All Blog
แจก 5 พันธุ์ข้าวทรงปลูกพระราชทาน เนื่องในวันพืชมงคล
กรมการข้าวเตรียมแจก 5 พันธุ์ข้าวทรงปลูกพระราชทาน เนื่องในวันพืชมงคล ปี 64เป็นขวัญกำลังใจให้เกษตรกรไทย

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษา รมว.เกษตรฯ เปิดเผยว่าพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ เป็นพระราชพิธีโบราณที่สืบทอดกันมาช้านานเพื่อความเป็นสิริมงคล บำรุงขวัญและกำลังใจแก่เกษตรกรชาวไร่ชาวนา พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ประกอบด้วย 2 พระราชพิธี ได้แก่ พระราชพิธีพืชมงคลซึ่งเป็นพิธีสงฆ์ ประกอบพิธีในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เป็นการทำขวัญเมล็ดพันธุ์พืชต่าง ๆ เพื่อให้ปลอดจากโรคและเจริญงอกงามสมบูรณ์ จากนั้นจึงเริ่มพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญในวันถัดมา ซึ่งเป็นพิธีพราหมณ์ เริ่มต้นด้วยการไถหว่านเมล็ดข้าว ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง อันเป็นการส่งสัญญาณการเข้าสู่ฤดูกาลทำนาและเพาะปลูกประจำปี

โดยในปีนี้กระทรวงเกษตรโดยกรมการข้าวขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต จากพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว นำเมล็ดพันธุ์ข้าวทรงปลูกพระราชทานทั้งหมด 5 พันธุ์ จำนวน 1,396 กิโลกรัม  นำเข้าพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ประจำปี 2564 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ประกอบด้วย 1) ขาวดอกมะลิ 105 เป็นข้าวเจ้าที่ทนแล้งได้ดีพอสมควร เมล็ดข้าวสารใส แกร่ง คุณภาพการสีดี คุณภาพการหุงต้มดี อ่อนนุ่ม มีกลิ่นหอม ทนต่อสภาพดินเปรี้ยวและดินเค็ม  
 
2) ปทุมธานี 1 เป็นข้าวเจ้าผลผลิตสูง คุณภาพเมล็ดคล้ายพันธุ์ขาวดอกมะลิ 105 ต้านทานเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลและเพลี้ยกระโดดหลังขาว ต้านทานโรคไหม้และโรคขอบใบแห้ง
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
3) กข43 เป็นข้าวเจ้าไม่ไวต่อช่วงแสง คุณภาพของเมล็ดทางการหุงต้มรับประทาน ดี ข้าวสุกนุ่ม  มีกลิ่นหอมอ่อน ค่อนข้างต้านทานต่อโรคไหม้และเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล4) กข6 เป็นข้าวเหนียวให้ผลผลิตสูงและทนแล้งดีกว่าพันธุ์เหนียวสันป่าตอง คุณภาพการหุงต้มดี มีกลิ่นหอม คุณภาพการสีดี ต้านทานโรคใบจุดสีน้ำตาล5) กข79 เป็นข้าวที่มีอมิโลสต่ำ ข้าวสุกนุ่ม ให้ผลผลิตสูง ต้านทานเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล และโรคไหม้

พันธุ์ข้าวพระราชทานทั้ง 5 พันธุ์จะนำไปบรรจุซองพลาสติกเพื่อแจกจ่ายให้พสกนิกรผู้สนใจ และชาวนาทั่วประเทศรับไปเป็นมิ่งขวัญและสิริมงคลในการประกอบอาชีพการเกษตรของตนตามประเพณีนิยม เพื่อให้เป็นไปตามพระราชประสงค์สืบไป
 
 
 
 
 
 
 



Create Date : 07 เมษายน 2564
Last Update : 7 เมษายน 2564 15:51:09 น.
Counter : 686 Pageviews.

