"ข้าพเจ้าไม่ขอพบเจอกับคนพาล เพราะคนพาลย่อมแนะนำในสิ่งที่ไม่ควรแนะนำ ย่อมชักชวนในสิ่งที่ไม่ใช่ธุระ การแนะนำคนพาลถึงจะแนะนำดีเขาก็โกรธ" (กฤษฏ์ ธรรมกฤตกรณ์)

การสวดมนต์



การสวดมนต์ไม่ควรสวดเพื่อหวังผลความขลัง ความศักดิ์สิทธิ์จากคาถา เช่น สวดคาถาที่ทำให้เกิดความร่ำรวย, คาถาป้องกันภัย แคล้วคลาด, คาถาเสริมเสน่ห์ เป็นต้น

เพราะการสวดมนต์เช่นนี้ จะไม่ก่อให้เกิดผลดีแก่ผู้สวดมนต์แต่อย่างใด เนื่องจากไม่ได้เป็นไปตามหลักเหตุและผล ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า

เช่น ถ้าต้องการความร่ำรวย ก็ควรที่จะขยันทำมาหากิน หรือหมั่นให้ทาน เพราะผลบุญนั้นจะช่วยให้เกิดความร่ำรวยเมื่อถึงเวลาที่บุญส่งผล

หรือถ้าต้องการให้แคล้วคลาดจากอันตราย มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง มีอายุที่ยืนยาว ก็ไม่ควรที่จะตั้งตนอยู่ในความประมาท และไม่เบียดเบียนทำลายชีวิตสัตว์ หรือปล่อยสัตว์ที่กำลังจะถูกฆ่าอยู่เสมอ

และถ้าต้องการมีเสน่ห์เป็นที่เมตตาของผู้พบเห็น ก็ควรที่จะมีกิริยาวาจาอ่อนหวาน อ่อนน้อมถ่อมตน อย่างนี้เป็นต้น แต่ไม่ควรหวังผลเสน่ห์ในเชิงชู้สาว เพราะมันจะนำภัยมาให้ในภายหลัง

การสวดมนต์ที่ถูกต้องควรสวดเพื่อระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย หรือสวดเพื่อท่องจำพระธรรมคำสอน

เช่น บทสวดมนต์ทำวัตรเช้า-เย็น, อริยธนคาถา, ภัทเทกรัตตคาถา, โอวาทปาติโมกขคาถา, ปัจฉิมพุทโธวาทปาฐะ เป็นต้น

และผู้สวดมนต์ควรจะต้องรู้ความหมายของบทสวดนั้น ๆ ด้วย เมื่อสวดแล้วก็ให้นำหลักธรรมนั้นไปปฏิบัติ ผู้สวดมนต์จึงจะได้รับอานิสงส์จากการสวดมนต์นั้นอย่างแท้จริง และยังสามารถอุทิศบุญจากการสวดมนต์นั้นให้แก่ผู้อื่นได้ด้วย.

(กฤษฏ์ ธรรมกฤตกรณ์)




 

Create Date : 31 กรกฎาคม 2552   
Last Update : 8 สิงหาคม 2552 9:54:25 น.   
Counter : 2481 Pageviews.  

การอธิษฐาน



เวลาที่เราไปทำบุญ ไม่ต้องไปอธิษฐานขออะไรที่เป็นไปเพื่อกิเลสตัณหา มีความโลภเข้ามาเจือปน ทำบุญเพื่อหวังผลประโยชน์ตอบแทน เช่น ขอให้ร่ำรวยมีทรัพย์สมบัติ เกิดชาติใดขอให้มีรูปร่างหน้าตาสวยงาม ให้ได้ลาภยศ ตำแหน่งหน้าที่การงาน ขอให้ได้สิ่งนั้น ขอให้มีสิ่งนี้ การขอที่ไม่ประกอบด้วยปัญญาเช่นนี้ มันจะก่อให้เกิดความทุกข์ตามมา และผู้ที่ทำบุญแล้วอธิษฐานขอเช่นนี้ก็จะไม่ได้บุญแต่อย่างใด

แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้อะไรถ้าไม่อธิษฐานขอ เพราะอานิสงส์ผลบุญย่อมสนองตอบแก่ผู้ทำบุญโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว เช่น

