ตื่นวิกฤติ 'ยูเครน' ลามแห่ขายสินทรัพย์เสี่ยง
นักลงทุนแห่เทขายสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก ตื่นสถานการณ์ความขัดแย้งยูเครน หลัง'มาเลเซีย แอร์ไลน์'ถูกยิงตก

นักลงทุนแห่เทขายสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก ตื่นสถานการณ์ความขัดแย้งยูเครน หลัง'มาเลเซีย แอร์ไลน์'ถูกยิงตก นักวิเคราะห์หวั่นสินค้าโภคภัณฑ์พุ่ง หลังราคาน้ำมันขยับเหนือ 100 ดอลลาร์ ขณะท่องเที่ยวหวั่นฉุดนักท่องเที่ยวยุโรปมาไทย

ตลาดทุน-ทอง-น้ำมันตื่นความขัดแย้งยูเครน หลังจากมีรายงานข่าว การยิงขีปนาวุธจากพื้นผิวสู่อากาศทำให้เครื่องบินของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ตกลงในภาคตะวันออกของยูเครนเมื่อวันที่ 17 ก.ค.ส่งผลให้ผู้โดยสารทั้งหมด 298 รายเสียชีวิต

ราคาทองในตลาดโลก ซึ่งเป็นแหล่งลงทุนทางเลือกในช่วงที่เกิดความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียด พุ่งขึ้นราว 1.5% หลังข่าวเครื่องบินมาเลเซียตก ซึ่งเจ้าหน้าที่ยูเครนและสหรัฐเชื่อว่า ถูกยิงด้วยขีปนาวุธของกลุ่มกบฏผู้ฝักใฝ่รัสเซีย

แต่วานนี้(18 ก.ค.) มีแรงเทขายออกมา ส่งผลให้ราคาทองสปอตลดลง 0.1% มาที่ 1,315.16 ดอลลาร์/ออนซ์

นักวิเคราะห์ กล่าวว่ากล่าวว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเพิ่มความเสี่ยงในข้อพิพาทระหว่างยูเครน และกลุ่มกบฏผู้ฝักใฝ่รัสเซีย และจะส่งผลทำให้สถานการณ์ระหว่างรัสเซีย และชาติตะวันตกตึงเครียดมากขึ้น

"ความเสี่ยงจากสถานการณ์การเมืองในขณะนี้เพิ่มขึ้น คาดว่าราคาทองจะผันผวนอย่างมาก และก็มีแนวโน้มสูงที่ราคาจะพุ่งขึ้นมากกว่าร่วงลง" นักวิเคราะห์กล่าว

น้ำมันพุ่งเหนือระดับ100ดอลล์

เช่นเดียวกับ ราคาน้ำมันดิบสหรัฐ พุ่งขึ้นใกล้แตะระดับ 104 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในตลาดเอเชีย หลังจากขยับขึ้นถึง 2 ดอลลาร์ จากข่าวที่ว่าเครื่องบินของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ถูกยิงตก

ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือนส.ค.ที่ตลาดนิวยอร์ก บวก 0.49 ดอลลาร์ มาที่ 103.68 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากปิดวันก่อนพุ่งขึ้น 1.99ดอลลาร์ มาที่ 103.19 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นการทะยานขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่กลางเดือนมิ.ย. และเป็นการพุ่งขึ้นมากที่สุดในรอบ 2 วันนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2556

ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดลอนดอนบวก 0.42 ดอลลาร์ มาที่ 108.31 ดอลลาร์/บาร์เรลในวันนี้ หลังจากปิดวานนี้พุ่งขึ้น 0.72 ดอลลาร์ มาที่ 107.89 ดอลลาร์/บาร์เรล

นักลงทุนกำลังจับตาสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง ขณะที่อิสราเอลได้ทำการโจมตีภาคพื้นดินในฉนวนกาซ่าแล้ว หลังจากการทิ้งระเบิดจากทางอากาศและทางทะเลเป็นเวลา 10 วันไม่สามารถหยุดการโจมตีด้วยจรวดของกลุ่มหัวรุนแรงได้

