ไปมาแล้ว...เกาะตาชัย-หมู่เกาะสุรินทร์

ห่างหายไปซะนานเลยค่ะ ทริปนี้เป็นทริปแบบว่า อารมณ์อยากไปทะเล ไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้าเลยค่ะ รู้แค่ว่าอยากไปทะเลสวยๆ น้ำใสๆ เห็นช่วงนี้ฮิตเกาะตาชัย พอหาข้อมูลดูไปดูมาก็เลยสรุปว่าไปกับแพ็คเกจของ #ซาบีน่าทัวร์ แต่เนื่องด้วยความโชคดีของเรา (เราคิดว่างั้นนะ) ก่อนออกเดินทาง พี่มลโทรมาแจ้งว่ามีบ้านพักอุทยานที่หาดไม้งามว่าง ใช้เวลาตัดสินใจไม่นานนัก เพราะพี่มลบอกว่าฝนอาจจะตก ตอบตกลงทันที แต่ว่าค่าบ้านก็โหดเหมือนกันเมื่อเทียบกับคุณภาพบ้าน แต่ทางพี่มลก็คืนค่าเต๊นท์ให้ เดี๋ยวเราค่อยสรุปค่าใช้จ่ายให้ตอนท้ายแล้วกันเนาะ เอาละ พร้อมออกเดินทางกันค่ะ เริ่มที่สายใต้ใหม่ เราจองรถทัวร์บริษัท ลิกไนท์ทัวร์ โดยจองออนไลน์ www.thairoute.com แล้วก็เอารหัสจองไปจ่ายเงินที่ 7-11 จะได้รับใบเสร็จรับเงินมา ซึ่งมีค่าธรรมเนียม 20 บาทค่ะ การจองก็ง่ายนะคะสามารถเลือกที่นั่งได้ด้วย แล้วเป็นรถนอนค่ะ ปรับนอนได้สบาย พี่มลให้เราจองเฉพาะขาไปค่ะ ส่วนขากลับเค้าจะทำการจองให้

เราเดินทางวันที่ 2 เม.ย. 57 เวลารถออก 19:05 น. ซึ่งเราก็เผื่อรถติดไว้ก็เลยไปถึงสายใต้ใหม่ก่อนเวลาค่ะ เอาใบเสร็จจาก7-11ไปรับตั๋วก่อนนะคะ หลังจากนั้นก็เดินเล่น ไม่ต้องกลัวจะเบื่อนะ ที่สายใต้ใหม่มีของขายเหมือนกันค่ะ เรายังได้ซื้อเสื้อลายดอกเตรียมเล่นสงกรานต์ด้วยนะ อาหารการกินก็มีเยอะค่ะ แต่จะเป็นพวกร้านเคเอฟซี เชสเตอร์กริลล์ ประมาณนั้นค่ะ ก็กินข้าวเย็น และเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย ถ้าผ่านประตูทางออกขึ้นรถทัวร์แล้ว ไม่มีอะไรกินแล้วนะคะ

รถทัวร์จะมีน้ำ 1ขวด นม 1กล่อง ขนมปังฟาร์มเฮ้าส์ 1อัน และมีผ้าห่มบางๆให้ 1ผืน ซึ่งเราขี้หนาวอ่ะ ขนาดปิดช่องแอร์แล้ว เรายังหนาวเลยนอนไม่ค่อยหลับ แนะนำนะคะ ให้เตรียมใส่เสื้อผ้าสบายๆ แขนยาวขายาวก็ดีค่ะ ไม่ต้องนุ่งยีนส์หรอกนะจะได้นอนสบายๆ เพราะกว่าจะไปถึงก็ตี4กว่าๆ เกือบตี5ค่ะ ได้นอนบนรถยาวๆๆเลยล่ะ แล้วที่สำคัญ พกบัตรประชาชนไปด้วยนะคะ เพราะระหว่างทางจะมีเจ้าหน้าที่ตั้งด่านตรวจค่ะ