การให้ทาน จะทำให้ร่ำรวย มีทรัพย์สินเงินทอง มีบริวาร มีสมบัติพัสถานต่าง ๆ

การรักษาศีล
1. เว้นจากการฆ่าสัตว์ จะทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง มีอายุยืน ไม่มีใครมาทำร้ายเบียดเบียน

2. เว้นจากการลักทรัพย์ จะทำให้เจริญรุ่งเรืองและมั่งคั่งด้วยทรัพย์ และสามารถรักษาทรัพย์สมบัตินั้นไว้ได้ยั่งยืน ไม่พบกับความวิบัติ

3. เว้นจากการประพฤติผิดในกาม จะทำให้ได้คู่ครองดี ครอบครัวอบอุ่นมีความสุข มีบุตรธิดาดี

4. เว้นจากการพูดปด จะทำให้มีคำพูดน่าเชื่อถือ วาจาก่อให้เกิดวาสนาบารมี มีเสียงอันไพเราะ ไม่มีกลิ่นปาก

5. เว้นจากการดื่มสุราเมรัยฯ จะทำให้ไม่เป็นคนโง่เขลา มีสติมั่นคง ไม่หลงลืม มีปัญญาดีเฉลียวฉลาด

นอกจากนี้การรักษาศีลยังเป็นเครื่องชำระมลทิน ระงับความเร่าร้อน เป็นเครื่องกำจัดภัยอันตราย ทำให้มีชื่อเสียงในทางที่ดี เป็นคนแกล้วกล้าอาจหาญเวลาเข้าสังคม และการรักษาศีลยังเป็นเหตุให้มีสติ ไม่หลงในเวลาใกล้ตาย เมื่อตายแล้วจะไปสู่สุคติภูมิได้อีกด้วย

การภาวนา จะทำให้เกิดปัญญารู้เห็นแจ้งตามความเป็นจริง รู้เท่าทันสิ่งทั้งหลายตามความเป็นจริง จนจิตใจไม่ถูกครอบงำด้วยกิเลส เป็นทางที่จะไปสู่พระนิพพานได้

ฉะนั้นเวลาทำบุญก็ให้ทำด้วยความบริสุทธิ์ใจโดยไม่หวังผลตอบแทน ไม่หวังประโยชน์เฉพาะตัวเราเอง แต่ทำบุญเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ส่วนรวม ทำบุญเพื่อการอุทิศ ไม่ทำบุญเพื่อเอาหน้า ไม่หวังคำสรรเสริญใด ๆ ถ้าทำได้เช่นนี้ ผู้ทำบุญย่อมได้รับอานิสงส์อย่างมหาศาล

ส่วนการจะอธิษฐานขออะไรที่เป็นไปในทางกิเลส ก็สามารถขอได้แต่ให้มีปัญญากำกับ โดยให้น้อมใจให้สิ่งเหล่านี้เป็นไปเพื่อเป็นปัจจัยในการเข้าพระนิพพาน

เช่น ขอให้มีทรัพย์สมบัติ เพื่อที่จะได้สะดวกในการทำบุญสร้างกุศล

ขอให้มีรูปสมบัติ คุณสมบัติ เพื่อที่เวลาไปบอกให้ใครทำความดีแล้วจะได้ดูน่าเชื่อถือ

ขอให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง มีอายุยืนยาว เพื่อที่จะได้มีเวลาอยู่สร้างความดีไปได้นาน ๆ

และต้องระลึกอยู่เสมอว่า สุดท้ายแล้วเราจะต้องสละวางทุกอย่าง เพื่อเข้าพระนิพพาน.

(กฤษฏ์ ธรรมกฤตกรณ์)




 

Create Date : 31 กรกฎาคม 2552   
Last Update : 8 สิงหาคม 2552 10:06:25 น.   
Counter : 738 Pageviews.  

งานบวช งานบาป



การบวชในสมัยนี้ส่วนใหญ่บวชกันตามประเพณีเท่านั้น โดยเข้าใจกันว่าเป็นการบวชเพื่อทดแทนคุณพ่อแม่ ไม่ได้บวชเพื่อศึกษาพระธรรมอย่างถ่องแท้ บวชเพื่อละกิเลส เพื่อมรรคผลนิพพาน เหมือนกับในสมัยพุทธกาล หรือตามวัดป่าซึ่งยังพอมีอยู่บ้างแต่ก็เป็นส่วนน้อย

