Review Paula's choice
Skin Relief Treatment
เป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Enhancements หรือผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้มากยิ่งขึ้นนั่นเอง
Ingredients : Water, Butylene Glycol, Acetylsalicylic Acid, Ascorbic Acid, Epilobium Angustifolium (Willow Herb) Flower/Leaf/Stem Extract, Camellia Oleifera (Green Tea) Leaf Extract, Sodium Hydroxide, Disodium EDTA.
Skin Relief Treatment ชื่อก็บอกอยู่แล้ว ว่าเอาไว้ Treatment ผิวจริงๆ ครับ ดูจากส่วนผสมแล้วอาจจะดูธรรมด๊า! ธรรมดา แต่มันเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดีมากตัวหนึ่งในตลาด ที่ช่วยลดรอยแดง ลดอาการระคายเคืองครับ
Treatment ขวดนี้ อัดแน่นไปด้วยส่วนผสมที่ต้านการอักเสบ และการระคายเคืองมาแบบเต็มพิกัด เริ่มจาก Acetylsalicylic Acid ซึ่งเป็นสารในกลุ่มของ Aspirin หรือที่เรารู้จักกันว่ามันเป็นส่วนผสมที่อยู่ในยาแก้ปวดนั่นแหละครับ ส่วนผสมตัวนี้มีความคล้ายคลึงกับ Salicylic Acid หรือ BHA แต่จะไม่ออกฤทธิ์ผลัดเซลล์ผิวครับ
Acetylsalicylic Acid ถือเป็นหนึ่งในส่วนผสม/ยา ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายมากที่สุดในโลกในการลดอาการอักเสบ อาการระคายเคือง และบรรเทาอาการปวด (ยกเว้นกรณีคนแพ้ Aspirin ควรเลี่ยง) ที่มา : ://www.cosmeticscop.com/cosmetic-ingredient-dictionary/definition/21/acetylsalicylic-acid.aspx เพราะอย่างที่เราทราบกันว่า รอยแดงจากสิวอักเสบนั้นเกิดจากการที่ผิวบริเวณนั้นมีเส้นเลือดฝอยมากระจุกตัวอยู่เป็นจำนวนมาก ส่งผลทำให้เกิดรอยแดง ซึ่งการใช้ AHA หรือการผลัดเซลล์ผิวเพียงอย่างเดียวอาจจะช่วยได้บ้าง ย้ำว่า แค่ช่วยได้บ้าง แต่การรักษาที่ตรงจุดคือ การใช้เลเซอร์ยิงที่บริเวณรอยแดงเพื่อสลายเส้นเลือดที่กระจุกตัวอยู่ให้สลายไปและค่าใช้จ่ายก็สูงมากเช่นกันครับ แต่อีกวิธีนึงสำหรับคนที่อยากประหยัด ก็คือ การใช้ ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Acetylsalicylic Acid นั่นเองครับ
กลับมาที่ส่วนผสมของ Skin Relief Treatment กันต่อ ที่นอกจากจะมี Acetylsalicylic Acid แล้ว ยังมีสารแอนตี้อ๊อกซิแดนท์อย่าง Vitamin C ในรูปแบบของ L-Ascorbic Acid (ต้องอาศัยค่า pH ที่เหมาะสมจึงจะมีประสิทธิภาพ ซึ่ง Skin Relief Treatment มีค่า pH ระหว่าง 3-4 จึงลงตัวพอดีเป๊ะ!), Willow Herb และ สารสกัดจากชาเขียว ก็ช่วยต้านการระคายเคืองด้วยครับ
อนึ่ง สำหรับคนที่ใช้ยาในกลุ่มของกรดวิตามินเออย่างเช่น Ratin-A หรือ Differin อยู่นั้น เพื่อความปลอดภัย และความต่อเนื่องของการรักษา ผมแนะนำว่าให้รักษาจนสิวหายก่อนอย่างเคร่งครัด แล้วค่อยใช้ Skin Relief Treatment ทีหลังครับ
เนื้อสัมผัสและกลิ่นของ Skin Relief Treatment คล้ายกับผลิตภัณฑ์ในกลุ่มของ BHA มาก แต่กลิ่นอาจจะฉุนกว่า BHA เล็กน้อยครับ
นอกจาก Skin Relief Treatment จะใช้ช่วยลดรอยแดง อาการระคายเคือง บรรเทาอาการปวดแล้ว ยังสามารถใช้หลังจากการโกนหนวด, แผลที่ถูกแมลงสัตว์กัดต่อย, รอยไหม้จากแดด เรียกว่าประโยชน์นั้นครอบจักรวาลจริงๆ ครับ
สำหรับใครที่ต้องการใช้ Skin Relief Treatment ร่วมกับผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม BHA นั่น ผมได้สอบถามไปยังทีมงาน Paulas Choice ได้แนะนำให้ใช้แบบนี้ครับ