รถทัวร์จะแวะให้กินข้าวตอนประมาณ 4ทุ่มกว่าๆ น่าจะอยู่ช่วงปราณบุรีค่ะ แต่ตอนนั้นเราไม่หิวแล้วล่ะ ส่วนใหญ่ก็คงไม่ค่อยมีใครกินข้าว ร้านที่แวะก็จะมีของฝากให้ซื้อนะคะ

แนะนำว่า ข้าวของไม่ต้องกระจัดกระจายนะคะ เพราะว่าพอถึงท่ารถบขส.คุระบุรี เค้าจะเรียกให้ลงเลยค่ะ ไม่มีแจ้งล่วงหน้ากันซักนิด แต่ก็มีคนลงหลายคนเหมือนกัน จุดหมายปลายทางก็ไปที่เดียวกันค่ะ เราก็งัวเงียๆ ลงๆๆๆๆ

คุณลุงคนขับรถจอดสองแถวรออยู่แล้วค่ะ คุณลุงจะเข้ามาถามว่า ซาบีน่ารึเปล่าครับ แกก็จะจัดการยกกระเป๋าขึ้นหลังคา แล้วเราก็โดดขึ้นรถไปต่อค่ะ จากท่ารถไปถึงออฟฟิศซาบีน่าใช้เวลาแปปเดียวค่ะ ไม่น่าจะเกิน 20นาทีนะ พอถึงก็จัดแจงล้างหน้าแปรงฟัน ใครจะอาบน้ำก็ได้ค่ะ เค้ามีห้องน้ำและห้องอาบน้ำไว้รองรับสะอาดสะอ้านค่ะ แต่เราไม่อาบ 555

ที่นี่จะมีกาแฟโอวัลตินชงดื่มได้เลย แล้วสำหรับคนที่ซื้อแพ็คเกจ ก็จะเสริฟข้าวต้ม และปาท่องโก๋ กรุบกรอบอร่อยมว๊ากกกกกก 

 

แพ็คเกจเรา 3วัน 2คืน โอนค่าจองมาก่อนแล้วค่อยมาจ่ายที่เหลือ และก็จ่ายค่ารถทัวร์ขากลับด้วย ซึ่งเค้าจะแจ้งก่อนว่า ถ้าค่ารถเปลี่ยนแปลงเกินขาด ค่อยว่ากันอีกทีวันกลับ

ตามโปรแกรม วันแรกดำนำที่หมู่เกาะสุรินทร์ วันที่สองไปเกาะตาชัย แต่ด้วยอะไรไม่รู้ พี่มลเปลี่ยนโปรแกรมวันแรกให้เราไปเกาะตาชัยก่อน ก็ดีเหมือนกันจะได้ดำที่สุรินทร์เต็มวัน เราก็เลยต้องเปลี่ยนชุดเพื่อไปดำน้ำที่เกาะตาชัยเลยค่ะ ส่วนสัมภาระจะแยกจากเราไปที่หาดไม้งาม ดำน้ำเสร็จค่อยไปรับที่นู่นค่ะ พอซักประมาณ 7โมงก็ให้เดินไปรอที่ท่าเรือ กระเป๋าสัมภาระเค้าจะใส่รถเข็นเข็นไปให้ ภาระที่เราต้องดูแลเพิ่มก็คือ เสื้อชูชีพและหน้ากากดำน้ำ มันจะเป็นของเราตั้งแต่ต้นจนจบ ฉะนั้นดูแลมันให้ดีๆค่ะ

หลังจากนั้นก็รอๆๆๆ ไม่รู้จะให้รีบมารอทำไม รอน้านนนนนน จริงๆแล้วนั่งรอที่ออฟฟิศก่อนยังดีซะกว่าค่ะ เราเลยไม่กล้าเข้าห้องน้ำเลยอ่ะ กลัวตกเรือ เพราะการมารอที่ท่า มันเหมือนว่าจะไปแล้วง่ะ แต่ก็ยังไม่ไป ก็แล้วจะทำอะไรคะนอกจากถ่ายรูปสิคะ