งานบวชที่จัดขึ้นอย่างใหญ่โต มีมหรสพ มีการจัดเลี้ยง มีการแห่นาค โห่ร้อง ฟ้อนรำ ดนตรีครึกครื้นนั้น ในสมัยพุทธกาลไม่เคยทำกันมาก่อน งานบวชลักษณะเช่นนี้เป็นงานบาป ผู้ที่จัดงานเช่นนั้นจะไม่ได้กุศลผลบุญแต่อย่างใด กลับจะได้บาปด้วยซ้ำไป

การบวชควรจะเป็นไปอย่างเรียบง่ายเหมือนอย่างในสมัยพุทธกาล เมื่อบวชแล้วก็ให้ศึกษาพระธรรม และรักษาพระวินัยให้เคร่งครัด บวชปฏิบัติสมถะ-วิปัสสนากรรมฐาน อยู่อย่างมักน้อย สันโดษ ให้เป็นไปเพื่อละกิเลส เพื่อมรรคผลนิพพาน จึงจะถูกต้องตามหลักพระพุทธศาสนา

ผู้บวชถ้าไม่รักษาพระวินัย ประพฤติตนเป็นภิกษุผู้ทุศีล ผู้นั้นเมื่อตายไปย่อมไปสู่นรกภูมิ พระที่ทำผิดพระวินัยตายแล้วตกนรกมีมากมาย เมื่อลงไปในนรกจะถูกปลดผ้ากาสาวพัสตร์ออก วางพาดไว้ตามราวเหล็กใหญ่ ๆ เท่าเสา เสาค้ำก็เป็นเหล็กใหญ่เท่า ๆ กัน ตั้งห่างกันแค่วาเดียว ผ้ากาสาวพัสตร์กองอยู่บนราวนั้นมากมายมหาศาลจนราวนั้นแอ่น มันจะมากขนาดไหนพระที่ตกนรก ลองนึกภาพดู

การบวชให้พ่อแม่ ถ้าผู้บวชไม่ได้ศึกษาพระธรรมแล้วนำมาสอนพ่อแม่ ให้พ่อแม่ประพฤติปฏิบัติในทางที่ถูกต้อง พ่อแม่ก็จะไม่ได้อะไร บุญที่พ่อแม่จะได้รับจะต้องเกิดจากการกระทำของท่านเอง จะอาศัยเกาะชายผ้าเหลืองของลูกเพื่อขึ้นสวรรค์อย่างที่เข้าใจกันย่อมเป็นไปไม่ได้ ตัวอย่างมีให้เห็นอยู่ทั่วไป ทั้งพ่อแม่และลูก ถ้าประพฤติปฏิบัติไม่ดีก็พากันตกนรกตามกันไปทั้งสิ้น

สำหรับการบวชเพื่ออุทิศบุญให้แก่พ่อแม่ที่ล่วงลับไปแล้วนั้น ผู้บวชจะต้องรักษาพระวินัย แล้วเจริญสมถะ-วิปัสสนากรรมฐาน เพื่ออุทิศบุญไปให้พ่อแม่ ท่านจึงจะได้รับผลบุญนั้น ส่วนจะได้รับมากหรือน้อย หรืออาจจะไม่ได้รับเลยนั้น ขึ้นอยู่กับว่าขณะนั้นท่านอยู่ในภพภูมิใด ถ้าตอนที่ท่านเป็นมนุษย์ท่านทำบาปอกุศลเอาไว้มาก ท่านก็จะต้องไปชดใช้กรรมของท่านให้หมดสิ้น หรือให้บรรเทาเบาบางลงเสียก่อน จึงจะสามารถรับผลบุญที่อุทิศไปให้ได้.

(กฤษฏ์ ธรรมกฤตกรณ์)




 

Create Date : 31 กรกฎาคม 2552   
Last Update : 8 สิงหาคม 2552 9:57:03 น.   
Counter : 10263 Pageviews.  

