"ข้าพเจ้าไม่ขอพบเจอกับคนพาล เพราะคนพาลย่อมแนะนำในสิ่งที่ไม่ควรแนะนำ ย่อมชักชวนในสิ่งที่ไม่ใช่ธุระ การแนะนำคนพาลถึงจะแนะนำดีเขาก็โกรธ" (กฤษฏ์ ธรรมกฤตกรณ์)

ทวนกระแสน้ำ

พระโพธิญาณเถร (หลวงปู่ชา สุภัทโท)



การปฏิบัตินั้นคือทวนกระแส ทวนกระแสน้ำใจของเราเอง ทวนกระแสกิเลส

อะไรที่เป็นของทวนกระแสแล้วมันลำบาก พายเรือทวนกระแสก็ลำบาก สร้างคุณงามความดีนั้นก็ลำบากเสียหน่อยหนึ่ง

เพราะว่าคนเรามีกิเลส ไม่อยากจะทำ ไม่อยากจะยุ่งยาก ไม่อยากจะอดทน อยากจะปล่อยไปตามอารมณ์เสียเป็นส่วนใหญ่

เหมือนน้ำน่ะแหละ มันก็ไหลไปตามเรื่องของมัน ถ้าปล่อยให้ไหลไปตามน้ำก็สบาย

แต่ว่านั่นไม่ใช่ลักษณะการปฏิบัติ ลักษณะการปฏิบัติต้องฝืน

ต้องฝืนกิเลส ฝืนใจของตัวเอง ข่มจิตเจ้าของ ทำความอดทนให้มากขึ้น มันจึงเป็นการปฏิบัติทวนกระแสน้ำ.




 

Create Date : 14 ธันวาคม 2552   
Last Update : 14 ธันวาคม 2552 14:00:19 น.   
Counter : 868 Pageviews.  

กุญแจภาวนา

เวลานั่งสมาธิ อย่าไปตั้งใจว่า “เอาละ จะเอาให้มันแน่ ๆ ดูที” เปล่า! วันนั้นไม่ได้เรื่องเลย บางคืนพอเริ่มนั่งก็นึกว่า “เอาละ วันนี้อย่างน้อยตีหนึ่งจึงจะลุก” คิดอย่างนี้ก็บาปแล้ว เพราะว่าไม่นานหรอก เวทนามันรุมเอาเกือบตาย

มันดีเวลาที่นั่งโดยไม่ต้องกะต้องเกณฑ์ ไม่มีที่จุดที่หมาย ทุ่มหนึ่ง สองทุ่ม สามทุ่ม ก็ช่างมัน นั่งไปเรื่อย ๆ วางเฉยไว้ อย่าบังคับมัน อย่าไปหมายมั่น อย่าไปบังคับว่าจะเอาให้มันแน่ ๆ มันก็ยิ่งไม่แน่

ให้เราวางใจสบาย ๆ หายใจก็ให้พอดี อย่าเอาสั้นเอายาว กายก็ให้สบาย นั่งเรื่อยไปตามเรื่องของเรา

บางคนนั้นเวลานั่งจุดธูปไว้ข้างหน้าคิดว่า “ธูปดอกนี้ไหม้หมดจึงจะหยุด” แล้วนั่งต่อไปพอนั่งไปได้ 5 นาที ดูเหมือนนานตั้งชั่วโมง ลืมตามองดูธูป แหม! ยังยาวเหลือเกิน หลับตานั่งต่อไปอีกแล้วก็ลืมตาดูธูป ไม่ได้เรื่องอะไรเลย จิตเลยไม่ต้องทำอะไร นึกถึงแต่ธูปที่ปักไว้ข้างหน้าว่าจวนจะไหม้หมดหรือยังหนอ

ถ้าเราทำภาวนาอย่าให้กิเลสตัณหามันรู้เงื่อนรู้ปลายได้ “ท่านจะเอาอย่างไร” มันมาถามเรา “จะเอาขนาดไหน จะเอาประมาณเท่าไร ถึงเท่าไร” มันมาทำให้เราตกลงกับมัน ถ้าเราไปว่าจะเอาสักสองยาม มันจะเล่นงานเราทันที นั่งไปยังไม่ถึงชั่วโมงต้องร้อนรนออกจากสมาธิ แล้วก็เกิดนิวรณ์ว่า “แหม!...มันจะตายหรือยังกันนา... ว่าจะเอาให้มันแน่ มันก็ไม่แน่ ตั้งสัจจะไว้ก็ทำไม่ได้” คิดทุกข์ใส่ตัวเอง เราค่อยทำค่อยไปเสียก่อน พยายามฝึกหัดไป เมื่อจิตสงบ ความเจ็บปวดทางร่างกายก็หยุด เรื่องปวดแข้งปวดขามันจะหายไปเอง