บริเวณนี้ก็สวยดีนะคะ

ประมาณ 8โมงก็ได้ขึ้นเรือสปีดโบ้ท เค้าจะให้ถอดรองเท้าใส่ถุงดำรวมกันไว้ค่ะ (แต่ตอนหลังเราต้องไปตามหารองเท้า มันหลงไปที่หาดช่องขาด ทั้งที่ตอนใส่เราใส่ถูกถุงแน่นอนฟันเฟิร์มม T T แต่เหมือนไม่มีใครเชื่อ แต่ไกด์ใจดีค่ะ ตามหาให้จนเจอ) นั่งเรือนานค่ะ ประมาณชั่วโมงครึ่งไปถึงเกาะสุรินทร์แวะเอาสัมภาระและคนที่ไม่ไปตาชัยลงต่อเรือเข้าที่พัก ส่วนเราก็อยู่ในเรือต่อค่ะ บวกไปอีก 40นาที ถึงเกาะตาชัย แต่วันนี้อากาศครึ้มสลับกับแดดออกค่ะ พอแดดออกทีก็ดำแน่นอนค่ะ ยอมรับเลยว่าเกาะตาชัยเนี่ยหาดสวยจริงๆค่ะ

มาถึงก็เจอปูไก่อยู่ที่หน้าหาด เห็นเค้าบอกว่าปกติปูไก่มันจะไม่ออกมาตอนเวลานี้ อันนี้ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้ได้

 

พอดีกล้องเราปรับเป็นแสงไฟในบ้านไว้แล้วลืมดูอ่ะ ภาพจะขาวโพลนไปหน่อยนะคะ แต่ของจริงก็ขาวสวยค่ะ

หลังจากลงมาเหยียบพื้นทรายได้แปปนึง พี่ไกด์ก็เรียกให้พวกเราไปเดินเส้นทางศึกษาธรรมชาติ เพื่อไปตามหาปู่ไก่ และหอยมรกต ซึ่งที่นี่จะมีทัวร์ของหลายที่เหมือนกัน ที่โดดเด่นเลยก็เห็นจะมีของ Love Andaman ซุ้มอาหารก็ของกินเยอะแยะเชียว และไกด์ที่อธิบายทุกอย่างตลอดทางเลยล่ะ เราว่าเค้าก็ดูแลดีแต่ก็คงจะสมกับราคาที่จ่ายไปอ่ะนะ ส่วนของเราก็เดินไปเรื่อยๆ เงียบๆ พอเห็นปูเค้าก็จะกรูกันเข้าไปดู แต่ปูไก่เค้าก็ไม่ออกมาให้เห็นเต็มๆตัวหรอกนะ ส่วนหอยมรกตเราก็เห็นตัวเล็กๆๆ เล็กมากแต่ก็มีเยอะ เกาะตามใบไม้

หลังจากนั้นก็เดินเล่นถ่ายรูป แล้วก็กินข้าวกลางวัน ซึ่งก็จะเป็นแบบบุฟเฟต์ขนาดย่อม อันนี้ก็ไม่ประทับใจเท่าไหร่

หาดนี้เหมาะแก่การถ่ายรูปมากมายเลยนะ ใครไปก็เตรียมตัวไปถ่ายรูปสวยๆค่ะ แต่แดดนี่ก็โหดมาก หาดทรายขาวบวกกับแดดแรงๆค่ะ

ประมาณบ่าย2 ไกด์ก็เรียกให้ไปดำน้ำแล้วค่ะ ซึ่งจุดดำน้ำก็บริเวณเกาะตาชัย คือนั่งเรือออกไปแปปเดียวจริงๆ แล้วก็ให้ลงดำน้ำค่ะ ถ้าจำไม่ผิดเป็นบริเวณฝั่งใต้ของเกาะ

