หลังจากที่ผมตั้งใจมานานว่าสักวันหนึ่งจะรีวิววิธีการรักษาสิวที่เป็นประโยชน์ให้กับเพื่อนๆ

ต้องบอกเลยว่า ผมทำใจอยู่นานมากครับ และวันนี้ก็ถึงเวลาแล้วครับ ที่ผมจะมาแชร์ประสบการณ์ดีดีในการรักษาสิวให้เพื่อนๆ ได้รับทราบกัน

ซึ่งแน่นอนว่า “สิว“ เป็นเรื่องธรรมชาติ ที่ใครหลายๆ คน ไม่อยากพบเจอ

หลายท่านก็ลองผิดลองถูกกันไปหลายวิธีต่างๆ นานา ถูกบ้าง ผิดบ้าง หมดเงินไปเยอะกับการรักษาสิว แต่มันก็ไม่ดีขึ้นเสียที เป็นๆ หายๆ อยู่นั่นแหละ ซึ่งผมก็เคยเป็นหนึ่งในนั้นเช่นกันครับ ประมาณว่า ลองครีมที่เขาว่าดีดีมาหลายตัวมาก จนหน้าแหก และคิดว่าชาตินี้ คงไม่มีวันหน้าใสเหมือนคนอื่นๆ แน่เลย

จนผมได้มาเจอกับโต๊ะเครื่องแป้ง และ Blog ดีดี ของคุณปูเป้ครับ

หมายเหตุ

1. ขออนุญาตเซ็นเซอร์ภาพตัวเองนิดนุงนะครับ อิอิ อาย…………….

2. การรักษาสิวของผม เป็นการใช้ “ยา” และ “เครื่องสำอาง” ในการรักษา ไม่ได้เป็นการรักษาจากการเข้าคลินิกหรือสถานเสริมความงามแต่อย่างใด

หลังจากที่ผมมีประสบการณ์จากเครื่องสำอางรักษาสิวในตลาดทั่วไปมาเยอะมาก และประสบความล้มแหลวมาหลายครั้ง จนแทบสิ้นหวัง “โต๊ะเครื่องแป้ง” ดูเหมือนจะเป็นที่สุดท้าย ที่ผมตัดสินใจที่จะเลือกใช้วิธีการรักษาสิวที่หลายๆ ท่านแนะนำ โดยเฉพาะในบล็อกของคุณปูเป้ ที่ให้ข้อมูลเรื่องของการรักษาสิวอย่างละเอียด และตั้งแต่วันนั้นมา ผมจึงเริ่มปฏิบัติตามครับ

ปล.ภาพที่คุณกำลังจะดูต่อไปนี้ ไม่ใช่โปสเตอร์ภาพยนตร์สยองขวัญ แต่มันเป็นหน้าผมตอนที่เป็นสิวหนักๆ ที่เกิดจากกรรมพันธุ์ และการใช้เครื่องสำอางตามคำโฆษณาในตลาดทั่วไป ตอนนี้ผมอายุ 22 ปี (ปัจจุบัน 24 จะ 25 ในวันที่ 22 มีนาคมนี้ครับ)

ทำใจก่อนดูนะครับ

ถ้าพร้อมแล้วก็

1..

2..

3………….

ผ่าง!!!!!!!!!!!!!

 จะบอกว่า เวลาผมกลับมาดูภาพตัวเองทีไร รู้สึกเหมือนตัวเองได้ดูหนังผีทุกทีเลย เหอๆๆ

นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ผมก็รักษาสิวมาเรื่อยๆ เป็นๆ หายๆ อาการมันก็ทรงตัว แต่ก็ยังดีขึ้นบ้างครับ

นี่คือภาพวันที่ 11 มิ.ย. 52 หลังจากใช้ differin และ BHA มาประมาณ 1 อาทิตย์สิวก็ยังประทุขึ้นเรื่อยๆ ครับแงแงแงแง

ห่างจากนั้นห่างเพียง 5 วัน (วันที่ 16 มิ.ย. 52) สิวเริ่มผุดขึ้นมาทุกวันๆ วันละหลายเม็ด

คลิกที่ภาพเพื่อดูภาพขนาดใหญ่ได้เลยครับ

ผมเริ่มทำใจไม่ได้แล้วสิ ภาพนี้สยองมาก ทำใจก่อนชมนะครับ

ช่วงนี้เพื่อนๆ และคนรู้จัก ต่างทักกันตรึม ว่าไปทำอะไรกับหน้ามา สิวถึงได้กลับมาขึ้นมากมายเช่นนี้ แล้วก็แนะนำให้ไปทำนู้นทำนี่ ใช้นู่น ใช้นี่ ที่ว่าดีดี แต่ผมก็ยังยืนกรานที่จะรักษาด้วยวิธีนี้ต่อไป (ถึงแม้จะเริ่มไม่แน่ใจในการรักษาของตัวเองบ้าง) ช่วงนี้เป็นช่วงที่ต้องวัดใจเราครับ ถ้าเกิดหยุดใช้ยา differin ในช่วงนี้ ความพยายามทั้งหมดก็จะสูญเปล่า

อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด! สู้โว้ย!!

วันนี้วันที่ 10 ก.ค. 52 หนึ่งเดือนผ่านไป

สิวก็ยังประทุขึ้นไม่หยุด ขึ้นแล้วขึ้นอีก รอยจากสิวที่หาย

ก็ยังคงเหลือไว้อย่างเหนียวแน่น ไม่นะ ม๊ายยย!!!!

