โจ๋ค้ายาซ่าสุดฤทธิ์ โพสต์เฟซบุ๊กประกาศฆ่า "ตำรวจศรีประจันต์" ทั้งโรงพัก


โชว์รูปปืนสงครามหราในหน้าเพจของตัวเอง ระบุแค้นถูกตำรวจศรีประจันต์ตามจับตามรังควาน โดยจะตามยิงทั้งตำรวจทั้งลูกเมียตำรวจ คุยฟุ้งจะขนยาบ้าอีก 1 แสนเม็ดมาขาย มีปัญญาก็จับไป ผกก.สืบภาค 7 ยันรู้ตัวแล้ว ประกาศตามจับมารับโทษให้ได้

เมื่อวันที่ 14 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีการแชร์กันในโลกออนไลน์ระบุมีเฟชบุ๊กของโจ๋คนหนึ่งที่ใช้ชื่อโปรไฟล์ว่า เบนซ์ ท่าทราย โพสต์ภาพตนเองกับพวกในแก๊งที่มีทั้งอาวุธปืนร้ายแรง ยาบ้าเป็นมัดกองใหญ่ และเงินสดเป็นธนบัตรที่กองโปรยรองนอนและโปรยทับร่างของพวกในแก๊ง นอกจากนี้ยังมีโพสต์ต่อว่าด่าทอ ท้าทาย และประกาศฆ่าตำรวจสภ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรีทั้งโรงพัก ระบุว่าจะฆ่าล้างครัวทั้ง พ่อ แม่ ลูก เมียตำรวจที่จับกุมพวกตน

โดยบางโพสต์ยังท้าทายตำรวจ ระบุว่า "ไม่ยอมเลิกกวนพวกกูใช่ไหม ตำรวจ... แบบมึง กูน่าจะยิงทิ้งไปตั้งนานแล้ว ไม่น่าปล่อยให้แค่โดนตั้งกรรมการสอบเลย ถ้ามึงรังควานกูมากๆ เดียวมึงตายยกครัว จะหาว่ากูทำรุนแรงเกินแล้วกัน"

นอกจากนี้ เบนซ์ ท่าทราย โพสต์ว่า "ไม่ต้องหนีละ กูจะล่ามึงให้เหมือนหมาตัวหนึ่ง กูไปไม่เจอมึงไม่เป็นไร กูเจอพ่อมึง กูยิง เจอแม่มึง กูยิง เมียมึงลูกมึงพวกมันต้องตาย ญาติโกโหติกา จะฆ่าให้หมด"

"เดียวกูจะเอาลงไปให้เยอะกว่าเก่า เอาสักอาทิตย์ละ 100,000 เม็ดเป็นไง พวกมึงจับ กูจะประกันให้หมดทุกคน มึงจับกูขาย ดูสิใครจะมีปัญญาอยู่ได้นานกว่ากัน แต่ตำรวจ....แบบพวกมึง เดียวก้อตาย...กันหมดแล้ว ตำรวจสภ.ศรีประจันต์ ชุดปราบปรามประจันต์ 4 มีอยู่กันกี่ตัววะ กูจะได้ขุดหลุมถูก"

วันเดียวกัน พ.ต.อ.ปรีดา อิ่มเจริญ ผกก.สส.1 กก.สส.ภาค 7 กล่าวถึงกรณีที่บุคคลอ้างว่าชื่อ"เบนซ์ ท่าทราย"โพสต์ประกาศตามฆ่าตำรวจศรีประจันต์ยกโรงพัก ว่า เพิ่งทราบเรื่องดังกล่าวในช่วงบ่ายวันนี้เอง โดยมีการแชร์และส่งต่อ แค็ปเจอร์หน้าเฟชบุ๊กดังกล่าวกันมา ซึ่งทางผู้บังคับบัญชาระดับสูงของภาค 7 หลายท่านก็ได้รับทราบ และสั่งให้ตำรวจบก.สส.ภ.7 เร่งตรวจสอบหากบุคคลดังกล่าวมีตัวตนจริงและเป็นเจ้าของเฟชบุ๊กดังกล่าวจริงก็ต้องดำเนินคดีในส่วนที่ผิดกฎหมายซึ่งเบื้องต้นทราบว่าอยู่ในอ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี

ที่มา: ข่าวสดออนไลน์



Create Date : 14 พฤศจิกายน 2557
Last Update : 14 พฤศจิกายน 2557 23:35:17 น.
Counter : 806 Pageviews.

