CEO เทสโก้ลาออก
 "ฟิลิป คลาร์ก"ประธานฯเทสโก้ ลงจากตำแหน่งสิ้นปีนี้ ผู้บริหารของยูนิลีเวอร์"นายเดฟ ลูอิส"ดำรงตำแหน่งแทน
ฟิลิป คลาร์ก,อังกฤษ,เทสโก


ผู้ค้าปลีกรายใหญ่สุดของอังกฤษ"เทสโก้"เผย หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท"นายฟิลิป คลาร์ก"จะลงจากตำแหน่งภายในสิ้นปีนี้ โดยจะมีผู้บริหารของยูนิลีเวอร์ "นายเดฟ ลูอิส" ขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทน และนายลูอิส จะเข้ามาเป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริหารของบริษัทตั้งแต่วันที่1ตุลาคมนี้ โดยนายลูอิส ทำงานกับยูนิลีเวอร์มานานถึง28ปี รับผิดชอบเกี่ยวกับฟื้นฟูธุรกิจของบริษัทจำนวนหนึ่ง ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกาย ของยูนิลีเวอร์

การเปลี่ยนแปลงผู้บริหารครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่เทสโกกำลังประสบกับความยากลำบากในการดำเนินธุรกิจ และเพิ่งมีคำเตือนเรื่องรายได้จากบริษัท

credit: //www.bangkokbiznews.com/home/detail/business/global/20140721/594352/ซีอีโอเทสโก้ลาออก.html



Create Date : 21 กรกฎาคม 2557
Last Update : 21 กรกฎาคม 2557 22:01:00 น.
Counter : 826 Pageviews.

1 comment
"นักวิชาการ" วิพากษ์... ป.ป.ช.ฟัน "ปู" คดีข้าว

หมายเหตุ - ความเห็นของนักวิชาการกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติเอกฉันท์ชี้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 เกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าว ช่วงเวลาเดียวกับที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อนุญาตให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์เดินทางออกนอกประเทศได้ 

อดิศร์ อิศรางกูร ณ อยุธยา

คณบดีคณะพัฒนาการเศรษฐกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์

ป.ป.ช.อาจจะมองว่าถ้าหาก น.ส.ยิ่งลักษณ์บินไปต่างประเทศเเล้วไม่กลับ โดยที่ ป.ป.ช.ยังไม่ได้ชี้มูลหรือดันมาชี้ภายหลังจากที่บินไปเมืองนอกเเล้ว จะเกิดข้อตำหนิได้ว่า "เขาไปเเล้ว มาชี้มูลทำไม" ซึ่งหากไปเเล้วไม่กลับมา งานที่ทำมาก็เหมือนเสียเปล่าหมด เพราะฉะนั้นอาจจะพอฟังขึ้นว่า เนื่องจากมีการขอไปต่างประเทศ ป.ป.ช.จึงอยากทำหน้าที่ให้เเล้วเสร็จ ไม่รู้ว่ามีความเชื่อมโยงกันหรือเปล่า เเต่ดูเเล้วเหมือนกับจะเชื่อได้ว่าเป็นอย่างนั้น เพราะจู่ๆ ก็เเถลงข่าว ปกติอาจจะบอกล่วงหน้าเป็นวันด้วยซ้ำว่าจะมีการสรุปผลคดี เเต่อันนี้มาใกล้กับเวลาที่ คสช.อนุมัติให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์เดินทางออกนอกประเทศ

ป.ป.ช.อยากทำหน้าที่ให้จบเรื่องเรียบร้อย เมื่อ ป.ป.ช.ทำหน้าที่เเล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์จะเดินทางไปไหนก็อยู่ที่ คสช.จะอนุมัติ เหมือนโยนเผือกไปให้เเล้ว เเละไม่มีคนมาตำหนิว่าตัดสินความช้าไป 

ทั้งนี้ ป.ป.ช.น่าจะเห็นว่าการจัดการ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ก่อนที่จะเป็นนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์นั้นถือเป็นงานที่เบ็ดเสร็จเเละเป็นชิ้นเป็นอันมากกว่า เเละหลังจากนี้จะต่อด้วยนายบุญทรงก็เป็นเรื่องง่ายเเล้ว