0 comment
รุก ! เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด สร้าง Single Big Data ตอบโจทย์ข้อมูลพืชทุกมิติ
นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์  เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการสร้างและใช้ข้อมูลจากฐานเดียวกัน (Single Big Data)

โดยมีผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ (นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์) เป็นประธานร่วม เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิต ด้วยเป้าหมาย “การสร้าง Big Data เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด”

สำหรับใช้ในการวางแผนการผลิตสินค้าเกษตรของเกษตรกรให้มีคุณภาพ มาตรฐานปลอดภัย และมีมูลค่าเพิ่ม ตรงกับความต้องการของตลาด ในประเทศและต่างประเทศ ให้เกษตรกรสามารถขายสินค้าได้ในราคาสูง มีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างยั่งยืน ตลอดจนยกระดับให้เกษตรกรสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก (Local to Global)

ผลการประชุมในครั้งนี้ ที่ประชุมได้เห็นชอบแผนการขับเคลื่อนการสร้างและการใช้ข้อมูลจากฐานเดียวกัน (Single Big Data) ระยะต่าง ๆ คือ ระยะเร่งด่วน (Quick win) เป็นการจัดทำข้อมูลและออกแบบการแสดงผลที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของเกษตรกรและผู้ประกอบการ ด้วยการนำเสนอข้อมูลแบบ Dashboard





 






 
ขณะนี้ได้จัดทำข้อมูลของสินค้ามันสำปะหลัง เรียบร้อยแล้ว ประกอบด้วย ข้อมูลทุกมิติตลอดห่วงโซ่การผลิตอย่างสมบูรณ์   อาทิ ราคา ต้นทุน โครงสร้างในการผลิต ดัชนีการผลิตอุตสาหกรรม ปริมาณและมูลค่าในการนำเข้า-ส่งออก ระยะถัดไป (มิถุนายน 2564) จะจัดทำข้อมูล Dashboard ในสินค้าเกษตรที่สำคัญอื่น ๆ

อาทิ ทุเรียน ข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปาล์มน้ำมัน และยางพารา และระยะยาว (ปี 2565) จะขยายไปยังกลุ่มสินค้าเกษตรอื่น อาทิ กลุ่มสินค้าอาหารที่มีศักยภาพ เช่น อาหารฮาลาล สินค้าเกษตรอินทรีย์ เป็นต้น

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ ได้เดินหน้าบูรณาการร่วมตามนโยบาย“เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” ภายใต้ยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิต ด้วยพันธกิจการสร้างและใช้ข้อมูลจากฐานเดียวกัน (Single Big Data) การสร้างแพลตฟอร์มกลาง “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” การสร้างความเชื่อมั่นด้านคุณภาพ มาตรฐานความปลอดภัยและการตรวจสอบย้อนกลับ รวมถึงการพัฒนาคนและผลิตภัณฑ์ให้ตรงตามความต้องการของตลาด  

สำหรับท่านที่สนใจข้อมูล Dashboard มันสำปะหลัง สามารถเข้าไปสืบค้นได้จากทั้งเวบไซต์กระทรวงพาณิชย์  www.คิดค้า.com เรียบร้อย แล้ว ClicK ที่แบนเนอร์ เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด หน้าเว็บไซต์ หรือสืบค้นได้จากเว็บไซต์ของ สศก. ที่ https://www.nabc.go.th หรือสอบถามรายละเอียดการใช้งานเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ข้อมูลเกษตรแห่งชาติ    0 2579 8161 ในวันและเวลาราชการ   




 


 



Create Date : 05 เมษายน 2564
Last Update : 5 เมษายน 2564 16:41:26 น.
Counter : 340 Pageviews.