ตรงนี้น้ำแรงมาก เค้าจะปล่อยให้เราลงแล้วว่ายกลับไปที่เรือ พอหยุดตีขาปุบ เราจะลอยออกทันที น้ำแรงจริงๆ แถมยังไม่ค่อยมีอะไรด้วยค่ะ แฟนเราปิดกล้องถ่ายใต้น้ำ แต่ไม่รู้ว่ายังไง สิ้นเสียงบ่นปุบ แฟนเราสะกิด ก้มลงไปดู โห!!!! ปลากระเบนตัวสีดำ ว่ายผ่านข้างๆตัวเราไป ตื่นเต้นมากค่ะ แฟนเราเปิดกล้องถ่ายรูปแล้ว แต่ได้มาแค่นี้อ่ะ คือปลาเค้าไม่กลัวพวกเราเลย เค้าว่ายวนไปมาหลายรอบ แต่ตอนนั้นเราตีน้ำทิ้งห่างแฟนเราไปแระ คือนึกไปถึงสตีฟ เออร์วิล ที่ถูกหางปลากระเบนเสียบ เรารีบว่ายหาผู้คน เลยทิ้งแฟน 555 พอขึ้นเรือได้ ไกด์รีบถามหากล้องถ่ายใต้น้ำ เค้าก็อยากไปถ่ายรูปให้ แต่เรายังหาแฟนเราไม่เจอ 555

นับว่าคุ้มแล้วอ่ะสำหรับเรา เพราะไกด์เค้าบอกว่า ไม่ได้เจอง่ายๆ หลายปีแล้วที่ไม่เห็นปลากระเบน ปลื้มปริ่มพิมใจ อิอิ

หลังจากนั้นก็กลับหมู่เกาะสุรินทร์กันค่ะ ทัวร์ของซาบีน่าจะพักที่หาดไม้งาม เรือจะจอดให้ลงที่ 200เมตร (เป็นชื่อเรียกจุดลงเรือ) คือพอลงเรือแล้วเราจะต้องเดินไปอีก 200 เมตรจะถึงโรงอาหารค่ะ (เหมือนล็อบบี้โรงแรมประมาณนั้น) ติดต่อขอรับกุญแจห้องพัก แล้วก็แบกสัมภาระไปที่ห้องพักค่ะ ซึ่งพอไปถึงก็ปรากฎว่า ห้องพักยังไม่ได้ทำความสะอาดเลย แหง่ววววว ประทับใจจริงๆ

สภาพห้องทำให้เราคิดหนักว่าระหว่างค่าเต๊นท์ 300 กับค่าห้อง 2,000 เราตัดสินใจถูกแล้วใช่มั้ย ด้วยความที่กลัวร้อน บวกกลัวฝน อยากนอนสบาย เอาฟร่ะ แต่ก็นะ หืมมมม ปรับปรุงหน่อยก็ดีเนาะ ที่สำคัญเรากลัวพวกตัวต่อ ซึ่งก็มีรังต่อเยอะเหมือนกัน แต่ที่เห็นมีตัวก็จะอยู่ที่หลังคาหน้าบ้าน ไม่มีในบ้าน ก็ยังโอเค คืนแรกยังไม่มีอะไร เพราะว่าคงเพลียมาก แต่คืนที่สองเนี่ยดิ ไม่รู้หนูรึปล่าว เกาผนังทั้งคืน เราไม่กลัวนะ เพราะเคยเจอที่นางยวนแล้ว เลยชิน แต่มันหนวกหูอ่ะ

มีผ้าเช็ดตัวให้ด้วยค่ะ 2 ผืน

มีน้ำให้ 5 ขวด มีกระดาษทิชชู่ มีพัดลม 2 เครื่องช่วยชีวิตยามค่ำคืนที่อากาศร้อนได้

ห้องน้ำน่ากลัวไปนิด แต่ตักน้ำอาบตอนที่อากาศร้อนๆก็ชื่นใจดีค่ะ

มีสายฉีดชำระ วันที่เราไปมันมีแต่แชมพู ขวดสบู่ไม่เห็นนะคะ แต่เราพกของเรามาอยู่แล้วเลยไม่เป็นปัญหา