วันนี้วันที่ 22 ก.ค. 52 ครับ

ผมเริ่มท้อใจมากยิ่งขึ้น จนถึงขั้นที่อยากจะเลิกรักษาด้วยวิธีนี้ “ทำไมสิวมันถึงได้ขึ้นไม่หยุดไม่หย่อนนะเนี๊ยะ” ผมจึงได้ตกลงเข้าไปปรึกษากับคุณปูเป้อีกครั้ง ซึ่งก็ได้รับคำแนะนำดีดี ทำให้ผมมีกำลังใจที่จะต้อสู้กับสิวต่อไปครับ

ปล. ผมชอบ Wording ที่คุณปูเป้บอกว่า “การรักษาสิวต้องใช้เวลา”

เพื่อนๆ ของผมก็ยังเป็นห่วงผมกันอยู่ แนะนำให้ไปรักษาที่นู่น ที่นี่ ใช้นั่น ใช้นี่ ซึ่งมันไม่ใช่เป็นเรื่องที่ไม่ดีนะครับ เพราะเป็นสิ่งที่แสดงว่า เขาเป็นห่วงเราจริงๆ และผมก็ขอบคุณในความหวังดีจากเขา และผม ก็ยืนยันที่จะใช้วิธีการรักษาแบบนี้ต่อไป โดยบอกไปว่า “อ้อ! ไม่ต้องห่วงหรอก เพราะผมรักษากับแพทย์ผิวหนังน่ะ” อิอิ

วันนี้วันที่ 5 ส.ค. 52 แล้วครับ ผ่านมา 2 เดือนกว่าแล้วครับ

เริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น สิวใหม่เริ่มลดลง ทิ้งไว้เพียงรอยแดงที่ยังคงมีอยู่(อย่างเต็มหน้า) แต่ที่น่าแปลกใจมากก็คือ รอยที่เกิดจากสิว ไม่ได้ทิ้งรอยหลุมไว้เลยครับ อันนี้ผมรู้สึกประหลาดใจ และดีใจมาก

วันนี้วันที่ 26 ก.ย. 52

ถึงแม้สิวจะขึ้นบ้าง แต่ก็ไม่มากเหมือนแต่ก่อน ผมจึงใช้ AHA ช่วยเร่งการลดริ้วรอยจากสิวครับ ผลคือ ริ้วรอยก็จางลง

เร็วจนประหลาดใจมากครับ!!!!!

วันนี้วันที่ 11 ตุลาคม 52 ครับ (รวม 4 เดือนพอดีที่สิวหยุดขึ้นใหม่)

ผมเริ่มเห็นแสงสว่างแห่งความสำเร็จที่ชัดเจนขึ้น สิวขึ้นใหม่แทบไม่ขึ้นเลย รอยสิวต่างๆ ก็จางลงเยอะมาก ช่วงนี้เริ่มมีคนทักครับว่า ไปทำอะไรมา หน้าใสขึ้น ……. ผมก็เลยตอบแบบ อำ เล่นๆ ไปว่า

“อ้อๆๆ อยู่ดีดีมันก็หายไปเองน่ะ อิอิ”

วันนี้วันที่ 23 ธ.ค. 52 แล้วครับ

ผมยังคงรักษาสิวด้วยวิธีการเดิมทุกประการ เพียงแต่เพิ่มในส่วนของการใช้ AHA และ วิตซี มาช่วยเรื่องลดริ้วรอยจากสิว และก็สรรหาตัวบำรุงดีดีมาใช้ด้วยเช่นกัน

ภายในเวลาไม่กี่เดือน นับจากวันที่สิวหยุดขึ้น ตอนนี้สภาพหน้าผม ก็เป็นแบบนี้ครับ

สังเกตเลยว่า ผมเริ่มยิ้มออกแล้วครับ อิอิ

ผมไม่เคยลืม Wording ที่คุณปูเป้บอกว่า “การรักษาสิวต้องใช้เวลา” ครับ รวมไปถึงคำโฆษณาของ OP ที่บอกว่า “เพราะความสวย ไม่มีทางลัด” ด้วย

ผมว่ามันเป็นอะไรที่สามารถพิสูจน์ได้จริงทางวิทยาศาสตร์ รวมไปถึงการเลือกใช้เครื่องสำอางก็เช่นกัน เราต้องยึดหลักความเป็นจริง ที่สามารถพิสูจน์ได้ การเชื่อแต่คำเคลมโฆษณาเพียงอย่างเดียว มันไม่ใช่วิทยาศาตร์ครับ ขนาดหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า ยังบอกไว้เลยว่า

“อย่าเชื่ออะไรทันที ต้องมีสติ พิจารณาไตร่ตรองตามเหตุ และผล”

และนี่คือรูปวันที่ 25 ม.ค. 53 อาจจะมืดไปนิดนะครับ

รูปนี้อัพเดทสุดๆ เมื่อวันที่ 15 ก.พ. 53 ที่ผ่านมาครับ

ตอนนี้ผมพอใจกับสภาพผิวหน้าตัวเองมากครับ ถึงแม้จะมีรอยจากสิวอยู่ แต่อย่างที่บอกแหละครับ ว่าการรักษามันต้องใช้เวลาครับ จะให้ไปพึ่งเลเซอร์ งบประมาณผมก็ไม่ถึงครับ

ยังไงผมต้องขอขอบพระคุณเพื่อนๆ โต๊ะแป้ง โดยเฉพาะคุณปูเป้ สำหรับอาวุธในการต่อสู้กับสิว จนทำให้ผมประสบความสำเร็จจากการรักษาสิวในครั้งนี้ได้นะครับ และอาวุธชิ้นนี้จะติดตัวผมตลอดไป เพื่อต่อสู้กับวงการเครื่องสำอางนี้ไปอีกนานแสนนาน

ขอบคุณจริงๆค้าบ!!!

~ ~ รวมทุกสิ่งอย่าง สำหรับการปราบสิว อย่างอยู่หมัด ~ ~