0 comment
เตรียมสหกรณ์นำร่องผลิตเมล็ดพันธุ์กัญชงป้อนอุตสาหกรรม
นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์(กสส.) เป็นประธานการประชุมเพื่อหารือ แนวทางการส่งเสริมการผลิตพืชเศรษฐกิจกัญชงโดยสถาบันเกษตรกร  ภายใต้ความร่วมมือกับกรมวิชาการเกษตร โดยมีนายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร ร่วมหารือด้วย 

นายวิศิษฐ์ กล่าวว่า ปัจจุบันมีความต้องการกัญชงเพื่อป้อนระบบอุตสาหกรรมอย่างมากทั้งอุตสาหกรรมอาหาร เครื่องดื่ม  เครื่องสำอาง และน้ำมันเมล็ดกัญชง อาหารสัตว์ ฯลฯซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ ที่สามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรมากขึ้นแต่ที่ผ่านมาในประเทศไทยยังไม่มีการส่งเสริมการปลูกมาก่อนหน้านี้

เนื่องจากติดเงื่อนไขทางกฎหมาย จนรัฐบาลได้มีการแก้ไขกฏหมายปลดล็อคทำให้หลายอุตสาหกรรมเริ่มวางแผนที่จะนำชิ้นส่วนพืชกัญชงมาใช้ในระบบอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมสหกรณ์จึงได้เตรียมทำตลาดกลางกัญชา/กัญชงของสหกรณ์ เพื่อเป็นผู้กำหนดระบบการซื้อขาย ตามกลไกของตลาด โดยมีอย.และกรมวิชาการเกษตรร่วมด้วย





 






 
เพื่อให้การส่งเสริมการปลูกไปในทิศทางเดียวกันกรมวิชาการเกษตรจึงได้มาหารือถึงแนวทาง ในการส่งเสริมให้สถาบันเกษตรกรเป็นหน่วยงานที่จะปลูกกัญชงเพื่อป้อนอุตสาหกรรมในประเทศ ซึ่งกรมส่งเสริมสหกรณ์เห็นว่าควรจะนำร่องในสหกรณ์ที่มีความเหมาะสมทั้งเชิงพื้นที่ และบางสหกรณ์เคยอยู่ในโครงการปลูกกัญชาทางการแพทย์  

สหกรณ์ที่มาหารือ อาทิ สหกรณ์การเกษตรคูเมือง จำกัด จังหวัดบุรีรัมย์ สหกรณ์การเกษตรปักธงชัย จำกัด สหกรณ์การเกษตรด่านขุนทด จำกัด จังหวัดนครราชสีมา และสหกรณ์การเกษตรลานสัก จำกัด จังหวัดอุทัยธานี  

หลังการหารือผู้จัดการสหกรณ์จะไปประชุมกับสมาชิกที่ประสงค์จะเข้าโครงการเพื่อเตรียมตัวเข้าสู่กระบวนการขออนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) เพื่อให้จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาตามที่กฎกระทรวง





 






 
การขออนุญาตและการอนุญาตการผลิต นำเข้าส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เฉพาะกัญชง(Hemp) พ.ศ.2563 กำหนดไว้ต่อไป โดยอนาคตหากสหกรณ์นำร่องประสบผลสำเร็จก็จะเป็นตัวอย่างให้ขยายไปสถาบันการเกษตรอื่น ๆ ต่อไป

นายพิเชษฐ์  วิริยะพาหะ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร(กวก.) กล่าวว่าหลังจากกฎหมายเปิดแล้วภาคอุตสาหกรรมหลายแห่งได้แสดงความต้องการที่จะใช้เมล็ดกัญชงและชิ้นส่วนพืชไปป้อนในระบบอุตสาหกรรมในหลายด้าน แต่ในประเทศไม่เคยมีการอนุญาตให้ปลูกมาก่อน

อีกทั้งเมล็ดพันธุ์ที่ขึ้นทะเบียนในไทยนั้นเป็นสายพันธุ์ที่ให้เส้นใยเท่านั้น ดังนั้นกวก.จึงต้องการให้สถาบันเกษตรกรเป็นสถาบันที่จะปลูกเมล็ดพันธุ์ในระบบจีเอพีป้อนให้กับตลาดในประเทศ