สิ่งที่อยากบอกกับเพื่อนมนุษย์

โดย กฤษฏ์ ธรรมกฤตกรณ์



มนุษย์ในยุคนี้ส่วนใหญ่ จะหลงมัวเมาอยู่กับกิเลสตัณหา ความสนุกสนานเพลิดเพลิน ความมั่งมีทรัพย์สินเงินทอง ชื่อเสียง อำนาจ ยศศักดิ์ มีความอยากไม่รู้จักพอ และสิ่งยั่วกิเลสมนุษย์ในยุคนี้ก็มีอยู่มากมาย ด้วยเหตุนี้เองคนส่วนใหญ่ในยุคนี้เมื่อตายแล้วจึงไปอบายภูมิ

ผู้ใดที่ผิดศีล 5 เป็นประจำ แม้เพียงข้อใดข้อหนึ่ง หรือเป็นผู้ที่มีความโกรธเป็นนิสัย ตายไปแล้วจะไปลงนรก ต้องได้รับความทุกข์ทรมานหมกไหม้อยู่ในนรก ถูกลงโทษด้วยวิธีต่าง ๆ ตามผลกรรมที่ได้ทำเอาไว้

ผู้ใดที่ทำทั้งบุญและบาป อย่างเช่นคนทั่วไปในยุคนี้ที่เห็นว่าเป็นคนดี ทำบุญบ้างเป็นครั้งคราว แต่เป็นผู้ที่มีความโลภเป็นนิสัย อยากได้นั่นอยากเป็นนี่อยู่ตลอดเวลา ตายไปแล้วจะไปเป็นเปรต มีความอดอยากหิวโหย ต้องคอยกินเสลด กินน้ำลายที่คนบ้วนทิ้ง กินอุจจาระ ปัสสาวะ กินน้ำเหลือง น้ำหนอง กินซากศพ มีรูปร่างหน้าตาหน้าเกลียดน่ากลัว เปรตบางจำพวกก็ได้รับความทุกข์ทรมานเช่นเดียวกับสัตว์นรก คือจะมีไฟเผาร่างอยู่ตลอดเวลา

ถ้าดีขึ้นมาหน่อยก็เป็น "ปรทัตตุปชีวิกเปรต" สามารถรับส่วนบุญจากญาติที่อุทิศไปให้ได้ แต่ถ้าไม่มีญาติอุทิศบุญไปให้ก็ต้องทนทุกข์ทรมานอดอยากหิวโหย อย่างยาวนานแสนนาน

หรือผู้ที่เคยทำบุญที่มีอานิสงส์มาก และทำบาปพอ ๆ กัน ก็จะได้เป็น "เวมานิกเปรต" คือบางครั้งจะได้เสวยสุขดั่งเทวดา มีวิมานเป็นทิพย์ มีบริวารคอยรับใช้ แต่เมื่อถึงกำหนดเวลาที่จะต้องเสวยทุกข์ ก็จะกลายร่างเป็นเปรตมีรูปร่างหน้าตาหน้าเกลียดน่ากลัว ต้องได้รับทุกขเวทนาเช่นเดียวกับเปรต มีสภาพกึ่งเปรตกึ่งเทวดาผลัดเปลี่ยนกันไปอยู่อย่างนี้ จนกว่าจะสิ้นอกุศลกรรมที่ทำไว้

ผู้ใดที่ทะนงตนว่าตนเองเก่ง ตนเองเหนือกว่าคนอื่น มีความเย่อหยิ่งเป็นนิสัย เช่น ผู้ที่มีการศึกษาสูงแล้วทะนงตน ผู้ที่มีตำแหน่งหน้าที่การงานสูงแล้วทะนงตน ตายไปแล้วจะไปเป็นอสุรกาย มีรูปร่างหน้าตาเช่นเดียวกับเปรต แต่จะมีสีสันร่างกายที่หม่นหมอง มีความเป็นอยู่แร้นแค้นฝืดเคือง จิตใจหดหู่แห้งเหี่ยวเศร้าหมองอยู่ตลอดเวลา

ผู้ใดที่หลงเพลินไปวัน ๆ หลงไปในความคิด เพ้อฝัน ฟุ้งซ่าน หาความสุขอยู่กับการกินอยู่หลับนอนและเสพกาม ไม่ได้สร้างคุณความดี ตายไปแล้วจะไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานชนิดต่าง ๆ ตามผลกรรมที่ได้ทำเอาไว้ หมดโอกาสที่จะทำบุญให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา มีแต่จะสร้างบาปอกุศลอยู่ร่ำไป