ขณะเดียวกันที่ผ่านมา ป.ป.ช.เเละองค์กรอิสระโดนวิจารณ์ถึงการทำงานที่ล่าช้า ยิ่งช่วงนี้ คสช.กำลังไล่บี้ทุกหน่วยงาน ป.ป.ช.คงอยากเเสดงให้เห็นว่าทำงานได้มีประสิทธิภาพ สามารถจัดการปัญหาได้ เเละยังเป็นองค์กรที่มีความสำคัญอยู่ ประกอบกับช่วงนี้มีข่าวลงพื้นที่ตรวจโกดังข้าวของ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เเละพบความผิดปกติในหลายจังหวัดชัดเจนก็ไม่มีอะไรเหลือที่จะต้องให้ ป.ป.ช.รอในการชี้มูล น.ส.ยิ่งลักษณ์ หากปล่อยให้ลอยนวลอยู่อีกคนจะถามว่าเเล้ว ป.ป.ช.ทำอะไรอยู่

อดิศร์ อิศรางกูร ณ อยุธยา, เจษฎ์ โทณวณิก, สุขุม นวลสกุล, สมชาย ปรีชาศิลปกุล



เจษฎ์ โทณวณิก

นักวิชาการด้านนิติศาสตร์ 

เรื่องนี้สามารถมองแยกได้เป็น 3 ส่วน คือ 1.น.ส.ยิ่งลักษณ์มีกำหนดเดินทางก่อนล่วงหน้าแล้ว มีแผนการที่จะไปอยู่แล้วโดยระบุว่าจะไปที่ไหนทำอะไรอย่างไรบ้าง และได้ยื่นขออนุญาต คสช.ตามระเบียบปกติ 2.คสช.มองว่ากำหนดการอันนี้ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไร ประกอบกับที่ผ่านมาในช่วงที่มีการรัฐประหาร น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็ให้ความร่วมมือด้วยดีมาตลอด จึงพิจารณาอนุมัติให้ไป 3.ในส่วน ป.ป.ช.ไม่ได้รู้เห็นหรือทราบกำหนดการล่วงหน้าของอดีตนายกฯมาก่อน และในส่วนของคดีจำนำข้าวเดินทางมาสุดทางแล้ว สมควรที่จะเคาะมติออกมาได้ เป็นลักษณะของที่สถานการณ์ปกติที่แม่น้ำแต่ละสายต่างไหลหลากไปไม่เกี่ยวกัน เพียงแค่มาบรรจบกันอย่างประจวบพอดีเท่านั้น

หากมองในแง่ร้ายที่สุดคือ คสช.รู้กันกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ว่า สำนวน ป.ป.ช.คดีจำนำข้าวงวดเข้ามาทุกทีแล้วจึงอาจจะปล่อยไฟเขียวไปก่อน เช่นเดียวกับที่ ป.ป.ช.ได้ทราบมาว่าอดีตนายกฯมีกำหนดจะเดินทางไปต่างประเทศ จึงได้เร่งรัดสำนวนนี้ขึ้นอีก ซึ่งจริงๆ อาจจะอยู่ในความสมบูรณ์สัก 90% ก็ได้ แต่รีบดำเนินการต่อให้แล้วเสร็จก่อนที่อดีตนายกฯจะได้เดินทางไป ประเด็นนี้สามารถมองได้ทั้งสองทางและหากเป็นหนทางนี้ก็อยู่ที่การพิจารณา คสช.ว่าจะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมหรือไม่ เพราะมีสถานการณ์ใหม่เข้ามาสามารถที่จะอ้างเรื่องนี้ปรับเปลี่ยนได้ หรือหากจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเพราะเห็นว่าที่ผ่านมาอดีตนายกฯให้ความร่วมมือดีมาก ก็อนุญาตให้ไปเช่นเดิม ดังนั้น เรื่องทั้งหมดจะไปตกอยู่ที่การพิจารณาของศาลฎีกา แผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งการเมืองว่าจะตัดสินออกมาเช่นไร 

เห็นว่าหาก คสช.อนุญาตให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไปแล้ว และหลายเสียงอาจจะกังวลว่าเธอจะไปมากเกินกว่า 20 วันที่ขอด้วยคดีที่เกิดขึ้นนี้ จึงอยากแนะนำ คสช.ว่าหากจะอนุญาตจริง ควรจะวางมาตรการหรือเพิ่มเงื่อนไขในการเดินทางมากขึ้น เช่น อาจจะเพิ่มว่าต้องมารายงานตัวทุกๆ กี่วัน แจงรายละเอียดในการเดินทางมากกว่านี้ เป็นต้น เพื่อที่จะให้ทุกฝ่ายไม่มีข้อกังขาว่าทำอย่างโปร่งใส ไม่มีนอกไม่มีใน อย่างนี้น่าจะทำให้ทุกฝ่ายสบายใจได้