ช่วงกลางวันใช้แสงจากห้องน้ำช่วยได้มากค่ะ พอตัดไฟแล้วห้องก็มืดเชียว

ที่นี่เค้าจะให้ใช้ไฟตั้งแต่ หกโมงเย็นจนถึงสี่ทุ่ม เค้าจะเปิดเครื่องปั่นไฟขนาดใหญ่ค่ะ เรียกได้ว่าเป็นช่วงแห่งการชาร์จทุกสิ่งอย่างที่ต้องการจริงๆ ซึ่งถ้านอนเต๊นท์จะต้องเอาไปชาร์จที่โรงอาหารค่ะ ควรต้องพกปลั๊กพ่วงไปด้วยค่ะ เพราะถ้าคนเยอะๆก็จะไม่มีที่ว่างให้ชาร์จ แต่ของเราสบายค่ะ ชาร์จส่วนตัว นั่นแน่ เริ่มเห็นข้อดีของสองพันแล้ว หลังจากสี่ทุ่มจะเป็นเครื่องปั่นตัวเล็ก ทำให้เรายังคงเปิดพัดลมได้ แต่ถ้าชาร์จไฟมันจะกำลังไฟน้อยค่ะ (อันนี้เจ้าหน้าที่เค้าบอกค่ะ)

6 โมงครึ่งก็ไปกินข้าวเย็นกันค่ะ อาหารเย็นจะเป็นแบบชุดเซ็ทค่ะ พวกต้มผัดแกงทอด ประมาณนั้น ของที่เติมไม่ได้ก็คือ เมนูปลา กับ สัปปะรดค่ะ ผลไม้ทุกมื้อจะมีแค่สัปปะรดอย่างเดียวเท่านั้น ไม่ได้ถ่ายรูปอาหารมาเลยสักมื้อนะคะ สำหรับเรารสชาติธรรมดา ดูแล้วไม่ค่อยคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคาแพ็คเกจ ซึ่งไกด์จะมาดูแลค่ะ ยกอาหารมาให้ แต่พอทานเสร็จเราต้องเก็บจานชามด้วยนะคะ

โรงอาหารมีทีวีให้ดู 1 เครื่อง หลังจากทานข้าวเสร็จก็กลับห้องพักผ่อนค่ะ ง่วงมากกกก รู้สึกว่าจะหลับตอนยังไม่ 2ทุ่มเลยอ่ะ สำหรับสัญญาณโทรศัพท์มือถือ มีของ Dtac นะคะ Trueหายห่วงไม่มีแน่นอน แต่ AIS ไม่รู้ค่ะ ซึ่งก็ถือว่าเป็นผลดีอย่างนึง เพราะไม่มีใครโทรตามได้พักผ่อนเต็มที่

เช้านี้ไกด์นัด 7โมง มื้อเช้าวันนี้เป็นข้าวมันไก่ค่ะ ทานข้าวเสร็จประมาณ 9โมงก็ไปเจอกันที่ 200 เมตร เตรียมตัวไปดำน้ำหมู่เกาะสุรินทร์ค่ะ