 






 
จึงต้องสร้างความร่วมมือกับกสส.เพื่อให้สหกรณ์นำร่องได้กลับไปหารือกับสมาชิกที่ประสงค์เข้าโครงการและให้แจ้งความประสงค์มายังโครงการเพื่อประสานกับอย.ในการดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

กวก.จะเป็นพี่เลี้ยงในทางวิชาการ การปลูกเกษตรกรจะต้องเริ่มดำเนินการในช่วงฤดูฝน ส่วนพื้นที่อื่น ๆ ที่ต้องการปลูกนั้นจะเป็นระยะต่อไป ซึ่งขณะนี้กรมอยู่ระหว่างการจัดทำแผนที่แสดงให้เห็นว่าพื้นที่ใดมีศักยภาพในการปลูกโดยจะมาจากการลักษณะดิน อากาศ ปริมาณน้ำฝน เป็นเกณฑ์พิจารณาซึ่งส่วนมากเป็นพื้นที่ใกล้เคียงกับพื้นที่ปลูกข้าวโพด

คาดว่าประมาณปลายปี 2564  เมื่อมีผลผลิตชุดนี้ออกมาจะนำมาสู่การขยายการส่งเสริมการปลูกเพื่อป้อนระบบอุตสาหกรรมต่อไป เบื้องต้นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่หลายแห่งได้แจ้งความประสงค์ว่ามีความต้องการวัตถุดิบจากกัญชงจำนวนมากเข้าสู่ระบบอุตสาหกรรมและพร้อมที่จะรองรับผลผลิตที่ออกมา ปัจจุบันเมล็ดกัญชงราคาจำหน่ายประมาณกิโลกรัมละ 5,000 บาท มีประมาณ  40,000 – 50,000 เมล็ดต่อกก.





 






 
การประชุมตัวแทนสหกรณ์ทั้ง 4 แห่งที่มาร่วมหารือ แสดงความสนใจที่จะเข้าโครงการ และต้องการการสนับสนุนด้านเงินทุนดอกเบี้ยต่ำจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธกส.)  หรือกองทุนพัฒนาสหกรณ์(กพส.)ของกรมส่งเสริมสหกรณ์

กรมวิชาการเกษตรได้จำแนกต้นทุนการผลิตที่กรมได้มีการเก็บข้อมูลไว้เบื้องต้นแล้วโดยพบว่าต้นทุนการผลิตต่อไร่กรณีผลิตเป็นเมล็ดจะอยู่ที่ประมาณ 8,242.18 บาท/ไร่ รายได้ประมาณ 26,250 บาท/ไร่ กำไรสุทธิประมาณ 18,007.82  บาท/ไร่ สำหรับต้นทุนต้นสดอยู่ที่ประมาณ 9,028 .82  บาท/ไร่ รายได้ต่อไร่ประมาณ 22,500 บาท กำไรสุทธิประมาณ 12,471.18  บาท/ไร่ ระยะเวลาการผลิต 180 วัน




 
 



Create Date : 05 เมษายน 2564
Last Update : 5 เมษายน 2564 16:09:27 น.
Counter : 450 Pageviews.

0 comment
ไทยมีศักยภาพเป็น”ฮับกัญชา-กัญชง”
นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมบรรยายพิเศษให้กับหลักสูตรบูรณาการศักยภาพนักธุรกิจพืชเศรษฐกิจกัญชากัญชง ในหัวข้อ“ทิศทางเกษตรกรรมพืชกัญชากัญชง อาหารอนาคตพืชอนาคต(Future Food Future Crop )กุญแจไขประตูเศรษฐกิจแห่งอนาคต”ที่โรงแรมมณเฑียร ริเวอร์ไซด์ พระราม3