หลังจากล้างหน้า และลงโทนเนอร์เสร็จ ให้ใช้ Skin Relief Treatment ทาทิ้งไว้ให้แห้งประมาณ 10 - 15 นาที แล้วก็ตามด้วย BHA
ทำความสะอาด > Toner (ถ้ามี) > Skin Relief Treatment > BHA > Moisturizer > Sunscreen
ราคาเต็ม 860 บาท 118 มล. ราคานี้เทียบกับประโยชน์ที่จะได้ ถือว่าไม่แพงเลยครับ
สรุป Skin Relief Treatment เป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Enhancements ช่วยลดรอยแดง ต้านการอักเสบ การระคายเคือง สามารถใช้หลังจากการโกนหนวด, แผลที่ถูกแมลงสัตว์กัดต่อย, รอยไหม้จากแดด ประสิทธิภาพดี และมีผลข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ยืนยันแบบนี้ คนที่กำลังรักษาสิวไม่ควรพลาดนะครับ
ทิ้งท้ายก่อนจบรีวิว รอยแดงนั้นต้องอาศัยเวลาในการรักษา ไม่ใช่จะหายไปภายในวันสองวัน ขนาดการใช้เลเซอร์เองก็ต้องทำหลายครั้งกว่าจะเห็นผล แต่อย่างน้อย Skin Relief Treatment ก็น่าจะตอบโจทย์สำหรับคนที่มีปัญหาทำให้อาการรอยแดง และการระคายเคืองหายไวขึ้นบ้าง ยังไงขอให้ใจเย็นๆ กันนะครับ แต่ถ้าใครมีกำลังทรัพย์พอ (ซึ่งผมมีไม่พอ อิอิ) เลเซอร์ก็เป็นทางเลือกที่ดีในการแก้ไขปัญหารอยแดงจากสิวครับ
Skin Recovery Toner Normal | Dry | Very Dry Skin
Ingredients
Water, Cyclopentasiloxane, Butylene Glycol, Glycereth-26, Dimethiconol, Oenothera Biennis (Evening Primrose) Oil, Borago Officinalis (Borage) Seed Oil, Sodium Hyaluronate, Tocopheryl Acetate, Tocopherol, Ascorbyl Palmitate, Panthenol, Allantoin, Glycerin, Hydrogenated Lecithin , Caprylic/Capric Triglyceride, Niacinamide , Superoxide Dismutase, PEG-40 Hydrogenated Castor Oil, Linoleamidopropyl PG-Dimonium Chloride Phosphate, Laureth-4, Laureth-23, Disodium EDTA, Sodium Benzoate, Phenoxyethanol, Chlorphenesin, Benzoic Acid, and Sorbic Acid.
Skin Recovery Toner มีส่วนผสมที่อัดแน่นไปด้วยสารบำรุงแบบไร้ที่ติ โดย Toner ขวดนี้ระบุไว้ว่าเหมาะสำหรับคนที่มีผิวธรรมดาถึงผิวแห้ง แต่ส่วนตัวคิดว่าสามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิวครับ โดยเฉพาะคนที่กำลังมีอาการระคายเคืองจากการรักษา หรือ ทานยาที่เกี่ยวกับสิวแล้วเกิดอาการผิวแห้ง, ลอก, ผิวไม่สมดุล และผิวมันแต่ขาดความชุ่มชื่น ก็สามารถใช้ได้ เนื่องจาก Skin Recovery Toner นั้น มีส่วนผสมของน้ำมันที่เป็นประโยชน์กับผิวอย่าง Evening Primrose Oil และ Borago officinalis seed oil ที่ทำหน้าที่เป็นทั้งแอนตี้อ๊อกซิแดนท์, ต้านการระคายเคือง, และให้ความชุ่มชื่น โดยเฉพาะ Borago officinalis seed oil ที่มีข้อมูลบอกว่ามีฤทธิ์ต้านการอักเสบอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีแอนตี้อ๊อกซิแดนซ์, สารให้ความชุ่มชื่น และ cell-communicating ingredients อีกหลายรายการ แถมปราศจากแอลกอฮอล์และน้ำหอมอีกด้วยครับ
ส่วนผสมชองซิลิโคนที่มาเป็นอันดับ 2 นั้นไม่ได้มีปริมาณมากมายจนต้องกังวล (โดยปกติโทนเนอร์ทั่วไปจะมีส่วนผสมของน้ำ >= 90% อยู่แล้ว) เนื้อของโทนเนอร์เนียนสนิทไปกับผิวอย่างรวดเร็ว หลังจากใช้แล้วจะรู้สึกเลยว่าผิวนุ่มขึ้นทันที เหมาะกับคนที่ต้องการความชุ่มชื่นแบบด่วนสุดๆ ดังภาพครับ ถือเป็นข้อดีของ Skin Recovery Toner นะเนี๊ยะ!