สุขุม นวลสกุล

อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง

เป็นไปตามคาดคะเนอยู่เเล้ว ไม่ได้ผิดปกติในทรรศนะของตัวเอง เป็นไปตามกระบวนการ อาจจะออกมาพร้อมกับการอนุมัติให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไปต่างประเทศ เเต่ไม่ได้มองว่าผิดปกติ เเละที่จริง ป.ป.ช.อาจอยากจะชี้นานเเล้วด้วยซ้ำ

เเต่มติทั้งหมดก็เป็นเเค่ข้อกล่าวหา ไม่ได้หมายความว่าทุกคดีที่ ป.ป.ช.ชี้จะมีผลตามนั้นเสมอไปในท้ายที่สุด ยังมีอัยการ เเละศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอีก ตอนนี้ก็เพียงเเต่ว่าจบขั้นตอนของ ป.ป.ช.เท่านั้นเอง ทั้งนี้เผลอๆ อาจจะคิดว่าทำก่อนที่จะต้องมีการปฏิรูปตัวเองเหมือนกัน 

ความเห็นที่ว่า ป.ป.ช.น่าจะหมายมั่นในเเง่ที่ว่าทำผลงานเพื่อเเสดงให้เห็นว่าองค์กรนี้ยังสำคัญอยู่ก็ถือว่าเป็นไปได้ ถามว่าที่ผ่านมา ป.ป.ช.ให้โอกาสกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์เพียงพอหรือไม่ คิดว่าจริงๆ เเล้วการที่ฝ่ายจำเลยเรียกขอพยาน ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าเเรงก็ควรจะให้ เพราะยิ่งเป็นคดีที่มีโทษหนักด้วยเเล้ว ต้องให้สู้ถึงที่สุด เเต่ทาง ป.ป.ช.อาจจะมองว่าการขอพยานเพิ่มของจำเลยนั้นเพียงเพื่อหวังประวิงเวลาเท่านั้น เเต่ความจริงเเล้ว การจะลงโทษผู้ใดหนักๆ นั้นต้องรอบคอบมาก ควรจะให้โอกาสพยาน

สมชาย ปรีชาศิลปกุล

อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ถ้าเทียบเคียงกับกรณีอื่นๆ จะทำให้เห็นว่า ป.ป.ช.ทำงานแบบมีมาตรฐานหรือมีความเป็นกลางจริงหรือเปล่า ข้อหาที่ ป.ป.ช.ตั้งข้อหากับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ คือ มาตรา 157 เจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีนี้ ป.ป.ช.อ้างว่าทำให้ความเสียหายเกิดขึ้น ถ้า ป.ป.ช.ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาก็ยังมีคำถามง่ายๆ เช่น กรณีที่มีคนร้องเรียนเรื่องพรรคประชาธิปัตย์กรณีประกันราคาข้าว หรือกรณีที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ใช้ความรุนแรงกับประชาชนปี 2553 คิดว่าที่เห็นทั้งหมดนี้คือ ป.ป.ช.ยังไม่ได้ทำอะไรเลย หรือทำอะไรช้ามาก ทั้งๆ ที่เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นก่อนกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ จึงเกิดคำถามว่ากรณีรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ หรือกรณีอื่นๆ ซึ่งไม่ใช่กรณีของพรรคเพื่อไทยหรือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ คำถามคือทำไมจึงไม่เห็นความคืบหน้าอย่างที่ควรจะเป็น

ส่วนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กำลังจะเดินทางออกนอกประเทศ ไม่แน่ใจว่าจะสัมพันธ์หรือเกี่ยวข้องกันขนาดไหน เป็นกรณีหนึ่งที่คนน่าจะตั้งข้อสังเกตได้ โดยปกติเวลา ป.ป.ช.จะตัดสินอะไรจะมีกำหนดการ มีระยะเวลาที่ชัดเจน แต่ตอนนี้เป็นที่น่าสงสัยว่าทำไมจึงเกิดกรณีแบบนี้ขึ้นเมื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์กำลังจะเดินทางออกนอกประเทศ แล้ว ป.ป.ช.รีบดำเนินการ 