หุ้นกลุ่มสายการบินยุโรปดิ่ง 1.5%

หุ้นยุโรปปรับตัวลงในช่วงเปิดตลาดวานนี้ โดยร่วงต่อเนื่องจากวันก่อน โดยดัชนี FTSEurofirst 300 ของหุ้นกลุ่มบลูชิพทั่วยุโรป ร่วงลง0.5% มาที่ 1,356.29 หลังจากวันก่อนหน้าปิดดิ่งลง 1% จากรายงานข่าวเกี่ยวกับเครื่องบินมาเลเซีย

หุ้นกลุ่มสายการบิน อาทิ ดอยช์ ลุฟท์ฮันซ่า และไรอันแอร์ร่วงลง 1.5% ขณะที่บริษัทท่องเที่ยวชั้นนำได้เปลี่ยนเส้นทางการบินใหม่เพื่อหลีกเลี่ยงน่านฟ้าของยูเครน

หุ้น-เงินเอเชียฟื้นตัวหลังร่วงหนัก

สกุลเงินของตลาดเกิดใหม่ในเอเชียฟื้นตัวขึ้นวานนี้หลังจากร่วงลงในช่วงแรก จากข่าวการยิงเครื่องบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ เที่ยวบิน MH 17ตกในภาคตะวันออกของยูเครน ซึ่งทำให้เกิดความตึงเครียดเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองในภูมิภาค และทำให้นักลงทุนมีท่าทีระมัดระวังต่อสินทรัพย์เสี่ยง

เจ้าหน้าที่สหรัฐเปิดเผยว่า สหรัฐเชื่อว่าการยิงขีปนาวุธจากพื้นผิวสู่อากาศ(surface to air) ได้ทำให้เครื่องบินของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ ตกลงในภาคตะวันออกของยูเครนเมื่อวานนี้ ส่งผลให้ผู้โดยสารทั้งหมด 298 รายเสียชีวิต ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เพิ่มความเสี่ยงในข้อพิพาทระหว่างยูเครนและกลุ่มกบฏผู้ฝักใฝ่รัสเซีย

สกุลเงินต่างๆเคลื่อนไหวไม่มากในช่วงท้ายตลาด โดยส่วนใหญ่ทรงตัว หรือขยับขึ้นเล็กน้อย โดยเงินริงกิตอ่อนค่า 0.2%

ส่วนค่าเงินบาทต่อดอลลาร์ ฟื้นตัวกลับมาได้ เช่นเดียวกับสกุลเงินภูมิภาค หลังจากตลาดไม่ได้ตื่นตระหนกมากนัก กับสถานการณ์ความตึงเครียดที่เพิ่มมากขึ้นในยูเครน ซึ่งกดดันให้ค่าเงินภูมิภาคอ่อนค่าในช่วงการซื้อขายภาคเช้า

ในช่วงท้ายตลาด บาทต่อดอลลาร์ อยู่ที่ 32.13/16 จาก 32.20/23 ช่วงเช้า ขณะในตลาดต่างประเทศ (offshore) อยู่ที่ 32.12/17 จาก32.19/23 ในช่วงเช้า

นักบริหารเงินกล่าวว่าเงินบาทฟื้นตัวขึ้น หลังตลาดไม่ได้ตื่นตระหนกต่อความตึงเครียดของสถานการณ์ในยูเครนมากนัก และตลาดหุ้นไทยยังยืนได้ค่อนข้างแข็งแกร่ง ทำให้มีแรงซื้อเงินบาทกลับเข้ามา

นางจันทวรรณ สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึง กรณีเครื่องบิน MH17 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ที่ตกในประเทศยูเครนว่า เป็นเรื่องที่ยังต้องติดตามว่าจะมีผลต่อทิศทางของอัตราแลกเปลี่ยนอย่างไรบ้าง โดยยอมรับว่าวานนี้ (18ก.ค.) เปิดตลาดมาอ่อนค่าลง ตามการอ่อนค่าของค่าเงินสกุลต่างๆ ในภูมิภาค ซึ่งรวมถึงเงินริงกิตของมาเลเซียด้วย