นายอลงกรณ์ กล่าวว่า ประเทศไทยมีศักยภาพเป็น”ฮับกัญชา-กัญชง”และเป็นโอกาสทองของไทยที่จะช่วงชิงตลาดกัญชาและกัญชงมูลค่า 8 แสนล้านบาทโดยมีอัตราการเติบโตกว่า 30 % ต่อปีและอีก 4 ปีข้างหน้ามูลค่าตลาดจะเพิ่มเป็นกว่า 3 ล้านล้านบาทจากการที่ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก





 






 
ขณะนี้มีไม่น้อยกว่า 68 ประเทศที่เปลี่ยนนโยบายจากพืชเสพติดเป็นพืชเศรษฐกิจทำให้มีการส่งเสริมการปลูกกัญชาและกัญชงเพื่อการแพทย์และการค้าโดยประเทศไทยเป็นประเทศแรก ๆ ในเอเซียที่ปลดล็อคกัญชาด้วยการแก้ไขพรบ.ยาเสพติดโดยสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)ในปี 2561 และมีผลบังคับใช้ในปี 2562 ตามมาด้วยการปลดล็อคกัญชงและกระท่อมในรัฐบาลชุดนี้ ต้องขอบคุณสนช.สภาปฏิรูปทั้งสปช.และสปท. รัฐบาลชุดที่แล้วและรัฐบาลปัจจุบันที่สร้างโอกาสใหม่ให้กับประเทศของเรา
 
ในส่วนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์พร้อมส่งเสริมสนับสนุนตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำใน4รูปแบบคือ เกษตรอาหาร(คนและสัตว์) เกษตรสุขภาพ เกษตรพลังงานและเกษตรท่องเที่ยวเพื่อจะสามารถใช้ประโยชน์จากทุกส่วนของต้นกัญชาและกัญชง โดยนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มอบนโยบายให้เร่งพัฒนาเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน





 






 
สถาบันเกษตรกรและผู้ประกอบการเกษตรทางด้านความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกัญชาและกัญชงในทุกมิติตั้งแต่กฎหมายข้อระเบียบจนถึงสถานการณ์ตลาดและราคาทั้งในและต่างประเทศ โดยมอบหมายศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรมหรือศูนย์AIC 77 จังหวัด

ทั้งนี้เช่นมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรานารี มหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นต้น เป็นกลไกสนับสนุนในระดับพื้นที่ทั่วประเทศ






 






 
ในปี 2563 ตลาดกัญชาโลกมีมูลค่า 6 แสนล้านบาท ตลาดกัญชง 1.6 แสนล้านและปี 2562 ก่อนเกิดโควิดตลาดการท่องเที่ยวสุขภาพในประเทศไทยมีมูลค่า 4 แสนล้านบาท หากพัฒนาโฮมสเตย์ รีสอร์ตและโรงแรมในประเทศไทยเป็นฮับสุขภาพ (Cannabis Wellness Hub)

ด้วยรูปแบบผสมผสานของแพทย์แผนไทย นวดไทย สปาไทยโดยใช้กัญชาและกัญชงเป็นจุดขายเช่นในสหรัฐอเมริกา แคนาดา สเปน อุรุกวัย นิวซีแลนด์ เดนมาร์ก เนเธอร์แลนด์ จาไมก้า ก็จะสามารถช่วงชิงตลาดนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพมายังประเทศไทยได้ไม่ยากและเป็นการฟื้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวโดยรวมอีกทางหนึ่งหลังจากวิกฤติโควิดคลี่คลาย





 






 
สำหรับการพัฒนาผลผลิตและผลิตภัณฑ์กัญชาและกัญชงตั้งแต่การผลิตและการนำเข้าเมล็ดพันธุ์ การตั้งโรงงานสกัดสาร CBD และ THC จนถึงการแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่มในรูปของสินค้าและบริการต้องโปร่งใสเปิดกว้างต้องไม่มีการผูกขาดเพื่อให้พืชแห่งอนาคตเป็นอนาคตของทุกคนและต้องสร้างแบรนด์เมดอินไทยแลนด์เช่นตัวอย่างของเดนมาร์ก