Skin Recovery Toner มีสีขาวเหมือนน้ำนม วิธีใช้แบบประหยัดคือ เทใส่มือเท่าเหรียญ 10 บาท แทนการเทลงบนสำลี แล้วตบเบาๆ ให้ทั่วทุกส่วนของใบหน้าและใช้ปริมาณเดียวกันทาที่ลำคอด้วยครับ
ราคา 750 บาท กับปริมาณ 177 มล. ส่วนผสม เทียบกับราคา สามารถซื้อได้อย่างไม่เสียดายเงินเลยครับ เพราะขวดนึงสามารถใช้ได้นานมาก อย่างน้อยสุดก็ใช้ได้นาน 3 เดือนขึ้นไปครับ
สรุป Skin Recovery Toner Normal | Dry | Very Dry Skin เป็น Toner สำหรับการบำรุงเหมาะสำหรับผิวทุกประเภทที่ต้องการความชุ่มชื่นมากเป็นพิเศษ ทั้งยังปราศจากแอลกอฮอล์ สี และน้ำหอมแบบนี้ ไม่รู้จะติอะไรแล้วครับ
ทิ้งท้ายอีกนิด สำหรับคนที่ชอบความบางเบาและผิวมันมากจริงๆ แนะนำเป็น Hydralight Healthy Skin Refreshing Toner หรือ Skin Balancing Toner แทนดีกว่าครับ
เกี่ยวกับเจ้าของ blog ...........
ผมชื่อไตเติ้ลครับ ใช้ Login ใน pantip : wisdom of social จริงๆ ถ้าจะให้ถูกหลักไวยากรณ์ควรจะเปลี่ยนจาก social เป็น societyแต่ดันใช้มานานมาก ก็เลยปล่อยไปเลยตามเลย
ผมเป็นคนที่สนใจในเรื่องวงการโทรคมนาคม โทรศัพท์มือถือ บ้าเทคโนโลยี และ Skin Care (เอ๊! ดูแล้วมันไม่เข้ากันเลยนะ)ใช่ครับ โดยเฉพาะในเรื่อง Skin care เนื่องจากผมเป็นคนที่มีพื้นฐานผิวไม่ดี อันเนื่องมาจากกรรมพันธุ์ เป็นสิว หน้ามัน รูขุมขนใหญ่(มาก) ก่อนหน้านี้ก็ได้สรรหาเครื่องสำอางมาใช้แบบมั่วบ้าง ไม่มั่วบ้าง เสียเงินให้กับเครื่องสำอางที่โฆษณาเยอะ แต่ก็ไม่เห็นผลในทางที่ดีขึ้น จนมาเจอ Idol ของผมอย่างคุณปูเป้ pupe_so_sweet ที่ทำให้ผมตาสว่าง และหลุดออกมาจากวงจรอุบาทว์นั้นจนได้ และเขาก็ทำให้ผมรู้ว่า.............
"การเลือกใช้เครื่องสำอางต้องเลือกจากส่วนผสมเป็นหลัก" นั่นเอง
ทิ้งท้า่ยก่ิอนเข้าไปชมรีวิวของไตเติ้ล ...........