ผู้ที่ทำบุญอย่างสม่ำเสมอ แต่ยังยึดติดในบุญ ทำบุญแล้วหวังผลตอบแทน อธิษฐานขอนั่นขอนี่ ให้ทานโดยหวังว่าจะได้เอาไปกินไปใช้ในภพหน้า ศีล 5 ก็รักษาได้ไม่ครบ เมื่อตายไปหากบุญกุศลส่งผลก่อน ก็จะได้ไปอยู่สวรรค์ชั้นที่ 1 จาตุมหาราชิกา เป็นรุกขเทวดา พระภูมิเจ้าที่ ผีบ้านผีเรือน ต้องเฝ้าอยู่กับที่ตรงนั้นไปไหนมาไหนไม่ได้ เพราะทำบุญด้วยความยึดติด ถ้ามีบุญมากขึ้นมาหน่อยก็จะมีวิมานอยู่ในอากาศ เทวดาชั้นจาตุมหาราชิกาบางพวกก็ยังมีหน้าที่ต้องทำงานอยู่ ไม่มีความสุขสำราญเหมือนเทวดาชั้นที่ 2 ดาวดึงส์ขึ้นไป

สำหรับผู้ใดที่ชอบการได้เกิดเป็นมนุษย์ และสร้างบุญกุศลเพื่อให้ได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีก ขอให้รู้ไว้เลยว่า นับจากเวลานี้ไปโลกมนุษย์จะเสื่อมลงเรื่อย ๆ เพราะจะเป็นช่วงที่สัตว์ในอบายจะได้มาเกิดเป็นมนุษย์ มนุษย์ในยุคต่อไปจะพากันล่วงละเมิดหลักศีลธรรมกันมากขึ้น ทำให้สังคมโดยรวมมีแต่ความวิปริตเสื่อมทราม มีแต่ความเห็นแก่ตัว สงครามจะเกิดขึ้นไปทั่ว พืชพันธุ์ธัญญาหารต่าง ๆ จะไม่อุดมสมบูรณ์ จะเกิดทุพภิกขภัย ข้าวยากหมากแพง ผู้คนจะอดอยากยากแค้นเดือดร้อน จะเกิดเจ็บป่วยด้วยโรคภัยไข้เจ็บที่แปลกใหม่ ซึ่งหมอไม่สามารถหายารักษาได้ พระพุทธศาสนาจะหมดสิ้นลงในปีพ.ศ. 5000

เมื่อสิ้นศาสนาแห่งพระโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้าไปแล้ว มนุษย์ทั้งหลายก็จะพากันมืดมนนัก ไม่รู้จักทำบุญทำกุศล มีแต่จะพากันทำบาปหยาบช้าทารุณ หาหิริโอตตัปปะมิได้ ผู้คนมีความเป็นอยู่เช่นเดียวกับสัตว์เดรัจฉาน ลูกกับพ่อแม่ก็จะอยู่กินเป็นสามีภรรยากัน พี่สาวน้องชาย พี่ชายน้องหญิง ตลอดถึงพี่ป้าน้าอา ลุงกับหลานต่างก็พากันสมัครสังวาสอยู่ด้วยกัน (ซึ่งในเวลากึ่งพุทธกาลนี้ก็เริ่มมีให้เห็นกันบ้างแล้ว และการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างหมู่ญาตินับว่ามีโทษหนักที่สุด) กิเลส คือโลภะ โทสะ โมหะ ของหมู่สรรพสัตว์ก็จะหนาแน่นขึ้นทุกเวลา อายุขัยก็จะลดน้อยถอยลงไป

จนกระทั่งประมาณปีพุทธศักราชที่ 9000 อายุขัยของมนุษย์จะลดลงจนเหลือ 10 ปี มนุษย์ทั้งหลายในยุคนั้นมีความอาฆาตเบียดเบียนกันยิ่งนัก เข่นฆ่ากันเองได้หมดทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นญาติมิตรสนิทสนมกันเพียงใด ไม่รู้จักความเมตตาปราณี ในเวลานั้นผู้คนจะปรากฏมีโทสะกล้าแข็งที่สุด เกิดรบพุ่งฆ่าฟันซึ่งกันและกันเป็นโกลาหล จับสิ่งของใดได้แม้แต่ต้นไม้ใบหญ้าก็จะถูกใช้เป็นอาวุธไปจนสิ้น มนุษย์ในโลกจะพากันล้มตายนับประมาณมิได้

ส่วนผู้มีปัญญาอยู่บ้าง ก็จะพากันหนีไปซุกซ่อนอยู่ตามซอกห้วยและภูเขา ตามเหว ตามถ้ำ ที่ห่างไกล จนรอดพ้นจากภัยอันตรายนั้น