ประเทศไทยของเรามีชื่อเสียงทางด้านเกษตรอาหารและการท่องเที่ยวในระดับโลกอยู่แล้วหากต่อยอดด้วยกัญชากัญชงจะเพิ่มฐานเศรษฐกิจใหม่ให้กับเกษตรกรและทุกภาคส่วนได้เป็นอย่างดี หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งมือให้เร็วขึ้นให้ทันต่อโอกาสใหม่ แม้แต่ภาคเอกชนของไทยก็เดินหน้ากันเร็วมาก






 






 
วันพุธที่ 7 เมษายนนี้ได้นัดประชุมคณะอนุกรรมการส่งเสริมอุตสาหกรรมเกษตรอาหารภายใต้คณะกรรมการความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเพื่อพิจารณาแนวทางการส่งเสริมอุตสาหกรรมกัญชากัญชงซึ่งเป็นไปตามนโยบายเกษตรอนาคต อาหารอนาคตและโครงการ1กลุ่มจังหวัด1นิคมอุตสาหกรรมเพื่อให้ทุกกลุ่มจังหวัดมีฐานการแปรรูปอย่างเสมอภาคทั่วทั้งประเทศ




 







 



Create Date : 04 เมษายน 2564
Last Update : 4 เมษายน 2564 16:20:11 น.
Counter : 580 Pageviews.

0 comment
ศูนย์วิจัย ธ.ก.ส. คาดการณ์ราคาสินค้าเกษตรเดือนเมษายน 2564
ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส. ชี้การเข้าสู่ช่วงฤดูร้อนและเทศกาลสงกรานต์ ส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตรเดือนเมษายน 2564 ได้แก่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ยางพาราแผ่นดิบ สุกร และกุ้งขาวแวนนาไม มีแนวโน้มราคาเพิ่มขึ้น ด้านข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกหอมมะลิ ข้าวเปลือกเหนียว น้ำตาลทรายดิบ ปาล์มน้ำมัน และมันสำปะหลัง มีแนวโน้มราคาปรับลดลง

นายสมเกียรติ กิมาวหา รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส. คาดการณ์ราคาสินค้าเกษตรในเดือนเมษายน 2564

สินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มราคาปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ความชื้นไม่เกิน 14.5% ราคา อยู่ที่ 8.22 - 8.32 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 2.30 - 3.50 เนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากการขยายตัวของการส่งออกสินค้าปศุสัตว์ แม้ว่าผู้ประกอบการจะมีการสต็อกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์บางส่วนแต่ยังไม่เพียงพอ





 






 
ประกอบกับภาวะราคาข้าวสาลีปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการลดการนำเข้าข้าวสาลีมาใช้เป็นวัตถุดิบผลิตอาหารสัตว์ ยางพาราแผ่นดิบ ชั้น 3 ราคาอยู่ที่ 58.75 – 59.50 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 1.21 – 2.50 เนื่องจากผลผลิตมีแนวโน้มลดลงจากการระบาดของโรคใบร่วงและยางพาราเข้าสู่ช่วงผลัดใบ

ส่งผลให้เกษตรกรหยุดกรีดยางพารา ขณะที่ความต้องการน้ำยางพาราของตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ราคายางพาราอาจได้รับปัจจัยกดดันจากราคาตลาดล่วงหน้ามีความผันผวนและการขาดแคลนตู้ขนส่งสินค้า สุกร ราคาอยู่ที่ 76.72 - 77.68 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 1.09 – 2.35 เนื่องจากความต้องการบริโภคเนื้อสุกรเพิ่มขึ้นจากกิจกรรมการท่องเที่ยว  

ในช่วงเทศกาลสงกรานต์และเทศกาลเช็งเม้ง ประกอบกับในช่วงฤดูร้อนส่งผลให้สุกรเจริญเติบโตช้าลง จึงต้องใช้ระยะเวลาในการเลี้ยงนานขึ้นกว่าจะได้น้ำหนักตามที่ตลาดต้องการ มีผลทำให้สุกรออกสู่ตลาดลดลง และ กุ้งขาวแวนนาไม ราคาอยู่ที่ 148.00 – 149.00 บาท/กก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.68 – 1.36