จุดนี้ค่ะ 200 เมตร

นั่งเรือหางยาวไปนะคะ

จุดแรกช่วงเช้า อ่าวผักกาด กับ อะไรไม่รู้จำไม่ได้ กลางวันจะกลับไปกินข้าวที่หาดไม้งามนะคะ เป็นชุดเซ็ทเหมือนเดิม แล้วเค้าจะพาออกอีกทีตอนบ่ายสอง ไปจุดที่สอง เกาะหินซ้อน กับ อ่าวเต่า ซึ่งจุดแรกจะมีโอกาสเจอฉลามกับเต่าค่ะ ไกด์จะมีชูชีพผูกสายจูงไว้ลากเราไปด้วยค่ะ แต่บางคนเค้าก็ดำเองไม่ได้เกาะไกด์ แต่เราขอเกาะไกด์ไป อุ่นใจกว่า 55 พอไกด์เจอฉลามจะกระตุกเชือก แต่เราไม่เห็นแม้แต่เงาฉลาม สุดท้ายไกด์ส่งเราขึ้นเรือ แล้วไปว่ายหาฉลามมาให้เราจนได้ ส่วนจุดที่สองเราได้เจอปลาไหลมอเรย์ด้วยกำลังว่ายน้ำอยู่ที่ซอกหิน โชคดีมากที่เห็นอ่ะ แต่กล้องอยู่ที่ไกด์ เรากระตุกเรียกไกด์ พอไกด์ดำลงไปหาก็หาไม่เจอแล้ว แล้วก็กุ้งมังกรด้วย เห็นแต่หนวด

 

เป็นที่น่าเสียดายที่ปะการังฟอกขาวทั้งนั้นเลย ทำให้ท้องทะเลขาดสีสัน แต่ก็ทดแทนด้วยปลาขนาดใหญ่สีสันสวยงามมีหลากหลายสายพันธุ์ ซึ่งถ้าเป็นที่อื่นก็อาจจะไม่ได้เห็นแบบนี้ นับว่าก็เป็นอีกที่นึงที่สวยงามพอสมควรค่ะ

จากนั้นก็กลับหาดไม้งาม ทานข้าวเย็นแบบชุดเซ็ท ซึ่งวันพรุ่งนี้จะมีทริปดำน้ำและพาไปหมู่บ้านมอแกน แต่เราขอบายเพราะกลัวว่าจะกลับมาอาบน้ำไม่ทันค่ะ

เช้าวันรุ่งขึ้นตื่นมาพร้อมความชุ่มชื่นเย็นฉ่ำกับสายฝนที่โปรยปรายตลอดเวลา คิดว่าอืมก็ดีนะที่ตัดสินใจไม่ออกไปดำน้ำ แต่ถามไกด์เค้าก็บอกว่าก็ดำได้ พอเห็นอยู่ เราว่าทะเลมันคงเกินคาดเดาเนาะ หลังจากกินข้าวเช้าก็เดินเล่นถ่ายรูปหน้าหาดค่ะ ซึ่งหาดที่นี่ทรายนุ่มเท้าดีอ่ะ เดินแล้วไม่ยวบแบบไม่เมื่อยเท้าเลย จริงๆแล้วช่วงหน้าหาดก็ดำน้ำตื้นเล่นได้นะแต่เราไม่ได้ดำเล่นเลยไม่รู้ว่าจะเจอปลาอะไรบ้าง วันนี้ฟ้าครึ้มจริงๆค่ะ ถ่ายรูปออกมาก็ได้เต็มที่เท่านี้ละ

มองจากหน้าบ้านพัก สวย สงบ ร่มรื่น

หลังจากนั้นก็กินข้าวกลางวันและก็เช็คเอ้าท์คืนกุญแจบ้าน สัมภาระพี่ไกด์จัดแจงเตรียมขนย้ายไปที่ 200เมตรให้ค่ะ ส่วนเราก็แบกชูชีพกับหน้ากากติดตัวไปด้วย

บรรยากาศทางเดินระหว่าง 200 เมตรค่ะ

จุดรอเรือ

เรือจะออกตอนบ่าย 2 นั่งสปีดโบ้ทไปแวะที่ช่องขาดก่อน ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน เค้าให้แวะเดินเล่นก็เดินเล่นค่ะ ดีเหมือนกันจะได้เห็นว่าตรงช่องขาดเป็นยังไง ซึ่งที่นี่ก็จะมีบ้านพักของอุทยานหลายหลัง และเราว่าดูดีกว่าหลังที่เราอยู่มากเชียว และก็มีที่สำหรับกางเต๊นท์แต่เท่าที่ดูก็มีที่ไม่เยอะนะคะ หาดไม้งามจะมีเต๊นท์เยอะกว่า จะว่าไปที่หาดช่องขาดก็น่าอยู่เหมือนกันค่ะ