ข้อมูลการรีวิวผลิตภัณฑ์ที่ผมได้จัดทำขึ้นใน blog นี้ เป็นเพียงผลการใช้ส่วนบุคคลที่ได้จากการเก็บข้อมูลจาก "ส่วนผสม" "การอ้่างอิงจากแหล่งข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่เชื่อถือได้และเป็นกลาง" และ "ประสบการณ์ที่ใช้เอง" โดยผลที่ได้จากการรีวิว ก็เพื่อประโยชน์ต่อท่านผู้อ่านผู้ศึกษาทุกท่านไว้สำหรับใช้ประกอบพิจารณาการต่อไปครับ
ขอให้มีความสุขกับ blog ของผมนะครับ
ด้ีวยความแฮปปี้ยิ่ง
ไตเติ้ล Wisdom of social
คลิกที่นี่เพื่อเข้าไปชม My Blog
อันนี้อาจจะไม่เกี่ยวกับเครื่องสำอาง แต่บังเอิญไปเจอคลิปตอนที่ผมทำงานใน YouTube (ไม่รู้ใครเอามาลง =_=a) เลยเอามาเล่าบอกต่อให้เพื่อนๆ ได้ชมกันครับ ^_^
ถ้าสังเกตให้ดีตรงแก้ม จะเห็นเลยว่าวันนั้นสิวเม็ดเป้งเบ้อเร่อ ขึ้นแก้มผมด้วยครับ >_< เซ็งสุดๆ
ทุกครั้งที่ผมรีวิว ผมจะไม่พลาดที่จะไม่รีวิวเครื่องสำอางของป้าพอลล่า และวันนี้ก็เช่นกัน ผมมี 2 ตัวจากป้ามารีวิวครับ
อย่างที่เราทราบกันว่าตอนนี้ป้าพอลล่าได้จำหน่ายในไทยอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว ใครที่อยากได้เครื่องสำอางดี ราคาประหยัด จากป้า ก็สามารถไปหาซื้อได้ที่ สยามดิสคัฟเวอรี่ กับ จามจุรีสแควร์นะครับ ถึงแม้ราคาจะสูงกว่าเว็ปหิ้วเล็กน้อย แต่ยังไงราคาที่เพิ่มขึ้นมาเพียงน้อยนิด เทียบกับคุณภาพเครื่องสำอางของป้าแล้ว ผมว่ายังไงก็ยังน่าลงทุนอยู่ดีครับ
โอเค! ตอนนี้เราไปดูรีวิวตัวแรกกันเลยครับ ชื่อว่าหลายๆ คนคุ้นเคยกันดี นั่นก็คือ
Paulas Choice RESIST Super Antioxidant Concentrate Serum
Ingredients :Cyclopentasiloxane, Dimethicone, Tetrahexyldecyl Ascorbate, Palmitoyl Tripeptide-5, Tocotrienols, Tocopherol, Ubiquinone, Alpha Lipoic Acid, Tocopheryl Acetate, Magnesium Ascorbyl Phosphate, Ferulic Acid, Caffeic Acid, Beta-Glucan, Saccharomyces/Selenium Ferment, Superoxide Dismutase, Epigallocatechin Gallate, Ergothioneine, Glutathione, Xanthophyll, Glycine Soja (Soybean) Seed Extract, Ceramide 3, Arctostaphylos Uva Ursi Leaf Extract, Lupinus Albus Seed Extract, Curcuma Longa (Turmeric) Root Extract, Elaeis Guineensis (Palm) Oil, Phenoxyethanol, Caprylyl Glycol, Ethylhexylglycerin, Hexylene Glycol.
เซรั่มที่มีส่วนผสมเทพ ไร้ที่ติอย่าง RESIST Super Antioxidant Concentrate Serumหลอดนี้ อัดแน่นไปด้วยสารแอนตี้อ๊อกซิแดนท์และสารบำรุง เกือบ 30 รายการ O_o! ในหลอดเดียว แน่นอนครับว่าส่วนผสมที่เป็นประโยชน์แบบนี้ ผมขอไม่บรรยายสรรพคุณมาก
แต่มีส่วนผสมที่น่าสนใจอยู่ตัวนึงครับ คือ Tocotrienols หรือ วิตามินอีในรูปแบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระได้ดีกว่าวิตามินอีในรูปแบบเดิมอย่าง Tocopheryl Acetate ครับ แถมยังมีความเสถียรสุดๆ ด้วยนะ
สรุป Paulas Choice RESIST Super Antioxidant Concentrate Serum
890 บาท 30 ML. ใช้ในปริมาณนิดดดดดดด .เดียวพอนะ ไม่งั้นจะมัน และเหนอะหน้าแน่ๆ (หยดเดียวแบบในภาพก็ทาหน้าได้เกือบ 2 คนแน่ะ =_=)