0 comment
ทองคำมีสิทธิ์ร่วงต่อ-ฟื้นต้นปี


นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวถึงดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำในเดือนพ.ย. 2557 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำอยู่ที่ระดับ 46.77 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 8.10 จุด แต่ยังอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 จุด สะท้อนมุมมองเชิงลบเป็นเดือนที่สามติดต่อกัน สอดคล้องทั้งกลุ่มผู้ลงทุนทองคำและกลุ่มผู้ค้าทองคำ ซึ่งมองว่าราคาทองคำในเดือนนี้ยังมีโอกาสปรับลงต่อ

แต่กรอบ การอ่อนตัวอาจจะเริ่มจำกัด จากปัจจัยการกดดันจากการปรับตัวแข็งค่าขึ้นของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ตามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และความวิตกการส่งสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยหลังธนาคารกลางสหรัฐฯ จบนโยบายคิวอี

ผู้ ค้ามองว่าราคาทองคำในตลาดโลกน่าจะมีกรอบราคาสูงสุดอยู่ระหว่าง 1,200-1,220 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ส่วนกรอบการเคลื่อนไหวของราคาต่ำสุดอยู่ที่ 1,100-1,160 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ สำหรับราคาทองคำแท่งในประเทศ (ความบริสุทธิ์ 95.5%) ให้ น้ำหนักราคาสูงสุดที่ 18,500-19,000 บาทต่อหนึ่งบาททองคำ และต่ำสุดอยู่ที่ 17,000-17,500 บาทต่อหนึ่งบาททองคำ

ที่มา: ข่าวสดออนไลน์



Create Date : 13 พฤศจิกายน 2557
Last Update : 13 พฤศจิกายน 2557 23:20:42 น.
Counter : 1198 Pageviews.

0 comment
‘หัวเว่ย’ ยักษ์ใหญ่ไอทีของจีน ลั่นพร้อมส่งเสริมไทยเป็น “ไอทีฮับ”


เมื่อเวลา 07.45 น. วันที่ 10 พ.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ร่วมหารือกับนายหยาง ฉู่ กรรมการผู้จัดการบริษัทหัวเว่ยเทคโนโลยีประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จีน โดยมีบุคคลระดับสูง อาทิ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ พล.อ.อประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมช.พาณิชย์ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมช.ต่างประเทศ 

 โดย ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวสรุปผลการหารือว่า นายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจ ที่ยึดหลักการค้าการลงทุนเสรี โดยรัฐบาลจะดำเนินมาตรการส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการค้าและการลงทุน โดยเน้นแนวทางดังนี้ ส่งเสริมงานวิจัยและพัฒนา ส่งเสริมการจ้างคนไทยตั้งแต่ระดับการปฎิบัติถึงระดับบริหาร  สนับสนุนการสร้างห่วงโซ่กับผู้ประกอบการรายย่อยของไทยกับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ซึ่งจะมีการปรับสิทธิประโยชน์ที่สอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาของไทย

 ร.อ.นพ.ยงยุทธ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่าอยากเห็นการลงทุนจากต่างประเทศที่กระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ เพื่อสร้างงาน ให้มีการกระจายรายได้ และส่งเสริมให้มีการใช้สินค้าและวัตถุติบภายในประเทศ โดยอุตสาหกรรมที่รัฐบาลให้การสนับสนุน อาทิ พลังงาน โทรคมนาคม เพื่อยกระดับเศรษฐกิจไทยก้าวสู่เศรษฐกิจดิจิตอล ในอนาคต

 ซึ่งทางบริษัท หัวเห่ย สนใจในการลงทุนการพัฒนา บรอดแบนด์ อินเตอร์เน็ต และเทคโนโลยีสารสนเทศ ทั้งนี้บริษัทหัวเว่ยมีความยินดีที่จะปรับนโยบายให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมด้านการวิจัยและพัฒนาพร้อมทั้งพัฒนาทักษะด้านบุคคลากร ทั้งนี้เชื่อว่าภายใต้การบริหารของรัฐบาลไทยสามารถพัฒนาสู่ความเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอทีฮับ) ของภูมิภาคได้

ที่มา: ข่าวสดออนไลน์



Create Date : 10 พฤศจิกายน 2557
Last Update : 10 พฤศจิกายน 2557 21:31:46 น.
Counter : 741 Pageviews.