ที่นี่ก็น้ำใสมาก สวยค่ะ ตรงบริเวณนี้มีป้ายเตือนห้ามเล่นน้ำเนื่องจากเป็นช่องทางเดินเรือและกระแสน้ำแรงค่ะ แต่ถ้าอ้อมไปด้านหลังทางซ้ายมือของภาพ เล่นน้ำได้ค่ะ ซึ่งเค้าจะกั้นเชือกไว้ค่ะ

ฟ้ายังคงครื้ม และฝนยังคงตกปรอยๆตลอดเวลาค่ะ

หลังจากเดินเล่นได้ซักพัก คนเรือก็เรียกขึ้นเรือสปีดโบ้ทกลับฝั่งค่ะ ด้วยความขี้เกียจของเราอย่างมาก เราเลยเอาชูชีพกับหน้ากากไว้ที่เรือพร้อมกับสัมภาระ ซึ่งเค้าจะเอาไปขึ้นเรือใหญ่ตอนที่เราลงช่องขาดค่ะ เราคิดถึงชูชีพอย่างมาก เพราะว่าฝนตกคลื่นลมแรง เรือกระแทกโครมคราม ฟ้าก็มืด ทะเลก็มืด ยอมรับเลยว่ากลัว สำรวจในเรือแทบไม่เห็นชูชีพติดเรือเลย นับจำนวนคนบนเรือที่ไม่ใส่ชูชีพมีเกินครึ่งแน่นอน แล้วแบบนี้จะรอดไหมหว่า? เข็ดเลยถ้ามีครั้งหน้าเราจะไม่ขี้เกียจแบกชูชีพแน่นอน

และแล้วในที่สุดเราก็มาถึงฝั่งจนได้ ฝนก็ยังคงตกอย่างไม่ขาดสาย ถ้าใครออกไปดำน้ำทริปวันนี้เราแนะนำให้อาบน้ำให้เรียบร้อยตั้งแต่ที่เกาะนะคะ อย่าหวังมาอาบที่ออฟฟิศซาบีน่า เพราะวันที่เราไปมีคนจะมาอาบที่นี่แต่โชคร้ายน้ำไม่ไหล ไม่มีน้ำให้อาบเลยค่ะ แต่ได้ยินพี่มลบอกว่าบขส.มีห้องอาบน้ำ เราไม่ได้สำรวจว่าเป็นยังไงด้วยสิ หลังจากเรือใหญ่มาถึง เราก็รีบปรี่ไปหากระเป๋า และที่สำคัญ เสื้อชูชีพกับหน้ากาก เพราะก็จะมีของหลายคนที่ฝากมากับเรือใหญ่ พอหาของเราเจอก็นำไปคืนกับเจ้าหน้าที่ซาบีน่า เราก็ไม่เห็นเค้าจะเช็คอุปกรณ์อะไรนะคะ ไม่เห็นเช็คด้วยว่าเป็นของใครส่งคืน หลังจากนั้นทางซาบีน่าก็มีรถตู้ไปส่งที่บขส.คุระบุรีค่ะ เราถึงบขส.ประมาณ 5โมงเย็น เจ้าหน้าที่ซาบีน่าเค้ามาเคลียร์เรื่องตั๋วรถกลับให้ค่ะ เราได้รถทัวร์ลิกไนท์เหมือนเดิมรอบ 6โมง15นาที ซึ่งเจ้าหน้าที่จะย้ำมากว่ารถตรงเวลานะคะ ถ้าไปไหนให้กลับมาที่นี่ก่อน 6โมง