ส่วนผสมไร้ที่ติ (นอกจากส่วนผสมของซิลิโคนที่อาจจะไม่เหมาะกับผม) แบบนี้สามารถใช้ทาใต้ตาได้อย่างสบายใจหายห่วง ถือเป็น เซรั่มที่มีส่วนผสม เมื่อเทียบกับราคาและปริมาณ ที่คุ้มที่สุด เท่าที่ผมเจอมาแล้วครับ
มาถึงชิ้นสุดท้ายสำหรับการรีวิวในครั้งนี้ (ในภาพ หลอดแอบเลอะนิดนึงนะครับ อิอิ)
Paulas Choice Extra Care Non-Greasy Sunscreen SPF 45
ครีมกันแดด (Size ใหญ่ + ปริมาณมหึมา! แต่ราคาเท่ามดตะนอยตัวจ้อยแต่จี๊ด)หลอดนี้ ใช้สารกันแดดเป็นแบบ Chemical ล้วนๆ มีประสิทธิภาพในการกันแดดได้ครบ และเสถียรสุดๆ ยาวนานถึง 80 นาที สามารถทนต่อเหงื่อและน้ำด้วยนะ และถือเป็นข่าวดีสำหรับคนที่มีโทนสีผิวคล้ำ ก็สามารถใช้กันแดดของป้าได้อย่างไม่ต้องกังวล เพราะต่อให้คุณทาให้หนาเตอะแค่ไหน มันก็ไม่วอกแม้แต่น้อยครับ
เนื้อครีมสีขาวจั๊วะ เมื่อทาไปที่ผิวแล้วทิ้งไว้สักพัก จะเหลือความมัน และความเหนอะทิ้งไว้นิดหน่อย ซึ่งเหมาะที่จะทำให้ make up ติดทนขึ้นครับ
Active Ingredients
Homosalate 10%, Oxybenzone 6%, Octisalate 5%, Avobenzone 3%, Octocrylene 2%Other Ingredients
Water, Butylene Glycol, PEG-8, Polyethylene, Dimethicone, Silica, Picea Excelsa (Spruce) Wood Extract, Sodium Ascorbyl Phosphate, Retinyl Palmitate,Tocopherol, Tocopheryl Acetate, Titanium Dioxide, Aloe Barbadensis Leaf Juice, Bentonite, Methyl Glucose Sesquistearate, Acrylates/C10-30 Alkyl Acrylate Crosspolymer, Sodium Polyacrylate, Lauryl Glucoside, Kaolin, Ethylhexylglycerin, Disodium EDTA, Sodium Hydroxide, Chlorphenesin, Phenoxyethanol.
และที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลย ที่ทำให้กันแดดของป้าแตกต่างจากยี่ห้ออื่นๆ ในตลาดนั่นก็คือ ส่วนผสมที่ช่วยต้านการระคายเคืองและสารแอนตี้อ๊อกซิแดนท์อย่าเต็มเอี๊ยด! ที่มีเพิ่มในกันแดดตัวนี้ ไม่ว่าจะเป็น Picea Excelsa (Spruce) Wood Extract, Sodium Ascorbyl Phosphate, Retinyl Palmitate,Tocopherol, Tocopheryl Acetate ..และอื่นๆ อีกมากมาย
และถ้าสังเกตให้ดี คุณจะเห็นส่วนผสม Bentonite และ Kaolin มาเล็กน้อย ซึ่งเราจะพบส่วนผสมนี้มากใน มาส์คโคลน หรือ Clay Mask มีคุณสมบัติในการช่วยดูดซับน้ำมันและสิ่งสกปรกได้บ้าง จึงเหมาะสำหรับผิวผสมหรือผิวมันเป็นอย่างยิ่งครับ
สรุป Paulas Choice Extra Care Non-Greasy Sunscreen SPF 45
600 บาท ปริมาณ 148 ML. หลอดนี้ ถือเป็นกันแดดที่ควรหาเก็บไว้ติดตัว เรียกว่าเอามาทาแขน ทาเนื้อ ทาตัว ยังไม่เสียดายเลย เพราะมันราคาถูกมากๆ
อ้อๆ ด้วยความที่ตัวนี้เป็นกันแดดแบบ Chemical ล้วนๆ จึงควรทดสอบอาการแพ้ และหลีกเลี่ยงการทาใต้ตาด้วยนะครับ
เสริมอีกนิด เรื่องวิธีการเก็บ ควรเอาส่วนปลายของหลอดเอียงลง เนื่องจากเนื้อครีมมีความเหลวมาก อาจจะทำให้หกเลอะเทอะได้เวลาเปิดใช้งานครับ
จบแล้วครับ สำหรับการรีวิวเครื่องสำอางที่ผมใช้อยู่
หากมีข้อผิดพลาดประการใดสามารถเสนอแนะมาได้เลยนะครับ
เพราะผมยังมือสมัครเล่นอยู่เลย อิอิ
ขอบคุณที่ติดตามอ่านมาจนถึงบรรทัดนี้
Have a feel goood day ค๊าบบบ!!
ผู้ติดตามบล็อก : 70 คน [