สิ่งที่อยากจะเตือน ป.ป.ช.คือ อำนาจต้องไปกับความเป็นธรรม ถ้าเมื่อไหร่ที่อำนาจไม่ไปกับความเป็นธรรม คิดว่าสถาบันนั้นพร้อมจะเสื่อม พร้อมจะถูกโยนทิ้งได้ง่ายๆ อย่าคิดว่ามีลำพังอำนาจแล้วใช้อำนาจไม่สนใจเรื่องความเป็นธรรม ประวัติศาสตร์หรือบทเรียนของสังคมระดับการเมืองไทยหรือการเมืองโลก เราเห็นมาเยอะแล้วว่าอำนาจที่ไม่มีความเป็นธรรมสักวันจะล้มคว่ำลงอย่างไม่เป็นท่าได้ เพราะฉะนั้น ป.ป.ช.ต้องคิดให้ดี 

ตอนนี้ยังเร็วไปที่จะพูดถึงบรรทัดฐานใหม่ในการตัดสิน ต้องรอกระบวนวิธีของศาลก่อน ดูการพิจารณาคดีของศาลก่อน เพราะไปถึงศาล มาตรา 157 ลำพังเพียงการทุจริตในระดับการปฏิบัติงาน ยากที่จะส่งผลไปถึงผู้กุมในระดับนโยบาย ที่ผ่านมาความผิดตามมาตรา 157 ไม่ได้หมายความว่า พอมีเจ้าหน้าที่ทุจริตกันในระดับปฏิบัติงานแล้วนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นนายกรัฐมนตรีทุกคนต้องติดคุกหมด นายอภิสิทธิ์ก็ไม่เว้น ถามว่าสมัยนายอภิสิทธิ์มีการทุจริตในระดับการปฏิบัติงานหรือไม่ 

ขอบคุณแหล่งข้อมูล: //www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1405769221



Create Date : 20 กรกฎาคม 2557
Last Update : 20 กรกฎาคม 2557 10:24:52 น.
Counter : 561 Pageviews.

1 comment
ตื่นวิกฤติ 'ยูเครน' ลามแห่ขายสินทรัพย์เสี่ยง
นักลงทุนแห่เทขายสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก ตื่นสถานการณ์ความขัดแย้งยูเครน หลัง'มาเลเซีย แอร์ไลน์'ถูกยิงตก

นักลงทุนแห่เทขายสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก ตื่นสถานการณ์ความขัดแย้งยูเครน หลัง'มาเลเซีย แอร์ไลน์'ถูกยิงตก นักวิเคราะห์หวั่นสินค้าโภคภัณฑ์พุ่ง หลังราคาน้ำมันขยับเหนือ 100 ดอลลาร์ ขณะท่องเที่ยวหวั่นฉุดนักท่องเที่ยวยุโรปมาไทย

ตลาดทุน-ทอง-น้ำมันตื่นความขัดแย้งยูเครน หลังจากมีรายงานข่าว การยิงขีปนาวุธจากพื้นผิวสู่อากาศทำให้เครื่องบินของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ตกลงในภาคตะวันออกของยูเครนเมื่อวันที่ 17 ก.ค.ส่งผลให้ผู้โดยสารทั้งหมด 298 รายเสียชีวิต

ราคาทองในตลาดโลก ซึ่งเป็นแหล่งลงทุนทางเลือกในช่วงที่เกิดความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียด พุ่งขึ้นราว 1.5% หลังข่าวเครื่องบินมาเลเซียตก ซึ่งเจ้าหน้าที่ยูเครนและสหรัฐเชื่อว่า ถูกยิงด้วยขีปนาวุธของกลุ่มกบฏผู้ฝักใฝ่รัสเซีย

แต่วานนี้(18 ก.ค.) มีแรงเทขายออกมา ส่งผลให้ราคาทองสปอตลดลง 0.1% มาที่ 1,315.16 ดอลลาร์/ออนซ์

นักวิเคราะห์ กล่าวว่ากล่าวว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเพิ่มความเสี่ยงในข้อพิพาทระหว่างยูเครน และกลุ่มกบฏผู้ฝักใฝ่รัสเซีย และจะส่งผลทำให้สถานการณ์ระหว่างรัสเซีย และชาติตะวันตกตึงเครียดมากขึ้น

"ความเสี่ยงจากสถานการณ์การเมืองในขณะนี้เพิ่มขึ้น คาดว่าราคาทองจะผันผวนอย่างมาก และก็มีแนวโน้มสูงที่ราคาจะพุ่งขึ้นมากกว่าร่วงลง" นักวิเคราะห์กล่าว

น้ำมันพุ่งเหนือระดับ100ดอลล์

เช่นเดียวกับ ราคาน้ำมันดิบสหรัฐ พุ่งขึ้นใกล้แตะระดับ 104 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในตลาดเอเชีย หลังจากขยับขึ้นถึง 2 ดอลลาร์ จากข่าวที่ว่าเครื่องบินของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ถูกยิงตก

ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือนส.ค.ที่ตลาดนิวยอร์ก บวก 0.49 ดอลลาร์ มาที่ 103.68 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากปิดวันก่อนพุ่งขึ้น 1.99ดอลลาร์ มาที่ 103.19 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นการทะยานขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่กลางเดือนมิ.ย. และเป็นการพุ่งขึ้นมากที่สุดในรอบ 2 วันนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2556

ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดลอนดอนบวก 0.42 ดอลลาร์ มาที่ 108.31 ดอลลาร์/บาร์เรลในวันนี้ หลังจากปิดวานนี้พุ่งขึ้น 0.72 ดอลลาร์ มาที่ 107.89 ดอลลาร์/บาร์เรล

นักลงทุนกำลังจับตาสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง ขณะที่อิสราเอลได้ทำการโจมตีภาคพื้นดินในฉนวนกาซ่าแล้ว หลังจากการทิ้งระเบิดจากทางอากาศและทางทะเลเป็นเวลา 10 วันไม่สามารถหยุดการโจมตีด้วยจรวดของกลุ่มหัวรุนแรงได้

หุ้นกลุ่มสายการบินยุโรปดิ่ง 1.5%

หุ้นยุโรปปรับตัวลงในช่วงเปิดตลาดวานนี้ โดยร่วงต่อเนื่องจากวันก่อน โดยดัชนี FTSEurofirst 300 ของหุ้นกลุ่มบลูชิพทั่วยุโรป ร่วงลง0.5% มาที่ 1,356.29 หลังจากวันก่อนหน้าปิดดิ่งลง 1% จากรายงานข่าวเกี่ยวกับเครื่องบินมาเลเซีย

หุ้นกลุ่มสายการบิน อาทิ ดอยช์ ลุฟท์ฮันซ่า และไรอันแอร์ร่วงลง 1.5% ขณะที่บริษัทท่องเที่ยวชั้นนำได้เปลี่ยนเส้นทางการบินใหม่เพื่อหลีกเลี่ยงน่านฟ้าของยูเครน

หุ้น-เงินเอเชียฟื้นตัวหลังร่วงหนัก

สกุลเงินของตลาดเกิดใหม่ในเอเชียฟื้นตัวขึ้นวานนี้หลังจากร่วงลงในช่วงแรก จากข่าวการยิงเครื่องบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ เที่ยวบิน MH 17ตกในภาคตะวันออกของยูเครน ซึ่งทำให้เกิดความตึงเครียดเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองในภูมิภาค และทำให้นักลงทุนมีท่าทีระมัดระวังต่อสินทรัพย์เสี่ยง

เจ้าหน้าที่สหรัฐเปิดเผยว่า สหรัฐเชื่อว่าการยิงขีปนาวุธจากพื้นผิวสู่อากาศ(surface to air) ได้ทำให้เครื่องบินของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ ตกลงในภาคตะวันออกของยูเครนเมื่อวานนี้ ส่งผลให้ผู้โดยสารทั้งหมด 298 รายเสียชีวิต ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เพิ่มความเสี่ยงในข้อพิพาทระหว่างยูเครนและกลุ่มกบฏผู้ฝักใฝ่รัสเซีย

สกุลเงินต่างๆเคลื่อนไหวไม่มากในช่วงท้ายตลาด โดยส่วนใหญ่ทรงตัว หรือขยับขึ้นเล็กน้อย โดยเงินริงกิตอ่อนค่า 0.2%

ส่วนค่าเงินบาทต่อดอลลาร์ ฟื้นตัวกลับมาได้ เช่นเดียวกับสกุลเงินภูมิภาค หลังจากตลาดไม่ได้ตื่นตระหนกมากนัก กับสถานการณ์ความตึงเครียดที่เพิ่มมากขึ้นในยูเครน ซึ่งกดดันให้ค่าเงินภูมิภาคอ่อนค่าในช่วงการซื้อขายภาคเช้า

ในช่วงท้ายตลาด บาทต่อดอลลาร์ อยู่ที่ 32.13/16 จาก 32.20/23 ช่วงเช้า ขณะในตลาดต่างประเทศ (offshore) อยู่ที่ 32.12/17 จาก32.19/23 ในช่วงเช้า