ผู้ที่นั่งสมาธิไม่ว่าจะเกิดอะไร ไม่ต้องกังวล ให้มันเกิดมาเอง อย่าสงสัย เช่น ถ้าจิตสงบปั๊บ เอ...มันเป็นปฐมฌานแล้วหรือยัง เดี๋ยวก็นึกว่าเป็นทุติยฌานแล้วกระมัง พอนึกอย่างนี้จิตถอนเลย ทำไมจึงเป็นอย่างนั้น เพราะมันอยาก พอตัณหาเกิด มันจะมีอะไร มันก็ถอนออกพร้อมกันนี่แหละ เราทั้งหลายต้องทิ้งความคิด ความสงสัยให้หมด

ดูอาการของจิต อย่าแบกคัมภีร์เข้าไปด้วย ผู้ที่เรียนมาก ๆ รู้มาก ๆ จึงไม่ค่อยสำเร็จ เพราะมาติดตรงนี้ อย่าเอามาคิด ถ้าจิตเราเข้าไปสงบถึงขั้นนั้นแล้วไม่รู้จักหรอก มันไม่มีป้ายบอก

เมื่อลงนั่งสมาธิถ้าเกิดนิมิตต่าง ๆ ให้เราดูเสียก่อนว่า จิตเป็นอย่างไร จิตต้องสงบ นิมิตที่เกิดขึ้นอย่าอยากให้มันเกิด อย่าไม่อยากให้มันเกิด ถ้าเห็นนิมิตแล้วอย่าไปหมายมัน อย่าวิ่งตามนิมิต เห็นนิมิตให้ย้อนดูจิตเลย นิมิตนี้ให้ประโยชน์แก่คนมีปัญญา ให้โทษแก่คนไม่มีปัญญา ทำความเพียรไปจนเราไม่ตื่นเต้นในนิมิต

การทำวิปัสสนา จะทำเอาเดี๋ยวนั้น ๆ ทำได้ยาก มันต้องเดินมาจากความสงบ เรื่องมันเป็นเองทั้งหมด ไม่ใช่เรื่องเราจะไปบังคับ เรื่องของเป็นเอง เมื่อเราทำไปถึงขั้นนี้แล้ว เราก็ปล่อยตามบุญวาสนาบารมีของเรา แต่เราไม่หยุดทำความเพียร จะช้าหรือเร็วเราบังคับไม่ได้

เหมือนเราปลูกต้นไม้ หน้าที่ของเราคือ ขุดหลุมปลูก ให้น้ำ ให้ปุ๋ย รักษาแมลงให้มันเท่านั้น นี่เรื่องของเรา นี่เรื่องศรัทธาของเรา ส่วนต้นไม้จะโตก็เป็นเรื่องของมัน ไม่ใช่เรื่องของเรา จะไปดึงให้มันยืดขึ้นมาก็ไม่ได้ ผิดเรื่อง เราต้องให้น้ำ เอาปุ๋ยใส่ให้ มดปลวกมาข้าจะไล่ให้เจ้า เท่านั้นแหละ ต้นไม้ต้นนี้ก็จะงามขึ้นเอง เมื่อมันงามแล้ว เราจะบังคับว่าแกต้องเป็นดอกเดี๋ยวนี้ ไม่ใช่เรื่องของเรา อย่าทำ! เราจะเป็นทุกข์เปล่า ๆ มันจะเป็นของมันเอง

ถ้าเราปฏิบัติอย่างนี้ก็จะสบาย จะถึงชาตินี้ก็ช่าง ถึงชาติหน้าก็ตาม ไม่ต้องกลัวว่าจะนานร้อยชาติพันชาติก็ช่าง

เรามีศรัทธาอย่างนี้แล้ว มีความรู้สึกแน่นอนแล้วอย่างนี้ จะเร็วหรือช้านั้นเป็นเรื่องของบุญวาสนาบารมีของเรา อย่าใจร้อน.




 

Create Date : 30 กรกฎาคม 2552   
Last Update : 14 ธันวาคม 2552 14:00:56 น.   
Counter : 318 Pageviews.  

สภาพของโลกและอารมณ์

คนแก้ปัญหาของโลกไม่ได้ก็ร้องไห้
ถ้าไม่ร้องไห้ก็หนี หนีไปยิงตัวตาย หนีไปกินยาตาย
หนีไปโดดน้ำตาย มันก็หนีไปอย่างนั้นแหละ
เพราะคนโง่คนชั่ว หนีไปทั่วนั่นแหละ
เหมือนกับไฟมันไหม้ป่า สัตว์ต่าง ๆ ก็หนีไปตามสัญชาติญาณของมัน เพราะกลัวตาย
มันดับไฟไม่ได้ มนุษย์เรานี้เหมือนกันฉันนั้น
มันติดในอารมณ์ แก้อารมณ์ของโลกไม่ได้
เดี๋ยวก็ทะเลาะกัน เดี๋ยวก็วุ่นวายกัน
เดี๋ยวหัวเราะ เดี๋ยวก็ร้องไห้ วุ่นวายเป็นอยู่อย่างนี้เอง
สภาพของโลกเป็นอยู่อย่างนี้.




 

Create Date : 30 กรกฎาคม 2552   
Last Update : 30 กรกฎาคม 2552 16:06:53 น.   
Counter : 301 Pageviews.  


thammakittakon
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




[Add thammakittakon's blog to your web]