เมื่อสิ้นเสียงการสู้รบ ผู้คนที่หลบหนีไปซ่อนเร้นจึงพากันออกมา เมื่อเห็นกันเข้าก็เกิดความสังเวชสลดใจ รักใคร่เอ็นดูสงสารซึ่งกันและกัน มีจิตใจอ่อนโยน เห็นโทษของอกุศลมีโทสะเป็นต้น จึงร่วมปรึกษาหารือกันเริ่มประกอบกุศลกรรม แรกทีเดียวเริ่มเว้นจากการฆ่าฟันคือปาณาติบาตก่อน เพราะเห็นโทษภัยจากการเข่นฆ่าที่ผ่านมา

เมื่อคนทั้งหลายเว้นจากการฆ่าสัตว์ บุตรหลานของคนเหล่านี้จึงมีอายุขัยยืนขึ้นเท่าตัวคือ 20 ปี และบุตรหลานของผู้คนเหล่านี้ ก็ชักชวนพากันประกอบกุศลกรรมอื่น ๆ เพิ่มขึ้น ทั้งชวนกันปฏิบัติต่อบิดามารดา สมณพราหมณ์เป็นอันดี กระทำความเคารพในผู้เฒ่าผู้แก่ของตระกูล คนทั้งหลายบำเพ็ญกุศลธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไปประการดังนี้ อายุของผู้คนเหล่านั้นจึงเพิ่มขึ้นรุ่นละเท่าตัวเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงอสงไขยปี (ในช่วงเวลาที่มนุษย์มีอายุขัยเพิ่มขึ้นจาก 10 ปีนี้ จะเป็นช่วงเวลาที่เหล่าเทวดาและผู้มีบุญจะพากันมาเกิด)

สิ่งที่ข้าพเจ้าอยากบอกกับเพื่อนมนุษย์ก็คือ ในเวลาที่พวกเรายังมีความสงบสุขอยู่นี้ ให้ตั้งใจรักษาศีล 5 ให้บริสุทธิ์ หมั่นให้ทานด้วยเจตนาที่บริสุทธิ์ ไม่หวังผลตอบแทนใด ๆ ให้ทานด้วยใจศรัทธาตามกำลังทรัพย์ที่ตนมีโดยที่ไม่ทำให้ตนเองและครอบครัวต้องเดือดร้อน และให้ปฏิบัติธรรมตามแนวทางที่ถูกต้องตามหลักพระพุทธศาสนาอย่างสม่ำเสมอ หากว่าบารมีเรายังไม่เพียงพอที่จะได้บรรลุมรรคผลนิพพานในชาตินี้ เมื่อตายไปเราจะได้ไปสวรรค์ตั้งแต่ชั้นที่ 2 ดาวดึงส์ ขึ้นไปจนถึงพรหมโลก เพื่อที่จะหนีภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้นมา เพราะถ้าหากเราได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์ภายในประมาณ 6,500 ปีนับจากนี้ รับรองได้ว่าเมื่อตายแล้วจะต้องไปอบายอย่างยาวนานแสนนานแน่นอน

สำหรับคนธรรมดาทั่วไปข้าพเจ้าแนะนำให้ไปสวรรค์ชั้นที่ 2 ดาวดึงส์ เพราะว่ามันไม่เหลือวิสัยเกินไปนัก ดังนั้นเมื่อตายไปและสามารถเลือกได้ว่าจะไปชั้นใด ถ้ารู้ว่าตนเองบุญยังน้อยอยู่ก็ให้เลือกชั้นดาวดึงส์เอาไว้ก่อนจะได้อยู่กันนาน ๆ

สวรรค์ชั้นที่ 3 ยามา เป็นชั้นสำหรับผู้ที่รักษาศีล 5 ได้บริสุทธิ์ และมีนิสัยชอบการสวดมนต์

สวรรค์ชั้นที่ 4 ดุสิต เป็นชั้นของผู้ที่ชอบศึกษาปฏิบัติธรรม ชอบฟังธรรม เป็นผู้ไม่ประมาทมัวเมา หมั่นสร้างบุญกุศล ให้ทานรักษาศีลเป็นนิตย์ เป็นเทวดาที่ประเสริฐกว่าเทวดาในภูมิอื่น ๆ เป็นภูมิที่อยู่ของพระโพธิสัตว์และผู้สร้างบารมีเพื่อติดตามทั้งหลาย เป็นชั้นสำหรับผู้ที่สั่งสมบารมีมาแล้วหลายภพชาติ ถ้าเป็นคนทั่วไปที่เพิ่งสร้างบุญกุศลเพื่อให้ได้ขึ้นไปจะอยู่ได้ไม่นาน