นักบริหารเงินกล่าวว่าเงินบาทฟื้นตัวขึ้น หลังตลาดไม่ได้ตื่นตระหนกต่อความตึงเครียดของสถานการณ์ในยูเครนมากนัก และตลาดหุ้นไทยยังยืนได้ค่อนข้างแข็งแกร่ง ทำให้มีแรงซื้อเงินบาทกลับเข้ามา

นางจันทวรรณ สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึง กรณีเครื่องบิน MH17 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ที่ตกในประเทศยูเครนว่า เป็นเรื่องที่ยังต้องติดตามว่าจะมีผลต่อทิศทางของอัตราแลกเปลี่ยนอย่างไรบ้าง โดยยอมรับว่าวานนี้ (18ก.ค.) เปิดตลาดมาอ่อนค่าลง ตามการอ่อนค่าของค่าเงินสกุลต่างๆ ในภูมิภาค ซึ่งรวมถึงเงินริงกิตของมาเลเซียด้วย

ด้านตลาดหุ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ปรับตัวขึ้นลงแตกต่างกันในวันนี้ โดยตลาดหุ้นอินโดนีเซียบวก 0.31% ก่อนการประกาศผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีอินโดนีเซียในสัปดาห์หน้า ขณะที่นักลงทุนคาดว่า นายโจโก "โจโกวี" วิโดโด จะชนะการเลือกตั้ง ส่วนเวียดนาม และสิงคโปร์ปรับตัวขึ้นเช่นกัน ขณะที่มาเลเซีย และฟิลิปปินส์อ่อนตัวลง ด้านดัชนีหุ้นไทยปิดลบ 0.15% ขณะที่ดัชนีร่วงลงในช่วงเช้าตามทิศทาง

หวั่นกดดันสินค้าโภคภัณฑ์-น้ำมันพุ่ง

นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารกลุ่มงานขายและผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่าต้องรอดูว่ากดดันให้กลุ่มประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจที่มีความขัดแย้งอยู่เดิมให้เพิ่มขึ้นหรือไม่ และหากเกิดมาตรการแซงชั่นหรือกีดกันทางการค้าขึ้น จะกดดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์และน้ำมันให้ปรับตัวสูงขึ้น กระทบกับการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศ

ส่วนทิศทางเงินทุนเคลื่อนย้ายนั้น ส่วนแนวโน้มของค่าเงินบาทแม้ในระยะสั้นจะเกิดแรงกดดันให้ค่าเงินบาทอาจหลุด 32 บาทต่อดอลลาร์ได้ เป็นระยะสั้นเท่านั้น และเรายังมีมุมมองว่าค่าเงินบาทของปีนี้จะอยู่ที่ 33.50 บาทต่อดอลลาร์ เหตุเพราะมาตรการคิวอีของสหรัฐที่จะหมดลงเดือนต.ค.ต้องดูว่าเฟดจะดำเนินนโยบายอย่างไรต่อไป หากปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอาจผลักดันให้เงินทุนต่างชาติในประเทศเกิดใหม่ไหลกลับไปยังสหรัฐได้

นาย บัณฑิต นิจถาวร สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย กล่าวว่า สำหรับความเสี่ยงในระยะต่อไปนั้น ต้องจับตาในเรื่องความขัดแย้งในประเทศมหาอำนาจ เพราะอาจกระทบกับการดำเนินธุรกิจระหว่างประเทศ ทำให้การขยายตัวไม่มากกว่าที่เคยจะเป็น หากความขัดแย้งกินระยะเวลานานจะกดดันให้ราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ รวมถึงปัจจัยการปรับขึ้นดอกเบี้ยในหลายประเทศในปีหน้าจะเป็นแรงกดดัน หากสหรัฐปรับดอกเบี้ยขึ้นจะเกิดปรากฏการณ์เงินทุนไหลออกเกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง คำถามคือเราจะสามารถรับมือเงินทุนไหลออกได้ดีแค่ไหน

หวั่นฉุดนักท่องเที่ยวยุโรปมาเอเชีย

นางพรทิพย์ หิรัญเกตุ รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่าผลทางอ้อมที่ต้องจับตามองต่อไปก็คือเหตุการณ์ดังกล่าวจะส่งผลกระทบทางจิตวิทยาต่อนักท่องเที่ยวจากทวีปยุโรปที่กำลังวางแผนเดินทางระยะไกล (Long Haul) ทำให้ชะลอแผนท่องเที่ยวออกไปหรือไม่ เพราะผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่มาจากยุโรปตอนเหนือ เช่น สแกนดิเนเวีย และเนเธอร์แลนด์โดยตรง