0 comment
คดีชายชุดดำกับคำถามที่คาใจ

ข่าวการจับกุม "ชายชุดดำ" ที่ก่อเหตุยิงเอ็ม 79 ในวันที่ 10 เม.ย. 2553 นั้น มุมหนึ่งถือเป็นความคืบหน้าของคดี แต่อีกด้านก็ถูกตั้งคำถามว่าการจับกุมดำเนินการตามหลักสิทธิมนุษยชนหรือไม่ ใช่คนชุดดำตัวจริงๆ หรือ และการจับกุมครั้งนี้จะส่งผลอย่างไรบ้าง

เหตุการณ์ 10 เม.ย. เป็นอีกหน้าประวัติ ศาสตร์สำคัญ เป็นจุดเริ่มต้นของการจลาจลนองเลือดที่กินเวลานานนับเดือน สืบเนื่องมาจากรัฐบาลขณะนั้นสั่งสลายม็อบเสื้อแดง หรือ นปช.ที่ชุมนุมขับไล่รัฐบาล

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ และ ผอ.ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ในขณะนั้น ใช้กำลังทหารเข้าเคลียร์พื้นที่การชุมนุมที่ราชดำเนิน ภายใต้ปฏิบัติการ "ขอคืนพื้นที่"

สถานการณ์ส่อเค้าจะวุ่นวายตั้งแต่ช่วงสาย แกนนำเสื้อแดงได้รับแจ้งข่าวรัฐบาลจะสลายการชุมนุมที่ราชดำเนินจึงระดมผู้ชุมนุมจากราชประสงค์เข้าสมทบ

และเกิดการเผชิญหน้ากันในเวลา 13.00 น. ม็อบเคลื่อนเข้าปิดกองทัพภาคที่ 1 ไม่ให้ทหารเคลื่อนจากหน่วย แต่กลับถูกทหารล้อมกรอบและผลักดันให้ไปที่สะพานผ่านฟ้าฯ บีบให้ออกไปทางถนนหลานหลวง

การปะทะดำเนินต่อเนื่องจนถึงช่วงเย็น-ค่ำ ขณะที่ม็อบทยอยมาสมทบ เจ้าหน้าที่เริ่มใช้อาวุธจริง

มีเสียงเตือนจากนักวิชาการและผู้เกี่ยวข้องเตือนผ่านทีวี ให้ยุติการขอคืนพื้นที่ไว้ก่อน เพราะยิ่งมืดก็ยิ่งเสี่ยงต่อการสูญเสียและเปิดช่องให้มือที่ 3 เข้ามาป่วน แต่รัฐบาลและ ศอฉ.เมินเฉย

กระทั่งเสียงปืน เสียงระเบิด ดังไปทั่วในหลายจุดทั้งที่แยกคอกวัว ถนนดินสอ แยกจปร. รวมถึงเต็นท์ทหารหน้าโรงเรียนสตรีวิทย์ และแนวทหารบริเวณหัวมุมถนนดินสอ จุดที่ พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม รองเสธ.พล.ร.2 รอ. ใช้เป็นที่บัญชาการ และเสียชีวิตที่นั่น

เมื่อเหตุการณ์บานปลายเกินกว่าจะคุมได้รัฐบาลถึงได้สั่งถอย ขณะที่สื่อเริ่มแพร่ภาพชายชุดดำ สวมหมวกไอ้โม่ง ถือปืนอยู่ในจุดเกิดเหตุ

เหตุการณ์วันนั้นทำให้มีประชาชน-ทหารเสียชีวิตรวม 27 ราย บาดเจ็บราว 1,700 คน และนำมาสู่การจับกุมคนชุดดำในวันนี้

ซึ่งยังมีคำถามที่เจ้าหน้าที่ต้องทำให้เกิดความชัดเจน จากนักวิชาการและนักสิทธิมนุษยชน



สุณัย ผาสุข

ที่ปรึกษาฮิวแมนไรต์วอตช์

ประจำประเทศไทย


การแถลงจับกุมผู้ต้องสงสัยว่าเป็นชายชุดดำนั้น ประการแรกขณะนี้ผู้ที่ถูกจับกุมอยู่ในสถานะผู้ต้องสงสัยจนกว่าจะเข้าสู่กระบวนการตัดสินของศาลว่าเป็นคนที่ก่อเหตุจริงหรือไม่

การจับกุมชายชุดดำช่วงเวลานี้แม้เหตุการณ์ชุมนุมจะผ่านมาหลายปีแล้วก็ไม่ใช่เรื่องแปลก คดีลักษณะนี้มีอายุความ 20 ปี ศาลออกหมายจับจนทำให้เจ้าหน้าที่ตามสืบจับกุมจนสำเร็จ ถือเป็นเรื่องปกติตามกระบวนการยุติธรรม