สวรรค์ชั้นที่ 5 นิมมานรดี เป็นชั้นสำหรับผู้ที่รักษาศีล 5 ได้บริสุทธิ์ และเคยสร้างบุญกุศลที่ยิ่งใหญ่ เป็นชั้นของผู้ที่ไม่มีคู่แท้แต่ยังพอใจในกามคุณอยู่ เมื่อปรารถนาในกามคุณก็สามารถเนรมิตขึ้นมาได้ตามความพอใจของตนเอง

สวรรค์ชั้นที่ 6 ปรนิมมิตวสวัตตี เป็นชั้นสำหรับผู้ที่รักษาศีล 5 ได้บริสุทธิ์ และเคยสร้างบุญกุศลอันสูงยิ่ง เป็นชั้นของผู้ที่ไม่มีคู่แท้เช่นเดียวกับเทวดาชั้นนิมมานรดี แต่เวลาใดที่ปรารถนาจะเสวยกามคุณ ก็จะมีเทวดาที่รู้ใจเนรมิตให้ เมื่อได้เสวยกามคุณสมความปรารถนาแล้ว สิ่งที่เนรมิตมาก็จะหายไป

สำหรับผู้ที่ไม่ติดข้องในกามคุณแล้ว รักษาศีลได้บริสุทธิ์ เจริญสมถกรรมฐานจนได้ฌาน และในขณะที่ตาย ฌานนั้นไม่เสื่อม ก็จะได้ไปเป็นพรหมตามระดับชั้นที่ได้ฌาน

ผู้ใดได้ขึ้นสวรรค์แล้วไปฟังธรรม ปฏิบัติธรรมต่อบนนั้น อาจหาความสุขสำราญบ้างแต่ก็ไม่มากจนเกินไปนัก ก็สามารถที่จะอยู่บนสวรรค์นั้นได้อย่างยาวนานนับอสงไขยปี แต่ถ้าหลงเพลิดเพลินในกามคุณหาความสุขสำราญกันอย่างเดียว ไม่ได้สนใจที่จะไปฟังธรรมเลย ก็จะทำให้หมดบุญเร็ว

ผู้ใดที่บารมีใกล้จะเต็มแล้ว และจะได้บรรลุมรรคผลนิพพานในสมัยของพระศรีอาริยเมตไตรย ก็สามารถที่จะอยู่บนสวรรค์ รอจนพระศรีอาริยเมตไตรยมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไปได้ และเมื่อได้ฟังพระสัทธรรมจากพระศรีอาริยเมตไตรย ก็สามารถที่จะบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ปรินิพพานบนสวรรค์นั้นได้



เทวดาและพรหมที่ได้ฟังธรรมแล้วบรรลุมรรคผลมีจำนวนมาก มากกว่ามนุษย์ที่บรรลุมรรคผลนับประมาณเท่ามิได้ ในพระพุทธศาสนามีผู้ที่ได้บรรลุมรรคผลจากการฟังธรรมมากที่สุด เคยได้ยินกันบ้างไหมว่าเมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นแล้ว เหล่าเทวดาในหมื่นจักรวาล (เทวดาในที่นี้หมายรวมถึงพรหมด้วย) ต่างยินดีร่าเริงบันเทิงใจ พากันมาเฝ้าพระพุทธเจ้า "ในวันนี้ ความน่าอัศจรรย์เกิดขึ้นแล้วหนอ เราจักได้ความสำเร็จประโยชน์แน่แท้แก่เราในขณะนี้แล้ว"

หรือผู้ใดที่บารมียังไม่พอที่จะเป็นพระอรหันต์ เมื่อได้ฟังพระสัทธรรมจากพระศรีอาริยเมตไตรยแล้ว ก็อาจสามารถบรรลุธรรมเป็นพระอริยบุคคลตั้งแต่พระโสดาบัน พระสกทาคามี หรือพระอนาคามี บนสวรรค์นั้นก็ได้ และเมื่อได้บรรลุธรรมเป็นพระอริยบุคคลขั้นใดขั้นหนึ่งแล้ว การสร้างบารมีนับจากนี้ไปก็จะเต็มไปด้วยความสะดวกสบาย ไม่ต้องกลัวว่าจะไปเกิดในอบายอีกต่อไป.




