับเพราะผมเป็นคนที่มีผิวกายค่อนข้างแห้ง (แต่ผิวหน้ากลับมันเยิ้มสุดๆ)  ซึ่งโดยปกติผมจะทา Body Lotion หลังจากอาบน้ำทันที เพราะในช่วงเวลานี้ผิวของเราจะยังคงมีความชุ่มชื้นอยู่ การทา Body Lotion ทันทีหลังจากการอาบน้ำเสร็จจึงยิ่งช่วยเสริมประสิทธิภาพการกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดียิ่งขึ้นนั่นเองครับ

สำหรับการใช้ NIVEA สูตรนี้รู้สึกได้เลยว่า ในขณะที่กำลังใช้อยู่นั้น ตัวโลชั่นสามารถเกลี่ยไปกับผิวได้ง่ายมาก ทั้งยังทิ้งกลิ่นหอมสดชื่นเอาไว้ด้วย  และภายหลังจากการล้างออก ผิวจะยังคงมีความชุ่มชื้นอยู่  และมีความรู้สึกเหมือนกับมีฟิล์มบางๆ  เคลือบอยู่ที่ผิวแต่ไม่เหนอะหนะ  โดยสูตรสำหรับผิวแห้งจะชุ่มชื้นกว่าสูตรสำหรับผิวธรรมดาอยู่นิดหน่อย   ซึ่งถามว่าหลังเช็ดตัวให้แห้งแล้วใส่เสื้อผ้าเลยได้ไหม คำตอบคือ ยังไงก็ต้องทา Body Lotion ตามอีกอยู่ดีครับ


ข้อดี

1. ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวได้มากกว่าการอาบน้ำด้วยครีมอาบน้ำเพียงอย่างเดียว

2. ให้ความรู้สึกว่าผิวนุ่ม ภายหลังการใช้

3. กลิ่นหอมช่วยผ่อนคลายขณะใช้

ข้อสังเกต

1. ความรู้สึกหลังการใช้เหมือนมีฟิล์มบางๆ เคลือบอยู่ ซึ่งหลายๆ คนอาจจะไม่ชอบผลทางคอสเมติกแบบนี้

2. Packaging เก็บเนื้อครีมได้ไม่ดี หกเลอะเทอะ

3. ผ้าขนหนูที่ใช้เช็ดตัวจะมีกลิ่นและคราบของ NIVEA ติดอยู่เล็กน้อย


สรุปคะแนนความน่าใช้ของผลิตภัณฑ์นี้อยู่ที่




FaQ

1. ใช้ NIVEA Body lotion IN-SHOWER Skin conditionในขณะที่ผิวแห้งแทน Body Lotion ไปเลยได้หรือไม่?
ไม่แนะนำ เพราะ
NIVEA สูตรนี้ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้ใช้กับผิวที่ยังเปียกอยู่ คือต้องใช้น้ำเป็นส่วนประกอบหลักในการกักเก็บความชุ่มชื้นให้อยู่กับผิว  การใช้ในขณะที่ผิวแห้งจะทำให้ประสิทธิภาพของตัวครีมลดลง

2. เอามาใช้แทน Body Wash เลยได้หรือไม่?
ไม่แนะนำ เพราะ NIVEA สูตรนี้ ไม่มีส่วนผสมของสารทำความสะอาด

3. NIVEA Body lotion IN-SHOWER Skin condition ต่างจาก Body Lotion ทั่วไปอย่างไร?
NIVEA สูตรนี้ ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้ใช้กับผิวที่ยังเปียกอยู่ คือต้องใช้น้ำเป็นส่วนประกอบหลักในการกักเก็บความชุ่มชื้นให้อยู่กับผิว

4. ทาทิ้งไว้โดยไม่ล้างออกได้หรือไม่?
ไม่แนะนำ เหตุผลดังข้อ 3

5. ใช้ทาบำรุงทั่วผิวกายเลยได้ไหม?
ได้ แต่ถ้าหากว่าคุณเป็นคนที่มีปัญหาสิวที่หลังแนะนำให้เลี่ยงไปจนกว่าสิวจะหายครับ