แต่เรื่องนี้มีประเด็นที่ต้องตั้งข้อสงสัย เพราะก่อนหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะแถลงจับกุมต่อหน้าสื่อมวลชน ฮิวแมนไรต์วอตช์ได้รับแจ้งจากครอบครัวของนายกิตติศักดิ์ สุ่มศรี ว่านายกิตติศักดิ์ถูกบุคคลที่อ้างเป็นทหารนอกเครื่องแบบเข้าควบคุมตัว ซึ่งไม่ได้เป็นการแจ้งจับกุมเพียงแต่บอกว่าจะคุมตัวไว้ 7 วันตามกฎอัยการศึก จนมาพบอีกทีว่าถูกกล่าวหาว่าเป็นชายชุดดำ

ฮิวแมนไรต์วอตช์กังวลในกระบวนการการจับกุมตัวว่าเป็นไปตามขั้นตอนหรือไม่ รวมทั้งวิธีการได้มาซึ่งคำสารภาพของผู้ต้องสงสัย การถูกเจ้าหน้าที่ทหารควบคุมตัว จะเป็นไปตามขั้นตอนกระบวนการยุติธรรมหรือตามวิธีพิจารณาประมวลกฎหมายอาญาหรือไม่

เรื่องนี้ต้องชัดเจนไม่เช่นนั้นจะมาสู่คำถามว่าผู้ต้องสงสัยเหล่านี้เป็นใคร และการดำเนินการของเจ้าหน้าที่โปร่งใส แค่ไหน

ประเด็นต่อมา จะพบว่าเจ้าหน้าที่รัฐได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขันตั้งแต่ภายหลังที่มีการยึดอำนาจรัฐประหาร โดยเร่งจับกุมผู้ที่ถูกอ้างว่าเป็นเครือข่ายกองกำลังติดอาวุธของกลุ่มคนเสื้อแดง

ขณะเดียวกันยังไม่พบว่ามีการปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขันกับกลุ่มผู้ที่ใช้อาวุธในการชุมนุมกลุ่มกปปส. ทั้งที่เหตุการณ์เพิ่งผ่านไปไม่นาน และการก่อเหตุมักจะอยู่ในช่วงเวลากลางวันที่มีพยานหลักฐานบันทึกอยู่มากมาย

อีกทั้งการสลายการชุมนุมปี 2553 ที่เจ้าหน้าที่รัฐใช้กำลังเกินกว่าเหตุกับประชาชน เช่น เหตุการณ์หน้าวัดปทุมวนาราม ขณะนี้ยังไม่มีผู้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ถูกดำเนินคดี หรือตัดสินว่ามีความผิด

อย่างไรก็ตาม วิธีการมีปัญหามาตั้งแต่ต้น ตั้งแต่รัฐบาลเพื่อไทยที่มีนโยบายว่าจะไม่เอาผิดเจ้าหน้าที่ในระดับปฏิบัติการ ลักษณะเป็นการสมยอม

จนมาถึงกระบวนการยุติธรรม หากปล่อยให้มีลักษณะไล่เอาผิดด้านเดียวหรืออุ้มผู้สั่งการให้พ้นผิด ก็จะเกิดความเอนเอียง

แต่ปัจจุบันการกระจายข้อมูลข่าวสารครอบคลุมมาก และหลักฐานที่ปรากฏออกมาเห็นได้ชัดว่าชายชุดดำไม่ใช่ผู้ที่สังหารประชาชนทั้ง 99 ศพ

แม้จะปฏิเสธไม่ได้ว่าชายชุดดำเองมีส่วนในการชุมนุมวันที่ 10 เม.ย. แต่ไม่ใช่ข้ออ้างในการใช้ความรุนแรงจนมีคนตายพร่ำเพรื่อเช่นนี้

เมื่อมีหลักฐานเชิงประจักษ์เป็นที่ทราบของสาธารณะเช่นนี้ การบิดเบือนข้อเท็จจริงย่อมเป็นไปได้ยาก ไม่ว่าอย่างไรผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทุกคนต้องมีส่วนรับผิดชอบ

หากมีการบิดเบือนข้อเท็จจริงก็สุ่มเสี่ยงที่จะทำให้เกิดกระแสต่อต้านจากสังคม



สมชาย ปรีชาศิลปกุล

คณะนิติศาสตร์ มช.