 

Create Date : 29 กรกฎาคม 2552   
Last Update : 6 มกราคม 2553 8:48:00 น.   
Counter : 1517 Pageviews.  

ในแต่ละวันเรากำลังสะสมบุญหรือบาป?

โดย กฤษฏ์ ธรรมกฤตกรณ์



อายุขัยของมนุษย์ในยุคนี้จะอยู่ที่ประมาณ 75 ปี ถ้าจะยาวนานกว่านั้นก็ไม่เกิน 2 เท่า คือ 150 ปี แต่หลายคนก็อายุไม่ถึง 75 ปี ฉะนั้นอย่าได้ประมาท

ช่วงเวลาที่เรามีชีวิตอยู่นี้แหละ จะมีผลต่อชีวิตหลังจากที่เราตายไปแล้วเป็นอย่างมาก ถ้าเราสร้างบุญกุศลเอาไว้มาก เมื่อตายไปแล้วเราได้ขึ้นสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ขึ้นไป และถ้าเราไม่ไปหลงเพลิดเพลินกันอย่างเดียว ขึ้นไปบนสวรรค์แล้วไปฟังธรรม ปฏิบัติธรรมต่อบนนั้น ก็สามารถที่จะอยู่บนสวรรค์นั้นได้อย่างยาวนานหลายล้านปี



แต่ถ้าเราสะสมแต่บาปอกุศลเอาไว้มาก ๆ เมื่อตายไปเราจะต้องรับกรรมในอบาย คือ นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน อย่างยาวนานเช่นเดียวกัน บางคนต้องไปรับกรรมในนรกยาวนานกว่าอสงไขยปี (1 อสงไขยปีเท่ากับ 1 ตามด้วยศูนย์ 140 ตัว) หรือชั่วกัปเลยก็มี

ฉะนั้นในขณะที่เรามีชีวิตอยู่นี้ให้สำรวจตัวเองนะว่า ในแต่ละวัน ๆ เรากำลังสะสมบุญ หรือสะสมบาปอยู่ บุญอยู่ส่วนบุญ บาปอยู่ส่วนบาปนะ ไม่ใช่ว่าวันนี้เราทำบาปเดี๋ยวพรุ่งนี้เราทำบุญเพื่อล้างบาปได้ และผลของบุญกับบาปก็ไม่ได้หายไปไหน ถึงแม้จะเคยทำมาแล้วนับอสงไขยชาติก็ตาม เมื่อใดที่บุญส่งผลถึงแม้ว่าเรากำลังทำบาปอยู่ก็ตาม บาปนั้นก็ยังไม่ให้ผล แต่เมื่อใดที่บาปส่งผล ถึงแม้ว่าเราจะเป็นคนดีแค่ไหนก็ตาม เราก็จะต้องได้รับผลของบาปที่เคยกระทำไว้อย่างแน่นอน ดังนั้นให้เราหยุดสร้างบาปอกุศลเสียตั้งแต่บัดนี้ และให้หมั่นสร้างบุญกุศลเพื่อหนีบาป คือหนีเข้าพระนิพพานก่อนที่บาปมันจะให้ผล

คนที่สร้างแต่บุญกุศลถึงแม้จะมีชีวิตแค่เพียงวันเดียว เมื่อตายไปก็จะได้พบกับความสุขอย่างยาวนาน ส่วนคนที่สร้างแต่บาปอกุศล แม้จะมีอายุถึง 100 ปี แต่การที่มีอายุยืนยาวของเขาในแต่ละวันนั้น กลับจะเป็นการสร้างกรรมให้กับเขา ทำให้ต้องได้รับความทุกข์ทรมานอยู่ในอบายอย่างยาวนานมากขึ้นไปอีก

การได้เกิดเป็นมนุษย์นี้ยากนะ และการได้เกิดเป็นมนุษย์แล้วได้พบพระพุทธศาสนา ได้ศึกษาปฏิบัติธรรมตามคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างแท้จริงยิ่งยากเข้าไปใหญ่ ฉะนั้นอย่าปล่อยให้โอกาสดีอันนี้สูญไปเปล่า ๆ ตายไปจะได้ไม่เสียชาติเกิด ที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์.




 

Create Date : 29 กรกฎาคม 2552   
Last Update : 11 สิงหาคม 2552 20:43:44 น.   
Counter : 691 Pageviews.  

1  2  

thammakittakon
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




[Add thammakittakon's blog to your web]