>> วันเสาร์ 23 ก.พ. 56

อาหารเช้าเปิดตั้งแต่ 7โมง เป็นแบบบุฟเฟต์ปกติ มีไข่ ขนมปังไส้กรอก ข้าวต้ม ผลไม้

ไกด์นัดเวลาไปดำน้ำ 9 โมง แต่อากาศวันนี้ ครึ้มมาก เฮ้อ ดำน้ำมันต้องแดดจัดๆ ข้างล่างจะได้ชัดๆแอบเสียดายอ่ะ

(^^) เกาะหินซ้อน รอยแยกตอนนี้แยกอย่างสมบูรณ์ จุดนี้ไม่ได้ลงดำน้ำ

(^^) จุดที่สอง

(^^) ขึ้นจากน้ำ เปลี่ยนสภาพกลายเป็นผีผ้าเช็ดตัวไปแล้วหนาวม๊าก

(^^) เกาะรอกลอย (มีป้ายเลยจำได้ 55) น้ำใสมาก สวยอ่ะ แต่ก็เล่นแปปเดียว

หาดทรายขาวเกาะราวี ไปทานข้าวกลางวันเติมพลังกันหน่อยไกด์ถามเมนูไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เราสั่งข้าวผัดหมูไข่เจียว หมูกระเทียม ผลไม้ก็มีแตงโม หั่นให้เรียบร้อย

(^^) ไกด์บอกว่าจุดถ่ายรูปของที่นี่คือขอนไม้ที่ยื่นออกไปในทะเล

ที่เห็นสีน้ำออกเขียวๆ น้ำยังไม่ค่อยตื้นเท่าไหร่แต่ที่เห็นใสๆ เป็นจุดดำน้ำตื้น (จำไม่ได้ว่าตรงไหน) น้ำตื้นมากตื้นจนเสียวกลัวโดนหอยเม่นทิ่มพุง

(^^) อุตส่าห์ดั้นด้นมาไกลถึงนี่ แล้วเราก็หากันจนเจอ

(^^) ปะการังเจ็ดสีที่ร่องน้ำจาบัง น้ำเชี่ยวมาก คลื่นแรงสุดๆขนาดมีเชือกให้เกาะ ยังเอาแทบไม่อยู่

(^^) จุดสุดท้ายของวันนี้ เกาะหินงามไปเรียงหินแบบที่คนอื่นเรียงกัน คนอื่นเรียง 13 เค้าเรียง 9 ชั้น เค้าคิดเองว่าต้องเป็น 9 แต่มันไม่ใช่ 55

(^^) อาหารเย็นมี ปลามง(อีกแย้ว)ราดซอสเปรี้ยวหวาน ผัดผักน้ำมันหอย ต้มยำ กุ้งย่าง ผลไม้

ไกด์แนะนำร้านพิซซ่าร้านนี้ค่ะ บวกกาแฟชักร้านเดิม

>> วันอาทิตย์ 24 ก.พ. 56

ทานข้าวเช้าแบบบุฟเฟ่ต์เหมือนเดิม เช็คเอ๊าท์ 9 โมง อากาศครึ้มดี ฝนตกตั้งแต่เมื่อคืน ตอนเช้าก็ลงเม็ดบ้างนึกถึงคนที่ต้องออกไปดำน้ำวันนี้ วันที่ฝนลง เศร้าแทนค่ะ

นี่ค่ะ ไกด์ทั้ง 2คน

สนามบินหาดใหญ่ คือบ้านหลังที่สองเรานั่งที่นั่นตั้งแต่ประมาณเที่ยง ยาวไปจนถึง 2ทุ่มกว่า จริงๆไฟลท์กลับประมาณทุ่มกว่า แต่แอร์เอเชียเจอโรคเลื่อนเล่นงานแต่ยังดีนะที่ขากลับเครื่องไม่ค่อยตกหลุมเหมือนขาไป ถึงกทม.โดยสวัสดิภาพจ้า....

สำหรับใครที่สนใจอยากไปเที่ยว ขอแนะนำตามความเห็นส่วนตัวนะ

ข้อ 1

เรือออกจากปากบาราประมาณ 11 โมงครึ่ง นั่งเครื่องใช่มั้ยหาไฟลท์ที่ถึงหาดใหญ่ตอนสักประมาณ 8 โมง จะได้ไม่ต้องนอนหาดใหญ่

ขากลับต้องจองหลังบ่าย 3 ไปแล้ว เพื่อความชัวร์

แต่...ถ้าอยากหาที่กิน หาที่เที่ยวในหาดใหญ่ ก็เชิญตามสบายเลยจ้าตัดปัญหาเรื่องเวลาไปได้เลย