ฝากกระเป๋าไว้ที่ห้องขายตั๋วได้เลยค่ะ แล้วก็ออกไปสำรวจพื้นที่แถวนั้นหน่อย ข้ามถนนไปจะมี 7-11 ร้านขายยา แล้วก็ข้ามกลับมากินข้าวร้านอาหารตามสั่งหน้าบขส.นั่นแหละค่ะ เราเห็นว่าจะ 6โมงแล้วก็เลยว่าจะไปแปรงฟัน แต่รถดันมาซะก่อน ซึ่งรถก็มาตรงเวลาจริงๆค่ะ มา 6โมงนะคะ ย้ำค่ะ รถมา 6โมงจอดแปปนึง พอขึ้นรถครบก็ออกเลยค่ะ

Blogนี้ยาวนิดนึงเนาะ แต่คิดว่าอยากให้คนที่หาข้อมูลเผื่อใครกำลังสนใจแวะมา อ่านเก็บไว้เป็นแนวทาง หรือใครมีคำถามอะไรที่เราพอจะตอบได้ ก็ถามมาได้นะคะ ยินดีตอบค่ะ

เอาล่ะ มาสรุปค่าใช้จ่ายและความประทับใจกันดีกว่า

ค่าแพ็คเกจ ต่อคน 6,700x2คน=13,400 หักค่าเต๊นท์คืนละ 300x2=600 คงเหลือ 12,800 บาท

ค่ารถทัวร์ขาไป(มีบวกค่าประกันด้วย) 737x2=1,474+ค่าบริการ 20=1,494 บาท

ค่ารถทัวร์ขากลับ 707x2=1,414 บาท

ค่าบ้านพัก 2,000x2คืน= 4,000 บาท

ค่าแท๊กซี่ไปกลับบ้านสายใต้ใหม่ = 400 บาท

ค่าข้าวขนมของฝาก = 800 บาท

รวมทั้งสิ้นประมาณ 20,900/2คน ตกคนละ 10,450 บาท

ความประทับใจ(ส่วนตัวนะคะ บางคนอาจประทับใจแตกต่างกัน)

การบริการของซาบีน่าทัวร์เราคาดหวังไว้มากกว่านี้ค่ะ ซื้อแบบจอยกรุ๊ปน่าจะดีกว่า ประหยัดเงินกว่าเยอะด้วยค่ะ

สภาพบ้านพักคือสภาพโทรมและน่ากลัวค่ะ แต่เนื่องจากมันไม่ร้อนตอนนอน มันนอนสบายเพราะได้นอนเตียง มันเป็นส่วนตัวจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก็สะดวกสบาย ชาร์จไฟได้เต็มที่ของตัวเอง และที่สำคัญ คืนวันกลับพายุฝนเลยค่ะ ลมแรงมากซึ่งบ้านก็กันฝนให้เราหลับได้อย่างสบายไร้กังวล เราถึงรู้สึกคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปค่ะ

ทะเลและจุดดำน้ำ ทะเลสวยมากต้องยอมรับเลยค่ะว่าน้ำใสหาดสวยจริงๆ และปลาก็ตัวใหญ่และหลากหลายมาก ถึงแม้แมงกะพรุนจะลอยไปลอยมา แต่ก็ไม่มีหอยเม่นให้หวาดกลัว และได้เห็นปลากระเบนก็คุ้มค่ามากมาย แต่ที่น่าเสียดายคือปะการังฟอกขาวค่ะ เรายังนึกเสียดายว่าทำไมเราถึงไม่ออกไปดำน้ำตั้งแต่ 10ปีที่แล้วตอนที่ทะเลมีความอุดมสมบูรณ์มากกว่านี้ ไม่รู้อีกกี่ปีถึงจะฟื้นตัวนะคะ

ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ ลากันไปด้วยภาพนี้แล้วกันค่ะ เราไม่คิดว่าจะได้เห็นของจริงแบบนี้ ไปทะเลก็ช่วยกันรักษาความสะอาดนะคะ บายค่ะ

 

 

 

 

 




Create Date : 16 เมษายน 2557
Last Update : 17 เมษายน 2557 21:31:35 น.
Counter : 1129 Pageviews.

1 comment

กะทิหวาน
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



Don't judge a book by its cover
  •  Bloggang.com