6. หากเปรียบเทียบในตลาดครีมอาบน้ำทั่วไป เรามักจะพบกับครีมอาบน้ำที่มีคุณสมบัติพิเศษในการเพิ่มมอยเจอร์ไรเซอร์มากขึ้น xx เท่า ให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น, แล้วถ้าเปรียบกับ NIVEA สูตรนี้ล่ะต่างกันอย่างไร?
ครีมอาบน้ำทุกยี่ห้อ จะมีส่วนผสมของสารทำความสะอาดที่ช่วยชำระล้างสิ่งสกปรกออกจนหมดจด  รวมไปถึงความชุ่มชื้นภายในผิวก็ถูกชะล้างออกไปด้วย  การเติมมอยเจอร์ไรเซอร์ที่มากขึ้น จึงช่วยลดและทดแทนการสูตรเสียความชุ่มชื้นในผิวได้บางส่วนแต่สำหรับ NIVEA สูตรนี้ มีส่วนผสมของมอยเจอร์ไรเซอร์ และส่วนผสมในตระกูล Emollients ซึ่งไม่มีส่วนผสมของสารทำความสะอาด ดังนั้นในวิธีใช้เลยระบุว่า “ให้ล้างน้ำเปล่า”ยังไงล่ะ! ถ้าเอาครีมอาบน้ำล้างอีกงานนี้ครีมที่ทาไปก็ไม่มีประโยชน์น่ะสิ! โอเค?

7. แล้วเวลาไปซื้อ NIVEA สูตรนี้ในห้าง ต้องไปซื้อที่แผนกครีมอาบน้ำ หรือแผนกครีมบำรุงผิวกาย?
ต้องซื้อที่แผนกครีมบำรุงผิวกายนะจ๊ะอย่าสับสน

8. หลังจากใช้ NIVEA สูตรนี้แล้วล้างออก พื้นห้องน้ำจะลื่นหรือไม่?
ลื่นเหมือนกันกับที่เราใช้ครีมนวดผมนั่นแหละครับ เพราะฉะนั้นหลังจากการอาบน้ำ อย่าลืมล้างพื้นห้องน้ำให้สะอาดไม่งั้นอาจจะลื่นหัวฟาดชักโครกตายแบบนังแพนเค้กในเรื่อง หอแต๋วแตกก็เป็นได้
!


กล่าวโดยสรุป

ถึงแม้ผลิตภัณฑ์นี้จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นทันทีภายหลังจากการอาบน้ำจนเป็นที่ชื่นชอบของใครหลายๆคน จนทางแบรนด์แนะนำว่า หลังจากใช้เสร็จก็ให้ใส่เสื้อผ้า จนละเลยการใช้ BodyLotion นั้น ส่วนตัวคิดว่า “ยังคงแนะนำให้ใช้ Body Lotion ตามปกตินะครับ” เพราะลำพังเพียง NIVEABody lotion IN-SHOWER  ไม่ได้มีสารบำรุงอะไรมากมายไปมากกว่าแค่ “ความชุ่มชื้น”เพียงอย่างเดียว  การทา Body Lotion ที่มีส่วนผสมของแอนตี้อ็อคซิแดนท์, สาร Whitening, สารต้านการระคายเคืองและการทาครีมกันแดด ยังเป็นสิ่งที่สำคัญที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน 


NIVEA Body lotion IN-SHOWER นั้นส่วนตัวจัดให้มันเป็นผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในกลุ่ม Enhancements หรือ แปลให้เข้าใจง่ายๆว่า “ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพิเศษเพิ่มเติม” เพราะฉะนั้นถ้าหากเราใช้Body Lotion ที่มีส่วนผสมดีดีทุกวันอยู่แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ครีมบำรุงตัวนี้ก็ได้ครับแต่สำหรับใครที่ต้องการความชุ่มชื้นเพิ่มมากขึ้นอีกนิดหน่อย กับความผ่อนคลายจากการใช้ภายหลังจากอาบน้ำNIVEA Body lotion IN-SHOWER Skinconditioner ก็เป็นตัวช่วยที่ไม่เลวเลยทีเดียว


ปล. พอมันเอามาวางบนชั้นที่วางอาบน้ำแบบนี้แล้ว ดูฟินมากเลยอ่ะ Smiley


ด้วยความปรารถนาอย่างดียิ่ง
ไตเติ้ล wisdom of social





Create Date : 21 สิงหาคม 2556
Last Update : 21 สิงหาคม 2556 15:04:20 น.
Counter : 9057 Pageviews.

3 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  

wisdom of social
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 70 คน [?]



Title Wisdom OfSocial

เข้ามา follow FB คลิก
ที่นี่ได้เลยครับ















images by uppicweb.com