ทีนี้ ก็ต้องหาที่พัก ซึ่งเรา Recommend ที่ TheHouse สะอาดมาก

ที่เที่ยวในหาดใหญ่อันนี้ขอผ่านเพราะไม่ได้เตรียมจะไปเที่ยวในหาดใหญ่เลย

ข้อ 2

ร้านโชคดีแต่เตี๊ยม เป็นร้านดัง แต่เราไม่ได้ไปและไม่เคยกินที่ไม่ได้ไปเพราะเราอยู่ใกล้ อารีย์แต่เตี๊ยมมากกว่า ซึ่งรสชาติสำหรับคนที่ไม่เคยกินเลยก็ถือว่า อร่อยพอสมควร เราไม่รู้ว่าเค้าเริ่มทานกันตั้งแต่กี่โมงแต่ที่เราไปนั่งจนถึงประมาณ 7โมงกว่า ยังไม่มีใครเข้าร้านเลยร้านเปิดขายตั้งแต่เช้า จนถึง 11โมงค่ะ

ข้อ 3

นั่งสปีดโบ๊ท อย่านั่งตรงกับช่องรอยต่อหลังคา แดงส่องทะลุลงมา ขากลับให้นั่งฝั่งขวามือของตัวเอง(ตอนเดินลงเรือ)หรือฝั่งซ้ายของเรือ(หันหน้าไปทางหัวเรือ) จะได้ไม่โดนแดดค่ะ

ข้อ 4

เราเคยไปดำน้ำที่นางยวนแล้วเมาเรือค่ะทำให้การดำน้ำของเราหมดสนุกไปเลย แต่ครั้งนี้เรากินยาแก้เมาเราไม่รู้หรอกนะว่ามันช่วยได้มั้ย ไม่แนะนำให้ทำตาม เพียงแค่จะบอกว่าเราไม่เมาเรือค่ะ

แต่ทั้งนี้ ยังมีคำถามในใจว่าที่นางยวนไม่ค่อยได้ใช้ชีวิตบนหาดเท่าไหร่ และเรือเป็นเรือประมงลำใหญ่ส่วนที่หลีเป๊ะ มีโอกาสได้เดินเล่นบนหาดเยอะ ทานข้าวเที่ยงบนหาดและเรือเป็นเรือหาง

ข้อ 5

คนที่ว่ายน้ำไม่เป็น ไม่ต้องกลัวนะค่ะ  ไกด์บริการแสนสบายค่ะ เพียงแค่คุณใส่เสื้อชูชีพ แล้วเกาะห่วงยางให้มั่น พี่ไกด์เค้าจะลากคุณไปเอง

แต่...ข้อเสียของมันก็คือ คุณจะผ่านบางจุดเร็วไปหน่อยค่ะหากคุณถ่ายรูปใต้น้ำด้วย อาจจะทำให้คุณพลาดบางช็อทได้ค่ะ

อยากได้ภาพตรงไหนใกล้ๆ เค้าจะดำลงไปถ่ายรูปให้ แต่ส่วนใหญ่เราถ่ายเองนะ

ข้อ 6

รองเท้า เป็นสิ่งสำคัญมาก เมื่อคุณจะก้าวเข้าสู่ เกาะหินงาม

และอย่าลืมว่า เรียงหิน 13 ก้อนโดยไม่หล่นภายในครั้งเดียว แล้วอธิษฐานขอพร (สงสัยเราต้องไปใหม่อีกซักรอบนะเนี่ย)

ข้อสุดท้ายแระ

ด้วยความที่ขี้เกียจลากกระเป๋าใบโต เราเลือกรอที่สนามบิน 

ขากลับที่จะออกจากรีสอร์ท สั่งข้าวกล่องเลยค่ะ เพราะจะไปสั่งที่ปากบาราไม่ทันขึ้นรถตู้แน่นอน ครั้นจะไปนั่งกินที่สนามบิน เอิ่มมม มันไม่อร่อยอ่ะแล้วมันก็แพงด้วย

สรุปค่าเสียหายคร่าวๆ

ค่าตั๋วเครื่องบิน 2 คน 4,074 บาทจองได้โปรขาเดียว อีกขาไม่โปรแต่ไม่แพง

ค่าแพ็คเกจ 2 คน จองในงานททท.ได้ส่วนลด 5% 13,240 บาท

ค่าที่พัก The House 570 บาท (มัดจำกุญแจ 1,000 บาทคืนตอนเช็คเอ๊าท์)

ค่าอาหารการกิน ซื้อของฝาก อื่นๆ ประมาณ 2 พันกว่าบาท

จบแล้วค่ะ เจอกันใหม่ทริปหน้านะค่ะ^^

เที่ยวเมืองไทย คุณไม่ไป คุณไม่รู้

ภาพถ่ายไม่มีทางสวยเท่าคุณเห็นมันด้วยตาและสัมผัสมันด้วยหัวใจ

(^^) บ๊ายยยยยยยยยย