"ธ.ก.ส."-วว.เติมความรู้นวัตกรรมเพิ่มความเข้มแข็งเกษตรไทย
"ธ.ก.ส."จับมือสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย นำผลงานวิจัยการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มาช่วยเพิ่มศักยภาพด้านการผลิต การแปรรูปผลผลิตและการตลาดให้เกษตรกรและผู้ประกอบการเกษตร จนได้มาตรฐานรับรองระดับสากลไปแล้วกว่า 30 รายพร้อมตั้งเป้าขยายผลในการ เสริมสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนให้แก่ภาคเกษตรกรไทยต่อเนื่อง
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและประธานกรรมการ ธ.ก.ส. เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “ว่าด้วยความร่วมมือด้านวิชาการและถ่ายทอดเทคโนโลยี” ระหว่าง ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) และนายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เพื่อนำผลงานวิจัยพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมมาบูรณาการให้เกิดความยั่งยืนแก่ภาคเกษตรทั้งด้านการผลิต การแปรรูป และการตลาดที่เป็นมาตรฐานและต่อยอดสู่เกษตรกรรุ่นใหม่ในการนำไปใช้ประโยชน์และเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันในตลาดโลก
นายธนารัตน์ กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นการบูรณาการในการพัฒนาสนับสนุนให้เกษตรกร กลุ่มวิสาหกิจชุมชน ได้มีเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาผนวกกับองค์ความรู้สมัยใหม่โดยนำผลงานวิจัยทั้งด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาปรับปรุง พัฒนาการผลิต การแปรรูปผลผลิต และการแก้ไขปัญหาของเกษตรกรอย่างตรงจุด
รวมถึงประยุกต์ต่อยอดสู่การจดทะเบียนสิทธิบัตร เพื่อยกระดับสินค้าเกษตรสู่มาตรฐานสากล นอกจากนี้ยังร่วมกันจัดฝึกอบรม ประชุมวิชาการ การเผยแพร่ประสบการณ์และการร่วมประชาสัมพันธ์ของทั้งสองหน่วยงาน เพื่อเป็นที่ยอมรับทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งปี 2561-2564 ที่ผ่านมา ธ.ก.ส.ได้ร่วมมือกับวว.และ EXIM Bank เข้าไปเสริมสร้างศักยภาพแก่ผู้ประกอบการ (SMEs) จำนวน 30 ราย
อาทิ วิสาหกิจชุมชนกาแฟรัษฏา ผลิตชา กาแฟ สบู่กาแฟ กาแฟคั่ว วิสาหกิจชุมชนลองเลย ผลิตกาแฟอาราบิก้า วิสาหกิจชุมชนออมสินกะลา ผลิตภัณฑ์จากกะลา บริษัท แบมบุรีฟอร์ม จำกัด ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากไผ่ และถ่านไม้ไผ่ บริษัทซันโฟรเช่น ฟรุ๊ต จำกัด ผลิตทุเรียนและมังคุด บริษัทบ้านขนมไทยอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผลิตขนมกล้วยหอมทองทอดกรอบ เป็นต้น สามารถช่วยยกระดับคุณภาพการผลิตให้กับเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร และผู้ประกอบการด้านการเกษตรได้เป็นอย่างดี จึงวางเป้าหมายที่จะขยายแนวทางการดำเนินงานดังกล่าว เพื่อเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันให้กับภาคเกษตรไทย ควบคู่กับการเติมทุนผ่านสินเชื่อนวัตกรรมดีมีเงินทุน สินเชื่อสานฝันสร้างอาชีพ เป็นต้น เพื่อขยายโอกาสและการผลิตที่นำไปสู่การสร้างงานสร้างรายได้ที่มั่นคงต่อไป
ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) เปิดเผยว่า วว. เป็นหน่วยงานหลักด้านการวิจัยและพัฒนาของประเทศไทย ที่มีความพร้อม ความเชี่ยวชาญในการบูรณาการงานด้านสารชีวภัณฑ์อย่างครบวงจร มีความพร้อมในการให้บริการแก่เกษตรกร กลุ่มวิสาหกิจชุมชน และ ผู้ประกอบการ มีผลการศึกษาวิจัยระดับภูมิภาคและ ระดับประเทศ
รวมถึงความพร้อมของห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐานในการตรวจวิเคราะห์คุณภาพ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ นอกจากนี้นักวิจัยและบุคลากรของ วว. ล้วนมีความรู้ ความสามารถ และความมุ่งมั่นที่จะนำองค์ความรู้และประสบการณ์ที่มี ผลักดันให้เกิดการนำงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ทั้งในเชิงพาณิชย์และเชิงสังคม โดยการร่วมมือในครั้งนี้ วว.มุ่งยกระดับเสริมสร้างความเข้มแข็งและต่อยอดยกระดับสินค้าเกษตรเพื่อให้ได้มาตรฐานสากลต่อไป
"หนวดปลาหมึก"ไม้ฟอกอากาศ สินค้าทางเลือก-รายได้งาม
เตือนกินหมูดิบเสี่ยงหูดับ แนะนำปรุงสุกทุกครั้งก่อนกิน
นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่าจากกรณีปรากฏข่าวที่มีผู้ป่วยและเสียชีวิตด้วยโรคไข้หูดับในพื้นที่จังหวัดน่าน และพบว่าเกิดจากการรับประทานเมนูเนื้อสุกรที่ปรุงไม่สุกนั้น กรมปศุสัตว์ขอเตือนผู้บริโภคว่า ไข้หูดับ หรือโรคติดเชื้อสเตร็พโตค็อกคัส ซูอิส (S. suis) เกิดจากการที่ผู้บริโภคไทยบางส่วนยังเลือกรับประทานเนื้อสุกรหรือเลือดสุกรดิบหรือสุกๆดิบๆ
ทั้งนี้เช่น เมนูลาบ หลู้ ก้อย ไม่ว่าจะด้วยความชอบส่วนตัวหรือการบริโภคตามท้องถิ่นนิยม แต่โรคนี้สามารถเลี่ยงได้ง่ายๆด้วยการปรุงเมนูเหล่านี้ให้เนื้อสุกรสุกเสมอ เพราะการทานดิบๆ ไม่คุ้มเลยกับความเสี่ยงจากโรคไข้หูดับที่มีอันตรายถึงชีวิต ทั้งนี้เชื้อ S. suis หากสุกรมีภาวะภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอลงเช่นช่วงรอยต่อปลายฝนต้นหนาวหรือในสุกรที่อายุน้อยหรือสุกรที่ไม่ร่างกายแข็งแรงอาจทำให้เชื้อนี้ฉวยโอกาสเข้าสู่ร่างกายสุกรได้ ซึ่งโดยปกติจะแฝงตัวตามต่อมน้ำเหลือง เช่น ต่อมทอนซิล หรืออาจเข้าสู่กระแสเลือด ในบางตัวอาจแสดงภาวะป่วยออกมาได้ ซึ่งหากผู้บริโภครับประทานเนื้อสุกรที่ปนเปื้อนเชื้อนี้แล้วปรุงไม่สุกจะก่ออัตรายในการเป็นไข้หูดับได้
กรมปศุสัตว์จึงขอเตือนผู้บริโภคไม่ควรซื้อเนื้อสุกรที่มีกลิ่นคาว สีแดงจัด สีคล้ำ มีฝีหนอง มีเม็ดสาคู หากเป็นเนื้อก้อนใหญ่เช่นสันคอควรหั่นตรวจสอบก่อนซื้อทุกครั้ง ส่วนการบริโภคเนื้อสัตว์ทุกชนิด ไม่ใช่เพียงเนื้อสุกรเท่านั้น ต้องเน้นการทำสดใหม่ โดยปรุงให้สุกทุกครั้ง ที่อุณหภูมิตั้งแต่ 70 องศาเซลเซียสขึ้นไป เป็นเวลาอย่างน้อย 10 นาที ซึ่งสามารถฆ่าเชื้อต่างๆ ได้ ทั้งเชื้อ S. suis หรือ COVID-19
เน้นย้ำให้เลิกรับประทานเนื้อสัตว์ดิบหรือสุกๆ ดิบๆ ก็จะลดความเสี่ยงจากโรคต่างๆได้มากมาย แนะนำว่าหากมีแผลที่มืออาจสวมถุงมือเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสเนื้อสัตว์หรือเลือดสัตว์โดยตรงทำให้ลดโอกาสติดเชื้อเข้าทางบาดแผลได้ ไม่ใช้เขียงของดิบและของสุกร่วมกัน และหากรับประทานอาหารปิ้งย่าง หมูกระทะ ควรทำให้สุกก่อนทุกครั้ง แยกอุปกรณ์ ที่ใช้หยิบเนื้อสุกและดิบออกจากกัน
เฉลิมชัยแจงประมูลยางโปร่งใส
“เฉลิมชัย”แจงชัด ประมูลยางโปร่งใส สุจริตไม่ผิดกฎหมาย มอบ“ประภัตร”แจงแนวทางการป้องกันโรคลัมปี สกิน
ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ชี้แจงญัตติอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล พร้อมแสดงวิทัศน์ กรณีการระบายยางพารา ณ รัฐสภา ว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) มีการดำเนินงานที่ถูกต้องตามระเบียบข้อบังคับ
กระบวนการทั้งหมด จนไปสู่การประมูลในครั้งที่ 3 และมีการเซ็นสัญญา จะต้องผ่านคณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทย หรือเรียกว่า บอร์ด กยท. อีกทั้งยังมีองค์กรที่เกี่ยวข้อง คือ คณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และมี รมต.กระทรวงเกษตรฯ เป็นรองประธาน โดยในการประชุมทุกครั้งจะต้องมีองค์ประชุมครบถึงจะดำเนินการได้ ได้เน้นย้ำถึงแนวทางการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวว่า 1) การยางแห่งประเทศไทยจะต้องดูช่วงเวลาที่เหมาะสมในการระบายยางพารา เพื่อไม่ให้กระทบราคายางในตลาด 2) เกษตรกรต้องได้รับประโยชน์ 3) ต้องรักษาผลประโยชน์ภาครัฐ เพราะเป็นเงินภาษีของพี่น้องประชาชน และ 4) ต้องทำโดยสุจริตโปร่งใสตรวจสอบได้ และถูกต้องตามระเบียบและกฎหมาย ที่เน้นย้ำที่สุดคือห้ามทุจริตคอรัปชั่นโดยเด็ดขาด
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มอบหมายนายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นผู้แทนขึ้นชี้แจงประเด็นวัคซีนป้องการโรคลัมปี สกิน ในโค กระบือ รวมถึงแนวทางการป้องกันโรคดังกล่าว ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมปศุสัตว์ ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง และร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เข้าช่วยเหลือพี่น้องเกษตรอย่างเร่งด่วน นอกจากนี้ ยังมีมาตรการชดเชยให้กับพี่น้องเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ ตามระเบียบของกระทรวงการคลัง