ด้านตลาดหุ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ปรับตัวขึ้นลงแตกต่างกันในวันนี้ โดยตลาดหุ้นอินโดนีเซียบวก 0.31% ก่อนการประกาศผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีอินโดนีเซียในสัปดาห์หน้า ขณะที่นักลงทุนคาดว่า นายโจโก "โจโกวี" วิโดโด จะชนะการเลือกตั้ง ส่วนเวียดนาม และสิงคโปร์ปรับตัวขึ้นเช่นกัน ขณะที่มาเลเซีย และฟิลิปปินส์อ่อนตัวลง ด้านดัชนีหุ้นไทยปิดลบ 0.15% ขณะที่ดัชนีร่วงลงในช่วงเช้าตามทิศทาง

หวั่นกดดันสินค้าโภคภัณฑ์-น้ำมันพุ่ง

นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารกลุ่มงานขายและผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่าต้องรอดูว่ากดดันให้กลุ่มประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจที่มีความขัดแย้งอยู่เดิมให้เพิ่มขึ้นหรือไม่ และหากเกิดมาตรการแซงชั่นหรือกีดกันทางการค้าขึ้น จะกดดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์และน้ำมันให้ปรับตัวสูงขึ้น กระทบกับการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศ

ส่วนทิศทางเงินทุนเคลื่อนย้ายนั้น ส่วนแนวโน้มของค่าเงินบาทแม้ในระยะสั้นจะเกิดแรงกดดันให้ค่าเงินบาทอาจหลุด 32 บาทต่อดอลลาร์ได้ เป็นระยะสั้นเท่านั้น และเรายังมีมุมมองว่าค่าเงินบาทของปีนี้จะอยู่ที่ 33.50 บาทต่อดอลลาร์ เหตุเพราะมาตรการคิวอีของสหรัฐที่จะหมดลงเดือนต.ค.ต้องดูว่าเฟดจะดำเนินนโยบายอย่างไรต่อไป หากปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอาจผลักดันให้เงินทุนต่างชาติในประเทศเกิดใหม่ไหลกลับไปยังสหรัฐได้

นาย บัณฑิต นิจถาวร สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย กล่าวว่า สำหรับความเสี่ยงในระยะต่อไปนั้น ต้องจับตาในเรื่องความขัดแย้งในประเทศมหาอำนาจ เพราะอาจกระทบกับการดำเนินธุรกิจระหว่างประเทศ ทำให้การขยายตัวไม่มากกว่าที่เคยจะเป็น หากความขัดแย้งกินระยะเวลานานจะกดดันให้ราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ รวมถึงปัจจัยการปรับขึ้นดอกเบี้ยในหลายประเทศในปีหน้าจะเป็นแรงกดดัน หากสหรัฐปรับดอกเบี้ยขึ้นจะเกิดปรากฏการณ์เงินทุนไหลออกเกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง คำถามคือเราจะสามารถรับมือเงินทุนไหลออกได้ดีแค่ไหน

หวั่นฉุดนักท่องเที่ยวยุโรปมาเอเชีย

นางพรทิพย์ หิรัญเกตุ รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่าผลทางอ้อมที่ต้องจับตามองต่อไปก็คือเหตุการณ์ดังกล่าวจะส่งผลกระทบทางจิตวิทยาต่อนักท่องเที่ยวจากทวีปยุโรปที่กำลังวางแผนเดินทางระยะไกล (Long Haul) ทำให้ชะลอแผนท่องเที่ยวออกไปหรือไม่ เพราะผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่มาจากยุโรปตอนเหนือ เช่น สแกนดิเนเวีย และเนเธอร์แลนด์โดยตรง

หากเหตุการณ์นี้มีผลทางจิตวิทยาจริง คาดว่าจะเป็นช่วงสั้นเท่านั้น และไม่ได้มีเพียงไทยประเทศเดียวที่ได้รับผลกระทบ แต่นักท่องเที่ยวอาจพิจารณาทบทวนการเดินทางมาในละแวกเอเชียทั้งหมด โดยเฉพาะตลาดในช่วงนี้ซึ่งถือว่ายังอยู่ในช่วงปิดภาคฤดูร้อน ที่ตามปกติจะเริ่มมีตลาดส่วนหนึ่งเลือกเดินทางมาเที่ยวประเทศฝั่งเอเชียมาจำนวนไม่น้อย โดยสาเหตุที่อาจกระทบถึงประเทศอื่นๆ นอกเหนือจากมาเลเซีย เพราะในการเดินทางระยะไกล นักท่องเที่ยววางแผนจะเที่ยวแบบหลายจุดหมายในทริปเดียว หรือใช้กัวลาลัมเปอร์เป็นจุดเชื่อมต่อเพื่อเดินทางไปเที่ยวที่อื่นๆ เช่น ไทยเป็นต้น