หากเหตุการณ์นี้มีผลทางจิตวิทยาจริง คาดว่าจะเป็นช่วงสั้นเท่านั้น และไม่ได้มีเพียงไทยประเทศเดียวที่ได้รับผลกระทบ แต่นักท่องเที่ยวอาจพิจารณาทบทวนการเดินทางมาในละแวกเอเชียทั้งหมด โดยเฉพาะตลาดในช่วงนี้ซึ่งถือว่ายังอยู่ในช่วงปิดภาคฤดูร้อน ที่ตามปกติจะเริ่มมีตลาดส่วนหนึ่งเลือกเดินทางมาเที่ยวประเทศฝั่งเอเชียมาจำนวนไม่น้อย โดยสาเหตุที่อาจกระทบถึงประเทศอื่นๆ นอกเหนือจากมาเลเซีย เพราะในการเดินทางระยะไกล นักท่องเที่ยววางแผนจะเที่ยวแบบหลายจุดหมายในทริปเดียว หรือใช้กัวลาลัมเปอร์เป็นจุดเชื่อมต่อเพื่อเดินทางไปเที่ยวที่อื่นๆ เช่น ไทยเป็นต้น

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะไม่มีเหตุการณ์กับสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ แต่สถานการณ์ทั่วไปของตลาดยุโรปเดินทางมาไทยในช่วงเดือนก.ค.เทียบกับปีก่อน ยังคงลดลงราว 10% เพราะเหตุการณ์ไม่สงบของไทย รวมถึงภาวะการเมืองปัจจุบันที่อยู่ภายใต้กฎอัยการศึกนั้น ในการรับรู้ของตลาดยุโรปยังเป็นไปในทางที่ไม่ดี และภาพลักษณ์ที่คนยุโรปรับรู้ส่วนใหญ่จึงยังเข้าใจว่าไทยอยู่ภายใต้การปกครองเช่นเดียวกับรัฐบาลทหารของพม่าก่อนหน้านี้ที่สหภาพยุโรปเคยประกาศคว่ำบาตร เพราะยังไม่มีความเข้าใจถึงเหตุผลในการทำรัฐประหาร

ดังนั้น คาดว่าตลาดยุโรปน่าจะฟื้นได้เต็มที ต้องรอดูในช่วงไฮซีซันตั้งแต่เดือน ต.ค.เป็นต้นไป ซึ่งคาดว่าช่วงดังกล่าวไทยจะมีรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศแล้ว

ขณะที่ นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) ยังเชื่อมั่นว่าจะไม่มีผลต่อการท่องเที่ยวในภาพรวมของภูมิภาคอาเซียนหรือกระทั่งของไทย เนื่องจากสายการบินอื่นๆ ยังคงให้บริการตามปกติและเป็นตัวเลือกที่ทดแทนกันได้ หากนักท่องเที่ยวยังคงมีความต้องการเดินทางมา แต่ถ้าจะมีผลก็จะเป็นผลทางจิตวิทยาเล็กน้อย เช่น อาจทำให้คนหวั่นวิตกการนั่งเครื่องบินไประยะหนึ่ง

เลี่ยงบินเหนือน่านฟ้ายูเครน

ด้านนางจุฑาพร เริงรณอาษา รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)กล่าวว่า ขณะนี้ให้สำนักงาน ททท.ในยุโรปติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ว่าเหตุการณ์กับเที่ยวบิน MH17 จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวตลาดนี้หรือไม่ แต่เบื้องต้นจากการตรวจสอบปฏิกิริยาจากสายการบินต่างๆ ที่เริ่มมีการวางแผนหลีกเลี่ยงเส้นทางเหนือน่านฟ้ายูเครนที่ถือเป็นจุดเสี่ยงแล้ว ก็ถือเป็นปัจจัยเบื้องต้นที่ทำให้นักท่องเที่ยวคลายความกังวลลงไปได้บ้าง

ขณะเดียวกัน ยอมรับว่าการฟื้นตลาดยุโรปในช่วงตรงกับซัมเมอร์ปีนี้ ยังมีความท้าทายจากปัจจัยในไทยเองที่อยู่ภายใต้กฎอัยการศึก ทำให้มีอุปสรรคด้านบริษัทประกันภัยที่ไม่ครอบคลุมประกันการเดินทางของนักท่องเที่ยวที่ประสงค์จะมาไทย ดังนั้นจึงอยู่ระหว่างเร่งประสานนำเสนอแผนรายละเอียดโครงการรับประกันภัยนักท่องเที่ยวต่างชาติให้กับบริษัทนำเที่ยว หลังจากมีหลายรายเริ่มสอบถามเข้ามาเพื่อนำเสนอเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าที่ต้องการประกันสร้างความมั่นใจเมื่อมาไทยแทนการประกันจากต้นทางในยุโรป


ขอบคุณแหล่งข้อมูล: //www.bangkokbiznews.com/home/detail/finance/finance/20140719/594029/ตื่นวิกฤติยูเครนลามแห่ขายสินทรัพย์เสี่ยง.html




Create Date : 19 กรกฎาคม 2557
Last Update : 19 กรกฎาคม 2557 15:11:23 น.
Counter : 948 Pageviews.

