"ข้าพเจ้าไม่ขอพบเจอกับคนพาล เพราะคนพาลย่อมแนะนำในสิ่งที่ไม่ควรแนะนำ ย่อมชักชวนในสิ่งที่ไม่ใช่ธุระ การแนะนำคนพาลถึงจะแนะนำดีเขาก็โกรธ" (กฤษฏ์ ธรรมกฤตกรณ์)

ระยะเวลาในการบำเพ็ญบารมีเพื่อเข้าพระนิพพาน



ระยะเวลาในการบำเพ็ญบารมีเพื่อเข้าพระนิพพาน หลังจากที่ได้รับพุทธพยากรณ์แล้ว

แบ่งตามคุณธรรมได้ 4 ประเภทบุคคล คือ

1. พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
2. พระปัจเจกพุทธเจ้า
3. พระอัครสาวก
4. พระอรหันตสาวกปกติ

การบำเพ็ญบารมีของท่านเหล่านี้ มีระยะเวลาไม่เท่ากัน ทั้งนี้เพราะเนื่องด้วยความปรารถนาคุณธรรมที่ต้องการบรรลุมีความยิ่งหย่อนกว่ากัน คือ

1. พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องบำเพ็ญบารมีอย่างยิ่งยวด ชนิดที่สามารถสละอวัยวะหรือชีวิตได้ โดยใช้ระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดังนี้

พระปัญญาธิกพุทธเจ้า (พระโพธิสัตว์ที่มีปัญญามาก) ใช้ระยะเวลา 4 อสงไขยกับอีกแสนมหากัป
พระสัทธาธิกพุทธเจ้า (พระโพธิสัตว์ที่มีศรัทธามาก) ใช้ระยะเวลา 8 อสงไขยกับอีกแสนมหากัป
พระวิริยาธิกพุทธเจ้า (พระโพธิสัตว์ที่มีความเพียรมาก) ใช้ระยะเวลา 16 อสงไขยกับอีกแสนมหากัป

การบำเพ็ญบารมีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นไปเพื่อต้องการขนสรรพสัตว์ให้พ้นจากทุกข์ในวัฏสงสาร เข้าสู่พระนิพพานให้ได้มากที่สุด จึงต้องเตรียมการมาก ทำให้พระองค์เป็นผู้สมบูรณ์พร้อม ด้วยคุณธรรมทุกประการ

2. พระปัจเจกพุทธเจ้า ใช้ระยะเวลาบำเพ็ญบารมี 2 อสงไขยกับอีกแสนมหากัป เพื่อต้องการตรัสรู้ธรรมด้วยพระองค์เอง แต่มิได้ขนสรรพสัตว์เข้าสู่นิพพาน จึงเป็นผู้มีคุณธรรมรองจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

3. พระอัครสาวกซ้ายขวา ใช้ระยะเวลาบำเพ็ญบามี 1 อสงไขยกับอีกแสนมหากัป เพื่อตรัสรู้ตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ช่วยพระพุทธองค์ในการขนสรรพสัตว์เข้าสู่พระนิพพาน มีคุณธรรมรองจากพระปัจเจกพุทธเจ้า แต่มีมากกว่าปกติสาวก เพราะต้องทำคุณประโยชน์มากกว่า

4. พระอรหันตสาวกปกติ เช่น พระอสีติมหาสาวก เอตทัคคะผู้เป็นเลิศด้านต่าง ๆ พระพุทธบิดา พระพุทธมารดา พระพุทธบุตร พระพุทธอุปัฏฐาก และพระอรหันต์ทั่วไป ต้องใช้ระยะเวลาบำเพ็ญบารมี แสนมหากัป เพื่อความเป็นเลิศด้านต่าง ๆ บ้าง เพื่อกล่าวสอนผู้อื่นบ้าง เพื่อตรัสรู้เฉพาะตนบ้าง

บารมีที่ท่านเหล่านี้บำเพ็ญเพื่อเข้าพระนิพพาน คือ บารมี 10 ประการ ได้แก่

1. ทานบารมี (การเสียสละ การให้สิ่งที่ควรให้)
2. ศีลบารมี (การบำเพ็ญศีลให้ครบบริบูรณ์)
3. เนกขัมมบารมี (การเว้นจากกาม)
4. ปัญญาบารมี (การไต่ถามจากผู้รู้ ความรอบรู้เข้าใจสภาวะของสิ่งทั้งหลายตามความเป็นจริง)
5. วิริยบารมี (การทำความเพียร)
6. ขันติบารมี (การมีความอดทนอดกลั้น)
7. สัจจบารมี (การรักษาวาจาสัตย์ พูดแต่ความจริง)
8. อธิษฐานบารมี (การตั้งจิตไว้ให้มั่นคง)
9. เมตตาบารมี (การมีความเมตตา)
10. อุเบกขาบารมี (การวางเฉย วางใจเป็นกลาง ไม่ว่าเรื่องดีหรือไม่ดี ไม่ว่าจะมีลาภหรือเสื่อมลาภ ไม่ว่าจะมียศหรือเสื่อมยศ สรรเสริญ นินทา สุข ทุกข์)


สำหรับพุทธศาสนิกชนทั่วไป ที่ยังไม่ได้รับพุทธพยากรณ์ ก็ควรประพฤติปฏิบัติตนดังนี้

1. ให้ยึดมั่นและหมั่นระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นผู้ใคร่เห็นพระภิกษุสงฆ์ และเข้าไปหาภิกษุผู้ปฏิบัติเห็นจริง เพื่อฟังธรรมคำแนะนำจากท่าน

2. เว้นจากบาปอกุศล-ความชั่วทั้งปวง

3. หมั่นทำกุศลให้ถึงพร้อม คือ หมั่นให้ทาน รักษาศีล เจริญสมาธิภาวนา ตามวิธีที่ถูกต้องประจำวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องสั่งสมบุญไว้ในพระพุทธศาสนา และทักขิไณยบุคคล คือ ภิกษุสงฆ์ และให้อธิษฐานทุกครั้งว่า

"ขอบุญกุศลที่ข้าพเจ้าทำในครั้งนี้ จงเป็นไปเพื่อการบรรลุมรรคผลนิพพานเทอญ"


Create Date : 15 กันยายน 2552
Last Update : 16 กันยายน 2552 10:30:19 น. 0 comments
Counter : 4961 Pageviews.  

thammakittakon
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




[Add thammakittakon's blog to your web]