การแถลงจับกุมกลุ่มชายชุดดำด้วยข้อหาที่อ้างว่ามีการใช้อาวุธสงครามและเกี่ยวข้องต่อการเสียชีวิตของพล.อ.ร่มเกล้า ยังต้องรอการพิสูจน์หลักฐานตามกระบวน การยุติธรรมว่าทำผิดตามข้อหาของเจ้าหน้าที่จริงหรือไม่

และยังมีข้อสังเกตที่แตกต่างไปอีกหลายประการ เช่น การปรากฏตัวของชายชุดดำ มีเพียงครั้งเดียวคือวันที่ 10 เม.ย. แล้วหลังจากนั้นก็ไม่ปรากฏตัวให้พบอีก

ทำให้ไม่อาจสรุปได้ชัดเจนว่าชายชุดดำมีอยู่จริงหรือไม่ อาจเป็นเพียงการอุปโลกน์ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพื่อหวังผลทางการเมืองก็ได้

การศึกษาและรวบรวมหลักฐานของศูนย์ข้อมูลผู้ได้รับผลกระทบเหตุสลายชุมนุมเม.ย.-พ.ค.53 หรือ ศปช. ก็พบว่า พล.อ.ร่มเกล้าถูกระเบิดก่อนการเสียชีวิต บริเวณหน้าโรงเรียนสตรีวิทยา ไม่ใช่สี่แยกคอกวัว

ดังนั้น สังคมจึงควรมีสติ ก่อนจะเชื่อหรือตัดสินไปก่อนว่าชายชุดดำมีอยู่จริงและเกี่ยวข้องต่อการเสียชีวิตของพล.อ.ร่มเกล้า แต่ควรรอรับฟังความคิดเห็นหรือชุดข้อมูลที่แตกต่างไป

เมื่อบรรยากาศทางสังคมดีขึ้น รัฐบาลประกาศยกเลิกใช้กฎอัยการศึก เชื่อว่าประชาชนจะได้รับฟังข้อมูลที่รอบด้านมากขึ้น

และกรณีนี้ก็ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดีกับนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ที่อยู่ระหว่างการอุทธรณ์ว่าคดีสั่งสลายการชุมนุมอยู่ในอำนาจศาลอาญาหรือไม่

ต่อให้กระบวนการยุติธรรมชี้ว่าชายชุดดำมีอยู่จริง ก็ไม่ได้หมายความว่า ศอฉ.ภายใต้การควบคุมของนายอภิสิทธิ์ และสุเทพ จะชอบธรรมสำหรับการสั่งสลายการชุมนุมด้วยกระสุนจริง

ที่มา: ข่าวสดออนไลน์



Create Date : 17 กันยายน 2557
Last Update : 17 กันยายน 2557 6:34:21 น.
Counter : 784 Pageviews.

1 comment
สิ้น"ถวัลย์ ดัชนี" ศิลปินจิตรกรรมโลก

วงการจิตรกรรมสูญเสียศิลปินฝีมือและจิตวิญญาณ"สล่าหวัน"ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ปี 2544 เจ้าของบ้านดำ แห่งดอยนางแล อ.เมืองเชียงราย

โรคตับอักเสบคร่าชีวิต

สวดพระอภิธรรมศพ วันที่ 4-10 ก.ย. เวลา 19.00 น. ที่วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร

พิธีพระราชทานเพลิงศพในเวลา 17.00 น. วันที่ 11 ก.ย.

เกิด 27 ก.ย. 2482 ที่จ.เชียงราย บุตร นายศรี-นางบัวคำ (พรหมสา) ดัชนี

จบมัธยมที่จ.เชียงราย เข้าเรียนศิลปะที่โรงเรียนเพาะช่าง ด้วยทุนของจ.เชียงราย

เป็นนักเรียนเพาะช่างดีเด่น มีฝีมือการวาดรูปเหมือนจริง โดยภาพวัดเบญจมบพิตรได้รับเลือกให้แสดงในหอศิลปะแห่งชาติ นครโตเกียว ญี่ปุ่น

เรียนต่อคณะจิตรกรรม ประติมากรรม และภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร

ได้ ทุนกระทรวงวิทยาศาสตร์ วัฒนธรรมและการศึกษา รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ ศึกษาต่อปริญญาโทและปริญญาเอก 5 ปี ที่ราชวิทยาลัยศิลปะแห่งชาติอัมสเตอร์ดัม

มีผลงานการสร้างสรรค์โดดเด่น เป็นที่นิยมในหมู่นักสะสม งานศิลปะทั้งในและต่างประเทศ

มีบทบาทในวงการศิลปะร่วมสมัยของไทย สร้างคุณูปการต่อวงการศิลปะอย่างมาก

ฝากศิลปะไทยจิตวิญญาณตะวันออกไว้ในหลายๆ ที่ในโลก

ลาลับในวัย 74 ปี

ที่มา: ข่าวสดออนไลน์



Create Date : 07 กันยายน 2557
Last Update : 7 กันยายน 2557 1:04:51 น.
Counter : 1159 Pageviews.

4 comment
1  2  3  4  5  

MStaRT
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



All Blog