0 comment
“ชูวิทย์” Facebook เวลาเปลี่ยน ความยุติธรรมเปลี่ยน 6 ข้อ ใช้ภาพประกอบ “พระสุเทพ-ยิ่งลักษณ์”
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “ชูวิทย์ I’m No.5″ ว่า เวลาเปลี่ยน ความยุติธรรมเปลี่ยน นี่คือธรรมชาติของคำว่า “ยุติธรรม” ในการเมืองไทย ที่ คุณยิ่งลักษณ์ ต้องเข้าใจ พร้อมกับมีการจำแนกเป็น 6 ข้อ ดังนี้

552460-01

1. ความยุติธรรมไม่ได้ถูกใช้กับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน
2. ความยุติธรรมไม่ได้มีมาตรฐานเดียวกัน
3. ความยุติธรรมเปลี่ยนแปลงได้ เมื่อสถานะเปลี่ยนไป
4. ความยุติธรรมไม่ได้มาจากข้อเท็จจริง แต่มาจากปลายปากกาของผู้มีอำนาจ
5. ความยุติธรรมไม่ได้มาจากการร้องขอ
6. ความยุติธรรมไม่ได้มาจากพยานหลักฐาน และสามารถเปลี่ยนแปลงได้

ก่อนจะทิ้งท้ายว่า เรื่องการทัวร์ยุโรปของ คุณยิ่งลักษณ์ ไม่ทราบว่าจะกลับมาหรือไม่ แต่แน่นอนว่าเรื่องนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับความยุติธรรม โโยใช้ภาพประกอบเป็นรูป พระสุเทพ เทือกสุบรรณ กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

ขอบคุณแหล่งข้อมูล: //news.mthai.com/politics-news/369853.html




Create Date : 19 กรกฎาคม 2557
Last Update : 19 กรกฎาคม 2557 10:16:10 น.
Counter : 607 Pageviews.

1 comment
ชาวเน็ตส่งต่อเรื่องราวสุดซึ้ง คุณครู หัวใจน่ากราบลงไปเก็บโทรศัพท์ให้นักเรียนหลังตกท่อระบายน้ำ
ชาวเน็ตส่งต่อเรื่องราวสุดซึ้ง คุณครู หัวใจน่ากราบลงไปเก็บโทรศัพท์ให้นักเรียนหลังตกท่อระบายน้ำ

วันนี้ (14 ก.ค. 57) ในโลกออนไลน์ได้มีการส่งต่อเรื่องราวสุดประทับใจ ของคุณครู 2 คนโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดลำปาง ที่ยอมเปรอะเปื้อนลงไปเก็บโทรศัพท์ให้ลูกศิษย์ ภายหลังได้หล่นลงไปในท่อระบายน้ำ เนื่องจากมีเพื่อนอีกคนเดินชน

ครูลำปาง, ครูเก็บโทรศัพท์, คุณครูของหนูอยู่ในท่อระบายน้ำ, ข่าววันนี้

ซึ่งเมื่อเรื่องราวดังกล่าวได้เผยแพร่ออกไปก็ทำให้มีคนเข้าไปแสดงความเห็นมากมาย โดยส่วนใหญ่ชื่นชมในน้ำใจของคุณครูที่ยอมเสียสละช่วยลูกศิษย์อันเป็นที่รัก ขณะที่บางส่วนได้นำไปเปรียบเทียบกับพฤติกรรมของครูที่ได้ทำโทษเด็กนักเรียนเกินกว่าเหตุ ด้วยการฉีกกระโปรงที่ได้นำเสนอไปก่อนหน้านี้

ขอบคุณแหล่งข้อมูล: //news.mthai.com/hot-news/368552.html




Create Date : 16 กรกฎาคม 2557
Last Update : 16 กรกฎาคม 2557 12:29:03 น.
Counter : 621 Pageviews.

1 comment
1  2  3  4  5  

MStaRT
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



All Blog