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะไม่มีเหตุการณ์กับสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ แต่สถานการณ์ทั่วไปของตลาดยุโรปเดินทางมาไทยในช่วงเดือนก.ค.เทียบกับปีก่อน ยังคงลดลงราว 10% เพราะเหตุการณ์ไม่สงบของไทย รวมถึงภาวะการเมืองปัจจุบันที่อยู่ภายใต้กฎอัยการศึกนั้น ในการรับรู้ของตลาดยุโรปยังเป็นไปในทางที่ไม่ดี และภาพลักษณ์ที่คนยุโรปรับรู้ส่วนใหญ่จึงยังเข้าใจว่าไทยอยู่ภายใต้การปกครองเช่นเดียวกับรัฐบาลทหารของพม่าก่อนหน้านี้ที่สหภาพยุโรปเคยประกาศคว่ำบาตร เพราะยังไม่มีความเข้าใจถึงเหตุผลในการทำรัฐประหาร

ดังนั้น คาดว่าตลาดยุโรปน่าจะฟื้นได้เต็มที ต้องรอดูในช่วงไฮซีซันตั้งแต่เดือน ต.ค.เป็นต้นไป ซึ่งคาดว่าช่วงดังกล่าวไทยจะมีรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศแล้ว

ขณะที่ นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) ยังเชื่อมั่นว่าจะไม่มีผลต่อการท่องเที่ยวในภาพรวมของภูมิภาคอาเซียนหรือกระทั่งของไทย เนื่องจากสายการบินอื่นๆ ยังคงให้บริการตามปกติและเป็นตัวเลือกที่ทดแทนกันได้ หากนักท่องเที่ยวยังคงมีความต้องการเดินทางมา แต่ถ้าจะมีผลก็จะเป็นผลทางจิตวิทยาเล็กน้อย เช่น อาจทำให้คนหวั่นวิตกการนั่งเครื่องบินไประยะหนึ่ง

เลี่ยงบินเหนือน่านฟ้ายูเครน

ด้านนางจุฑาพร เริงรณอาษา รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)กล่าวว่า ขณะนี้ให้สำนักงาน ททท.ในยุโรปติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ว่าเหตุการณ์กับเที่ยวบิน MH17 จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวตลาดนี้หรือไม่ แต่เบื้องต้นจากการตรวจสอบปฏิกิริยาจากสายการบินต่างๆ ที่เริ่มมีการวางแผนหลีกเลี่ยงเส้นทางเหนือน่านฟ้ายูเครนที่ถือเป็นจุดเสี่ยงแล้ว ก็ถือเป็นปัจจัยเบื้องต้นที่ทำให้นักท่องเที่ยวคลายความกังวลลงไปได้บ้าง

ขณะเดียวกัน ยอมรับว่าการฟื้นตลาดยุโรปในช่วงตรงกับซัมเมอร์ปีนี้ ยังมีความท้าทายจากปัจจัยในไทยเองที่อยู่ภายใต้กฎอัยการศึก ทำให้มีอุปสรรคด้านบริษัทประกันภัยที่ไม่ครอบคลุมประกันการเดินทางของนักท่องเที่ยวที่ประสงค์จะมาไทย ดังนั้นจึงอยู่ระหว่างเร่งประสานนำเสนอแผนรายละเอียดโครงการรับประกันภัยนักท่องเที่ยวต่างชาติให้กับบริษัทนำเที่ยว หลังจากมีหลายรายเริ่มสอบถามเข้ามาเพื่อนำเสนอเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าที่ต้องการประกันสร้างความมั่นใจเมื่อมาไทยแทนการประกันจากต้นทางในยุโรป


ขอบคุณแหล่งข้อมูล: //www.bangkokbiznews.com/home/detail/finance/finance/20140719/594029/ตื่นวิกฤติยูเครนลามแห่ขายสินทรัพย์เสี่ยง.html




Create Date : 19 กรกฎาคม 2557
Last Update : 19 กรกฎาคม 2557 15:11:23 น.
Counter : 946 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

MStaRT
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



All Blog