 






 
เนื่องจากแนวโน้มผลผลิตลดลงจากการระบาดของโรคกุ้งและเกษตรกรชะลอการเลี้ยงลูกกุ้งในช่วงที่มี การระบาดของไวรัสโควิด-19 ขณะที่ในช่วงเทศกาลวันหยุดยาวและมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาลจะกระตุ้นให้ความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้นด้านสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มราคาปรับตัวลดลง

ทั้งนี้ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% ราคาอยู่ที่8,945 - 9,109 บาท/ตัน ลดลงจากเดือนก่อน ร้อยละ 1.34 - 3.12 เนื่องจากประเทศผู้นำเข้าชะลอการสั่งซื้อข้าว เพื่อติดตามสถานการณ์ราคาข้าวขาวและข้าวนึ่งของไทยที่อาจจะปรับตัวลดลง จากผลผลิตข้าวนาปรังที่กำลังออกสู่ตลาด ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาอยู่ที่ 11,546 - 11,767 บาท/ตัน

ลดลงจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.33 - 2.20 เนื่องจากปัญหาขาดแคลนตู้ขนส่งสินค้า ทำให้การส่งออกข้าวไปยังประเทศคู่ค้าล่าช้า ข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ราคาอยู่ที่ 10,034 - 10,467 บาท/ตัน ลดลงจากเดือนก่อน ร้อยละ 1.38 - 5.46 เนื่องจากเป็นช่วงที่ผลผลิตข้าวเหนียวนาปรังกำลังออกสู่ตลาด และผู้ประกอบการมีความกังวลต่อราคา





 






 
ข้าวเหนียวที่คาดว่าจะปรับตัวลดลง จึงชะลอการรับซื้อข้าวเหนียวจากโรงสี น้ำตาลทรายดิบตลาดนิวยอร์ก ราคาอยู่ที่ 15.28 - 15.45 เซนต์/ปอนด์ (10.44 - 10.55 บาท/กก.) ลดลงจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.50 - 1.60

เนื่องจากการอ่อนค่าลงของเงินเรียลบราซิลเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ จึงจูงใจให้ผู้ผลิตน้ำตาลของบราซิลเพิ่มการส่งออก ประกอบกับสมาพันธ์อุตสาหกรรมอ้อยแห่งบราซิล (Unica) ได้รายงานการผลิตน้ำตาลของบราซิลตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 - กุมภาพันธ์ 2564 ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 44 และสัดส่วนอ้อยที่ใช้ผลิตน้ำตาล ในปี 2563/64 เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 46.19 จากร้อยละ 34.46 ของปีก่อน

ปาล์มน้ำมัน ราคาอยู่ที่ 5.30 - 5.37 บาท/กก. ลดลงจากเดือนก่อน ร้อยละ 1.83 – 3.11 เนื่องจากเป็นช่วงที่ปริมาณผลผลิตทยอยออกสู่ตลาด ประกอบกับภาวะน้ำมันปาล์มดิบที่ชะลอตัว ทำให้โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มปรับลดราคารับซื้อจากเกษตรกร

มันสำปะหลัง ราคาอยู่ที่ 2.08 – 2.12 บาท/กก. ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 0.47 – 1.88 เนื่องจากเป็นช่วงปลายฤดูกาลเก็บเกี่ยว ลานมันและโรงงานแป้งมันสำปะหลังทยอยปิดการรับซื้อ





 



Create Date : 04 เมษายน 2564
Last Update : 4 เมษายน 2564 14:13:05 น.
Counter : 385 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  

สมาชิกหมายเลข 3402302
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



contact >> parwnation@gmail.com
hello welcome
contact =>>parwnation@gmail.com
New Comments